วิวาห์ร้อน แต่งผิดรักจริง

ตอนที่ 57 เต้นราทําเงิน



ตอนที่ 57 เต้นราทําเงิน

เมื่อภาวิณีสัมผัสได้ว่าอารมณ์ของวัดสาไม่ปกติ จึงแสร้งพูดขึ้น ด้วยความเป็นห่วง “พี่วังสา ดูท่าคุณธัชชัยจะให้ความสำคัญกับ พี่สะใภ้คนนี้มากๆนะคะ ดูสิว่าเป็นห่วงพี่ขนาดไหน

พี่สะใภ้” สองคำนี้เหมือนเป็นก้อนหินที่ทุ่มลงมาในใจวัลสาจน แตกสลาย จากอารมรีที่ขุ่นมัวอยู่แล้วตอนนี้ยิ่งหม่นหมองเข้าไป ใหญ่

จุดมุ่งหมายของภาวิณีก็เพื่อเตือนไม่ให้วัจสาทำเรื่องที่ออก นอกนอกลู่นอกทาง อย่าใช้ฐานะพี่สะใภ้มาให้ท่าธัชชัยอีก

ใบหน้าขาวๆของวัดสายิ่งซีดลง แต่เพื่อในการไม่ให้ภาวิณี มองออก เธอจึงพูดขึ้น “ธัชชัยคุณอย่าคีบอาหารให้ฉันบ่อยๆ แป้งมันม่วง ภาวิณีชอบกินมาก คุณเอาให้เขาอีกหน่อยดีกว่า ถือว่าเป็นการเชื่อมความสัมพันธ์อันดี

ยังไม่ทันให้ธัชชัยมีปฏิกิริยาอะไร เธอก็หันมาพูดกับภาวิณีต่อ “ภาวิณี เธอคิดว่าธัชชัยเป็นยังไงบ้าง? เขาดีไปเลยใช่ไหม ตอน นี้เขากับพี่กำลังเคร่งเครียดเรื่องธุรกิจใหญ่กันอยู่ เธอพอจะมีผู้ หญิงแนะนำให้เขาหน่อยไหม? นิสัยอ่อนโยน ใจดีก็โอเคแล้ว ฉันว่าอย่างภาวิณีนี่ก็ดีเลยนะ”

เมื่อตอนที่วัจสาพูดนั้น เธอแสดงออกท่าทีว่าเป็นพี่สะใภ้อย่าง ชัดเจน จนภาวิณีอึ้งไป เธอไม่คิดว่าจสาจะเป็นแม่สื่อให้เธอกับ ธัชชัย แต่ธัชชัยยังคงเย็นชาเหมือนเดิม สีหน้าเคร่งขรึม ทำให้เดาได้ไม่ยากว่าวินาทีต่อมาจะโมโหขึ้น

วัจสาตั้งใจจะทำให้เขาลำบากใจเหรอ? เมื่อภาวิณีคิดเช่นนี้ ในใจเธอก็ไม่พอใจขึ้นมา ตอนนี้วจสาเป็นเพียงผู้หญิงด้วย โอกาสในสายตาเธอไปแล้ว

“จากคุณสมบัติของคุณชายรอง ไม่ต้องแนะนำก็น่าจะมีสาว มาให้เขาเลือกมากมาย” ภาวิณีตอบแบบติดตลก พลางพูดเชิง ลองใจต่อ “ขนาดวังสา ยังรู้สึกว่าคุรธัชชัยเขาไม่ใช่เหรอ คะ?”

วัจสาไม่คิดว่าภาวิณีจะแตะ “บอล” ลูกนี้มาให้เธอ เอไม่รู้ว่าจะ ตอบอย่างไรดี ทไมภาวิณีจึงถามอย่างนั้น? หรือเธอจะสัมผัส อะไรได้?

ธัชชัยก็ค่อนข้างสนใจในคำถามนี้ สายตาเป็นประกายนั้น มองไปที่วัจสา แล้วเล่นอุปกรณ์การกินในมือ รอให้วัจสาตอบ คําถามนี้

ตอนนี้วจสายากที่จะถอยกลับแล้ว เธอร้อนรนราวกับเป็นมด ในรังร้อน ไม่รู้จะตอบคำถามอย่างไรดี

ถ้าหากยอมรับ ก็จะผิดแผน ถ้าหากไม่ยอมรับ ก็เหมือนเธออุป

โลกเรื่องขึ้น

สุดท้ายก้นึกออกว่าจะตอบอย่างไร “สำหรับการเป็นคนที่ เก่งกาจและเคารพผู้อื่นนั้น ฉันก็ชอบและนับถืออยู่แล้ว”

คําตอบของวังสาทำให้ภาวิณีสงสัย แต่นั่นทำให้สีหน้าของรัชชัยเคร่งเครียดขึ้น ผู้หญิงคนนี้ชอบหาว่าเขาไม่เคารพผู้อื่น นั่น หมายความว่าคนที่เธอนับถือนั้นไม่ใช่เขา?”

แล้ววจสาก็พูดต่อ “ก้เหมือนกับคนเก่งกาจอย่างวรพล ฉันทั้ง เคารพและนับถือเขา ถึงแม้ว่าไฟจะออกจนหน้าของเขาเสียโฉม แต่ก็ไม่กระทบกับสิ่งที่อยู่ภายในของเขา ในงานเลี้ยงผู้ถือหุ้น ครั้งก่อนนั้น เขาใช้ความสามารถตัวเองในการพลิกวิกฤติ ผู้ชาย แบบนี้จึงเป็นผู้ชายในดวงใจแบบที่เธอต้องการ อยากจะใช้ชีวิต อยู่ด้วยไปตลอดชีวิต”

วัจสาพุด พลางนึกถึงวรพลที่นอนอยู่บนเตียง และที่เขาไม่ยอม ให้เธอเข้าไปข้างใน ก็เริ่มรู้สึกเศร้าขึ้นมา จนน้ำตาไหลออกมา แต่เธอไม่ชอบที่จะแสดงความอ่อนแอต่อหน้าผู้อื่น โดยเฉพาะต่อ หน้าธัชชัย เธอจึงหาข้ออ้างออกจากโต๊ะอาหารไป

“ขอโทษด้วยค่ะ ฉันขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อน” พูดจบเอก็รีบ เดินไปที่ห้องน้ำใต้บันได

หลังจากที่ธัชชัยทางอาหารเช้าเสร็จ ก็ขึ้นไปดูวรพลที่ห้อง บำบัดชั้นสอง นึกถึงอารมและค่าพูดที่เธอพูเมื่อกี้ มันแทรกซึม เข้าไปในจิตใจเขา วังสานับถือ “สามีของเธอที่สามีพลิกวิกฤติ กลับมาได้ นั่นก็หมายถึงตัวเขานั่นเอง แต่สายตาเธอที่เป็นห่วงพี่ ชายของเขนั้นไม่เคยหลอกลวง

สําหรับภาวิณีนั้น ชชัยก็ไม่ได้พูดอะไรกับเธออีก เธอก็รู้สึก หมดอารมณี ที่จะอยู่ที่นี่ต่อไปเหมือนกัน ยังไม่ทันที่วังสาจะออกมา เธอก็ขอตัวกลับไปก่อน

อาการของวรพลยังคงเป็นเหมือนเดิม เขาไม่ยอมกินยารักษา

ตัวเอง อาการก็ไม่มีทางดีขึ้น อาการก็ยังคงเป็นแบบเดิมทุกวันๆ วรพลตั้งใจจะหัชชัยออกไปก่อน แล้วเหลือป้าอ้อยไว้

“ป้าอ้อย แผนการครั้งก่อนเป็นอย่างไรบ้าง?” ตอนนี้วรพลจะ พูดอะไรก้ยังลำบาก เขาทรมานเหมือนมีไฟร้อนมาอยู่ในคอของ เขา

ป้าอ้อยเหียสภาพของเขา น้ำตาก็แทบไหลออกมา พยายาม ปรับอารมณ์แล้วจึงตอบ “ฉันลองคำนวณเวลาดูแล้ว อีกประมาร สี่วันจะเป็นช่วงเวลาตกไข่ของคุรนาย ถ้าหากช่วงนั้นได้อยู่ใน ห้องสองต่อสองกับคุณชายรอง ก็มีโอกาสที่เธอจะตั้งครรภ์ คุ รนายแกเป็นคนเชื่อฟัง ร่างกายของทั้งสองก็แข็งแรง สำเร็จแน่ๆ

ป้าอ้อยเล่าแผนการให้วรพลฟังหลังจากที่เธอคำนวณมาหมด แล้ว เพียงแค่ครั้งนี้วางแผนอย่างรัดกุม ก้จะไม่เสียเรื่องแน่นอน และถือเป็นการทำตามที่คุณชายใหญ่หวังเอาไว้

“ดีมาก ยังมีอีกกี่วัน… ใกล้แล้วสิ… ครั้งนี้ห้ามให้ธัชชัยหนีไป ได้อีก… แผนการของเราห้ามมีช่องโหว่เป็นอันขาด

วรพลรู้ดีว่าอาการตัวเองนับวันยิ่งแย่ลง เขาจึงพยายามรีบให้ วัจสามีลูกกับธัชชัย ให้ตระกูลศรีทองได้มีทายาท ถึงเขาตายไปก็ ถือว่าสู้หน้าบรรพบุรุษได้แล้ว
ไม่อยากจะรอแม้แต่วินาทีเดียว ทุกวินาทีนั้นทรมานเหลือเกิน

ต่อให้ตอนนี้วจสายังคงเข้าไปในใจที่เต็มไปด้วยความโกรธ แค้นของธัชชัยไม่ได้ แต่ธัชชัยเป็นเด็กดี เขาทำหน้าที่พ่อได้ดี อย่างน้อยครึ่งหนึ่งในความคิดเขาก็ต้องนึกถึงครอบครัว ความ โกรธแค้นเหล่านั้นก็จะค่อยๆมลายหายไป

ป้าอ้อยมองดูวรพลที่วางใจไปแล้วครึ่งหนึ่ง ไม่รู้ว่าเป็นเรื่องที่ ดีหรือร้าย เธอกลัวว่าคุณชายใหญ่จะจากไปแบบไม่มีเรื่องผูกมัด จริงๆ “คุณชายใหญ่คะ ช่วงนี้ฉันจะตุ้นยาบำรุงมาให้ท่านบำรุง ร่างกาย แต่ท่านเองก็ต้องดูแลตัวเองด้วยนะคะ แผนการทั้งหมด ยังต้องให้คุรสั่งการต่อไปค่ะ”

วรพลรู้ว่าป้ายอ้อยกำลังกังวลเรื่องอะไร จึงพูดด้วยเสียงต่ำ “ป้าอ้อย แต่ไหนแต่ไรมา ก็ลำบากป้ามาตลอด ป้าดูแลผมมาแต่ เล็กจนโต มีหลายครั้ง ที่พวกเรานั้นสนิทกับป้ามากกว่าใครๆ ไม่ใช่เหรอ? ดังนั้นก็ไม่ต้องห่วงนะ ผมรู้ดีว่าต้องทำอย่างไร ไม่ ต้องลําบากป้าแล้วช่วงนี้

ป้าอ้อยได้ยินที่วรพลพุดด้วยแรงที่เหลืออันน้อยนิด เพียงแค่ อยากให้เขาได้พักผ่อน “ไม่ลำบากเลยค่ะ นี่เป็นสิ่งที่ฉันควรทำ แค่คุรชายใหญ่กับคุณนายสบายดี ฉันก็ดีใจ บอกตามตรงนะคะ ฉันก้ค่อนข้างชอบวังสานะคะ”

ป้าอ้อยพูดพลางลุกขึ้นเตรียมจะออกไป “งั้นคุณชายใหญ่พัก ผ่อนเถอะค่ะ ฉันขอตัวก่อนนะคะ

ตกเย็น วังสารบดทรศัพท์สายหนึ่ง เป็นแวววัยจากสถานรับเลี้ยงนั่นเอง

เสียงจากปลายสายดังขึ้นมา “วังสา คืนนี้เธอว่างไหม?”

“ทำไมเหรอ?” เดิมที่วังสาจะเขียนวิทยานิพนธ์ เพราะเมื่อกี้ เริ่มมีอารมณ์จะทำ

“ไปเป็นคู่เต้นกับฉันหน่อย

“อะไรนะ!? คู่เต้น? เอจะแอบคุณคนตาไปเต้นงั้นเหรอ?” วังสา พูดเสียงดัง

ทำให้แวววัยที่อยู่ปลายสายตกใจ ต้องห้ามเธอเอาไว้ “เธอ พูดเบาๆหน่อย! ตอนนี้ฉันอยู่ด้านนอกสถานรับเลี้ยง ถ้าหากคุณ ดนิดาหรือเรวัตได้ยินเข้าจะซวยเอา”

วันสาพูดอย่างหมดอารมณ์ “เธอกลัวด้วยเหรอ? แล้วยังจะไป ทําไมล่ะ!”

แววัยรู้สึกเหมือนอยากจะร้องไห้ “เธอคิดว่าฉันอยากเหรอ? ฉันเป็นเพียงเด็กจากครอบครัวจนๆ ไม่ได้มีแฟนเป็นเศรษฐีอย่าง เธอ ล้อรถเขาอันเดียวก็เท่ากับค่ากิน ใช้ฉันทั้งปีแล้ว”

วังสาอยากจะพูดขึ้นมา แต่แวววัยพูดขึ้นก่อน “วังสา เธอช่วย ฉันหน่อยนะ แค่ครั้งเดียวเอง พวกเราไม่โดนจับได้ก็พอแล้ว ไม่ใช่เหรอท เมื่อก่อนเธอก็เคยไปกับฉันนี่? จะเปิดเทอมแล้ว ฉัน ยังหาค่าเทอมได้ไม่ครบเลย

เป็นเพราะปัจจัยต่างๆ ในตัวแวววัย ทำให้เธอขอทุนในการเล่า เรียนได้ แต่ด้วยนิสัยของเธอ ไม่ยอมให้คุณดนิตาไปทำเรื่องขอทุนให้ ดังนั้นทุกครั้งที่ปิดเทอม เธอทั้งไปช่วยงานที่สถานรับเลี้ยง และหาเงินค่าเทอม

Richbaby เป็นสถานบันเทิงที่ใหญ่ที่สุดในเมืองเอส เงินค่า ตอบแทนที่จ่ายกต่างจากที่อื่น เต้นที่นั่นคืนหนึ่งได้ตั้งหนึ่งพัน ก็ สามารถทำให้ค่าเทอมครบได้เลย แต่ที่นั่นค่อนข้างมั่วสุม และ ไม่ใช่สถานที่ปลอดภัยอะไร

พูดถึง ค่าเทอมของวัดสาเองก็ยังไม่ครบเลย มีเดิมที่เอเก็บไว้ เอง แต่ช่วงนี้มีเรื่องเด็กเม็ดเลือดขาวนั้น ทําให้เธอไม่มีเงินติดตัว เลย

และจะไปขอคุรอาที่บ้านเดิมขุนทดบ่อยๆไม่ได้หรอกใช่ไหม? ไม่ต้องพูดถึงว่าน่าจะเยาะเย้ยหรืออะไร แต่เป็นเพราะเธอไม่ อยากจะขอเอง หญิงสาวที่แต่งงานออกไปแล้ว ก็เหมือนน้ำที่สาด ออกไปแล้ว เธอก็เหมือนกับน้ำพวกนั้น

แล้วยิ่งมีบทเรียนก่อนหน้านี้ ยิ่งทำให้เธอไม่กล้าไปขอเงินช

ชัย ดังนั้นคิดไปคิดมา ก็มีแตออกไปเต้นกับแวววัยเท่านั้น

เมื่อเห็นว่าวจสาเงียบไปนาน แวววัยกรู้ว่าเธอกำลังสนใจ จึง พูดเสริมเข้าไปอีก แต่เปลี่ยน “ถ้าหากตอนนี้ไม่ได้ ฉันหาคนอื่น ก็ได้ คุณนายอย่างเธอคงไม่อยากจะเปลืองตัว ฉันคงถามผิดคน จริงๆ”

“แวว เธอกำลังพูดอะไรกัน? ฉันยังไม่ได้บอกเลยว่าจะไม่ไป ค่าเทอมของฉันก็ไม่พอเหมือนกัน ไปกันเถอะ เธอติดต่อคนทาง นั้นไว้แล้วรึยัง?” วัจสาถาม เรื่องที่เธอจะไปเต้นนั้น ทางที่ดีคือไม่บอกใครให้รู้

“บ้าจริง? ฉันฟังผิดไปรึเปล่า? คุณนายจสาเนี่นะค่าเทอมไม่ พอ? แล้วแฟนเศรษฐีของเธอล่ะ? ไม่ขอเงินเขาล่ะ?”

ถึงแม้ว่าจะเจอธัชชัยเพียงไม่กี่ครั้ง แต่มองดูแล้ว เขาก็ไม่น่า ใช่คนขี้เหนียวอะไร ครั้งก่อนที่กินข้าวนอกจากจะจ่ายคืนพวกเขา แล้ว ยังบริจาคให้สถานรับเลี้ยงอีกตั้งหลายล้าน นี่สิเศรษฐีตัว จริง สถานรับเลี้ยงได้เงินจากเขา ทำให้ความเป็นอยู่ดีขึ้นตั้งเยอะ เด็กตั้งหลายคนก็ได้รับการผ่าตัด”

วังสาไม่รู้ว่าจะบอกแวววัยผ่านโทรศัพท์ยังไง แต่เงิน โทรศัพท์เธอใกล้จะหมดแล้ว จึงบอกไปเพียงว่าค่อยเล่าให้ฟัง ตอนเจอหน้า แล้วก้ถามเวลา เตรียมหลบหน้าพ่อบ้านภูษิตกับป้า อ้อยก่อน และที่สำคัญคือธัชชัย แล้วค่อยออกมาจากบ้าน


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ