วิวาห์ร้อน แต่งผิดรักจริง

ตอนที่ 60 ตัดมือของผู้ชายคนนี้



ตอนที่ 60 ตัดมือของผู้ชายคนนี้

เฟอร์รารี่สีดำแล่นออกจากRichbabyด้วยความรวดเร็ว ขับไป ตามไฟข้างทางมุ่งสู่บ้าน

วัดสานั่งนิ่งอยู่บนรถ ไม่พูดซักคำ กลัวว่าจะพูดอะไรผิดไป แล้วเขาจะบ้าคลั่งขึ้นมาอีก เงยหน้าขึ้นมาดูวิวข้างทางเป็นระยะๆ บนกระจกนั้นสะท้อนเงาใบหน้าเย็นชาของชายหนุ่มรูปงาม

วัสสานิ่งไป เขาคงรู้สึกขายหน้าสินะ? เป็นถึงคุณนายตระกูล ศรีทอง แต่ลดตัวลงไปเต้นแร้งเต้นกา

เธอไม่คิดว่าที่Richbabyจะมั่วสุมขนาดนั้น ทั้งๆ ที่เป็นสถาน บันเทิงขนาดใหญ่ แต่ความปลอดภัยนั้นเป็นศูนย์

พูดได้ว่าวจสาไร้เดียงสามาก สถานที่พวกนี้ เป็นที่ๆพวกผู้ชาย ไปตามหาความสนุกกันไม่ใช่เหรอ? หากคนไม่เกี่ยวข้องเข้าไปก็ อาจจะโดนรังแกได้ง่าย ถ้าธัชชัยมาไม่ทันเวลา เธอกับแวววัย ไม่รู้ว่าจะเป็นตายร้ายดียังไงบ้าง ไม่แน่ว่าอาจจะโดนคนพาไป แล้วก็พรากความบริสุทธิ์ของพวกเธอไป…..

แต่พอนึกถึงแวววัย ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตอนนี้เธอเป็นยังไงบ้าง พนักงานเจ้าเล่ห์คนนั้นพาเธอไปส่งโรงพยาบาล หรือไม่ก็โดนธัช ชัยพาไปห้องน้ำ แล้วทำเรื่องพวกนั้น…..

ตอนที่แวววัยอยู่บนเวที เท้าและหลังเธอได้รับบาดเจ็บ ส่วน ตรงอื่นเธอก็มองไม่ค่อยชัดเท่าไหร่ ตอนนั้นมันวุ่นวายมาก ก็เลยมองไม่ชัดว่าเธอบาดเจ็บตรงไหนบ้าง

ในตอนที่กำลังคิดอยู่นั้น วันสาก็หยิบโทรศัพท์ออกมาจากใน กระเป๋า กดเบอร์ๆหนึ่งแล้วโทรออก ปลายสายได้ยินเสียงผู้หญิง ที่เย็นชาอยู่ วัดสาก็รู้ทันทีว่าตัวเองหมดหนทางแล้ว นี่มันคือการ สื่อสารของแวมไพร์

ดวงตากลมโตของเธอค่อยๆหลุบลง ทันใดนั้นก็เห็นธัชชัยวาง โทรศัพท์ไว้บนพวงมาลัย แต่สุดท้ายเธอก็ไม่กล้าเอ่ยปากถาม ผู้ชายคนนี้

หลังจากนั่งเงียบๆไปซักพัก วัดสาก็รู้สึกอยู่ไม่สุก เธอยังรู้สึก เป็นห่วงแวววัยอยู่ เธอเป็นผู้หญิงดื้อดึงมาก เธอมีความอดทนสูง สูงยิ่งว่าวัสสาอีก ดังนั้นตอนนี้วันสาเลยกังวลว่าเธอจะทำกำลัง กัดฟันอดทนอยู่เพียงลำพัง

สายตามองไปยังโทรศัพท์เครื่องนึง แล้วสุดท้ายก็ยื่นมือไป หยิบมันมา

ไม่ควรจะเกรงใจผู้ชายแบบนี้ แค่ให้สีเขาไปสามสีก็สามารถ เปิดโรงงานย้อมผ้าได้แล้ว ดังนั้นวัสสาจึงหยิบโทรศัพท์มาแบบ ไม่บอกกล่าว ยิ่งอ่อนโยนกับธัชชัยยิ่งเท่ากับเปิดโอกาสให้เขา รังแกเธอได้มากขึ้นเท่านั้น พิสูจน์จากอดีตที่ผ่านมา

ความรู้สึกอุ่นๆจากนิ้วคน เธอรู้สึกไม่ค่อยสบายร่างกาย พอ คิดเช่นนี้วจสาก็อยากจะกำจัดรอยมือของผู้ชายคนนี้ไปให้หมด สิ้น

ธัชชัยมองวจสาด้วยความสงสัย อยู่ดีๆผู้หญิงคนนี้ก็เป็นอะไรขึ้นมา? อะไรก็ไม่พูด อยู่ๆก็หยิบโทรศัพท์เข้าไป “เธอจะทำอะไรอีก? อยากจะกลับไปรูดเสาต่อนั้นเหรอ?”

หลังจากได้ยินผู้ชายคนนี้พูดจาเหยียดหยาม แต่วจสาก็ไม่ได้ ตอบโต้ ถ้าไม่ได้ถูกบังคับแต่งงาน เธอจะตกลงมาอยู่จุดนี้เหรอ? ถ้านิสัยเขาไม่ได้แย่ขนาดนี้ เธอจะออกมาเต้นกินรำกินงั้นเหรอ?

แล้วอีกอย่าง ตั้งแต่เริ่มต้นเธอก็ไม่ได้รู้ว่า Richbabyจะเป็น แบบนี้ ถ้ารู้แล้วใครยังจะไปอีกล่ะ?

พอธัชชัยเห็นว่าเธอไม่ตอบโต้ ก็นึกว่าเธอมีความคิดแบบนั้น จริงๆ ก็ตะคอกพร้อมหัวเราะแบบชั่วร้าย “ได้สิ เธอยังอยากจะ เต้นอยู่ ก็เต้นให้ฉันดูคนเดียวเท่านั้น! แล้วคนอื่น ให้ทิปเธอยัง ไงกันล่ะ? อีกไม่กี่วันก็เปิดเทอมแล้วนี่ มันคงพอค่าเทอมแล้วล่ะ a!”

วันสาขมวดคิ้ว เธอเกลียดการที่ผู้ชายพูดจาแบบนี้กับเธอมาก พูดจากํากวมไม่ชัดเจน ไม่มีใครสามารถรู้ดีไปได้มากกว่าตัวเอง หรอก เส้นทางของพวกเขาสองคน เธอเป็นภรรยาของพี่ชายคน โตของเขา เขาคือน้องชายของสามีตัวเอง ไม่ว่าทั้งสองจะรู้สึกยัง ไงต่อกัน ความสัมพันธ์ก็ไม่สามารถพัฒนาไปมากกว่านี้ได้แล้ว

เธอแอบตัดพ้ออยู่ในใจ เต้นบ้าอะไรของนายละ อย่างมากเธอ ก็แค่ออกปากขอยืมคุณภูษิต ไม่ก็ขอปยุตก็ได้ เพียงแค่ต้องใช้ ชื่อของคนบางคนในการอ้างเท่านั้นเอง….

ธัชชัยยิ้มอย่างมีเลศนัย “ดูเหมือนว่าเธอกำลังคิดลูกไม้อะไร อยู่ แต่น่าเสียดายที่มันเป็นไปไม่ได้ เธอจะไปยืมภูษิต ป้าอ้อยหรือกลับไปขอที่ครอบครัวเธอนั้นเหรอ?”

ผู้ชายคนนี้อ่านใจคนออกด้วยเหรอ? ทำไมรู้หมดเลยล่ะ? วัจ สาประหลาดใจเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้ยอมรับไปกับสิ่งที่เขาพูด ก้ม หัวกดเบอร์โทรของแวววัย

แวววัยน่าจะอยู่ที่โรงพยาบาลนะ ไม่รู้เหมือนกันว่าตอนนี้ อาการบาดเจ็บของเธอจะเป็นยังไงบ้าง

หลังจากเสียงรอสายดังได้สองที่ก็มีคนรับโทรศัพท์

วัจสารีบทักทายด้วยความรีบร้อน “แวว นี่เธอรึเปล่า? เธอเป็น ยังไงบ้าง? ตอนนี้เธอหาหมอเสร็จรึยัง?”

หลังจากแวววัยได้ยินเสียงของวัสสา ก็พยายามทำให้เสียง ของตัวเองปกติที่สุด “วันสานี่เธอเองเหรอ นี่เปลี่ยนเบอร์หรือ เบอร์แฟนเธอเนี่ย ฉันไม่ได้เป็นอะไร จึงออกมาจากโรงพยาบาล เมื่อกี้นี่เอง อย่าลืมเคลียร์กับแฟนเธอให้เรียบร้อยนะ ครั้งนี้ฉัน ผิดเอง ที่ลากเธอมาเต้นแบบนี้ แต่ว่าพวกเธอห้ามทะเลาะกันนะ แต่ว่าถ้ามันไม่ได้จริงๆ วันหลังฉันจะหาเวลาไปพูดกับเขาให้ดี ไหม?”

ดวงตาของวัดสาดูอบอุ่นขึ้นเล็กน้อย ขนาดแวววัยตกอยู่ใน สถานการณ์แบบนี้ ยังเป็นห่วงเธออีก เธอรู้ว่าฉันเป็นหลานสาว ของตระกูลเดิมขุนทด และก็รู้ว่าธัชชัยรวยมาก ก็เลยกังวลว่าจะ พาฉันไปพัวพันกับสิ่งที่ไม่ดี

ยัย อแวววัยเอ้ย
เธอพยายามไม่สะอื้น แล้วพูดออกมา “ไม่ต้องพูดเรื่องของฉัน แล้ว ตอนนี้เธออยู่ที่ไหน? พวกเราจะไปรับเธอ ตอนนี้เธอยังอยู่ คนเดียวอยู่ไหม? คืนนี้จะไปไหน?”

ตอนนี้ที่ แวววัยอยู่เงียบมาก ได้ยินแต่เสียงรถและเสียงนก วัจสาเลยไม่แน่ใจว่าตอนนี้เธออยู่ด้านนอกหรือด้านใน

“วจสา” แวววัยเรียกชื่อเธอ

“เป็นอะไรไป?” วัจสาประหลาดใจ ไม่เข้าใจเหมือนกันว่า ทำไมแวววัยถึงแสดงอาการแบบนี้

“ถ้าเป็นไปได้ เธอแต่งงานกับธัชชัยเถอะ ฉันดูออกว่าเขาห่วง เธอมาก ผู้ชายที่ทั้งหล่อทั้งรวยขนาดนี้ ถ้าไม่จับไว้ให้แน่นก็จะ โดนแย่งไป ดูเหมือนว่าศัตรูเธอจะเยอะนะ?”

แวววัยพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง แต่ว่าตอนนี้เสียงเธอสั่นไปหมด แล้ว หลังจากพูดจบก็ยังไม่ทันรอให้วัจสาตอบอะไร เธอก็รีบวาง สายซะก่อน

แวววัยรู้ดีว่าชั่วชีวิตนี้เธอไม่มีวันที่จะได้รับการปฏิบัติเหมือนที่ วัจสาได้รับ เพราะแผลเป็นที่อยู่ตรงมุมปากของเธอเป็นต้นเหตุ เมื่อก่อนที่เธอยังปากแหว่ง ทุกคน แม้แต่เด็กน้อยยังมองเธอด้วย สายตาหวาดกลัว ราวกับว่าเธอไม่ใช่คน

ไม่มีใครยอมเล่นกับเธอ และไม่มีใครเต็มใจแต่งงานกับคน อัปลักษณ์ นอกซะจาก เขาคนนั้นก็เป็นคนอัปลักษณ์เหมือนกัน

คนรอบข้างเอาแต่บอกว่าแวววัยต้องเข้มแข็ง เหมือนสายลมในฤดูใบไม้ผลิ มีแต่เธอที่รู้ตัวเองดี ว่าเธอรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ ขนาดไหน

ลมหนาวยามค่ำคืน แวววัยค่อยๆเดินไปเรื่อยๆ ทีละก้าว ไม่รู้ ด้วยซ้ำว่าตัวเองจะไปที่ไหน ท่าทางการเดินก็ค่อนข้างแปลก เพราะหลังจากตกลงมาจากท่อเหล็กก็หกล้มเอง ไหนจะอาการ บาดเจ็บจากเศษแก้วที่ผู้ชายพวกนั้นโยนขึ้นมาอีก

ตอนอยู่โรงพยาบาลก็ได้แต่ทำแผลทั่วไปเท่านั้น เพราะว่าเธอ ไม่อยากจะเสียเงิน ผ้าพันแผลก็เริ่มมีเลือดซึมออกมาแล้ว แต่ว่า เธอไม่อยากกลับไปที่บ้านสวัสดิการอีกแล้ว ที่จริงเธอบอกกับคุณ ดนตาว่าหลังจากไปหาวัสสา ก็จะไม่กลับมาอีกแล้ว

แล้วดูสภาพเธอตอนนี้สิ กลับไปก็มีแต่จะมีแต่ทำให้คุณดนิตา เป็นกังวลเท่านั้นเอง

และตอนนี้ยิ่งไปหาวัจสาไม่ได้ใหญ่ เพราะว่าเธอทำให้แฟน ของเธอจับได้ว่าแอบมาเต้น ถึงแม้สองคนนั้นบอกว่าจะไม่ ทะเลาะกัน ถ้าเขาทะเลาะกันก็เท่ากับว่าเธอมีความผิด และอีก อย่างเธอก็ไม่อยากจะไปเป็นก้างขวางคอ ตอนนี้ขอไปหาสวน สาธารณะพักซักคืนก็แล้วกัน

ในขณะเดียวกันวัสสาที่อยู่ภายในรถกำลังมองออกไปข้าง นอก ทันใดนั้นก็เห็นเงาของร่างหนึ่งที่คุ้นตา ดูเหมือนแวววัย เลย!

“ธัชชัย! กลับรถเร็ว! ฉันเห็นแวววัย! แวววัยเป็นผู้หญิงออกมา เดินตัวคนเดียวข้างนอกตอนกลางคืนแบบนี้ วังสารู้สึกเจ็บปวด
ยัยผู้หญิงดื้อคนนี้เป็นแบบนี้มาโดยตลอด สงสัยจะกลัวคุณดนิ ตาเป็นห่วง และไม่อยากให้ฉันกังวลเลยเลือกที่จะปิดบังเอาไว้ ธัชชัยได้ยินเสียงสั่นเครือแบบจะร้องไห้ของผู้หญิงคนนี้ก็

ขมวดคิ้ว เขารู้สึกไม่สบายใจ เขาไม่ชอบเห็นเธอร้องไห้

แต่ว่าแวววัยคนนี้ก็ทำให้เขาประทับใจ ครั้งแรกที่พวกเขาออก ไปหาเงินกัน ก็คือเด็กผู้หญิงตัวน้อยคนนั้นเป็นคนถามเขา ไม่คิด เลยว่าตัวก็เล็กขนาดนี้ ยังจะอดทนได้มากขนาดนี้ ก็เห็นๆอยู่ว่า เธอได้รับบาดเจ็บ

ตอนที่ธัชชัยกลับรถ วัดสาก็เริ่มกลัวว่าแวววัยจะไม่ยอมรับ ความช่วยเหลือจากพวกเขา ยิ่งการที่มีคนไปเจอตอนเธอตกที่นั่ง ลำบาก อาจจะทำให้เธอโกรธก็ได้

“ธัชชัย การที่เราเข้าไปแบบนั้นมันจะดูไม่ดีรึเปล่า?” วัดสา ถามคนมีชีวิตอีกคนที่ยังอยู่บนรถกับเธอ

“ทำไมถึงจะไม่ดีล่ะ? ถ้าไม่มีที่ไปจริงๆ ก็ไปเธอไปบ้านตระกูล ศรีทองก็ได้ ฉันไม่ถือสาหรอก” ธัชชัยพูดออกมาด้วยน้ำเสียงนิ่ง เรียบ

“ไม่ใช่ เธอดื้อรั้นมาก กลัวว่าจะไม่รับความช่วยเหลือจากพวก เราน่ะสิ”

“ไม่ต้องกังวลไปหรอก จะดื้อรั้นขนาดไหนก็ไม่เท่าฉันหรอก” รถสปอร์ตวกกลับมาพร้อมกับผิวปาก พร้อมกับไปจอดลงตรง หน้าของแวววัย ทำให้เธอตกใจอย่างมาก นึกว่ามีนักเลงมาแถวนี้
แต่หลังจากที่คิดดีๆแล้ว นักเลงที่ไหนจะขับรถสปอร์ตแบบนี้ ได้ แล้วเขาก็ไม่มีทางชายตามองเธอแน่นอน แถมอีกอย่าง รถ สปอร์ตนี้ก็ดูน่าคุ้นเคย…

เธอยังไม่ทันที่จะได้ทำอะไร เงาสูงจากบนลงก็ลงจากรถมา ใบหน้าที่งดงามนั้นแค่มองครั้งแรกก็ยากที่จะลืม

ธัชชัยอุ้มแวววัยขึ้นมา และจะก็โยนไปในรถที่วังสานั่งอยู่ “คุณธัชชัย…?” แวววัยตกใจอย่างมาก “ได้โปรดวางฉัน…” พูดยังไม่ทันจบก็โดนธัชชัยหยุดไว้ “อย่าดิ้น! หุบปาก!

เพราะแวววัยกลัวผู้ชายคนนี้ วินาทีนั้นเลยไม่กล้าพูดอะไรออก มาอีก

รถเฟอร์รารี่ถึงแม้ว่าจะมีแค่สองที่นั่ง แต่ผู้หญิงตัวเล็กๆสอง คนนี้ก็สามารถนั่งที่นั่งเดียวกันได้อยู่

วัดสานั่งอยู่ข้างๆแวววัย แวววัยอยากที่จะอ้าปากพูด แต่ว่าวัจ สาก็เอานิ้วมาแตะที่ปากเป็นสัญลักษณ์ว่าอย่าพึ่งพูด คงจะกลัว ว่าจะทำให้ธัชชัยโมโห

แค่ใบหน้าของผู้ชายคนนี้ก็น่ากลัวมากพอแล้ว การที่ธัชชัย บอกว่าดื้อรั้นมากกว่าแวววัยคือแบบนี้นี่เอง

เธอแอบยิ้มอยู่ในใจ อย่างน้อยก็มีใครซักคนที่สามารถจัด การยัยดื้อด้านนี้ได้อยู่หมัด

แต่ว่าท่าทางของแวววัยดูแปลกไป เท้าเธอลอย ไม่ยอมเหยียบลงไปบนรถ เพราะเธอกลัวว่าแผลของเธอจะเลอะเบาะ

ธัชชัยสังเกตเห็นการกระทำของเธอ ก็พูดด้วยเสียงเรียบว่า

“แบบไหนสบายก็ทำแบบนั้นเถอะ มันก็แค่รถคันนึง เทียบกับ ชีวิตคนไม่ได้หรอก” คำพูดของธัชชัย ไม่ได้ทำให้แค่วจสาแปลกใจ แต่แม้แต่แวว วัยยังรู้สึกอบอุ่นใจ แต่เธอก็รู้ดีว่า คนนี้คือแฟนของวังสา ไม่ใช่

คนที่เธอจะคิดเกินเลยได้

วัดสาหน้าตาก็สวย พื้นฐานทางครอบครัวก็ดี แล้วตัวเองล่ะ เป็นเพียงแค่เด็กกำพร้าที่หน้าตาน่าเกลียดแถมยังไร้ความ สามารถ


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ