รอยยิ้มอบอุ่นของพ่อประธานซาต

บทที่ 18 เรื่องน่าตื่นเต้นในลิฟต์



บทที่ 18 เรื่องน่าตื่นเต้นในลิฟต์

บทที่ 18 เรื่องน่าตื่นเต้นในลิฟต์

แต่ว่าไม่พูดถึงคำนี้ก็คงไม่ได้ สำนวนที่ว่านารีเป็นเหตุ นั้นพูดได้ถูกต้อง ไม่ว่าจะใช้กับผู้ชายหรือผู้หญิง ความ งามเป็นสิ่งที่ถ้ามีมากไปก็อาจนำมาซึ่งชนวนปัญหาได้

นี่คือสิ่งที่ฉินเฟยไม่สามารถเข้าใจได้เมื่อหลายปีก่อน แต่หลังจากที่ได้ประสบกับปัญหาต่างๆมากมายด้วยตัว เอง เธอก็เริ่มเห็นด้วยกับความคิดนั้น

เมื่อวานฉินเฟยทำงานเพิ่มช่วงกลางคืน ต่อให้จะเหนื่อย ชนิดที่ว่าหัวถึงหมอนก็หลับ กลับไม่ได้ยืดเยื้อให้เสียเวลา มากความ ได้นอนพักไปสองถึงสามชั่วโมง ซึ่งไม่มีใครรู้ ว่าตอนนี้หัวของเธอปวดตึงมากแค่ไหน เธอต้องนั่งเบียด บนรถสาธารณะกว่าหนึ่งชั่วโมง ยังดีที่ว่าโรงแรมมีลิฟต์ สำหรับผู้จัดการ เธอไม่ต้องไปเบียดกับใครแล้ว

ฉินเฟยเข้าไปในลิฟต์ หลังจากกดชั้นที่เธอต้องการแล้ว ก็พิงตัวไปที่ผนังลิฟต์อย่างหมดแรง ท่าทางที่อ่อนแรงนั้น ต่อให้ชายใดพบเห็นต่างก็รู้สึกเห็นใจ

แรงเคลื่อนลงของลิฟต์ดึงสติฉินเฟยกลับมา เธอพบว่า ลิฟต์กำลังเคลื่อนตัวลงไปชั้นโรงจอดรถด้านล่าง แต่ว่า ในโรงแรมนี้ใครบ้างที่ไม่รู้ว่านี่คือลิฟต์ที่ใช้เฉพาะผู้จัดการเท่านั้น ใครจะไปกดลิฟต์ตรงขึ้นโรงจอดรถกัน?

คำถามที่เข้ามาในหัวทำให้ฉินเฟยยิ่งรู้สึกปวดหัว เธอจึง หยุดความคิด เดี๋ยวรอให้ประตูลิฟต์เปิดออกก็รู้เองแหละ ว่าใคร

เนื่องด้วยการเคลื่อนลงอย่างคล่องตัว เพียงไม่นานเสียง ติ้งก็ดังขึ้น ประตูลิฟต์ค่อยๆเปิดออก ชั้นนี้เต็มไปด้วย ความมืด ทันใดนั้นฉินเฟยรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาอย่างไร้ที่ สิ้นสุด ภาพคดีฆาตกรรมในโรงจอดรถมากมายที่เคยดู ก่อนหน้านั้น คดีฆ่าคนตายจนตอนนี้นาทีนี้ยังคงตรงตรึง ในสายตา

เธอไม่รอให้ประตูลิฟต์เปิดอ้าจนหมด ก็รีบเพ่งมองไปที่ ประตูทางออกด้วยความตื่นเต้น และรีบกดปุ่มปิดประตู อย่างสุดชีวิต

ประตูลิฟต์ที่กำลังจะปิดลง ประตูด้านนอกมีเงา บุคคลหนึ่งแทรกตัวเข้ามา สติของฉินเฟยอยู่ในสภาวะ ตึงเครียดมาก เธอไม่สนใจแล้วว่าจะเป็นคนปกติหรือไม่ รีบคว้ากระเป๋าที่สะพายอยู่ด้านข้าง สะบัดทุบตีไม่ยอม หยุดพร้อมหลับตาปี

“ไปให้พ้นนะ ไปให้พ้น ฉันเก่งมากนะ แกทำอะไรฉันไม่ ได้หรอก ” ตอนนี้ในหัวสมองของฉินเฟยมีแต่ภาพลูกชาย ลูกสาวที่น่ารักของเธอ ทั้งเนื้อตัวเต็มไปด้วยพลัง กระเป๋าสะพายข้างทุบโดนคนนั้นเป็นบางครั้ง และมี เสียงร้องเจ็บเปล่งออกมา

จนกระทั่งมือของเธอถูกล็อคไว้ด้านหลัง เธอตกใจ จนต้องร้องขอความช่วยเหลือ “ช่วยด้วย ช่วยด้วย แก ต้องการเงินหรือว่า?”

ถ้าหากต้องการเงิน ในกระเป๋าของเธอมีเงินเพียงสิบกว่า บาท เขาจะรังเกียจว่าน้อยไหมและกล่าวหาว่าเธอจงใจ แกล้งเขา จากนั้นก็ฆ่าเธอเพื่อปิดปากเสีย ถ้าเธอตายไป โม่โม่กับเซิงเชิงจะทำอย่างไงล่ะ

ในทีวีเคยสอน ตอนที่พบพวกโจรปล้นทรัพย์ต้องใจเย็นๆใจเย็นใช่ ยังมีการเจรจา

“นี่คุณ มีอะไรเราก็คุยกันดีๆได้ อย่าคิดสั้น ” น้ำเสียง ของฉินเฟยแฝงไปด้วยอาการร้องไห้

“เธอนี่พูดมากจริง หุบปากซะ” เสียงที่แสดงอาการ รำคาญดังมาจากทางด้านหลัง น้ำเสียงเหมือนถูกหยิบ ขึ้นมาจากบ่อน้ำเย็นพันปี ที่ทำให้คนฟังอดไม่ได้ที่จะรู้สึก เย็นวูบ
โอ้พระเจ้า นี่มันเป็นคำพูดที่โจรในทีวีชอบพูดกันเลย

ฉินเฟยรู้สึกตัวเองอยากจะเป็นลม ความคิดที่ให้ใจเย็นๆ นั้นไม่สามารถลดความกลัวในใจเธอได้เลย

การตอบสนองจากร่างกายคือให้เธอตะโกนดังๆ แต่ ผู้ชายที่อยู่ด้านหลังเหมือนจะรู้ทันความคิดของเธอ รีบ เอามือปิดปากเธออย่างรวดเร็ว ทําให้เสียงตะโกนร้อง ของเธอกลายเป็นเสียงอู้อี้ฟังไม่ได้ความ

“นี่เธอ หูหนวกหรือไง ฉันบอกให้เธอหุบปาก” เห็นชัด ว่า ผู้ชายที่อยู่ข้างหลังเริ่มโมโห โทนเสียงที่ทุ้มต่ำเหมือ นเชลโล ไม่ได้ทำให้ฉินเฟยรู้สึกอยากฟังเลย แต่กลับเป็น ความโกรธเคืองหน่อยๆ

ฉินเฟยถูกตักเตือนครั้งที่สอง และไม่กล้าทำอีก

เธอพบว่าผู้ชายที่อยู่ด้านหลังมีกลิ่นน้ำหอมอ่อนๆที่น่า ดม เคยได้กลิ่นนี้บนร่างกายของโม่ฮวน เธอบอกว่าเป็นก ลิ่นน้ำหอมที่คู่หมั้นของเธอใช้อยู่ ฉินเฟยจำชื่อน้ำหอมไม่ ได้แล้วว่าชื่ออะไร แต่ยังจํายอดตัวเลขได้ เป็นน้ำหอมที่ แพงมาก

ฉินเฟยสามารถยืนยันได้ว่ากลิ่นน้ำหอมของผู้ชายที่อยู่ ด้านหลังเป็นน้ำหอมราคาแพงมาก ซึ่งสิ่งของฟุ่มเฟือย แบบนั้น ใช้เงินเดือนหลายเดือนของเธอซื้อก็ยังไม่พอเลย และสรุปได้ว่าชายคนนั้นไม่ได้เป็นโจรปล้น ทรัพย์แน่นอน แต่ว่าหากไม่ใช่ปล้นเงิน ก็ต้องเป็นพวกบ้า กาม เธอแต่งตัวถึงขนาดนี้แล้ว ชายคนนี้ยังจะชอบเธออีก เหรอ หิวจนไม่เลือกขนาดนั้นเลยเหรอ

ฉินเฟยเดิมทีตั้งใจพูดว่า “เอาล่ะ เอาล่ะ นายใจเย็นๆนะ ฉันไม่พูดแล้ว” แต่ว่าปากของเธอถูกมือใหญ่ที่เย็นเยือก ปิดปากไว้ เธอทำได้เพียงพยักหน้าแสดงความคิด เธอจะ เชื่อฟังไม่ร้องตะโกนแล้ว ชายที่อยู่ด้านหลังได้ปล่อยเธอ และหันหน้าไปตรงหน้าเธอ

“นี่เธอ เธอหลับตาอยู่แบบนี้ไม่กลัวฉันฆ่าเธอเหรอ ต่อ ให้เธอกลายเป็นผีก็หาผู้ร้ายตัวจริงไม่ได้นะ?” ผู้ชายพูด หยอกล้อ

ฉินเฟยได้ยินค่าเย้ยหยันนั้น รีบลืมตากว้าง

สิ่งที่สะท้อนเข้ามาในสายตาของเธอคือดวงตาดอก ท้อ เหมือนน้ำแร่ที่ใสสะอาดหนึ่งบ่อ เผลอมองครู่เดียวก็ สามารถมองเห็นภาพบรรยากาศดอกท้อกับแม่น้ำที่กำลัง หลั่งไหล

สายตาคู่นี้เหมือนเธอเคยเห็นที่ไหนมาก่อน แล้วเธอเคย เห็นจากที่ไหนล่ะ คิดไม่ออกจริงๆ เป็นอย่างที่เขาพูดการ ตั้งครรภ์หนึ่งครั้งโง่ไปสามปี นับตั้งแต่เธอคลอดลูกความ จําของเธอก็ลดลงเป็นอย่างมาก
“เฮ้ พวกเราเคยเจอกันที่ไหนมาก่อนหรือเปล่า?” ฉินเฟย คิดในใจ แบบนี้ ก็ถามออกไปตรงๆเลย

“เป็นคําทักที่เฉยจริงๆ ฉันไม่ชอบ” ใบหน้าของผู้ชายคน นั้นเหมือนกับภูเขาน้ำแข็งที่ไม่มีวันละลาย ผิวหน้าสีแทน ประดับดวงตาที่ดุร้ายคู่หนึ่ง และตอนนี้สายตาที่คมเข้ม กำลังเพ่งมองมาที่ฉินเฟย

ฉินเฟยเมื่อถูกมองแบบนี้ก็ทำตัวไม่ถูก ความรู้สึกที่คุ้น

เคยนี้ทำให้เธอย้อนคิดไปถึงเมื่อเจ็ดปีก่อน

ทันใดนั้นในหัวของเธอปรากฏชื่อคนๆหนึ่งขึ้นมา หลินโย ว่หลิน

การค้นพบสิ่งนี้ทำให้เธอแทบจะยืนไม่อยู่ พยายามยืน นิ่งให้ได้อย่างยากลำบาก เธอพูดในใจว่าจะต้องรักษา ความนิ่งสงบไว้ ดูท่าทางแล้วเขายังไม่รู้ว่าเธอคือใคร ขอ แค่เธอไม่เปิดเผยสถานะของตนเองก็พอ เขาก็จะจำเธอ ไม่ได้

เมื่อคิดแบบนี้แล้ว ฉินเฟยรู้สึกว่าเรื่องราวไม่ได้เลวร้าย อย่างที่ตนคิดไว้ขนาดนั้น

หลังจากที่รู้ว่าคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเธอคนนี้คือหลินโย ว่หลิน สายตาของฉินเฟยก็ไม่กล้าสบตาเขาอีก เธอนี่โง่ จริงๆเลย เมื่อวานเบื้องบนก็แจ้งมาแล้วว่าจะมีบุคคลสําคัญคนหนึ่งนามสกุลหลินมาที่โรงแรม ตอนนั้นเธอก็น่า จะคิดได้แล้วว่าต้องเป็นหลินโยว่หลิน ในเมื่อตระกูลหลิน เป็นตระกูลที่มีชื่อเสียงโด่งดัง และคนที่มีชื่อเสียงดังมาก ก็คือหลินโยว่หลินไงล่ะ

เธอรู้ไหมว่าการให้เกียรติคืออะไร สบตาซึ่งกันและกัน คือการให้เกียรติอย่างหนึ่ง” หลินโยว่หลินไม่รู้ว่าทําไม เมื่อเห็นผู้หญิงคนนี้แล้วกลับมีความรู้สึกที่คุ้นเคย และ อยากจะเข้าใกล้เธอมากเป็นพิเศษ

แต่ว่าใบหน้าของผู้หญิงคนนี้เหมือนได้ผ่านโลกมาอย่าง โชกโชน แล้วก็แว่นตากรอบดำนั้นอีกขี้เหร่สุดๆ

หลินโยว่หลิน ไม่รู้จะพูดกับตัวเองอย่างไรดีถึงได้สนใจ ผู้หญิงแบบนี้ได้ หรือว่าเพราะเขาไม่มีผู้หญิงมานานมาก แล้ว ส่งผลทำให้อารมณ์ความรู้สึกเกิดการเปลี่ยนแปลง

“คุณผู้ชาย ต้องการทำอะไรคะ ดิฉันเป็นผู้จัดการ โรงแรมนี้ค่ะ ถ้าหากคุณต้องการอะไร ดิฉันจะเตรียมการ ให้ ” หลังจากที่ฉินเฟยรู้ว่าเขาไม่ใช่พวกโจรปล้นทรัพย์ ใจเริ่มเย็นลงอย่างเห็นได้ชัด

สีหน้าของเขาแสดงความไม่พอใจอยู่บ้าง “ฉันไม่ชอบผู้ หญิงเสียงดัง”
ฉินเฟย คิดในใจ แม่งเอ๊ยไครให้นายชอบล่ะ ใครบอกให้ นายมาชอบ คือนายเองไม่ใช่เหรอที่กระโจนเข้ามาน่ะ?

แต่เธอรู้ดีว่าคนคนนี้ไม่ใช่คนที่เธอจะล่วงเกินได้ บางคำ พูดพูดในใจก็พอ ไม่ต้องพูดออกมา

“ฉันไม่เสียงดังแล้ว คุณช่วยถอยห่างจากฉันหน่อยได้ ไหม?” ฉินเฟยพูดอย่างประณีประนอม สีหน้าดูลำบากใจ หน่อยๆ


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ