รอยยิ้มอบอุ่นของพ่อประธานซาต

บทที่ 17 ลูกชายบ้านฉันเย่อหยิ่งนัก



บทที่ 17 ลูกชายบ้านฉันเย่อหยิ่งนัก

บทที่ 17 ลูกชายบ้านฉันเย่อหยิ่งนัก

เมื่อฟังฉินเซิงพูดแบบนี้ ฉินเฟยก็ทำไรไม่ได้ โม่โม่ฉาย แววความหล่อแต่เด็ก ยิ่งโตขึ้น เค้าโครงใบหน้ายิ่งเด่นชัด มากขึ้น หล่อชนิดสะท้านฟ้า ไม่ว่าวัยหนุ่มสาวหรือวัยชรา ใครเห็นใครก็ชอบ ทุกครั้งที่พาไปเดินตลาด เดินไปไม่กี่ ก้าวก็จะถูกแมวมองมาทักขอให้เขาไปถ่ายโฆษณา หรือ ไม่ก็จะเจอคนกลุ่มหนึ่งมาล้อมรอบเพราะคิดว่าเป็นดารา เด็ก จะขอถ่ายรูปด้วย

“ผู้หญิงบ้าผู้ชายทำตัวน่ารำคาญ ” นัยน์ตาเต็มไปด้วย ความรู้สึกเบื่อหน่าย น้ำเสียงอ่อนนุ่มแฝงความเย็นเยือกที่ ยากจะมองข้าม

ฉินเฟยถึงกับหน้าดำคร่ำเครียด ผู้หญิง? ลูกเอ๊ยหนูเพิ่ง จะหกขวบเองนะ ลูกรู้หรือว่าอะไรคือผู้หญิง? อีกอย่างแม่ ก็เป็นพวกชอบผู้ชายหล่อๆเหมือนกันนะ มันเป็นเรื่องปกติ ของผู้หญิง ลูกร่าคาญแม่ด้วยงั้นหรือ?

มิน่าล่ะมักจะได้ยินเซิงเซิงเรียกเขาว่าราชาเย่อหยิ่ง

ฉินเซิงเหมือนจะดูออกว่าในใจแม่กำลังคิดไรอยู่ แหย่ ไปที่หน้าของฉินโม่ “โม่โม่ เธอพูดผิดแล้ว เธอควรจะพูด ว่าผู้หญิงบ้าผู้ชายที่นอกจากแม่แล้วล้วนทำให้คนรู้สึกน่า รำคาญ ”
ในใจของฉันโม่ มีเพียงผู้หญิงสองคนเท่านั้นที่ไม่ทำให้ เขารู้สึกรําคาญ ทั้งยังสามารถให้อภัยได้อย่างไร้ขีด จํากัด นั่นก็คือแม่และน้องสาวของเขาเอง

“เชิงเชิงเข้าใจแม่มากที่สุดเลยจ๊ะ” ฉินเฟยยกนิ้วโป้งให้

ลูกสาวเลย ฉินเซิงแสดงใบหน้าได้ใจ ทำปากมุ่ย “คุณแม่ ไม่ต้องพูด

ค่ะ จูบหนูก็พอ”

ฉินเฟยจูบที่ปากลูกสาวอย่างดีใจ

“แม่กับน้องสาวทำตัวเด็กจริงๆเลย ” ฉินโม่ทำตัวเหมือน กับเด็กที่เป็นผู้ใหญ่คอยตัดสินและประเมิน “ผมรู้สึก ละอายใจมาก”

คำพูดมากมายของเด็กที่สามารถทำให้คนฟังต้องตก ตะลึง ฉินเฟยเองเข้าใจตรงจุดนี้ดี ทว่าฉินเฟยเองก็ถือ ได้ว่าเป็นตัวอย่างทาสเด็กดีๆคนหนึ่งนี่เอง ความรักความ หลงใหลที่มีต่อลูกตนเองนั้นมากเสียจนไม่มีใครสามารถ เทียบเทียมได้ ขอแค่เป็นสิ่งที่ลูกชายกับลูกสาวทำก็ล้วน เป็นสิ่งที่ถูกต้อง

เช้าวันที่สอง นาฬิกาที่อยู่บนกำแพงแสดงเวลาเจ็ดโมงครึ่ง
“โมโม่ เชิงเชิง เตรียมตัวเร็วเข้า แม่จะส่งพวกหนูไป โรงเรียนแล้วต้องรีบไปทํางาน ถ้าสายจะโดนหักเงินเดือน นะ” ในปากของฉันเฟยคาบหมั่นโถวไว้ อีกมือหนึ่งก็รีบ คว้ากระเป๋าที่ห้อยอยู่บนไม้แขวนเสื้อมาสะพายที่ไหล่ รีบ ร้อนเดินไปที่ทางเข้าประตูบ้านและใส่รองเท้า

เมื่อคืนหัวหน้าแผนกการแปลส่งเอกสารภาษาอังกฤษ ที่จําเป็นต้องแปลให้อย่างงกะทันหัน ทั้งยังพูดว่าต้องใช้ ตอนประชุมพรุ่งนี้ เธอรีบแปลตลอดทั้งคืนกว่าจะเสร็จฟ้า ก็เริ่มสางแล้ว แค่นอนไปไม่กี่ชั่วโมงก็ต้องตื่นไปทำงาน แล้ว ตอนนี้ในหัวเธอรู้สึกมึนๆ แน่นอกหายใจไม่คล่อง และไม่สบายตัวเลยจริงๆ

ฉินโม่กับฉินเซิงมองดูแม่ที่ยุ่งวุ่นวาย ส่ายหัวไปมาอย่าง

เอือมระอา

ฉินโม่ดื่มนมอย่างสง่างาม พร้อมพูดแบบไม่รีบไม่ร้อน “คุณแม่ ไปก่อนเถอะ เดี๋ยวพวกผมไปโรงเรียนกับลุงเฉิน เอง”

เมื่อคืนฉินโม่ตื่นขึ้นมาเข้าห้องน้ำเห็นไฟในห้องนอนแม่ ยังเปิดอยู่ รู้ได้ทันทีว่าเรื่องที่จะส่งพวกเขาไปโรงเรียนนั้น เป็นไปไม่ได้แล้ว แต่ว่าก็เป็นไปตามที่เขากับน้องสาวหวัง ไว้

“ลุงเฉินรับปากพวกหนูเมื่อไหร่ ทำไม่แม่ไม่รู้” ฉินเฟยรู้สึกประหลาดใจ

“เมื่อวานตอนที่เขาไปรับพวกผม พวกเราก็ตกลงกันแล้ว ‘ฉินโม่พูดอย่างไม่รู้สึกผิดอะไร “แม่ รีบไปเถอะ มิเช่นนั้น แม่ไปสายแน่ๆ”

“พวกหนูอย่าโกหกแม่นะ ไปเรียนดีๆ ” ฉุนเฟยไม่ทันได้ ยืนยันกับเพื่อนบ้าน ทำได้เพียงกำชับว่า “คืนนี้แม่อาจจะ ต้องทำโอทีนะ แต่ว่าแม่จะอยู่ทานข้าวเย็นด้วย เพราะแม่ บุญธรรมจะมา”

“เรื่องนี้ ตอนที่แม่คุยโทรศัพท์กับแม่บุญธรรมพวกผม ก็ได้ยินแล้ว ไม่ต้องพูดซ้ำอีกรอบก็ได้ เสียเวลาแม่ และ เสียเวลาเราด้วย ” ฉินโม่พูดแบบเร่งๆ

“คุณแม่ ขี้บ่นจัง ลุงเฉินบอกว่าผู้หญิงจะมีการเข้าสู่วัย ทอง น้าเฉินก็เป็นแบบนี้เช่นกัน ตอนนี้คุณแม่ก็อยู่ในช่วง วัยทองเหรอคะ?” ฉินเซิงถามด้วยความไร้เดียงสา

ฉินเฟยไร้คำพูด เธออายุยังไม่ถึงสามสิบด้วยซ้ำ จะเข้า สู่วัยทองได้อย่างไรกัน

เธอขี้เกียจอธิบาย รีบร้อนออกจากประตูไป

รอจนกว่าไม่เห็นเรือนร่างของฉินเฟยแล้ว ฉินโม่กระโดด ลงจากเก้าอี้ วิ่งไปที่ห้องนอนหยิบกระเป๋าเป้สีฟ้ากับสีชมพูออกมา

“พี่ชายคะ ขนมปังของหนูยังกินไม่เสร็จเลย จะไป โรงเรียนเร็วขนาดนี้เลยแล้วเหรอคะ?” ฉินเซ็งทำปากมุ่ย สีหน้าไม่พอใจ

“เธอกินช้าๆก็ได้ พี่รอเธอเอง ” ฉินโม่ได้สะพายกระเป๋า เป้สีฟ้าไว้ด้านหลังเป็นที่เรียบร้อย “วันนี้เราไม่ไปโรงเรียน รอเธอกินเสร็จพี่จะพาเธอไปสถานที่สนุกแห่งหนึ่ง ‘

“สถานที่สนุก?” ฉินเซิงสายตาทั้งคู่เปล่งประกายทันที กระดิกตัวลงจากเก้าอี้ “แล้วจะรออะไรอีกคะ พวกเราไป กันตอนนี้เลย หนูไม่กินขนมปังแล้ว”

ฉินเฟยไม่มีทางรู้ได้เลยว่าแค่เธอเพิ่งก้าวออกจากประตู ไป ก้าวหลังถัดมาเด็กดีทั้งสองคนก็ลืมเรื่องที่เธอกำชับไว้ ก่อนออกจากบ้านไป

“โม่โม่ พี่บอกกับหนูก่อนว่าเราจะไปไหนกันแน่ ไม่อย่าง นั้นหนูจะโทรศัพท์ฟ้องแม่ บอกให้แม่รู้ว่าพี่ไม่อยากไป เรียน” ฉินเซิงใช้แม่มาขู่บังคับฉินโม่

ฉินโม่มองจิกไปที่เธอ “พูดอย่างกับว่าเธออยากไป เรียนอย่างนั้นแหละ ฉันเห็นมากับตาว่าเธอแอบนอนใน ห้องเรียนทุกวัน ”
“สิ่งที่ครูพูดมันง่ายเกินไป ไม่จำเป็นต้องฟังก็ได้ แทนที่ จะเสียเวลาฟังคำบรรยายเอาเวลาไปนอนยังจะดีกว่า ” ฉินเซิงพูดอย่างจริงจัง

“ฉันมีความคิดเดียวกับเธอ ดังนั้นไม่จำเป็นต้องเรียน ก็ได้ ” ฉินโม่ก็มีความรู้สึกตื่นเต้นหน่อยๆ “ฉันจะพาเธอ ไปตามหาพ่อที่ไร้ความรับผิดชอบของเรา”

เด็กน้อยสองคนเรียกรถด้วยเงินค่าขนมที่ได้เก็บออมไว้

สถานที่ปลายทางคือจูนได้หลับ

การที่ฉินเฟยทำงานที่โรงแรมจูนได้หลัยก็เป็นเรื่อง บังเอิญเช่นกัน

เมื่อเจ็ดปีก่อน เธอตั้งครรภ์ลูกสองคนและไม่สามารถ ทำงานได้ บวกกับการตัดขาดจากตระกูลฉิน ที่ทำให้ไม่มี แหล่งเงินทุน เธอก็เลยขายเครื่องประดับสิ่งของมีค่าที่มี อยู่บนตัวเธอทั้งหมด แล้วย้ายมาปักหลักอยู่ที่เมืองH

ฉินเฟยที่อายุยังน้อยไม่รู้เลยว่าการคลอดลูกนั้น ความ จริงยังถือว่าดี แต่ค่าใช้จ่ายของการเลี้ยงดูลูกต่างหากที่ ยากกว่า ในฐานะที่เป็นแม่ก็อยากจะให้สิ่งที่ดีที่สุดแก่ลูก แต่ทว่าฉินเฟยคลอดทีเดียวก็สองคนเลย การดูแลเรื่อง อาหารการกินการเป็นอยู่ก็นับว่าปวดหัวมากพอแล้ว ไม่ เหลือเวลาไปทำงานเลย และเพราะลูกยังเล็ก ปล่อยทิ้งไว้ที่บ้านก็ไม่ไว้ใจ

แต่ถ้าหากไม่ทํางานก็ไม่มีเงินฉินเซิง ตั้งแต่เล็ก สุขภาพ ไม่ดี สองวันดีสี่วันไข้ก็ต้องไปพักที่โรงพยาบาล แค่ถึง โรงพยาบาลเท่านั้นแหละ ค่าใช้จ่ายก็เหมือนกับน้ำที่ไหล ออกไป

นับว่าเป็นครั้งแรกที่ฉินเฟยรู้ซึ้งถึงสภาวะเงินช็อตมันเป็น ยังไง มันลำบากมากยิ่งกว่าตอนที่เธอต้องอยู่ที่นิวยอร์ก คนเดียวเสียอีก

แต่ก็เป็นเพราะสถานการณ์ที่ลำบากแบบนี้ ขณะที่ฉิน เฟยพาฉินเซิงไปหาหมอที่โรงพยาบาล ทำให้ได้รู้จักกับ โม่ฮวนที่มาตรวจอาการที่โรงพยาบาลเช่นกัน

เป็นผู้หญิงที่มีจิตใจกระตือรือร้น เห็นฉินเซิงครั้งแรกก็ ชื่นชอบมาก จากนั้นพอได้ทราบเรื่องสถานการณ์ที่เธอ เผชิญอยู่ จึงให้ข้อเสนอแนะว่า ตอนนี้ลูกก็โตขึ้นเยอะ แล้ว สามารถให้พวกเขาเข้าเรียนชั้นอนุบาลได้ เธอจะได้ มีเวลาไปทํางานด้วย

โม่ฮวน ยังแนะนํางานให้เธอด้วย แต่กลับคิดไม่ถึงว่าโม่ ฮวนเป็นถึงผู้จัดการของโรงแรมจูนได้หลัย จึงใช้ตำแหน่ง ในการแนะนำงานบริการให้เธอ เดิมทีเธอไม่อยากทำงาน ที่นี่ แต่ว่าเงินเดือนที่จูนไม้หลัยจ่ายสูงมาก และเธอ ต้องการใช้เงินด่วน ดังนั้นไม่ไปก็ไม่ได้
ที่เธอไม่อยากไปจูนได้หลักเหตุผลหลักคือไม่อยากไป ข้องเกี่ยวกับเรื่องในอดีตอีก พอกลับมาคิดอีกทีเมืองBกับ เมืองHห่างกันตั้งไกล อีกทั้งจูนไม้หลัยมีสาขาตั้งทั่ว ประเทศ น่าจะไม่มีใครรู้จักเธอหรอก

เพื่อความปลอดภัย เธอไม่ได้ใช้ชื่อสกุลจริงของเธอ แต่ ใช้อีกชื่อหนึ่งคือ ฉินอันเฟย

จนถึงตอนนี้ ฉินเฟยทำงานได้สามปีกว่าแล้ว และเป็นไป ตามที่เธอคาดการณ์ไว้ในตอนแรก เธอไม่เคยพบเจอคน ที่รู้จักและไม่เคยได้ยินชื่อของคนที่คุ้นเคยที่จะทำให้เธอ เสียใจหรือนึกถึงเรื่องที่เคยเกิดขึ้นกับพวกเขาในอดีต

แต่ทว่าโม่ฮวนทํางานที่เมืองH ได้เพียงสองปีเท่านั้น การ ทํางานและผลงานของเธอโดดเด่นมาก ต่อมาเธอได้ เลื่อนตำแหน่งและถูกย้ายไปที่เมืองB แต่ก่อนที่เธอจะ จากไป เธอได้ยื่นเรื่องต่อสำนักงานใหญ่ โดยแนะนำให้ ฉินเฟยทําหน้าที่ตำแหน่งผู้จัดการโรงแรมต่อจากเธอ และ ตอนนี้เธอก็ทํางานตำแหน่งนั้นมาได้หนึ่งปีกว่าแล้ว

ตอนที่ฉินเฟยก้าวเข้าไปในโรงแรม พนักงานต่างพากัน กล่าวสวัสดีเธอ “สวัสดีค่ะ/ครับ ผู้จัดการฉิน ”

ฉินเฟยกวาดตามองไปที่บนใบหน้าของกลุ่มพนักงาน หญิง และพูดชี้ตำหนิพนักงานสองคนอย่างฉับไว “เสี่ยวถึง เมื่อคืนนอกดึกหรือไง? ทำไมไม่แต่งหน้า สีหน้าดูแย่ มาก จะทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าภาพลักษณ์การทำงานของเรา ไม่มีความพร้อมนะ เสี่ยวเหม่ยเมื่อคืนไปเที่ยวผับมาแล้ว ไม่ได้ล้างเครื่องสำอางหรือไง? แต่งหน้าเข้มแบบนี้เป็น เพราะว่าโรงแรมจะมีงานเลี้ยงกลางคืนหรือไง ฉันที่เป็นผู้ จัดการทำไมไม่ได้รับแจ้งอะไรเลย?”

“ผู้จัดการพูดถูกค่ะ จะรีบแก้ทันทีเลยค่ะ ” หลังจากที่ เสี่ยวถึงกับเสี่ยวเหม่ยยอมรับผิดก็รีบตรงดิ่งไปที่ห้องนํ้า เพื่อแก้ไขการแต่งหน้าทันที

จูนไม้หลับเป็นโรงแรมที่เปิดสาขาระหว่างประเทศ แขก ที่พนักงานให้การต้อนรับนั้นล้วนเป็นแขกวีไอพีฐานะ ร่ำรวย เพราะฉะนั้นมาตรฐานการดูแลจัดการพนักงาน ในโรงแรมจะต้องควบคุมอย่างเคร่งครัด โดยพนักงาน หญิงทั้งหมดไม่อนุญาตให้ปล่อยผมสยาย ต้องเก็บรวบ ผมเป็นมวยตรงท้ายทอย และจะต้องแต่งหน้า เพราะหาก สีหน้าดูไม่ดีก็เท่ากับภาพลักษณ์การบริการไม่ดี ซึ่งจะ ทำให้ลูกค้าสงสัยในท่าทีการทำงานของพวกเขา แต่ว่าก็ ไม่ควรแต่งหน้าจัดจ้านจนเกินไป จะทำให้รู้สึกว่าเสแสร้ง มารยา ซึ่งจะทำให้ลูกค้าสงสัยในด้านความเชี่ยวชาญ ของโรงแรมว่าดีหรือไม่

ฉินเฟยใช้มาตรฐานชุดนี้มาโดยตลอดในการฝึกฝน พนักงานอย่างเข้มงวด แน่นอนว่าตัวเธอเองก็ทำได้อย่าง ไร้ที่ติ โดยตัวเธอเองมีหน้าตาที่สวยสดงดงาม นึกถึงตอน ที่เพิ่งมาทำงานที่โรงแรมนี้ในตำแหน่งพนักงานระดับล่าง เธอเคยประสบปัญหาสาเหตุเพราะ ความสวย แขกมากมายที่เห็นว่าตัวเองมีเงินและอำนาจก็ คิดลงไม้ลงมือกับเธอ โชคดีที่ว่าตอนนั้นผู้จัดการโรงแรม คือโม่ฮวน เธอเคยพูดว่าถ้าหากผู้จัดการโรงแรมไม่ใช่เธอ เธอจะต้องโดนด่ายกใหญ่แน่ ในสถานการณ์ทั่วไปการ มีหน้าตาสวยไม่ใช่เรื่องที่ผิด แต่เมื่ออยู่ที่โรงแรมจูนได้ หลัยและรู้ตัวเองว่ามีหน้าตาสวยงาม แต่ไม่ยึดปฏิบัติตาม นโยบาย จนนำมาซึ่งการมีปัญหากับลูกค้า นั่นก็ถือว่าเป็น ความผิดของเธอ

จากนั้นมาฉินเฟยจงใจทำให้สีผิวของเธอเป็นสื่อม เหลือง สวมใส่แว่นกรอบดำเฉยๆ และมัดผมแบบเรียบๆ ไว้ตรงท้ายทอย นับตั้งแต่นั้นมา ความสวยของเธอก็ ไม่นำปัญหามาให้เธออีกเลย แขกมากมายไม่แม้แต่จะ ชายตามองเธอด้วยซ้ำ

มันทำให้ฉินเฟยรู้สึกพึงพอใจมาก


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ