รอยยิ้มอบอุ่นของพ่อประธานซาต

บทที่ 20 คนรอรับที่สนามบินอย่างล้นหลาม



บทที่ 20 คนรอรับที่สนามบินอย่างล้นหลาม

บทที่ 20 คนรอรับที่สนามบินอย่างล้นหลาม

“ไม่ได้โอเวอร์แน่นอน เมื่อวานผู้จัดการไม่ได้เห็นหน้า นายหลินผู้จัดการเสียเปรียบนะเนี้ย” ตอนที่หยัน พูดถึง นายหลินหน้าตาเธอดูมีความสุขและดูมีชีวิตชีวามากเป็น พิเศษ

ฉินเฟยยิ้มหน่อยๆ “ไม่เสียเปรียบหรอก เขาจะอยู่ที่ โรงแรมเราอีกตั้งครึ่งเดือนแน่ะ ฉันมีเวลาเหลือเฟือที่จะ ได้เห็นเขา”

หยันซีพยักหน้าตอบรับ “ก็ถูกนะ”

ฉินเฟยพูดตัดบทว่า “รีบไปทำงานของเธอเถอะ ครึ่ง เดือนนี้ เธอที่เป็นหัวหน้าแผนกมีเรื่องให้ยุ่งแล้วล่ะ”

หยันซีหันหลังวิ่งออกไปเพียงไม่กี่ก้าว แล้วหันหน้ากลับ มา อย่างเป็นห่วง “ผู้จัดการ ปากของคุณที่โดนแมลงต่อย น่ะ ที่ฉันมียานะ จะให้ฉันเอามาให้ไหม?”

“ฉันมียาแล้ว ไม่ต้องก็ได้” ฉุนเฟยปฏิเสธแบบอ้อมๆ

ฉินเฟย ถึงห้องทำงานของตัวเอง เก้าอี้ยังไม่ทันได้นั่ง ร้อน หยันซีที่มีใจกระตือรือร้นถือขวดยามาให้
“จัดการคะ ฉันคิดคิดดูแล้วเอายามาให้คุณดีกว่า ยา ขวดนี้นะเห็นผลเร็วอย่างน่าอัศจรรย์ ครั้งที่แล้วฉันโดน แมลงกัด ทั้งบวมทั้งแดง ทายาตัวนี้แล้วหายเร็วมาก ” หยันซีเอายาขวดที่มีเนื้อครีมสีเขียวนี้ยื่นให้กับฉินเฟย

ฉินเฟยใจเป็นทุกข์ คุรน้องคะ เธอไม่ต้องกระตือรือร้น ถึงขนาดนี้ก็ได้ ฉันน่ะไม่ได้โดนแมลงกัดจริงๆหรอกนะ ทําไมเธอคิดจริงจังขนาดนี้

ฉินเฟยฝืนยิ้มหน่อยๆ “ขอบใจนะ เดี๋ยวฉันค่อยทา เธอ ออกไปก่อนเลย

“ฉันจะดูผู้จัดการใช้ตอนนี้เลยค่ะ เผื่อเดี่ยวผู้จัดการลืม ทา” หยันซีพูด “ผู้จัดการรีบทาเลยค่ะ”

ฉินเฟยอยากจะเป็นลมประเดี๋ยวนี้เลย

เธอบีบยาเนื้อครีมสีเขียวออกมานิดหน่อยลงบนปลาย นิ้วมือด้วยมีสีหน้าที่ไม่ยินดีนัก จากนั้นทาลงบนริมฝีปาก อย่างกล้าๆกลัวๆ

น่าจะไม่มีผลข้างเคียงอะไรมั้ง เธอยังมีลูกสองคน ไม่ อยากให้เกิดเรื่องอะไรขึ้น

หลังจากที่ฉินเฟยใช้ยาของหยันซีต่อหน้าเธอ ก็รีบเอา ส่วนที่เหลือคืนให้เธอทันที “ตอนนี้เธอกลับไปทำงานได้อย่างสบายใจได้แล้วสินะ”

หยันซีก้าวเดินไปเพียงไม่กี่ก้าว ฉินเฟยก็เรียกเธอไว้ “เดี๋ยวก่อน ฉันขอถามอะไรเธอหน่อย”

หยันซีหันหน้ากลับมารอคำถามจากฉินเฟย

“นายหลินมีความคิดเห็นอะไร เกี่ยวกับการต้อนรับและ ที่พักเมื่อคืนนี้ไหม?” ความรู้สึกของเขามีความสำคัญ อย่างมากต่อทั้งโรงแรม ดันนั้นฉินเฟยจึงกังวลมาก

หยันซีแกล้งอุบไว้ครู่หนึ่ง แล้วตามด้วยเสียงหัวเราะ “แน่นอนว่าต้องแสดงความคิดเห็นดีที่สุดอยู่แล้ว ฉันที่ เป็นหัวหน้าแผนกบริการติดตามอย่างใกล้ชิดเชียวนะ”

ฉินเฟยรู้สึกโล่งอกไปที สำหรับความสามารถของหยันซี แล้ว เธอไม่ต้องสงสัยเลย ทั้งโรงแรมจูนได้หลัยนอกจาก เธอแล้ว ก็เห็นคงจะมีแต่การบริการของหยันซีนี่แหละที่ ละเอียดรอบคอบที่สุด

“หยันซีเธอนี่เก่งจริงๆ” การเป็นผู้นำคนมานาน ฉินเฟยรู้ ดีถึงความสำคัญของการให้กำลังใจจากหัวหน้าสู่ลูกน้อง ดังนั้นการปฏิบัติต่อลูกน้องของตัวเอง ถึงแม้บางครั้งจะ ลงโทษอย่างเคร่งครัด แต่เวลาที่ลูกน้องทำได้ดี

เธอก็จะไม่ตระหนี่ในเรื่องการชื่นชมเลย
“แต่ว่าเมื่อคืนฉันเสียใจมาก” สีหน้าของหยันซีดูเศร้า หมองไป “นายหลินมาพร้อมกับสาวสวยคนหนึ่งเข้ามาพัก พร้อมกัน ต่อมาได้ความมาว่าผู้หญิงคนนั้นคือว่าที่ภรรยา ของเขา ฉันได้แต่คิดว่าผู้ชายอย่างนายหลินที่นับว่าสูญ พันธุ์ไปจากโลกนี้แล้ว ไม่ควรมีผู้หญิงเลย เพราะบนโลก ใบนี้ยังมีผู้หญิงที่คู่ควรกับเขาอยู่อีกเหรอ?”

“เห้ยๆๆ อย่าเบี่ยงเบนไปทางอื่น เธอน่ะมีแฟนแล้วนะ”

“มีแฟนก็เปลี่ยนได้” หยันซีพูดอย่างหน้าตาเฉย แต่กลับ ทำให้ฉินเฟยตกตะลึง

อิทธิพลของหลินโยว่หลินที่มีต่อผู้หญิงนั้นดูยิ่งใหญ่ มากเลย ทั้งที่ยังไม่ได้รู้จักกัน แค่เจอกันเพียงครั้งเดียว ก็ สามารถได้รับการประเมินที่สูงขนาดนี้จากหยันซีได้

“ผู้จัดการ คุณคงไม่ได้หลงเชื่อหรอกนะ ฉันล้อเล่นเอง ฉันน่ะชอบผู้ชายก็ส่วนชอบผู้ชาย แต่ว่าฉันเป็นพวกชอบ ผู้ชายแบบรู้จักประมาณตัวเองดี ผู้ชายอย่างนายหลินฉัน ไม่กล้าเข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วยหรอก” บนหัวของหยันซีเปล่ง ประกายด้วยแสงแห่งปัญญา “ใช่แล้ว คุณเฉินผู้จัดการ ทั่วไปที่ประชุมกับเราเมื่อวานเดินทางมาจากสำนักงาน ใหญ่ถึงที่เมืองHแล้วนะ เขาได้มอบหมายไว้แล้วว่า ไม่ เพียงแต่ต้องดูแลนายหลินให้ดี และห้ามละเลยการดูแล ว่าที่ภรรยาของเขาด้วย คนอื่นใครที่จะไปดูแลเขาไม่ ไว้ใจสักคน ต่อให้เป็นฉันก็ไม่ไว้ใจเช่นกันจึงออกคำสั่งให้ผู้จัดการไปจัดการด้วยตัวเองค่ะ”

ฉินเฟยรู้สึกว่าไม่ได้มีปัญหาอะไร ในเมื่อเคยมีบุคคล สําคัญมากมายเข้าพักที่โรงแรม หากกังวลว่าจะมีปัญหา อะไรก็มักจะให้เธอที่เป็นผู้จัดการเข้าไปช่วยเหลือ เธอ เตรียมใจไว้ตั้งนานละ ดังนั้นก็เลยไม่ได้ตกตะลึงมากนัก

“อันนี้ไม่พูด ฉันก็รู้ดี

เหมือนกับเพิ่งนึกอะไรได้อย่างกะทันหัน พูดว่า “ยังมีอีก นะ ซีอีโอที่ได้รับการแต่งตั้งใหม่จากบริษัทของเราจะมา ที่นี่ และคุณเฉินผู้จัดการทั่วไปเดินทางไปรับที่สนามบิน แล้ว”

จิตใจที่เคยนิ่งสงบของฉินเฟยร้อนรนขึ้นมาทันที “ซีอีโอ บริษัทของเรา?”

“ไม่ใช่ซีอีโอคนเก่าของบริษัทนะ แต่เป็นซีอีโอเจียเป้ย ที่เพิ่งกลับมาจากการศึกษาในต่างประเทศ เขาลือกันว่า นายเจียยังหนุ่มและหล่อมาก ทั้งยังสุภาพอ่อนโยน โดย เฉพาะรอยยิ้มพิฆาตนั้นเพียงแค่ฉีกยิ้มจะมีลักยิ้มปรากฏ สองข้างแก้ม มีคนเขากล่าวคำประเมินถึงนายเจียว่า ใน ลักยิ้มของเขานั้นไม่มีเหล้า แต่ฉันนั้นเมาเหมือนหมาแล้ว ฉันรอคอยที่จะเจอเขาตั้งนานแล้ว ในที่สุดก็ได้เจอตัวจริง เสียที เมื่อคิดเช่นนี้แล้วการที่สำนักงานใหญ่ส่งตัวคุณ เฉินผู้จัดการทั่วไปมาก็เพราะซีอีโอคนใหม่จะมาที่นี่นั่นเอง” หยันซีเอามือเท้าค้างไว้ น้ำลายจะไหลลงมาอยู่แล้ว

ฉินเฟยตกตะลึงไปตั้งนานแล้วตกใจจนหนังหัวเริ่มชา ไปหมด เจียเป้ยเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดที่เธอรู้จักตอนอยู่ที่ อังกฤษ หลายปีที่ทำงานที่โรงแรมจูนได้หลัยเธอมักจะ ได้ยินชื่อของเขาบ่อยๆ และโอกาสที่จะได้พบเจอกันก็มี เพียงงานเลี้ยงประจำปี แต่ทว่างานเลี้ยงประจำปีบริษัท จำนวนพนักงานเยอะมาก พวกเขาไม่เคยได้พบปะกัน เป็นการส่วนตัว สำหรับเจียเป้ย ฉินเฟยไม่เคยตั้งใจที่จะ หลบหลีกอะไร แล้วแต่ว่าจะได้พบเจอกันโดยบังเอิญเมื่อ ไหร่

แต่ดูจากแนวโน้มมนตอนนี้ เพื่อนเก่าคนนี้ไม่พบไม่ได้

แล้วล่ะ

ณ สนามบินเมืองH

เด็กสองคนที่มีความสูงพอๆกันสะพายกระเป๋าเป้สีแดง และสีน้ำเงินสองใบ ยืนอยู่ที่ทางออกระหว่างเมือง B ไป ยังเมือง H สายตามองซ้ายทีขวาทีอย่างไม่หยุด เหมือน กลัวว่าจะพลาดอะไรไป เด็กสองคนนี้ชายหนึ่งหญิงหนึ่ง แต่ว่าหน้าตามีหลายที่ที่คล้ายกัน และที่สำคัญคือทั้งสอง เด็กหน้าตาจิ้มลิ้มมาก เหมือนกับตุ๊กตาแกะสลักสวยงาม จึงเป็นเหตุดึงดูดให้ผู้คนต้องหยุดเดินและมาถ่ายรูปด้วย
ฉินโม่กับฉินเซิงออกมาจากบ้าน เรียกรถตรงมาที่โรง แรมจูนได้หลัย และบังเอิญเจอกับผู้ชายคนหนึ่งที่บอกว่า จะไปรับซีอีโอเจียเป้ยที่สนามบิน พวกเขาสองคนเคยเห็น เจียเป่ยในรูปถ่าย และรู้ว่าเป็นเพื่อนสนิทของแม่ และยัง รู้อีกว่าสถานที่ที่แม่ทำงานอยู่เป็นธุรกิจของครอบครัวน้า เจียเป้ย ที่พวกเขามาครั้งนี้ก็เพื่อตามหาน้าเจียเป่ยและ ถามให้ชัดเจน เรื่องที่พ่อของพวกเขาคือใคร? เขาเป็น เพื่อนสนิทของแม่จะต้องรู้แน่ๆ

ในเมื่อเจียเป่ยอยู่ที่สนามบิน เด็กทั้งสองคนก็ต่อรถมา ที่สนามบิน พวกเขายืนรอที่ช่องรับผู้โดยสารแล้วหนึ่ง ชั่วโมงกว่า

“โมโม่ เราจะรอน้าเจียเป่ยตรงนี้ทำไม เธอบอกว่าจะพา ฉันหาพ่อไม่ใช่ดเหรอ? ฉันปวดเท้ามากเลย เหมือนจะมี ถุงน้ำแล้ว คุณแม่เห็นจะต้องเสียใจแน่เลย” ฉินเซิงจูงมือ ของฉันโม่ไปด้วย และเอียงตัวมองที่เท้าของตัวเองไป ด้วย

ฉินโม่เพ่งมองไปที่ทางออก สีหน้าเคร่งขรึมเย็นเยือก “เขาเป็นเพื่อนแม่ไม่ใช่หรือ แม้แต่พ่อของเราคือใคร เขา ยังไม่รู้ จะต้องเป็นเพื่อนที่ไม่ผ่านเกณฑ์และถ้าเป็นเพื่อน ที่ไม่ผ่านเกณฑ์แม่ไม่เก็บรูปถ่ายไหว้หรอก ดังนั้น น้าเจีย เป้ยน่าจะรู้ว่าพ่อของเราคือใคร”

“โม่โม่ พี่กำลังพูดบทบิดลิ้นอยู่เหรอ ฉันเวียนหัวไปหมด แล้วนะ ” ฉินเซิงดึงมือตัวเองออกมา จับที่หัวไว้
“พูดง่ายหน่อยก็คือ น้าเจียเป่ยเป็นเพื่อนสนิทของแม่ อาจจะมีเบาะแสเกี่ยวกับพ่อของเราก็ได้” ฉินโม่ทำอะไร ไม่ได้กับน้องสาวที่มีอายุห่างกันเพียงหนึ่งนาทีคนนี้ ความ จริงเป็นคนฉลาดนะ แต่กลับชอบแกล้งโง่

“ก็จริงตามนั้นนะ โมโม่ฉลาดจริงๆเลย” ฉุนเชิงไม่ได้ สนใจสนใจว่าคนในสนามบินมากมายที่กำลังล้อมดูพวก เขาอยู่ โอบกอดฉินโม่และหอมแก้มเขาไปทีหนึ่ง แต่ความ รู้สึกที่ตื่นเต้นนั้นอยู่ได้ไม่นาน รอยยิ้มบนใบหน้าหุบลง อย่างรวดเร็ว “โม่โม่ ฉันรู้สึกกลัว แม่ให้เราไปโรงเรียน แต่ เรากลับแอบหนีออกมาตามหาน้าเจียเป่ย ถ้าแม่รู้เรื่องล่ะ ก็ ต้องโดนตีก้นแน่”

คุณแม่ในเวลาปกติก็เลี้ยงดูตามใจพวกเขามาก แต่ว่า คนที่ยิ่งอ่อนโยนเวลาโกรธขึ้นมาก็จะยิ่งน่ากลัว การลงไม้ ลงมือก็จะยิ่งรุนแรง เธอไม่อยากโดนตีจนก้นแดงเจ็บแสบ หรอกนะ และไม่อยากเห็นแม่ร้องไห้เพราะตีพวกเขาด้วย

“เรื่องนี้ฟ้าดินรู้ เธอกับฉันรู้ แม่จะไม่รู้เด็ดขาด” ฉินโม่พูด อย่างมั่นใจ

ฉินเซิงมองไปที่ฉินโม่อย่างตั้งอกตั้งใจ ใบหน้าน้อยๆ แสดงอาการสงสัย มันจะราบรื่นขนาดนั้นเลยเหรอ?

ทันใดนั้น กลุ่มคนในสนามบินเริ่มกรูกันขึ้นมาและส่งเสียงดังรบกวน

แต่ฉินโม่กับฉินเซิงได้ยินข้อมูลบางส่วนที่เป็นประโยชน์

“เห็นไหม นั่นคือเจียเป่ย ออกมาสักทีนะ”

“รอตั้งแต่เช้าแล้ว ยังคิดว่าสายข่าวรายงานผิดพลาด เสียอีก”

“จะรออะไรอยู่ ไม่เห็นหรือไงว่านักข่าวสํานักอื่นพุ่ง เข้าไปแล้ว?”

“เร็วเข้า ข่าวพาดหัวหน้าหนึ่งของฉัน ฉันมาแล้วจ้า”

นักเข้ากรูกันเข้าไป

“โม่โม่ พวกเขาดูน่ากลัวจัง เราตัวเล็กนิดเดียวต้องโดน เหยียบเป็นคุกกี้แบนแน่” ฉินเซิงแสดงสีหน้าหวาดกลัว

“เซิงเซิง ไปกับพี่ พี่จะปกป้องเธอเอง ” ฉินโม่จับมือของ ฉินเซิงไว้แน่น ถึงแม้ตัวเขาเองจะไม่ได้ตัวใหญ่ไปกว่าต้น ขาของพวกนักข่าวก็ตาม แต่กลับวิ่งตรงไปที่กลุ่มนักข่าว อย่างรวดเร็ว
ฉินเซิงวิ่งตามไปด้วย และร้องไปด้วย “โม่โม่ กระโปรง ฉันจะหลุดแล้ว รองเท้าก็หมือนกัน พี่จูงมือฉันแน่นๆนะ อย่าให้ฉันหลุดมือไปได้นะ ”

ฉินโม่ไม่มีเวลาปลอบใจฉินเซิงแล้ว ทำเพียงแค่จับมือ เธอแน่นขึ้น พร้อมพูดอย่างดีอกดีใจว่า “เซิงเซิง ดูนั่นสิ น้าเจียเป่ย เป็นน้าเจียเป่ยจริงๆด้วย เขาอยู่ตรงนั้น”

ฉินเซ็งยังไม่ทันรู้สึกตัว ก็ถูกฉินโม่ดึงเล็ดลอดฝ่าฝูงชน ไปซ้ายทีขวาที ในที่สุดก็มาถึงตำแหน่งที่อยู่ใกล้โซนด้าน หน้า มองเห็นเจียเป่ยที่อยู่ใกล้แค่เอื้อม ฉินเซิงกับฉินโม่ ดีใจจนอดไม่ได้ที่จะกระโดดโลดเต้น

ดังนั้นจะเห็นได้ว่าต่อให้เป็นเด็กที่เย็นชาสุขุมแค่ไหน เด็กยังไงก็ยังเป็นเด็กวันยันค่ำ

คนที่ตามหาแสนยากลำบากตอนนี้อยู่ตรงหน้าแล้ว พวก

เขาจะเก็บอารมณ์ของตัวเองไว้ได้อย่างไรกัน

ทั้งๆที่เห็นอยู่ว่าใกล้กันมาก ฉินโม่กับฉินเซิงถูกคนเบียด เสียดไปมาทำให้เข้าใกล้เจียเป้ยไม่ได้ เสียงตะโกนของ พวกเขาก็ถูกกลบโดยเสียงตะโกนของกลุ่มคน

กลุ่มคนพวกนั้นเดินตามเจียเป้ยไปจนถึงประตูสนามบิน และตรงประตูได้จอดรถไว้หนึ่งคัน ประตูรถเปิดออก กลุ่มบอดี้การ์ดสวมชุดสูทดำใบหน้าเคร่งขรึม กีดก้นพวกนักข่าวออกไป โดยพยายามรักษาความสงบ เรียบร้อยที่สนามบิน

พวกเขารู้ถึงความสำคัญของเจียเป่ย และไม่อาจให้เกิด เหตุสุวิสัยอันใดได้

“น้าเจียเป่ย น้าเจียเป่ย หนูคือเซิงเชิง”

“น้าเจียเป่ย อย่าเพิ่งไป พวกเราหาคุณอยู่

ต่อให้จะรู้ว่าเจียเป่ยคงไม่ได้ยินเสียงพวกเขาหรอก ฉิน โม่กับฉินเซิงก็ไม่ยอมแพ้ที่จะตะโกนเรียกเสียงดัง

เมื่อเห็นเจียเป้ยยิ่งอยู่ยิ่งไกลออกไป เขากลับหยุดฝีเท้า ลงอย่างกะทันหัน ราวกับได้ยินวคนเรียกเขา เขาหันหน้า กลับไปมองดู


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ