รอยยิ้มอบอุ่นของพ่อประธานซาต

บทที่9 สอบถามผู้ชายคนนั้น



บทที่9 สอบถามผู้ชายคนนั้น

บทที่9 สอบถามผู้ชายคนนั้น

วันรุ่งขึ้นฉินเฟยตื่นขึ้นมา เธอจำเรื่องราวของเมื่อวาน ได้รางๆ เธอส่ายหัวอย่างขมขื่น ได้แต่จัดระเบียบตัวเอง ง่ายๆ และลงไปทานอาหารที่ห้องอาหารชั้นล่าง ระดับ น้ำตาลในเลือดของเธอต่ำถ้าหากไม่ทานอาหารเช้า ก็ ไม่รู้จะเป็นลมไปตอนไหน

ดังนั้นไม่ว่าจะเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นก็ตาม ยังไงก็ต้องทาน ข้าว ไม่อย่างนั้นก็จะไม่มีแรงแม้แต่จะพร่ำบ่น

อาหารเช้าของจูนได้หลัยเป็นอาหารเช้าพิเศษจากทั่วทุก มุมโลก เรียงรายพราวตาอยู่ตรงหน้า แต่ละจานทำเอาฉิน เฟยถึงตายได้ เธอลังเลตัดใจเลือกเพียงไม่กี่อย่างที่ชอบ และไปนั่งลิ้มชิมรสอาหารอันโอชะอยู่ที่มุมมุมหนึ่ง

อาหารถูกปาก ฉินเฟยทานอย่างสุขใจ พอคิดถึงเรื่องนั้น ขึ้นมาก็ได้แต่ช่างเถอะ ถือว่าถูกสุนัขกัดไปหนหนึ่ง สุนัข มันก็คงไม่พูด ถ้าอย่างนั้นเธอก็คงค่อยๆลืมมันไปเอง

เมืองBคงจะไม่โหดร้ายกับเธอนัก ตั้งแต่กลับมาเหยียบ แผ่นดินแห่งนี้ ก็ไม่มีเรื่องดีเกิดขึ้นกับเธอเลย ตอนนี้ชีวิต เธอก็เหมือนกับหมอกควันในเมืองปักกิ่ง
แม่เอ้ย! ทำไมถึงได้ปล่อยให้ขายแปลกหน้าดูถูกเอาได้ เรื่องนี้คงจะไม่ได้ช่างกันง่ายๆ

ฉินเฟยกำลังจะเตรียมถามพนักงานเสิร์ฟว่าผู้จัดการ โรงแรมอยู่ที่ไหน เธอเห็นป้าคนทำความสะอาดกำลังเช็ด เค้าเตอร์อยู่ เธอจึงรีบดึงป้ามาถาม “คุณป้าคะ รู้ไหมว่าผู้ จัดการอยู่ที่ไหนคะ”

คุณป้าทำความสะอาดมองสำรวจฉินเฟยขึ้นลง จน แน่ใจแล้วว่าเธอไม่ดูเป็นพิษเป็นภัยถึงได้ชี้ทางให้ “คุณ เดินตามทางเดินนี้ไป เลี้ยงซ้ายเลี้ยวขวาแล้วก็เลี้ยวซ้าย เลี้ยวขวาอีกที ห้องที่สามเป็นห้องของผู้จัดการค่ะ”

“ขอบคุณค่ะ” ฉินเฟยฟังจนเวียนหัว แต่ก็ยังพยายาม เดินไปตามทางเดินดู

พอแผ่นหลังของฉินเฟยลับไป หญิงสาวที่เค้าเตอร์ พนักงานเสิร์ฟหลายคนพากันวิ่งไปตรงหน้าคุณป้า ทำความสะอาด ก่อนจะลากหล่อนไปถามว่า “คุณป้าคะ คุณป้า ผู้หญิงคนนั้นถามอะไรคุณป้าคะ”

คุณป้าทำความสะอาดยิ้มแล้วตอบว่า “หล่อนถามว่า ห้องผู้จัดการไปทางไหนค่ะ”

หญิงสาวคนหนึ่งยักคิ้วหลิ่วตากับหญิงสาวอีกคนหนึ่ง ก่อนจะพูดว่า “ฉันบอกแล้วใช่มั้ยล่ะ ว่าผู้หญิงคนนี้ไปหาผู้จัดการเพื่อเรียกเก็บเงิน เธอเห็นมั้ยคอเสื้อปิดซะมิด ขนาดนั้น ไม่รู้ว่าตามคอตามตัวโดนผู้ชายกระทำชำเราไป ถึงไหนแล้ว

คุณป้าฟังแล้วเหมือนแล้วจะเข้าใจเหมือนจะไม่เข้าใจ “เธอพูดอะไรน่ะ”

“คุณป้า คุณป้าว่าผู้หญิงคนนั้นสวยมั้ยล่ะคะ”

“ผู้หญิงคนนี้หน้าตาดีนะ ป้าทำงานที่โรงแรมนี้มาก็หลาย ปีแล้ว แต่ไหนมาก็ไม่เคยเห็นผู้หญิงสวยขนาดนี้มาก่อน เลย” คุณป้าพูดตามความเป็นจริง

รูปร่างหน้าตาของฉินเฟยความจริงแล้วพอใครได้เห็น ครั้งแรกก็พากันหลงใหลประทับใจ

“คุณป้า หล่อนสวยตรงไหนกันคะ พวกเราพนักงาน ต้อนรับในโรงแรมตั้งมากมายที่สวยกว่าหล่อนตั้งหลาย ร้อยเท่า” ผู้หญิงคนที่สูงหน่อยทำหน้ามึนตึง สีหน้าเขียน ประทับคำว่า…ไม่ชอบใจ

“ฉันก็ว่าหล่อนสวยดีนะ” สายตาของคนเตี้ยกว่าเต็มไป ด้วยความอิจฉา เธอพูดด้วยตาเป็นประกาย “หล่อนสวย กว่าดาราหนังดังๆเสียอีก ดูลักษณะแล้วก็น่าจะมาจาก ครอบครัวคนมีเงิน ฉันแทบไม่สามารถละสายตาจาก หล่อนได้ เกลียดตัวเองจริงๆเลยที่คอยแต่จะมองเธอ จะว่าไปแล้ว ฉันอยากจะมองเธออยู่ตลอดเวลา”

เธอยังเสริมตอนท้ายเข้าไปอีก “แม่ฉันคงต้องจับฉันกลับ ไปเข้าเตาหลอมใหม่ซะแล้วล่ะ ถ้าสวยได้แค่ครึ่งหนึ่งของ หล่อน ฉันก็ยอมแลกกับอายุขัยสักสิบปี

ผู้หญิงสูงยิ้มเย้ยหยันก่อนจะพูด “เธอเพ้อเจ้อแล้ว”

คนเตี้ยดูเหมือนจะไม่รู้ตัวว่าผู้หญิงสูงไม่ค่อยจะชอบใจ เธอยังคงชื่นชมความงามสะพรั่งของฉินเฟยอย่างไม่รู้จัก เหน็ดเหนื่อย

คุณป้าก็พลอยร่วมวงเม้าส์กันได้ด้วย “ผู้หญิงที่ป้าเพิ่งจะ พบเมื่อกี้เป็นผู้หญิงที่สวยที่สุดที่ป้าเคยเจอมาเลยค่ะ ส่วน นายหลินที่พักอยู่ที่ห้องสูทประธานาธิบดีก็เป็นผู้ชายที่ดู ดีที่สุดที่ป่าเคยเจอ จะว่าไปแล้วพวกเขาดูเหมาะสมกัน จริงๆ”

“นายหลินรี” ผู้หญิงคนเตี้ยถาม “ใช่ผู้ชายที่เช็คอินเมื่อ คืนนี้แล้วทั้งโรงแรมพากันไปต้อนรับอย่างเอิกเกริกน่ะ หรอคะ”

“ใช่ใช่ใช่ นายหลินคนนั้นแหละ ไม่คิดเลยว่าเขาจะ ฉลาดขนาดนั้น และยังประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก” คุณป้าตัดพ้อว่าทำไมชะตาชีวิตของคนบนโลกนี้ช่างแตก ต่างกันยิ่งนัก
ผู้หญิงเตี้ยพูดขึ้นว่า “อั้ยยะ ผู้หญิงคนนั้นก็เพิ่งออกมา จากห้องสูทประธานาธิบดี หรือว่าพวกเขาเป็นคู่รักกัน”

“คู่รักอะไรกัน เห็นๆอยู่ว่าเป็นผู้หญิงที่ผู้จัดการจัดเตรียม ไว้ให้นายหลิน” ผู้หญิงสูงพูดด้วยสีหน้ารังเกียจ และร้อง ยี้ก่อนจะพูดออกมา

“ฉันรู้แล้วว่าทำไมวันนี้เธอถึงพูดจาร้ายๆ เธออิจฉาผู้ หญิงคนนั้นใช่มั้ยล่ะ เมื่อคืนนี้เธอก็ไปยืนชะเง้อต้อนรับ นายหลินอยู่ข้างนอกใช่รึเปล่า” หญิงเตี้ยเอาข้อศอก กระทุ้งหญิงสูง “เธอคงไม่ได้ตกหลุมรักนายหลินตั้งแต่ แรกพบหรอกนะ

“ถ้าหากว่าเธอได้เห็นนายหลิน เธอก็คงอิจฉาผู้หญิงคน นั้นเหมือนกันนั่นแหละ ฉันคิดว่าใครก็ไม่คู่ควรกับนาย หลินของฉันหรอก” หญิงสาวร่างสูงพูดหน้าตาเฉย

หญิงตัวเตี้ยจับใบหน้าตัวเองพร้อมพูดอย่างเสียดาย “ฉันยังไม่เคยเห็นนายหลิน แต่ฉันก็อิจฉาผู้หญิงคนนั้น แล้วล่ะ อิจฉาสุดๆ

คุณป้าไม่รู้จะพูดอะไรแทรกระหว่างหญิงสาวที่กำลัง เพ้อฝันทั้งคู่ เธอได้แต่ถอยกลับไปที่ด้านข้างและทำงาน ของเธอต่อไป

ฉินเฟยที่บอกว่าจะไปตามหาผู้จัดการโรงแรมหลัวยีเธอไม่รู้หรอกว่ากำลังโดนพนักงานต้อนรับสองคนนั้นเม้า มอยอยู่ เธอเดินมาถึงประตูหน้าห้องผู้จัดการ เดินไปเดิน มาอยู่ที่หน้าประตู เธอคิดใคร่ครวญว่าจะพูดเรื่องนี้ออก มาให้ชัดเจนได้อย่างไร

จังหวะเดียวกับที่หลัวยีเดินออกมาจากห้องทำงานพอดี เขาตกอกตกใจที่มีคนอยู่ที่หน้าประตูห้อง แต่เมื่อคิดให้ดี เขาก็รู้สึกทึ่งกับใบหน้างดงามน้อยๆของฉินเฟย

โรงแรมจูนได้หลับมีสาวงามมาเข้าพัก ผู้จัดการอย่าง เขาทำไมถึงได้ไม่รู้ เมื่อคืนนี้ส่งนางแมวป่าไปให้นายหลิน ทำให้เขารู้สึกเลือดลมสูบฉีด ผู้หญิงผมหางม้าคนนี้ ดูเป็น คุณหนูช่างกระตุ้นความสงสารจากผู้ชายนัก

“คุณผู้หญิง มาหาผมหรือครับ”

“คุณคือผู้จัดการใช่มั้ยคะ”

หลัวยียิ้มหน้าบานพร้อมพยักหน้า

ฉินเฟยลังเลอยู่นานก่อนที่จะเอ่ยปากถาม “เมื่อคืนใน ห้องสูทประธานาธิบดีนอกจากฉันแล้วยังมีคนอื่นอยู่ด้วย หรือคะ”

ห้องสูทประธานาธิบดี
หลัวยีตกใจ นี่เป็นห้องที่นายหลินอยู่ไม่ใช่

ฟังจากเสียงของผู้หญิงคนนี้แล้ว เธอก็อยู่ในห้องนั้นด้วย เมื่อคืนนี้ ไม่ได้เกิดเรื่องอะไรขึ้นใช่มั้ย

หลัวยีให้บริการที่หลัวยีมาเป็นเวลายี่สิบกว่าปี เจอคน หัวร้อนคนบ้ามาเยอะแล้ว แน่นอนว่าเรื่องเล็กแค่นี้ไม่ได้ ทําให้เขาเสียศูนย์ สีหน้าเขายังคงยิ้มแย้มอย่างไม่มีที่ติ “คุณผู้หญิงเอาที่ไหนมาพูดกัน โรงแรมของเรานั้นติดหนึ่ง ในสามของทั่วโลกในเรื่องของระบบการจัดการ เราจะ เปิดห้องอย่างไม่มีจรรยาบรรณให้กับคนอื่นได้ยังไงกัน

“แต่ว่า…”

ฉินเฟยยังอยากจะพูดอะไรสักหน่อยแต่ก็ถูกหลัวยื ตัดบท “ใครกันที่พาคุณฉินไปที่ห้องนั้น คุณเข้าไปในห้อง นั้นได้ยังไง”

ฉินเฟยนำบัตรวีไอพีเมื่อวานนี้ยื่นให้กับหลัวยี “เนาะ ก็ บัตรใบนี้ไง นายน้อยของโรงแรมคุณเป็นคนให้ฉันมา”

หลัวยีรับบัตรนั้นมา มองครู่เดียว เขาก็รู้ว่านั่นเป็นบัตรที่ คนในครอบครัวตระกูลเจียใช้กัน ไม่เหมือนกับบัตรวีไอพี ของโรงแรมทั่วไป นอกจากเป็นบัตรทองแล้ว ด้านหลังยัง มีเพชรสีน้ำเงินติดอยู่หนึ่งเม็ด ถ้าไม่ดูอย่างระมัดระวังก็อาจมองผ่านไป

เมื่อวานนี้หลัวยืมอบห้องที่เตรียมไว้ล่วงหน้าเพื่อนาย หลินให้แก่ผู้หญิงคนนี้ซึ่งเป็นแขกวีไอพี และยังบอกแม่ บ้านที่ดูแลว่าให้พาผู้หญิงที่โชว์บัตรวีไอพีขึ้นไปที่ห้องสูท ประธานาธิบดี

จะต้องเป็นเพราะแม่บ้านพาไปผิดแน่ๆ ตอนนี้จะทำ อย่างไรดีล่ะ ผู้หญิงคนนี้เป็นเพื่อนกับนายน้อย ถ้าหากว่า นายน้อยรู้ว่าตัวเองทำพลาดใหญ่หลวงขนาดนี้ ตำแหน่ง ของเขาสงสัยจะรักษาเอาไว้ไม่ได้ เขามานุบากบั่นมาสิบ กว่าปีถึงได้มาอยู่จุดนี้ได้ จะมาพลาดเพราะเรื่องนี้ไม่ได้

หลัวยีปรับอารมณ์ตัวเองให้ปกติ ในที่สุดเขาก็ยิ้มออกมา “คุณผู้หญิง คุณชื่ออะไรนะครับ”

ฉินเฟยตอบไปอย่างซื่อๆ “ฉินเฟย”

หลัวยีรีบค้นหาชื่อนี้ในคอมพิวเตอร์ ไม่พบข้อมูลว่าเธอมี ความสัมพันธ์ใดๆกับตระกูลเจีย เขาจึงรู้สึกโล่งใจ

จากนั้นเขาจึงถามขึ้นอีกว่า “คุณเป็นอะไรกับนายน้อย นะครับ”

เรื่องนี้ต้องเช็คให้ดี ถ้าหากว่าเป็นแฟนของนายน้อยเขาคงถูกตำหนิติเตียนเป็นแน่

“เพื่อนธรรมดาค่ะ เขาเห็นฉันไม่มีเพื่อนไม่มีญาติอยู่ที่ เมืองB ก็เลยให้บัตรนี้กับฉันมา” ฉุนเฟยไม่ต้องการพูด เกินจริงเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเธอและเจียเป่ย และ ไม่ได้ต้องการให้คนของโรงแรมปฏิบัติต่อเธอเป็นพิเศษ เพราะว่าเจียเป่ย


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ