รอยยิ้มอบอุ่นของพ่อประธานซาต

บทที่3 ทะเลาะกับคนรักเก่า



บทที่3 ทะเลาะกับคนรักเก่า

บทที่3 ทะเลาะกับคนรักเก่า

ฉินเฟยไม่รู้ว่าตัวเองหลับไปได้ยังไง และยังหลับเอาเป็น เอาตายอีกด้วย

ที่จริงหลายปีมานี้เธอเป็นโรคประสาทที่มีการอ่อนเพลีย เรื้อรัง เธอถึงได้นอนหลับยากแต่กลับรู้สึกตัวตื่นได้ อย่างง่ายดาย ช่วงหนึ่งถึงกับต้องใช้ยานอนหลับเพื่อให้ ร่างกายได้รับการพักผ่อนที่เพียงพอ

ช่วงนั้นเธอน้ำหนักลดลง เป็นช่วงเวลาทองที่ใส่เสื้อผ้า อะไรก็ดูดีไปหมด

ฉินเฟยไม่ใช่คนอ่อนแอ เธอมักจะพบความหวัง ท่ามกลางความอัปยศอยู่เสมอๆ

ว่าง่ายๆก็คือ มันคือความสุขใจท่ามกลางความขมขื่น

ตอนที่ฉินเฟยรู้สึกตัวตื่นขึ้นมา เครื่องบินก็ลงจอดอย่าง สงบปลอดภัยแล้ว ตอนที่เครื่องบินผ่านฝนฟ้าคะนองอยู่ นั้น เธอได้หลับไป ดังนั้นจึงไม่แน่ใจว่าเครื่องบินได้ผ่าน ประสบการณ์เช่นใดมาบ้าง รู้แค่ว่าตอนนี้มองออกไปนอก หน้าต่างเล็กๆ ข้างนอกเป็นท้องฟ้าสีครามเมฆสีขาว ทุก อย่างดูปรกติดี
ฉินเฟยถอนหายใจในใจ รอดมาได้ช่างดีจริง

เธอหันไปอยากจะจับมือแสดงความยินดีกับหลินโย ว่หลิน ถึงแม้ว่าเขาจะปากร้าย แต่ว่าตอนที่เธอขอร้อง เขาก็ไม่ได้ดึงมือเธอออก เธอจึงเชื่อมั่นว่าความจริงแล้ว เขาก็คนจิตใจดีคนหนึ่งต่อให้หน้าจะนิ่งซะหน่อย แต่ว่า ตำแหน่งที่นั่งข้างๆเธอก็กลับว่างเปล่าซะแล้ว ไม่รู้ว่าคน หายไปไหนแล้ว

ฉินเฟยตามคนอื่นๆลงจากเครื่องบิน มองเห็นหัวดำดำก็

ใจลอย

เร็วจัง ตอนนี้เธอมาถึงอาณาเขตของเมืองBแล้ว สถาน ที่ที่ทำเอาเธอร้องไห้อยากจะกลับมา ตอนนี้ได้สูดอากาศ ของที่นี่แล้ว ได้เหยียบลงบนพื้นดินของมัน ได้สัมผัสถึง อารยธรรม แต่มันกลับทำให้เธอรู้สึกกลัวอยู่ลึกๆในใจ

เมืองนี้ไม่ได้อบอุ่นเหมือนกับแต่ก่อนแล้ว ยืนอยู่กลาง แดดแต่กลับทำให้เธอรู้สึกหนาวเหน็บที่กำลังมาถึงได้ อย่างไม่รู้จบสิ้น

ถึงแม้ว่าฉินเฟยจะถูกตระกูลฉินเนรเทศให้ไปอยู่ ลอนดอน แต่ไม่ว่ายังไงก็แล้วแต่เธอก็ยังเป็นลูกสาวของ ตระกูลฉินซึ่งเป็นตระกูลที่มีชื่อเสียงมีหน้ามีตาอยู่ใน เมืองB เพื่อรักษาหน้าจึงได้จัดเตรียมคนมารับเธอคุณหนูใหญ่ที่บางคนอาจจะลืมไปนานแล้วก็ได้

เธอเดินไปยังไม่ถึงสองก้าว ที่เบื้องหน้าก็มีชายหนวด เคราเฟี้มยื่นอยู่ ชายหนุ่มสายตาจริงจัง

“คุณหนูใหญ่ นายสังกำลังรออยู่ที่นอกเครื่องบิน” เขา กล่าวโดยไร้อารมณ์ความรู้สึก มันมาพร้อมกับความ ประทับแรกในรอบหลายปีที่ผ่านมาที่ฉินเฟยไม่ได้กลับ มาที่เมืองนี้

หนาวเหน็บ!

ชายคนนั้นรับกระเป๋าเดินทางไปจากมือของฉุนเฟย ก่อนจะเดินจากไป

เธอเดินตามหลังชายคนนั้นไปเงียบๆ เดินไปยังสถานที่ จอดรถ ชายคนนั้นก็ทำหน้าที่เปิดประตูให้เธอขึ้นไปนั่งที่ เบาะหลัง

พอประตูรถเปิดออก เธอก็มองเห็นว่ามีชายอีกคนหนึ่ง นั่งอยู่ที่เบาะหลังรถ ถึงแม้จะเห็นเขาไม่ชัด แต่ฉินเฟยก็ รู้ว่าคนนี้คือ ไม่ว่าจะเมื่อไหร่เขาก็ยังพิถีพิถันอยู่เสมอ รองเท้าเงามันวับ กางเกงแสล็คตัดพอดีเข้ารูปเสมอขาดู แล้วแข็งแกร่งทรงพลัง เขาไม่ต้องพูดอะไรนั่นเพียงพอที่ จะทำให้คนรู้สึกต่ำต้อยได้แล้ว
เธออยู่ที่ลอนดอนมาหลายปี แนะนำให้เพื่อนรอบตัวพา กันรู้จักเขาอยู่เสมอ แต่ด้วยเพียงแค่คำพูดประโยคหนึ่ง เท่านั้น : เขาเป็นคนที่ทำให้ฉันเจียมตัวว่าต้อยต่ำแค่ไหน

“เฟยเฟย ขึ้นมาสิ” เสียงของสังเจ๋อเหมือนการละลายน้ำ แข็งครั้งแรก ช่างหนาวเหน็บในขณะเดียวกันมันก็ซ่อนอยู่ ในน้ำเสียงอันอบอุ่น

“ช่วยหารถคันใหม่ให้ฉันที” ฉุนเฟยยื่นมือออกปิดประตู รถลงอีกครั้ง ก่อนจะหันไปพูดกับลูกน้องที่อยู่ข้างๆ

“เรื่องนี้…” ชายคนนั้นหันไปมองคนในรถอย่าง กระอักกระอ่วน ถึงแม้ว่าจะมองไม่เห็นเขาเลยก็ตามเถอะ

“ฉันเป็นคุณหนูใหญ่ตระกูลฉินไม่ใช่เรอะ จำเป็นต้องไป นั่งรถคันเดียวกับคนที่ไม่ได้ข้องเกี่ยวกันด้วยรึยังไง สีห น้าฉินเฟยเย็นชา แววตาเต็มไปด้วยความโกรธ

พูดถึงว่าไม่เกี่ยวข้องกัน กลัวว่าแม้ว่าแต่เธอเองก็ไม่เชื่อ ปีนั้นชายหญิงที่เล่นกันมาตั้งแต่ยังเด็ก เด็กชายทองคำ เด็กหญิงหยกเคยเป็นเรื่องเล่าอันดีงามของเมืองB มี ใครบ้างที่ไม่รู้จักเธอฉินเฟยกับผู้ชายบนรถ และความ สัมพันธ์อันแนบแน่นพวกเขาทั้งสอง
“เขาคือคุณชายสังนะครับ คุณหนูใหญ่ คุณไม่ใช่…”

ชายคนนั้นพูดยังไม่ทันจบก็ถูกฉินเฟยตัดบท “ฉันเรื่อง มาก ฉันเอาแต่ใจ ฉันอยากจะนั่งคนเดียว แบบนี้จบได้ มั้ย”

เรื่องมาก และเอาแต่ใจ นี่มันป้ายฉลากติดตัวคุณหนูผู้ สูงศักดิ์ แต่ก่อนฉินเฟยก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ แต่พออาศัยอยู่ ตัวคนเดียวที่ลอนดอนไม่มีใครมาสนใจถามไถ่สารทุกข์ สุกดิบ ได้ลิ้มรสความเย็นของโลก ผจญความลำบากมา มากพอ ความเรื่องมากและเอาแต่ใจนั้นก็ถูกขัดเกลาให้ เข้ารูปเข้ารอยไปโดยปริยาย

ขณะนี้ชายที่นั่งอยู่ในรถจะต้องไม่เชื่อแน่ ว่าน้องฉินเฟย ของเขาจะเคยนอนข้างถนนมาแล้วจริงๆ ล้างจานมาแล้ว หลายพันใบ ทำจานแตกก็ยังถูกคนดุด่าทุบตี เขาจะต้อง ไม่เชื่อแน่ ตอนที่ผ่านประสบการณ์เหล่านี้ เธอก็ค่อยๆยิ้ม รับมือกับมัน

เมื่อคนบนรถได้ยินคำขอซึ่งเอาแต่ใจไร้เหตุผลของฉิน เฟย เขาก็ไม่ได้ว่าอะไร คนข้างๆคือลูกน้องของส่งเจ๋อ เขาให้ความเคารพฉินเฟย แต่ฉินเฟยก็รู้ว่าเขาไม่เชื่อฟัง เธอหรอก

ช่างเถอะ ก็วันนี้ไม่เหมือนเมื่อก่อน เธอไม่ใช่คุณหนูใหญ่ ตระกูลฉินผู้ทรงอิทธิพลอีกต่อไปแล้ว
ฉุนเฟยเดินลากกระเป๋าไปทางประตูเข้าสนามบิน แย่ ที่สุดก็แค่ตอนนี้ซื้อตัวสักใบแล้วบินกลับไปก็เท่านั้น หลายปีมานี้เธอเรียนหนังสืออยู่ที่ลอนดอน คนใกล้ชิด ก็อยู่ที่ลอนดอน เธอยังคิดว่าอีกหน่อยจะหางานทำที่ ลอนดอน แต่งงานมีลูกอยู่ที่ลอนดอน ถ้าหากไม่ใช่เพราะ ว่าพ่อสั่งให้เธอกลับมา เธอก็คงไม่ยอมเสียเงินค่าตั๋ว เครื่องบิน กลับมาหาเรื่องแท้ๆ

“เฟยเฟย ไม่เจอกันซะหลายปี พอเจอหน้าก็จะแกล้งกัน อีกหรอเนี่ย” น้ำเสียงของสังเจ๋อเหมือนกับผู้อาวุโสที่คอย จะสั่งสอนเด็กน้อย ให้ความรู้สึกเหมือนว่าผิดหวังซะเต็ม ประดา

ฉินเฟยไม่อยากจะสนใจสังเจ๋อ แต่มือของเธออยู่ๆก็ถูก ดึงไว้โดยมือของสังเจ๋อซึ่งอยู่ๆก็ลงมาจากรถ เขาไม่ได้ ออมแรงเลยสักนิด ผิวของเธอเดิมก็บอบบางมากอยู่แล้ว ถูกบีบเข้าจนเจ็บ

เธอหันกลับไปก็เห็นผู้ชายผู้ซึ่งไม่เห็นหน้ากันนานนม แต่ เธอก็คิดและระลึกถึงอยู่เสมอ

ขณะนี้ใบหน้าเขาสะท้อนแดด ใบหน้าดูเป็นภูมิฐาน มากกว่าหลายปีก่อน ขนคิ้วเขาขมวดแน่นเข้าหากัน เหมือนกับภูเขาที่ทอดยาว ริมฝีปากบางเบา มองเธอด้วย สายตาหยิ่งผยอง
“สังเจ๋อ ตอนนี้คุณยังจะมาสนใจฉันอยู่อีกเรอะ” ฉินเฟ ยถามอย่างมืดฟ้ามัวดิน

ย้อนกลับไปตอนนั้น ส้งเจ๋อเพราะว่าผู้หญิงคนนั้น ตบ เธอไปอย่างแรง เธอหมดหวังในตัวเขาไปแล้ว ไม่เพียง แต่ไม่หวังเท่านั้น แต่ไหนมาเธอก็เกลียดความมากรักของ เขาจนเข้าไส้ เกลียดจนเปลี่ยนเป็นเห็นความรักเป็นเรื่อง ตลกที่มีไว้ให้คนเหยียบย่ำ

“ใช่” แน่วแน่เหมือนที่ผ่านมา

“คุณจะมาสนใจฉันในฐานะอะไร” พูดแล้ว ฉินเฟยก็ กลอกตาหัวเราะ ฐานะแฟนเก่า หรือว่าน้องเขยล่ะ”

“เฟยเฟย ระหว่างเราต้องทำให้มันเป็นเรื่องน่าอายขนาด นั้นด้วยรึ” สังเจ๋อรำคาญใจอยู่บ้าง เปลวไฟเผาไหม้ผุด ขึ้นลึกในดวงตา

ฉินเฟยสะบัดมือเขาอย่างเกรี้ยวกราด และยังเตะหว่าง ขาเขาไปอีกด้วย “ถ้าไม่อยากอับอายเรื่องระหว่างเราล่ะ ก็ ก็รีบหายตัวไปจากหน้าฉันซะ”

“ฉินเฟย ผมคิดว่าหลายปีมานี้ที่ลอนดอนจะเปลี่ยนนิสัย คุณได้ แต่ว่าคุณช่างทำให้ผมผิดหวังซะจริง” สังเจ๋อมอง ฉินเฟยและพูดอย่างเคียดแค้นชิงชัง
“คุณอย่างให้ฉันค่าเสียๆหายๆหรือยังไง” ฉินเฟยมอง ตาขวาง เหมือนกับนักรบหญิงที่เข้าสนามรบพร้อมทั้ง หัวใจและจิตวิญญาณ “ฉันฉินเฟยไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆกับ คุณทั้งนั้น ไปผิดหวังบนหัวคุณได้ยังไง”

“เกี่ยวข้องอะไรกันรึเปล่าไม่ใช่พูดเอาเองก็เป็นไปตาม นั้น ผมอาสาพ่อคุณจะพาคุณกลับไป รับปากแล้วผมต้อง ทำให้ได้” ส่งเจ๋อก้าวขึ้นหน้าเพื่อล็อคข้อมือฉินเฟยอีก ครั้ง พร้อมพูดจาเลวทราม “ทำไมตอนนี้คุณถึงได้เปลี่ยน เป็นแบบนี้ได้”

“ฉันคิดว่าคุณจะเป็นแค่หุ่นเชิดของฉินเสี่ยวเสี่ยวเท่านั้น ที่ไหนได้ตอนนี้กลายมาเป็นหมารับใช้ของพ่อฉันแล้ว ด้วย” ฉินเฟยอยากจะอ้วกออกมา แต่ว่าก็ไม่ได้อ้วกอยู่ นาน ในที่สุดก็ยอมแพ้ หันไปเชยคางเขาพร้อมกับด่าทอ หัวเราะออกมาอย่างเสียไม่ได้ “หมาน้อย เรียกสองทีก็รีบ กระดิกหางมา”

สังเจ๋อไม่ต่อล้อต่อเถียงกับฉินเฟยอีก เขาคว้าข้อมือเธอ และพาไปที่รถ

ฉินเฟยไม่ให้ความร่วมมือเลยสักนิด เธอรู้สึกเหมือนว่า ข้อมือตัวเองกำลังจะถูกส่งเจ่อดึงหลุดออกมา รองเท้ายัง คงส่งเสียงลากไปตามพื้น

“ส่งเจ๋อ ฉันจะพูดเป็นครั้งสุดท้ายนะ” ฉุนเฟยเห็นสังเจ๋อหันมามอง เธอจ้องตาเขา ในนั้นไม่มีความรักลึกซึ้งอีก ต่อไป แต่ปกคลุมไปด้วยหิมะน้ำแข็งฉินเฟยนึกถึงที่พ่อ เธอพูดในโทรศัพท์ เธอรักผู้ชายหนุ่มคนหนึ่ง จะอยู่กินกับ ฉินเสี่ยวเสี่ยวตลอดทั้งชีวิต เธอสะกดกลั้นความเจ็บปวด ในดวงนั้นบวมปูดนั้นเอาไว้ ปิดเปลือกตาลงด้วยความสิ้น หวัง “ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้ ไม่อย่างนั้นฉันจะตายให้คุณดูตรง นี้เลย”

“ถ้าสามารถก็ลองตายให้ผมดูหน่อยก็แล้วกัน” เขามอง เธอด้วยสายตาแข็งกร้าวอยู่ครู่หนึ่ง ราวกับว่าเหนื่อย หน่าย และพูดอย่างเนิบๆ “เฟยเฟย อย่าโวยวายไปเลย เสี่ยวเสี่ยวและลุงฉินต่างก็พากันคอยให้เธอกลับไปอยู่ที่ บ้าน”

“สังเจ๋อ คุณจงใจนี่ คุณก็รู้ว่าฉันไม่ถูกกับฉินเสี่ยวเสี่ยว คุณยังจะมาพูด อนางแพศยาต่อหน้าฉันอีก” ฉินเฟยถึง จะไม่ค่อยพอใจสังเจ๋อ แต่ว่าก็ยังพอจะสามารถควบคุม อารมณ์เอาไว้ได้ถึงจุดหนึ่ง แต่พอได้ยินชื่อฉินเสี่ยว เสี่ยวออกจากปากเขา อารมณ์เธอก็เดือดพุ่งจนถึงขีดสุด เหมือนกันฟ้าที่อยู่ๆก็ผ่าลงมา ฝนฟ้าคะนอง เธอเบ้ปาก “หล่อนฉินเสี่ยวเสี่ยวไม่เพียงแค่เป็นลูกนอกคอก มันเป็น อะไรนั้น คุณน่ะตาบอด แต่ว่าฉันน่ะไม่ หล่อนมันเป็นผู้ หญิงหน้าด้านไร้ยางอายที่สุด”

“คุณ—!” มือของส้งเจ๋อยกขึ้น ไฟโกรธในดวงตากำลัง เผาไหม้ลามไปถึงขนคิ้วของเขา
“ตบก่อนหน้านี้มันยังไม่พออีกหรือยังไง หรือว่าคุณจะ ตอบฉันเพราะหล่อนอีกซักที” ฉุนเฟยพุ่งตรงเข้าเป้าไป ด้วยความโกรธ

สังเจ่อทำหน้าเครียด สีหน้าเต็มไปด้วยความเจ็บปวด พร้อมกล่าวคําที่เย็นชาออกมา “เฟยเฟย นี่เป็นเรื่อง ระหว่างคุณกับผม ไม่ควรดึงเสี่ยวเสี่ยวเข้ามาเกี่ยวด้วย ตอนแรกถ้าหากว่าคุณไม่…

“ตอนแรกถ้าฉันไม่ทำไม” ฉุนเฟยขัดคำพูดของเขา พร้อมหัวเราะออกมา “แต่แรกถ้าไม่ใช่เพราะหล่อน ฉัน ก็คงไม่ต้องไปลอนดอน คุณก็คงไม่ตบฉันฉาดนั้น เราก็ อาจจะยังคบกันอยู่ แต่ว่าชีวิตของฉันฉินเฟยไม่ต้องการ คำสามคำนี้…ถ้าหากว่า”

ส้งเจ๋อถอนหายใจอีกครั้ง “พอเหอะ ไม่ต้องพูดแล้ว”

เรื่องถึงตรงนี้ ก็ปล่อยให้เขาเก็บไปรกสมองเขาคนเดียว เถอะ อย่าเอามารกสมองเธอไปด้วย


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ