รอยยิ้มอบอุ่นของพ่อประธานซาต

บทที่ 12 เธอคือเธอ



บทที่ 12 เธอคือเธอ

บทที่ 12 เธอคือเธอ

ฉันเฟยเดินไปถึงตรงบันได หันหน้ามากะทันหัน พูดด้วย ความเย็นชาว่า ฉันไม่มีความรู้สึกดีๆเหลือให้ที่นี่อีกแล้ว ฉะนั้นฉันไม่อยากอยู่อีกต่อไป แต่นายวางใจได้ งานพิธี หมั้นของนายฉันต้องมาแน่นอน ไม่เกี่ยวอะไรกับฉินเสี่ยว เสี่ยว ฉันแค่ให้เกียรตินาย ที่เมื่อก่อนฉันซนขี้เล่น สร้าง ปัญหาให้นายไม่น้อย นี่ถือว่าฉันทดแทนบุญคุณให้นาย ละกัน

ฉินเฟยพูดแบบมีเหตุมีผล เหมือนไม่เหลือเยื่อใยอะไร

เลย

สังเจ๋อไม่รั้งเธอไว้ เขาก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะรั้งเธอ

ฉินเฟยออกจากบ้าน ถึงแม้จะไม่รู้ว่าจะไปไหนดี จึงเดิน ตามทางข้างหน้าเรื่อยๆแบบไม่มีจุดหมาย

หัวใจเหมือนถูกของมีคมแหวกออกเป็นรูใหญ่ โล่งจนไม่ อาจเติมเต็มได้

เห้อ! ครึ่งชีวิตของเธอช่างมีรสชาติจริงๆ ทุกข์สุขดีร้าย วนเวียนเข้ามาหาเธอเรื่อยๆ เจียเป้ยชอบพูดถึงเธอบ่อยๆ อายุน้อยๆเจอแต่เรื่องเสียใจไม่จบไม่สิ้น ทำให้เธอดู ผันผวนและเหงาหงอย
ที่จริงเจียเป่ยพูดผิดแล้ว ลึกๆข้างในใจเธอยังจะมีความ ในใจอะไรอีก

ก็เพราะในใจไม่มีอะไรอีกแล้ว จึงทำให้คนรู้สึกมืดมัวจน ปวดใจมาก

งานวันหมั้นวันนั้น งานที่ตระกูลทั้งสองจับมือ ประสานมิตรเพื่อธุรกิจระหว่างตระกูลฉินและตระกูลส้ง เป็นพาดหัวข่าวที่สำนักข่าวทุกที่ต้องมาแย่งกันถ่ายรูป รายงานข่าวอยู่แล้ว ที่ที่เหมาะสมสำหรับถ่ายรูปก็ถูกจอง ไว้แต่เช้า เพื่อมารอเจ้าบ่าวเจ้าสาวเดินเข้าพิธีหมั้น

รถยนต์วิ่งเข้าวิ่งออกหน้าโรงแรมไม่หยุด ถึงจะไม่ทราบ ชื่อสกุลว่าคนที่เดินเข้าออกจากรถคือใคร มีเป็นคนที่มียศ ถาบรรดาศักดิ์ในวงการการเมืองและแวดวงนักธุรกิจ

สรุปแล้ว งานหมั้นครั้งนี้ ไม่เชิญคนทั่วไป

เปลี่ยนไปดูภายในงาน บรรยากาศไปเต็มไปด้วยความ ตื้นตันและคึกคัก

เพราะฉินเสี่ยวเสี่ยวชอบสีชมพูที่หวานละมุนมาก การ ตกแต่งภายในงานเป็นโทนสีชมพูทั้งงานเลย ทำให้ใจของวัยใสๆอย่างเธอยิ่งสดใสขึ้นไปอีก

ชุดราตรีสวยๆของผู้มีเกียรติที่มาร่วมงาน ดูหรูหราสีสัน สวยงาม คู่กับแชมเปญบนแก้วอย่างยิ่ง

ความสนใจของแขกทุกท่านต่างมองไปที่เจ้าบ่าว ประสบการณ์ของงานธุรกิจในหลายปีที่ผ่านมานี้ ทําให้ ส้งเจ๋อไม่เหมือนหนุ่มๆวัยรุ่นแล้ว ดูเป็นผู้ใหญ่มาดเข้ม ฉลาดหลักแหลม คิ้วคมไม่หนาไม่บาง โครงหน้าเรียวยาว ดูนุ่มชุ่มชื่นดุจฤดูใบไม้ผลิ

ฉินซื่อยืนอยู่ข้างๆลูกเขยคนเก่งอย่างภูมิใจ ถึงจะอายุ ห้าสิบกว่าแล้ว แต่ก็ดูแลสุขภาพได้ดีทีเดียว ทำให้เขาดู แล้ว ก็ยังหนุ่มไม่แก่เลย เขาพาสังเจ๋อเดินรอบๆงาน และ ชนแก้วแสดงความเคารพขอบคุณแขกทุกท่านที่มาร่วม งาน

“เสี่ยวเสี่ยว เตรียมพร้อมหรือยัง? อย่าให้เสียฤกษ์ยามดี นะ นี่คือฤกษ์ที่ตั้งใจหาคนช่วยดูเวลาให้นะ” ฉินซื่อดูตื่น เต้นแล้วรีบเร่ง

ส้งเจ๋อตอบไปอย่างช้าๆ “ผมขึ้นไปดูมาแล้วครับ ใกล้ เสร็จแล้ว”

ฉินซื่อมองหน้าสังเจ๋ออย่างภูมิใจ ครอบครัวตระกูลฉิน ไม่รู้ทำบุญมากี่ร้อยชาติจึงมีบุญวาสนาได้ลูกเขยที่แสนดีขนาดนี้

มือของฉินซื่อวางบนไหล่ของส้งเจ๋อ สั่งสอนเขาด้วย ความหนักใจว่า “หลังจากวันนี้ เธอก็จะเป็นว่าที่ภรรยา ของนายแล้ว ฉันผิดต่อเธอและแม่ของเธอ แต่ว่าฉันก็ทำ ดีที่สุดเพื่อทดแทนเขาสองคนแล้ว จากนี้ไปต้องดีต่อเธอ ให้มากๆนะ เสี่ยวเสี่ยวเป็นผู้หญิงที่ดี”

บนใบหน้าของสังเจ๋อไม่แสดงอาการอะไรเลย ทั้งๆที่ เป็นวันหมั้น แต่เขาไม่เห็นจะดีใจอะไร “ผมทราบแล้ว ครับ”

ฉินซื่อรู้สึกไม่แน่ใจและถามว่า “เฟยเฟยจะมาไหม?

ได้ยินชื่อของฉินเฟย ส้งเจ๋อก็ยังรู้สึกหน่วงๆในใจ ตอบ ไปเบาๆ “เธอบอกว่าเธอจะมาแน่นอนครับ”

ฉิน อเบาใจลงแล้ว แต่ว่าเหมือนจะคิดอะไรได้กะทันหัน สายตาขรึม “นายรีบเช็คลำดับรายการของงานอีกทีนะ ต้องไม่ให้มีอะไรผิดพลาด เราได้เชิญนายหลินหลายๆ ครั้ง เขาถึงจะยอมตอบรับมาร่วมงาน คนๆนี้เป็นคนที่ ความลึกลับมาก เขาควบคุมทิศทางเศรษฐกิจทั่วโลก ได้ข่าวว่าเขากำลังจะมาขยายธุรกิจในประเทศ หาก ครอบครัวเราและครอบครัวตระกูลส่ง สามารถร่วมมือ ทําการค้ากับนายหลินได้สำเร็จ บริษัทเราจะสามารถยก ระดับขึ้นมาได้หลายๆเท่า
สังเจอถาม “นายหลิน? ท่านหมายถึงคนที่เพิ่งกลับมาคน น้นที่ชื่อหลินโยวหลิน

“นายก็เคยได้ยินเหรอ?”

“คาดการณ์ได้ว่าเขาน่าจะยึดเมืองบีเป็นหลัก ในแวดวง ธุรกิจแพร่ข่าวไปทั่วแล้ว ผมไม่เคยได้ยินก็คงยาก” สังเจ๋อชี้นิ้วไปทางชายสองคนที่กอดกัน “ท่านนายก เทศมนตรีก็มาด้วย ถ้าไม่ใช่เพราะนายหลินมาด้วยตัวเอง เขาคงไม่มางานแต่งของชาวบ้านธรรมดาหรอก”

แค่มีบางอย่างที่สังเจ๋อคิดไม่ตก ตระกูลหลินและตระกูล ฉินหรือตระกูลตระกูลส้งไม่เคยร่วมมือกันทำธุรกิจอะไร เลย เหมือนไม่มีความเกี่ยวข้องอันใด เขายอมรับบัตร เชิญและมาร่วมงานหมั้นด้วย ไม่รู้ว่ามีจุดมุ่งหมายอะไร?

แต่ไม่สามารถปฏิเสธได้ว่า เรื่องที่เขาถูกเชิญมาร่วมงาน หมั้นที่นี่ ได้แพร่ข่าวออกมาอย่างกว้างขวางตั้งนานแล้ว คนที่ปฏิเสธรับเชิญเพราะไม่มีเวลาว่างหรือมีธุระจำต้อง มาร่วมงานกันให้ได้ ใครไม่อยากหวังได้ประโยชน์จาก นายหลินล่ะ ยากที่จะได้มีโอกาสตีสนิทนักธุรกิจอย่าง นายหลิน จึงไม่มีทางที่จะปล่อยโอกาสนี้หลุดไปง่ายๆ
ฉินซื่อก็ไม่เคยคิดว่าหลินโยว่หลินออกร่วมงานครั้งแรก ก็ตอบรับคำเชิญงานหมั้นของตระกูลฉิน เข้าใจได้ ถ้า ตระกูลฉินและตระกูลสั่งมีความสัมพันธ์ไมตรีกับนาย หลิน ก็จะทำให้พวกเขามีหน้ามีตาในสังคมมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในแวดวงธุรกิจ จะยกฐานะได้มากขึ้นด้วย

นึกถึงเช่นนี้แล้ว ถึงแม้ตระกูลฉินจะผ่านอุปสรรคลม พายุหนักแค่ไหน ก็ทำให้เขารู้สึกดีไม่น้อย

ฉินซื่อเหมือนจะเห็นแผนภาพความเติบโตของบริษัท ตนเอง พูดว่า “อาเจ๋อ เสี่ยวเสี่ยวไม่มีความรู้เรื่องการ บริหารงานบริษัทเลยสักนิดเดียว ขอให้นายดีต่อเสี่ยว เสี่ยวให้มาก ตระกูลฉินก็ต้องเป็นของนายในวันข้างหน้า ตระกูลส้งของนายถึงจะเป็นธุรกิจเก่าแก่ แต่ก็ขาดทุนมา หลายปีแล้ว พ่อของนายไม่ยอมตัดใจ อยากให้ตระกูล ส่งฟื้นคืนชีพเหมือนเดิม แต่ฉันคิดว่านั่นคือความฝันลมๆ แล้งๆ รอตระกูลฉินและตระกูลหลินร่วมมือกันเมื่อไหร่ นายก็ปล่อยมือตระกูลส้งเถิด หรือมาควบรวมกับตระกูล

ฉินของเรา

สีหน้าของสังเจ๋อเปลี่ยนแล้วเปลี่ยนอีก แต่ก็รีบกลับมา เป็นปกติ แล้วพูดด้วยความเคารพ “ครับ ผมจะเชื่อฟัง พ่อตาครับ”

ทั้งสองคุยกันถึงตรงนี้ถือว่าจบเรียบร้อยสักที
ทันใดนั้น ในงานเต็มไปด้วยเสียงปรบมือและคำชื่นชม

“พระเจ้า คุณหนูตระกูลฉินสวยมากถึงเพียงนี้ สวยงาม มากจริงๆ

“เมื่อหลายปีก่อนก็เคยได้ยินแล้วว่า คุณหนูบ้านตระกูล ฉินหน้าตางดงามดุจนางฟ้า ฉันดูแล้วนางฟ้ายังเทียบเธอ ไม่ได้เลย”

“คุณชายสังมีบุญวาสนาดีจริงๆ”

สังเจ๋อมองไปตามสายตาของคนทั้งหลาย ใบหน้าที่ขาว สว่าง มองเห็นความสวยหวานของเธอได้ชัดเจน ขนตา ยาวงอนมีดวงตาที่ลึก ส่องแสงระยิบระยับดั่งคริสทัล จมูกโด่ง รูปปากที่สวย

ฉินเสี่ยวเสี่ยวเกิดมาก็สวยงามดูดี แต่ก่อนฉินเฟยดูสวย กว่าจึงมองไม่ออก วันนี้แต่งหน้าดีๆ ก็ต้องดึงดูดสายตา ใครหลายๆคน

คนก็สวยมากอยู่แล้ว อ่อนหวานขี้อาย ยิ่งทำให้คนหลง รักเอ็นดู

ดูคนที่ยืนหน้าเวทีอย่างหลินโยว่หลิน รู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้ ดูๆแล้วคล้ายๆคนที่เคยรู้จัก สายตาคู่นั้นเหมือนผู้หญิงคืน ก่อน แต่ก็มั่นใจว่าไม่ใช่คนๆนั้นแน่นอน
หลินโย หลินรู้สึกว่าความคิดของตัวเองดูน่าตลก เขา ยังมองหน้าคนนั้นไม่ชัดเจนเลย แต่ก็คิดว่าคนที่ยืนอยู่บน เวที ไม่ใช่ผู้หญิงที่เจอในคืนก่อนแน่นอน

เขาเอาความมั่นใจมาจากไหน

ฉินเสี่ยวเสี่ยวมองแค่ครั้งเดียวก็เห็นสังเจ๋อที่ยืนอยู่ใน หมู่คนเยอะแยะมากมาย ในขณะที่ทุกคนกำลังมอง เธอ ค่อยๆเดินทีละก้าวไปหาสังเจ๋อ ควงแขนสังเจ่อและแก้ม ออกชมพู “ พี่สังเจ๋อ วันนี้คุณหล่อมากค่ะ”

“เสี่ยวเสี่ยวก็สวยมากครับ” สังเจ๋อก้มหน้าเข้าใกล้ข้างๆ หูของฉินเสี่ยวเสี่ยวและพูดเบาๆว่า อยากจูบเสี่ยวเสี่ยว สักทีนึง

คนนอกมองดูแล้ว ชายหล่อหญิงสวยเหมาะสมกันมาก

ฉินซื่อยืนอยู่ข้างๆ เห็นลูกสาวลูกเขยทั้งสองรักกันขนาด นี้ ดีใจจนหน้าบาน

ฉินเสี่ยวเสี่ยวชำเลืองดูฉินซื่อ ด้วยความเขินอายและ เรียก “พ่อคะ……

“ยังรู้ว่าฉันคือพ่อเหรอ นึกว่ามีสามีแล้วจะลืมพ่อสักอีก” ฉินซื่อแกล้งทำเป็นโกรธ
ฉินเสี่ยวเสี่ยวปล่อยมือออกจากแขนของส้งเจ๋อ เดินไป กอดพ่อ อ้อนด้วยความอ่อนหวานและพูดว่า “ไม่หรอกค่ะ เสียวเสียวรักพ่อมากที่สุดเลย

การพูดคุยของทั้งสองพ่อลูกที่ไม่เข้ากันดีและเหินห่าง แขกรับเชิญในงานต่างก็เคยวิจารมานานแล้ว

“คุณหนูของตระกูลฉินคนนี้สวยงามจริงๆเลย”

“แล้วคุณเคยพบเห็นใบหน้าคุณหนูใหญ่ของตระกูลฉิน หรือไม่ เปรียบกับเธอคนนี้แล้ว ดั่งนางฟ้ากับคนธรรมดา ทั่วไป”

“ตระกูลฉินยังมีคุณหนูใหญ่อีกหรือ?”

“มีสิ คุณหนูใหญ่ตระกูลฉินชื่อฉินเฟย เธอเป็นลูกสาว เมียหลวง เมื่อหลายปีก่อนฉันกับสามีของฉันได้บ้าน ตระกูลฉินเคยได้พบเจอบางครั้ง แต่สองสามปีนี้ไม่เคย เห็นเธออีกเลย

“แล้วคุณหนูคนนี้มาจากไหนล่ะ?”

“มาจากไหน? ก็มาจากวีรกรรมสมัยวัยรุ่นของนายท่าน ตระกูลฉิน?”
“ลูกผู้หญิงข้างนอกเหรอ?”

“อย่าเอะอะไป ตอนนี้เราอยู่ในพื้นที่ของเขา คำพูดเช่นนี้ ไม่ควรพูดในที่แจ้ง”

“พวกเธอคิดว่าคุณหนูใหญ่จะมาหรือไม่นะ?”

“ได้ยินว่าเธอไปประเทศอังกฤษ ไม่ได้กลับมาตั้งนาน แล้ว”

“หัวใจเธอคงจะเย็นชาแล้ว หลายปีมานี้ฉินซื่อเอาความ รักให้ลูกเมียน้อยหมด”

“น้ามู่ ไม่เจอกันนานเลยนะคะ” ฉุนเฟยเห็นผู้หญิงคน หนึ่งที่เมื่อก่อนสนิทสนมกับแม่ของเธอ ถือแชมเปญไป แก้วหนึ่งและเดินไปทักทายก่อน

“เฟยเฟย ใช่เธอจริงๆเหรอเนี่ย” คุณนายมู่จูงมือเฟยเฟย เดินรอบๆงาน ถึงแม้จะยังสวยเหมือนเดิม แต่ผอมลงไป เยอะมาก หนูกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ลำบากมาเยอะใช่ ไหม?

คนนอกยังห่วงใยชีวิตความเป็นอยู่ที่เมืองนอกจะเป็นยัง ไงบ้าง แต่พ่อแท้ๆของเธอและ พี่สังเจ๋อของเธอไม่เคยจะ ห่วงใยเธอเลย
“ตอนนี้เขานิยมผอมเรียว หนูก็ต้องตามกระแสบ้างใช่ ไหมคะ” ฉุนเฟยยิ้มไปพูดไป

ความเจ็บปวดหลายอย่างรู้อยู่คนเดียวก็พอ ไม่ต้องพูด ออกมาให้คนอื่นฟังแล้วนำไปนินทาเวลาคุยกัน

“เด็กคนนี้นี่ มีความอดทนสูงเหมือนแม่เธอจริงๆ”

“เอาน่าน้ามู่ วันหลังหนูไปเยี่ยมที่บ้าน แต่วันนี้หนูขอตัว ก่อนนะคะ” วันนี้วันหมั้นของผู้หญิงคนนั้นทั้งที” ฉินเฟยไม่ เคยยอมรับว่าตัวเองมีน้องสาว

ฉินเฟยพูดขึ้นมาท่ามกลางผู้คน นึกไม่ถึงจะมีคนมาร่วม งานมากขนาดนี้

เธอเดินหาฉินซื่อจนเจอด้วยความรวดเร็ว ยังไม่ทันเอ่ย ปาก เขาก็มองเห็นเธอก่อนแล้ว

สายตาคู่นั้นที่มัวๆสว่างจ้าและสะท้อนแสงแปลกๆขึ้นมา ทันที หน้าที่ห่อเหี่ยวมีความสดใสขึ้นมา “เฟยเฟย กลับมา แล้ว”

ภาพลักษณ์ของฉินซื่อในใจของฉินเฟยนั้นไม่ เปลี่ยนแปลง ก็ยังหล่อเหลา เธอยังจำได้ว่าแม่ของเธอ บอกกับเธออย่างมั่นใจว่า เธอแต่งงานกับเขาเพราะความ หล่อของเขา แม้ว่าเขาจะอยู่ในวัยห้าสิบ ก็ยังมองไม่เห็นร่องรอยของกาลเวลาที่พัดผ่านไป

ฉินเฟยทำใจให้ปกติและยืนอยู่ต่อหน้าพวกเขาก่อน แล้วฝืนเรียกออกมาคำนึง : “พ่อ”

ตอนนั้นเองที่เธอค้นพบว่า สิ่งต่าง ๆ ที่ไม่ได้ทำมานานก็ จะห่างเหิน แม้กระทั่งเรียกพ่อง่ายๆคำเดียว ยังกลายเป็น เรื่องยากสำหรับเธอในตอนนี้ ?

สายตาของฉินเฟยไม่ได้ลอยไปหาผู้คนรอบ ๆฉินชื่อ และเขาก็เป็นเจ้าของงานเลี้ยงวันนี้

สิ่งที่เธอเห็นใจกลางผู้คนคือ ส้งเจ๋อและฉินเสี่ยวเสี่ยว ทั้งสองเหมาะสมกันขนาดไหน เธอเกลียดจนอดใจไม่ไหว ที่จะปรบมือให้พวกเขา ส่งพวกเขาไปเข้าเรือนหอแล้ว

“เฟยเฟย หนูยังยอมที่จะเรียกข้าว่าพ่อคำนึง ข้าก็ดีใจ แล้ว ในปีนั้นพ่อมีความจำเป็นที่ต้องส่งหนูไปอยู่ต่าง ประเทศ ภายหลังพ่อก็เสียใจ แต่พ่อรู้ว่าหนูยังคงเกลียด พ่อ แต่พ่อคิดว่าหนูจะสามารถเข้าใจได้ภายในสองสาม วัน แต่นึกไม่ถึงว่าหนูจะคิดเป็นเวลาสี่ปีเฟยเฟยตอนนี้ยัง โทษพ่ออยู่เหรอ?” ฉินซื่อมองไปที่ฉินเฟยด้วยความรัก และพูดอย่างจริงใจ

“พี่สาวคะ พี่จากบ้านไปสี่ปีนี้ พ่อคิดถึงพี่จนผมหงอกแล้ว มีอยู่ช่วงหนึ่งพ่อไม่มีรอยยิ้มเลย ไม่ว่าเราจะทำอะไร ก็ไม่สามารถทำให้ท่านดีใจขึ้นมาได้เลย” ฉินเสี่ยวเสี่ยว ช่วยพูดอีกแรง

สายตาของฉินเฟยมองลงไปที่ฉินชื่อจับมือของฉินเสี่ยว เสี่ยวอย่างแน่น แล้วออกเสียงหัวเราะเยาะหนึ่งคำ ช่างเส แสร้งและเล่นละครเก่งจริงๆ แต่เธอแสดงต่อไปไม่ออก แล้ว

ฉินเฟยเก็บรอยยิ้มบนใบหน้า แล้วพูดอย่างเย็นชา “พอแล้วพอแล้ว นี่คืองานเลี้ยงพิธีหมั้น ไม่ใช่งานสวนลูก แพร์ พวกคุณไม่ต้องคนนึงขับคนนึงร้องแสดงให้ฉันฟัง ฉันไม่รับฟังความจริงใจใดๆทั้งสิ้น”

ฉินเสี่ยวเสี่ยวแค่รู้สึกไม่โอเคนิดหน่อย แต่ทุกครั้งเวลา ที่ต้องพบหน้ากับฉินเฟย ความไม่อึดอัดแบบนี้มีบ่อยๆอยู่ แล้ว เธอสามารถเผชิญกับมันได้อย่างปกติตั้งนานแล้ว

ฉินซื่อใบหน้าซีดขาว นัยน์ตาเก็บซ่อนความโมโหไว้


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ