รอยยิ้มอบอุ่นของพ่อประธานซาต

บทที่4 ยืมคนรู้จักมาเล่นบทจูบ



บทที่4 ยืมคนรู้จักมาเล่นบทจูบ

บทที่4 ยืมคนรู้จักมาเล่นบทจูบ

ฉินเฟยมองเขาอย่างดูถูกเหยียดหยาม เห็นๆอยู่ว่าคน ผิดก็คือเขา แต่ตอนนี้เขากลับมาแสร้งแสดงทำเป็นเหยื่อ

ช่างหน้าด้านไร้ยางอาย!

ฉินเฟยผจญชะตากรรมอยู่ที่ลอนดอนนานหลายปี ขณะ ที่สังเจ๋อมีคนกอดในอ้อมอกอุ่น แน่นอนว่าเขามีวันคืนอัน ดีงาม แต่ว่าเธอล่ะ เธอเห็นเขาสำคัญยิ่งกว่าชีวิต แต่เขา กลับเห็นแก่ผู้หญิงที่เข้ามาแทรกกลางระหว่างพวกเขา บีบเพื่อส่งให้เธอไปลอนดอน ตอนแรกเธออยากจะกลับ มาจนแทบจะเป็นบ้า คิดหาวิธีที่ดีไม่ได้ เธอจึงหยุดทาน อาหารเพื่อประท้วง ทั้งทำร้ายตัวเองก็เคย แต่ก็ทำอะไร ใจยักษ์ใจมารของเขาไม่ได้

พอเวลาผ่านไป ฉินเฟยคิดได้ นั่นเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุด ของเธอ ทำไมจะต้องไปทำร้ายตัวเองเพื่อคนที่ไม่สนใจ ไยดีเธอด้วย ดังนั้นเธอจึงเริ่มต้นทานอาหารดีๆ ตั้งใจ เรียนหนังสือ ถึงแม้ว่าจะมีคนวิพากษ์วิจารณ์ว่าตอนนั้น เธอเหมือนผีพเนจร แต่ว่าเธอก็รอดชีวิตผ่านมันมาได้

“ไม่ต้องพูดแล้ว หรือว่ากลัวความผิด ฉันเป็นหนามยอก อกระหว่างคุณกับนางตัวดีฉินเสี่ยวเสี่ยว ตราบใดที่ฉันอยู่พวกคุณไม่มีวันได้อยู่อย่างสงบสุข ที่ส่งฉันไปก็ เป็นแผนที่นางนั่นมันเป่าหูคุณล่ะสินะ” ฉุนเฟยหัวเราะ หึๆ ท่าทีนั้นสงบนิ่งราวกับว่ากำลังพูดเรื่องที่ไม่ได้มีส่วน เกี่ยวข้องกับตัวเองอยู่ “ฉันแค่เสียดายที่ก่อนแม่ฉันจะเสีย แม่ไม่ได้เห็นธาตุแท้ของคุณซะก่อน แม่ยังฝากฝังลูกสาว สุดที่รักของตัวเองให้กับคนที่ดีที่สุดในโลก แม่คงไม่รู้ว่าที่ แท้ตัวเองได้ส่งลูกตัวเองมอบให้กับปีศาจ ลูกสาวของแม่ คนนี้สิ่งที่ลูกสาวแม่ต้องทนทุกข์ทรมานที่สุดบนโลกนี้ ล้วนเกิดจากน้ามือของเขาทั้งนั้น”

เมื่อพูดถึงตอนท้าย เสียงของฉินเฟยก็สั่นเท่าอยู่บ้าง ขณะที่กล่าวหา “สังเจ๋อ ไม่เพียงคุณทําผิดต่อฉันเท่านั้น ยิ่งผิดต่อผู้หญิงที่รักทะนุถนอมคุณมาตั้งแต่ยังเด็ก นั่นก็ คือแม่ของฉัน!”

นัยน์ตาของสังเจ๋อเยือกเย็นเหมือนหิมะในฤดูหนาว เขา มองฉันเฟยด้วยความเย็นชา แต่ฉินเฟยกลับแย้มยิ้มเช่น ดังดอกไม้ เธอเพิ่งจะยี่สิบต้นๆเท่านั้น อายุยังน้อยเหมือน ดอกไม้ที่เพิ่งจะเริ่มบาน เดิมทีมันควรที่จะเบ่งบานในฤดู ใบไม้ผลิ เหมือนกับนัยน์ตาอันงดงามในวันนี้ แต่มันกลับ ผันผวนไปตามอารมณ์ที่แปรเปลี่ยน เมื่อเห็นสังเจ๋อก็อด ไม่ได้ที่จะเศร้าใจ

“เฟยเฟย ขอโทษ” เขายืนอยู่ที่นั่น ไม่เคลื่อนไหวใดๆ รูม่านตาคล้ำเหมือนหมึกดำ ทำให้คนไม่รู้ถึงอารมณ์ที่ ซ่อนอยู่ภายใน แต่เขาก็ไม่สามารถกำจัดความเศร้าอัน ท่วมท้นนั้นออกไปได้ในทันที
ส่งเจ๋อในตอนนี้ เป็นเหมือนกับเด็กน้อยที่เพิ่งจะทำความ ผิดอะไรมา

นี่เป็นความคิดในใจของฉุนเฟย

แต่เธอก็ต้องรีบปัดความคิดอันไร้เดียงสา ออกไปให้ไว เขาจะไปรู้สึกว่าตัวเองทำอะไรผิดได้ยังไงกัน ถ้าหากว่า เขามีสติคิดได้เช่นนั้นล่ะก็ เขาคงไม่ส่งเธอไปต่างประเทศ ตั้งแต่แรก

“สังเจ๋อสีหน้าท่าทางตอนนี้ทำให้ฉันรู้สึกรังเกียจมาก คุณคิดว่าฉันยังเป็นคนเดิมที่คอยแต่จะเฝ้ารอคอยคุณ หรือยังไง เป็นฉินเฟยที่เจ็บเจียนตายอย่างนั้นหรอ คุณ ฝันไปรึเปล่า!” ฉินเฟยพูดแต่ละประโยค เธอแทบอยากจะ แล่เนื้อเถือหนังออกมา

พูดจบ ฉินเฟยเธอก็หันเดินหนีไป สังเจ๋อยืนนิ่งสกัดกั้น ตรงหน้าเธอ “เฟยเฟย วันนี้คุณต้องกลับไปกับผม

กลับไปกับเขาอย่างนั้นเรอะ ตลกแล้ว กลับไปไหน กลับ ไปทำอะไร จะพาไปสอบสวนหรือไงว่าสองปีที่ผ่านมานี้ เธอไปทำอะไรมาบ้าง คนรัก พ่อ หรือว่าในฐานะคุณหนู ใหญ่

จะว่าไปแล้ว ตอนนี้เธอก็ไม่ได้สนใจอะไรมากมายนัก
ฉันเฟยพูดอย่างเกรี้ยวกราด “คุณปล่อยมือฉันเดี๋ยวนี้”

ส่งเจอใจแข็งไม่ยอมให้ฉินเฟยไป เธอเป็นผู้หญิงต่อให้ แข็งแกร่งแต่ก็ย่อมไม่ใช่คู่มือของผู้ชายแน่ ตอนนี้เหมือน จะช่วยอะไรไม่ได้ แต่ว่ากลับทำให้น้อยใจเป็นที่สุด

ฉินเฟยอยู่ๆก็เห็นเงาร่างอันคุ้นตากำลังเคลื่อนเข้ามา ทางนี้

ปรายตาฉินเฟยกระตุกขึ้น นั่นมันผู้ชายคนนั้นที่เธอพบ บนเครื่องบินนี่นา

หรือว่าเขากับสังเจ๋อรู้จักกัน

ฉินเฟยเดิมทีไม่ได้นึกถึงว่าหลินโยว่หลินคงไม่เคยได้ยิน แม้แต่ชื่อของส้งเจ๋อ แล้วจะมาหาเขาได้ยังไงล่ะ

ส้งเจ๋อไม่ทันได้สังเกตสายตาของฉินเฟย เขายัง พยายามพูดอธิบายอย่างไม่ลดละ “เฟยเฟย ถือว่าผม ขอร้องล่ะได้มั้ย”

ฉินเฟยเม้มริมฝีปาก เธอดึงมือสังเจ๋อออก พร้อมกับ หันไปทางด้านหลังของชายคนนั้นและพูดขึ้นมาอย่าง ฉุนเฉียว “ในที่สุดคุณก็มา ถ้าคุณไม่มาล่ะก็คงจะมีคนชิง ตัวไปแล้ว”
สายตาเธอพุ่งไปยังสังเจ๋อ ทำท่าทางน่ารักอย่างกับว่า กําลังหยอกล้อกับคนรักอยู่

สังเจ๋อถึงได้สังเกตเห็นชายที่จู่ๆก็โผล่มา ผู้ชายคนหนึ่ง ในชุดสูทรองเท้าหนัง จมูกโค้งตาคมเหมือนนกอินทรี ดวงตาอันหลักแหลมแขวนอยู่บนใบหน้า ก่อนที่จะไป หยุดอยู่ที่เรือนร่างของฉินเฟย แต่ว่าตอนนั้นสายตาคู่นั้น กลับทำให้ฉินเฟยรู้สึกไม่สบายใจ

ผู้ชายที่มีพลังอันแข็งแกร่ง สังเจ๋ออยู่ๆก็รู้สึกว่าผู้ชายที่ อยู่ในอ้อมกอดของฉินเฟยนั้นไม่ธรรมดา

เพื่อนที่มารับหลินโยว่หลินตอนนี้รถติดอยู่ระหว่างทาง มาสนามบิน เดิมทีเขารอจนเหนื่อยหน่ายคิดที่จะเรียกรถ กลับไปเอง แต่เขาเห็นหญิงสาวที่หลับอยู่ในอ้อมแขนเขา บนเครื่องกำลังถูกผู้ชายอีกคนรังควานอยู่

ความจริงเขาไม่ใช่คนชอบยุ่งเรื่องคนอื่น แต่พอเห็น ใบหน้าอันสิ้นหวังของผู้หญิงคนนั้น ขาที่กำลังจะเดินออก ไปของเขาก็ไม่สามารถขยับเขยื้อนไปไหนได้ เห็นทีจะ ต้องเข้าไปจัดการซะหน่อย

หลินโยว่หลินและส่งเจ่อยืนประจันหน้ากัน มือของเขา ข้างหนึ่งโอบอยู่รอบเอวฉินเฟย สายตาของเขาเยือกเย็น และสงบนิ่ง ความเชื่อมั่นในตนเองและความการจ้องมอง อย่างกดดันทำให้สังเจ๋อแทบหยุดหายใจ
เขาพูดอย่างไม่พอใจ “สุภาพบุรุษท่านนี้ ผมไม่ชอบที่จะ ให้ผู้ชายคนอื่นมาแตะต้องตัวผู้หญิงของผม นอกเสียจาก ว่าคุณสามารถให้เหตุผลที่ดีกับผมได้”

“คุณไม่ต้องไปเสวนากับเขามาก รีบพาฉันออกไปจากที่ นี่ก็พอค่ะ” ผู้ชายคนนี้สูงจริงๆ ฉินเฟยพยายามเขย่งเท้า แล้วก็ยังสูงไม่ถึงข้างหูเขา เธอจึงเอาสองมือคล้องไ งไปที่ คอเขาและดึงเขาลงมาเพื่อที่จะได้สามารถกระซิบ

หลินโยว่หลินหมุนตัวไป ทั้งสองคนอยู่ใกล้ชิดกันมาก ใกล้จนแทบจะไม่มีช่องว่างระหว่างกันอยู่แล้ว

ผู้หญิงคนยิ่งสวยขึ้นทุกครั้งที่เจอ

ผิวขาวละเอียด ใบหน้าสละสลวย นัยน์ตาอันงดงาม ท่วมท้นไปด้วยความโศกเศร้า ริมฝีปากแดงเย้ายวนใจ ผิวของเธอขาวกระจ่าง เหมือนกับงาช้างอันงดงามไม่ว่า จะมองจากมุมไหน เธอเป็นความงามที่ไม่สามารถปฏิเสธ ได้

หลินโยว่หลินอดใจไม่ไหวคิดอยากจะจูบขึ้นมา

“สุภาพบุรุษท่านนี้ไม่ทราบว่านอกจากจะเป็นแฟนของ เฟยเฟยแล้วยังมีความสัมพันธ์อะไรอีก” ส้งเจ๋อไม่เชื่อว่า เฟยเฟยของเขาจะสามารถรักชายคนอื่นได้
สีหน้าของหลินโยวหลินมีรอยยิ้มของความกระหาย เลือด

ในชีวิตเขา คนที่กล้าสงสัยเขายังไม่เคยได้ลืมตาดูโลก

หลินโยว์หลินรวบเก็บมือที่โอบรอบเอวบางของเธอ มือ ข้างนั้นดูเหมือนว่าจะยังติดกับรสสัมผัสอันนุ่มนวล ริม ฝีปากอันเยือกเย็นของเขาประกบลงบนริมฝีปากของเธอ อย่างไม่มีการเตือนล่วงหน้า แต่ไม่มีการรุกล้ำอันใด แต่ว่า สัมผัสอันผิวเผินนั้นก็ทำเอากระเจิดกระเจิงแล้ว

หลินโยว่หลินมองดูผู้หญิงในอ้อมแขนของเขาที่แน่นิ่ง เหมือนไก่ ก่อนจะพูดอย่างผ่อนคลาย “ผมบอกคุณตั้งกี่ ครั้งแล้ว ว่าตอนผมจูบให้คุณหลับตาด้วย

เขาพูดเสียงนุ่มนวลอย่างยิ้มแย้ม ใครเห็นก็คิดว่าคู่รัก กำลังพลอดรักกัน

ฉินเฟยไม่ทันคาดคิดว่าเขาจะเล่นใหญ่ขนาดนี้ ตอนที่ เขาประกบริมฝีปากเธอก็ไม่ได้ทันได้ตระเตรียมตัว เธอ ลูบริมฝีปากตัวเองอย่างแรง สายตาทั้งตกใจและหวาด กลัว

จูบแรกของเธออุตส่าห์เก็บมายี่สิบกว่าปีตอนนี้

อันตรธานหายไปแล้ว แต่ว่านี่จะโทษใครได้ เธอเป็นคน ดึงอีกฝ่ายเข้ามาแสดงเอง เขาเลยหาประโยชน์เอาจะโทษใครได้นอกจากโทษตัวเองว่าไม่รู้จักดูคนให้ดี เห็นเป็นคนสง่างามหน้าตาดี ไม่คิดเลยว่าจะเป็นสัตว์ เดรัจฉาน

หัวใจเธอแตกออกเป็นเสี่ยงๆ กาวก็ไม่สามารถเอามา ประสานติดกันได้

อารมณ์ของสั่งเจ๋อตอนนี้ก็ไม่ได้ดีไปกว่าฉินเฟยเท่าไหร่ นัก ตั้งแต่ที่หลินโยว่หลินปรากฏกาย ความสงบนิ่งเมื่อ ต้องเผชิญหน้ากับเขาก็เป็นเพียงการฝืนเท่านั้น ยิ่งตอน ที่เห็นเขาจูบเฟยเฟยด้วยแล้ว กำแพงเหล็กในใจเขาพัง ทลายลงในทันที

สีหน้าเขาตอนนี้เหมือนกับผู้ป่วยที่เสียเลือดมากเกินไป ทั้งซีดขาวและหมดหวัง

ฉินเฟยรู้ ว่าการแสดงของตัวเองนั้นยังต้องดำเนินต่อไป

เธอกระแทกหน้าอกตัวเองเหมือนกับปีศาจ “ก็ได้ ใครใช้ ให้คุณจูบฉันโดยไม่บอกกันก่อนซักคำล่ะ ทำเอาฉันตกใจ หมดเลย”

หลินโยว่หลินกุมมือเธอเอาไว้ สายตาตกไปที่สังเจ๋อ “แนะนำให้ผมรู้จักคนคนนี้หน่อยสิ”
ฉินเฟยพูดอย่างสบายใจ “คนที่ทางบ้านฉันส่งมารับน่ะ แต่ว่าคุณสบายใจนะ ฉันรับปากว่าจะกลับบ้านกับคุณ ฉัน ต้องทําตามที่พูดแน่นอน

ส่งเจ๋อยังคงพยายามสู้สุดตัว เขาถามด้วยความสงสัย “เฟยเฟย คุณมีแฟนตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมผมกับลุงฉินถึง ไม่รู้”

ฉินเฟยจ้องเขาสองตาอย่างเหยียดหยาม ก่อนจะกล่าว เบาๆ “คำพูดนี้ดูคุณสงสัยในตัวฉัน คุณคิดว่าอย่างฉันฉิน เฟยจะหาแฟนไม่ได้อย่างนั้น”

“คุณกล้าดียังไง…” สังเจ๋อโกรธจนตาถลน มือที่ห้อยอยู่ ข้างลำตัวอดไม่ได้ที่จะกำและคลาย คลายและกำแน่น ใหม่อีกครั้ง

ฉินเฟยทนไม่ได้ที่สังเจ๋อจะคิดว่าชีวิตนี้เธอจะขาดเขา ไม่ได้ ใจดำ เธอกระทืบเท้าพร้อมทั้งเริ่มจูบหลินโยว่หลิน “ฉันไม่ใช่ฉินเฟยคนเดิมอีกต่อไปแล้ว ไม่มีเรื่องอะไรที่ฉัน ไม่กล้า ถ้าหากว่าคุณยังไม่เชื่อเขาคือแฟนฉัน เราจะโชว์ ให้ดื่ม ยิ่งกว่านี้อีก แฟนฉันเป็นนักเรียนนอก เขาเปิด เผยมากเรื่องพวกนี้”

หลินโยว่หลินอมยิ้ม พร้อมพูดขึ้นด้วยเสียงที่ได้ยินกัน เพียงแค่สองคน “คุณแสดงเก่งนี่ แนบเนียนมาก


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ