รอยยิ้มอบอุ่นของพ่อประธานซาต

บทที่5 เข้าผิดห้อง



บทที่5 เข้าผิดห้อง

บทที่5 เข้าผิดห้อง

การดึงเอาคนแปลกหน้ามาหลอกว่าเป็นแฟนคือเรื่องที่ ต้องอาศัยความกล้า หลินโยว่หลินมาพูดแบบนี้ มันทำให้ ฉินเฟยอายจนหน้าแดง

แต่ว่าคำพูดนี้จังไม่ได้จี้ไปถึงแก่น สังเจ๋อในสายตาฉิน เฟยนั้นยอดเยี่ยมมาก แต่เมื่อยืนอยู่ตรงหน้าหลินโยว่ หลิน ความยอดเยี่ยมนั้นกลับถูกบดบังจนมิดหายไปเลย

หลินโยว่หลินนั้นสุดยอดมากจริงๆ ไม่ว่าจะเดินไปบน ถนนสายไหนในเมืองBก็สามารถดึงดูดสาวตาสาวๆรอบๆ ได้อยู่เสมอ ดังนั้นการที่ได้แสดงบทเป็นคนรักของเขานั้น มันแทบจะไม่ต้องฝืนอะไร ไม่รู้สาวๆกี่คนที่พากันอิจฉา โชคชะตาของเธอ มีโอกาสได้ใกล้ชิดสนิทสนมกับชาย เช่นนี้

ถ้าหากว่าเธอไม่เคยรักสังเจ๋อมาก่อน หากหัวใจยังใสซื่อ เหมือนกับกระดาษขาว ถ้าเป็นอย่างนั้นเธอก็คงจะคลั่ง ไคล้หลินโยว่หลินน่าดูเหมือนกัน แต่ว่าบนโลกนี้เรื่องที่ เกิดขึ้นได้น้อยที่สุดก็คือเรื่อง…ถ้าหากว่า ถ้าหากว่าคุณ รักใครแล้วสักคนหนึ่ง และระหว่างที่รักคนคนนั้น ได้ ประสบกับความเจ็บปวดอย่างนั้นอย่างนี้ ความเจ็บปวด นั้นก็เพียงพอที่จะบั่นทอนความสามารถที่คุณจะรักอีกคน หนึ่ง นั่นหมายความว่ามันจะทำให้คุณไม่สามารถอุทิศทั้งจิตใจและจิตวิญญาณทั้งหมดให้กับ ความรักอีกต่อไป ยิ่งไปกว่านั้นอาจจะทำให้คุณไม่เชื่อมั่น ในความรักอีกต่อไป

“เฟยเฟยได้แสดงจุดยืนของตัวเองไปแล้ว ถ้างั้นเราก็ไป กันได้แล้วเนอะ” หลินโยวหลินจําได้ว่าชายคนนั้นเพิ่งจะ เรียกเธออย่างนี้ น่าจะใช่นะ

เดิมทีเขาก็ไม่ได้เห็นส้งเจ๋ออยู่ในสายตาอยู่แล้ว จึงไม่ รอให้เขาว่ายังไง เขาโอบเอวฉินเฟยและพาเธอเดินไป

ถ้าหากไม่ใช่เพราะว่าผู้หญิงคนนี้ เขาคงจะไม่ลงไปคุย เสวนากับคนประเภทนี้ที่แม้แต่ชื่อก็ไม่รู้จักหรอก

ส้งเจ๋อผู้น่าสงสาร ยังไงเสียเขาก็เป็นประธานอาวุโสของ บริษัทอสังหาริมทรัพย์ ถ้าหากว่าเขารู้ว่าใจหลินโยว่หลิน เห็นเขาเป็นเช่นไร น คงจะได้โมโหจนกระอักเลือด แต่ว่า ถ้าหากว่าเขารู้ว่าพ่อหนุ่มคนนั้นคือหลินโยว่หลิน ผู้ที่ขึ้น ดูแลบริษัทตระกูลหลินตั้งแต่สิบขวบ พาให้บริษัทมีเติบโต และมีมูลค่าเพิ่มถึงหลายพันล้านในระยะเวลาห้าปี เขา คงจะรู้สึกว่าการที่โดนเขาดูถูกนั้น ก็สมควรแล้ว

หลินโยว่หลินสามคำนี้เป็นเหมือนสิ่งมีชีวิตที่เหมือนเช่น เทพเจ้า
ฉันเฟยก็เหมือนกับสังเจ๋อ ที่ไม่รู้ตัวตนของหลินโยว์หลิน เธอแค่รู้สึกว่าเจ้าคนนี้หล่อดี ในขณะนี้หัวเธอยังถูกฝัง อยู่บนหน้าอกกว้างของหลินโบว์หลิน ฟังเสียงหัวใจเต้น เหมือนกลองรัวของเขา ที่จริงแล้วเธออยากจะหัวเราะ ออกมา พ่อหนุ่มคนนี้คงจะไม่ได้ตื่นเต้นหรอกใช่มั้ย

ดูแล้วเขาก็ไม่เหมือนกับนักพรตซึ่งไม่เคยถูกเนื้อต้อง ตัวหญิงมาก่อน ผู้ชายที่ผ่านผู้หญิงมานับไม่ถ้วนจะไปตื่น เต้นได้ยังไงกัน

พอหลินโยว์หลินเห็นว่ารถของเพื่อนสนิทเพิ่งจะจอดอยู่ ทางด้านหน้า เขาจึงดันฉุนเฟยเข้าไป ก่อนที่ตัวเองจะนั่ง ตามเข้าไป รถขับผ่านร่างของสังเจ๋อไป เขายังยืนแข็งทื่อ อยู่อย่างนั้น สีหน้าไร้ความรู้สึก ราวกับช็อคอย่างจัง

พอพ้นสายตาของสังเจ๋อแล้ว ฉินเพ่ยก็บอกให้คนขับ จอดข้างทาง

หลินโยว่หลินไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนี้ต้องการจะทำอะไร แต่ เขาก็รอคอยอย่างอดกลั้นเพื่อที่จะดูว่าเธอจะทำอะไรต่อ ไป

ตอนนี้ฉันหมดตัว ไม่มีของอะไรจะให้เพื่อเป็นการ ตอบแทนคุณ แต่เมื่อครู่นี้ฉันก็จูบคุณไปครั้งหนึ่งแล้วเราก็ถือว่าเจ้ากันแล้วแล้วกันนะ คงจะไม่มีวันหลังอีก” พอ พูดจบ ฉินเฟยก็กระโดดลงจากรถอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย ห้นกายและวิ่งไป

ต่อให้ฉินเฟยไม่รู้ตัวตนที่แท้จริงของหลินโยว่หลิน แต่ เธอก็รู้ว่าผู้ชายแบบนี้เธอไม่ควรข้องแวะด้วย ดังนั้นเธอ จึงหวังว่าหลังจากวันนี้จะไม่ต้องพบเจอกับเขาอีก

ฉินเฟยไหนเลยจะรู้ ว่าเธอคงจะไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้

ด้วยเหตุนี้เธอถึงได้กวนใส่ชายคนนี้

หลินโยว่หลินยังไม่ทันได้รู้สึกตัว สายตาเขาก็ไม่เห็นเงา ของฉันเฟยอีกต่อไป

ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนบนโลกเดินไปจากเขาโดยที่เขา ยังไม่ได้อนุญาต ถึงแม้ผู้หญิงคนนั้นจะงามเหมือนลูกพืช สีชมพู แต่มันก็ไม่มีข้อยกเว้น

พวกเขาจะต้องได้เจอกันอีกแน่

มุมปากของหลินโยว่หลินปรากฏเป็นรอยยิ้มขึ้นมา ดวงตาเปล่งประกายเฉกเช่นดวงดาว

ฉินเฟยซึ่งล่องลอยไปอย่างอิสระ ช่างไม่รู้เลยว่าตัวเอง กำลังจะเจอกับเรื่องเรื่องปวดหัวเข้าแล้ว
แต่ว่าตอนนี้เธอไม่มีเวลาไปคิดเรื่องอะไรอื่น ตอนนี้ ปัญหาใหญ่ที่เธอกำลังเจอก็คือกระเป๋าเดินทางที่เอากลับ ด้วยตอนนี้ยังอยู่บนรถของสังเจ๋อ ตอนนี้เธอมีเพียงแค่ เศษเงินไม่กี่บาทติดตัวเท่านั้น จะซื้อผลไม้สักถุงก็ยังไม่ พอเลย

แต่เธอไม่ต้องกังวลปัญหาเรื่องที่อยู่ที่กิน

ตอนอยู่ที่ลอนดอนเธอรู้จักเพื่อนคนหนึ่งชื่อเจียเป่ย เขาเป็นคนจีนคนแรกที่เธอรู้จักที่ประเทศอังกฤษ เขา เป็นทายาทเพียงคนเดียวของโรงแรมระดับอินเตอร์ “จูน ไม้หลัย” ก่อนจะกลับประเทศ เจียเป่ยได้มอบบัตรที่พัก ระดับวีไอพีให้เธอไว้ใบหนึ่ง เขาบอกว่าขอแค่เพียงโชว์ บัตรโรงแรมจูนได้หลัยใบนี้ไม่ว่าจะที่สาขาไหนก็ตามทั่ว ทั้งประเทศ ไม่เพียงกินดื่มได้ไม่อั้น ถ้าถูกได้รับความไม่ เป็นธรรมก็จะได้รับการปกป้อง

ในเมื่อเป็นเพื่อนกัน เงินของเขาก็คือเงินของเธอ อยาก ใช้อะไรก็ใช้ไป

ฉินเฟยถามทางจากผู้คนบนถนน ตอนที่มาถึงจูนได้หลั ก็ดึกแล้ว

ช่างสมกับที่เป็นโรงแรมระดับนานาชาติ การบริการนั้น ทั้งใส่ใจและละเอียดรอบคอบ
ฉินเฟยยังแอบกังวลอยู่ว่าเจียเป้ยหลอกเธอรึเปล่า ตอน ที่เธอยื่นบัตรวีไอพีให้กับพนักงานต้อนรับที่ประตูจึงทํา อย่างกล้าๆกลัวๆ

“คุณผู้หญิงรบกวนรอตรงนี้ก่อนสักครู่นะครับ เดี่ยว กระผมมาครับ” เมื่อพนักงานต้อนรับเห็นบัตรวีไอพีใบนั้น ดวงตาเขาก็ลุกวาว ท่าทางเคารพนอบน้อมกว่าปกติ

เขารีบกระวีกระวาดเปิดประตูให้เธอเข้าไปด้านใน

ฉินเฟยนิ่งอยู่กับที่ เธอไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น

อย่างรวดเร็ว ก็มีชายวัยกลางคนโผล่มา

เขาพยักหน้าให้กับฉินเฟยอย่างสุภาพนอบน้อม “คุณผู้ หญิง สวัสดีครับ ผมเป็นผู้จัดการของโรงแรมแห่งนี้ เชิญ คุณมากับผมทางนี้ครับ”

ก่อนที่ฉินเสี่ยวเสี่ยวจะปรากฏตัว ฉินเฟยก็เคยใช้ชีวิต อย่างสูงศักดิ์มาก่อน เธอรู้ทันทีว่าการที่ผู้จัดการโรงแรม ออกมาต้อนรับเป็นการส่วนตัวนั้นมันหมายความว่าอะไร การที่เธอแค่แสดงบัตรวีไอพีก็สามารถทำให้ผู้จัดการออก มาต้อนรับเป็นการส่วนตัวได้นั่นแปลว่าอำนาจของบัตร นั้นยิ่งใหญ่มาก

หลังจากที่ฉินเฟยตามผู้จัดการเข้าห้องไป เธอก็ปล่อยให้ผู้จัดการออกไป

การตกแต่งห้องนั้นเรียกได้ว่าฟุ่มเฟือยเลยทีเดียว พรม เปอร์เซียชั้นดีถูกปูไว้อย่างแน่นหนาและไร้รอยต่อในทุกๆ ห้อง แสงประกายจากโคมระย้าทำให้ทั้งห้องสว่างไสว เหมือนกับกลางวัน ภาพวาดแวนโก๊ะศิลปินอันเลื่องชื่อ แขวนประดับบนกำแพง แม้แต่กรอกรูปก็ทำจากอัญมณี สีสันสดใส

ฉินเฟยใช้มือพยายามแงะหินแซฟไฟร์ คิดว่าจะขอยืม อัญมณีสักสองเม็ดเพื่อจ่ายเงินคืนเจียเป้ย ใครใช้ให้เธอ ผอมแห้งแรงน้อย

เสียดายไม่ว่าฉินเฟยจะออกแรงมากสักแค่ไหนก็ไม่ สามารถดึงอัญมณีที่ดูเหมือนแค่แปะไว้ออกมาได้ ฉินเฟ ยมองดูอย่างเสียดายพร้อมถอนหายใจแล้วถอนหายใจ อีก เธอหันหน้าไปยังห้องนอน แผ่หลาอยู่บนเตียงซึ่งใหญ่ โตโอ่อ่ามาก

เตียงนี้นุ่มเป็นพิเศษ ฉินเฟยนอนลงไปแล้วเหมือนถูก โอบล้อมไปด้วยปุยนุ่นอันอบอุ่น สติค่อยๆหลุดลอยจาก เธอไปทีละน้อย

ในฝันฉินเฟยกำลังเล่นเกมส์หมากรุกอยู่กับโจวกง เธอสี ดำ โจวกงสีขาว จากกระดานหมากรุกดูแล้วเธอจะฆ่าโจ วกงไม่ได้ผุดไม่ได้เกิด อีกแค่ก้าวเดียวก็รุกฆาต แต่ปรากฏว่า เธอกลับถูกปลุกให้ตื่นจากเสียงเคาะประตู อย่างเร่งรีบจากทางด้านนอก

เธอเกาหัวอันยุ่งเหยิงของเธอแกรกๆ ขนคิ้วขมวดพันกัน ด้วยความหงุดหงิด

“ไม่มีมารยาทกันบ้างหรือยังไง ดึกป่านนี้คนนอนกันหมด แล้ว จะเคาะทำบ้าอะไร!” ฉินเฟยปากก็ด่าไปพลาง เดิน ไปทางประตูพลาง

พอประตูเปิดออก รูปร่างอันร้อนแรง เสื้อผ้าหลุดลุ่ย ผู้ หญิงแต่งหน้าจัดคนหนึ่งปรากฏต่อหน้าฉินเฟย เธอยัง ไม่ทันได้เตรียมใจ จึงพลั้งก้าวถอยหลังไปหลายก้าว

ฉินเฟยจ้องปากอันแดงแจ๋ของหล่อน มุมปากขยับด้วย ความรังเกียจ “คุณ…คุณเป็นใคร เคาะผิดห้องแล้วมั้ง”

“ห้องสูทเพรสซิเด้นท์มีห้องเดียวเท่านั้น ฉันจะมาผิดห้อง ได้ยังไง เธอนั่นแหละมาผิดแล้ว” ผู้หญิงคนนั้นเหลือบ มองฉินเฟยด้วยหางตา ก่อนจะแสยะยิ้ม

ฉินเฟยมองผู้หญิงคนนั้นพร้อมหัวเราะออกมา เธอกลอก ตาและส่ายหัว

“คุณหัวเราะเยาะฉันเรอะ” หญิงสาวทำท่าทางหยิ่งยโส
“ฉันไม่มีเวลาเสวนากับคุณตอนนี้หรอกนะ คุณไม่เห็น หรือไงว่าฉันง่วงตาจะปิดอยู่แล้ว ผู้จัดการโรงแรมเป็นคน พาฉันมาด้วยตัวเอง ถ้ามีเวลาคุณก็ไปตามหาคนรับผิด ชอบของโรงแรมโน่น กรุณาอย่ามารบกวนฉัน” ฉุนเฟย เตรียมที่จะปิดประตู ทันใดนั้นเธอก็นึกบางอย่างขึ้นมาได้ จึงพูดเสริมไปว่า “ถึงผิวของคุณกร้านเหมือนกับพื้นดิน ทางตะวันตกเฉียงเหนือ ใช้รองพื้นปิดเท่าไหร่ก็คงเอาไม่ อยู่หรอกนะ ฉันว่าคุณอย่าพยายามเลย ราตรีสวัสดิ์ แม่ สาวแป้งหนาเตอะ”

ก่อนที่หญิงสาวจะลงมือ ฉินเฟยก็รีบปิดประตูลงอย่าง รวดเร็วด้วยการคาดการณ์ไว้ล่วงหน้า

หลังจากปิดประตู หญิงสาวข้างนอกก็ยังไม่ยอมลดละที่ จะเคาะประตูอีก ฉินเฟยเองก็ไม่สนใจอีกแล้ว ดีที่ฉากกั้น ห้องนั้นเก็บเสียงดีมาก ปิดมันซะ

ล้มตัวลงนอนบนเตียงต่อไป หลับไปครู่ใหญ่

อีกครั้งที่ฉินเฟยหลับไปอย่างสะดวกสบาย เธอไม่รู้ว่า พนักงานของจูนได้หลับตอนนี้เหมือนกับศัตรูที่อยู่ใกล้

เมื่อก่อนหน้านี้ไม่นานผู้จัดการโรงแรมได้ปล่อยข่าว ใหญ่ออกไป บอกว่าประธานหนุ่มของบริษัทตระกูลหลิน ซึ่งถือสัญญาของโรงแรมอยู่เจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์จะเข้ามาบ ริหารงานของโรงแรมจูนได้หลับ
ผู้จัดการโรงแรมปกติก็จะนั่งขี้เกียจเป่าแอร์อยู่ใน ออฟฟิศ ตอนนี้สั่งให้ลูกน้องทำงานด้วยตัวเอง ทำความ สะอาดทุกซอกทุกมุม รักษาความปลอดภัยเต็มที่ พนักงานในโรงแรมหลายพันคนไม่มีใครได้หยุดพักสัก คน

จนพลบค่ำ รถคันสีดำเหยียดยาวคันหนึ่งได้มาจอดอยู่ ที่ประตูทางเข้าโรงแรมจูนไอ้หลัย รถลัมโบร์กินี่สีเดียวกัน หลายคันล้อมรอบเป็นขบวน ทุกคนล้วนมองออกว่านี่เป็น วิธีปกติที่ดีที่สุดในการคุ้มกันความปลอดภัยของนายจ้าง ในเอเชีย มันคือการคุ้มกันที่รัดกุมและแน่นหนาที่สุดไม่ว่า จะตอนไหนเมื่อใด

คนของโรงแรมจูนไม้หลับยืนเตรียมอยู่แล้วเป็นสองแถว รออยู่ที่ประตูทางเข้า คนที่ยืนอยู่หน้าสุดนั่นก็คือหลัวยีผู้ จัดการโรงแรม สองมือเขาประสานอยู่ที่บริเวณท้อง โค้ง เล็กน้อยให้กับลัมโบร์กินี่ที่อยู่ตรงกลาง

“นายหลิน”

หลัวยีเปิดประตูรถให้อย่างกระตือรือร้น คนแต่งชุดสูท เดินลงจากรถ สีหน้าของชายผู้นั้นเย็นชา


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ