บทที่ 14 ผู้หญิงของฉัน
บทที่ 14 ผู้หญิงของฉัน
ฉินชื่อไม่นึกว่าฉินเฟยจะพูดต่อหน้าผู้คนที่เยอะขนาด นี้ เรื่องราวภายในบ้านก็พูดออกมาอย่างไม่เกรงกลัว ใคร ไม่รู้เอาหน้าไปไว้ไหน หน้าแดงจนเหมือนกับตับหมู “เฟยเฟยเธอบ้าไปแล้วเหรอ?”
ผู้คนที่อยู่รอบๆต่างมองไปที่ฉินเฟยคนเดียว แต่ถึงยังไง เธอก็ไม่แคร์ทั้งนั้น
ฉินเฟยยืนไม่ค่อยไหว ความรู้สึกที่เวียนหัวปวดประสาท ก็กลับมาอีก หากไม่ใช่ความแข็งกล้าที่ยิ่งใหญ่ เธอคงจะ ทิ่มหัวลงบนพื้นไปแล้ว
เธอก็ยังคงพูดอยู่ แต่เสียงค่อยๆเล็กลงๆ “นายหวัง คุณ รู้สึกว่าฉันยังสาวยังสวยใช่ไหม อีกทั้งยังเรียนเมืองนอก ดังนั้นถึงชอบฉัน แต่คุณดูฉินเสี่ยวเสี่ยว ไม่มีใบปริญญา อะไรเลย ความสวยก็น้อยกว่าฉันไม่ใช่แค่นิดเดียว แต่ ทําไมคนรักเก่าของฉันทำไมถึงหลงรักเขา แล้วทิ้งคนที่ ดีงามอย่างฉันล่ะ ทำไมพ่อของฉันถึงยอมรักแต่ลูกสาว ที่เกิดกับเมียน้อย แล้วทอดทิ้งลูกสาวของภรรยาที่จด ทะเบียนด้วย เพราะฉันเกือบฆ่าฉินเสี่ยวเสี่ยว ดังนั้นจึงส่ง ฉันไปปล่อยทิ้งเมืองนอก ไม่มีใครดูแลไม่มีใครอบรม ฉัน ป่วยเป็นโรคซึมเศร้า ฆ่าตัวตายไปหลายครั้ง ตอนนี้บนตัว ยังมีรอยแผล เมื่อกี้ฉันบอกว่าคุณไม่คู่ควรกับฉัน ที่จริงแล้วฉันไม่คู่ควรกับคุณมากกว่า”
ฉินเฟยไม่เคยคิดที่จะเอาเรื่องไม่ดีที่ผ่านมากับตัวเอง มาพูดในที่สาธารณะแบบนี้ เพราะเธอถูกคนพวกนี้รังแก มากเกินไป จึงถูกบีบจนไม่มีทางอื่นเลย จนต้องใช้วิธีแบบ ทําร้ายคนได้แปดพัน ยอมทำร้ายตัวเองหนึ่งพัน
ถึงจะเจ็บ แต่ก็จบ
หลังจากที่พูดจบประโยคทั้งหมดเมื่อกี้แล้ว ฉินเฟยไม่มี ใจที่จะไปดูว่าคนที่อยู่รอบๆนั้นมีกี่คนที่เห็นอกเห็นใจเธอ และมีกี่คนที่รอดูการแสดง เธอรวบรวมพลังใจทั้งหมด ด้วยความอดทนเพื่อไม่ให้ร่างกายที่อ่อนแอของเธอล้มลง เธอมองไปหาความสว่างของประตู แล้วค่อยๆเดินไปทีละ ก้าว
ในเวลานี้คนที่โผล่ออกมาทางสายตาที่มองไป ทำให้เธอ ตกใจมาก ผู้ชายคนนั้นที่อยู่บนเครื่องบิน
หลินโยว่หลินรีบเดินไปพยุงฉินเฟย โอบเอวเธอไว้ และ พูดเสียงเบาว่า “ไม่มีแรงก็พิงตัวผมไว้นะ”
ผู้ชายคนนี้ปากจัดไม่ใช่เหรอ? ทำไม ตอนนี้แปลงเพศ แล้วเหรอ?
ถึงแม้ในใจคิดแบบนี้ แต่ปากเธอไม่กล้วพูดอย่างนี้ รีบฟังไปที่ตัวเขาด้วยความสุภาพอ่อนโยน
หัวใจ ขี้สงสารของหลินโยว์หลินในที่สุดก็มีที่ของมัน สายตากวาดมองไปรอบๆ “ผู้หญิงของผมหลินโยว์หลิน คุณกล้าเอาไหม?”
ใครๆก็รู้ว่าคําพูดนี้คือกำลังถามนายหวัง ถึงแม้ว่าเขาเพิ่ง กลับจากอังกฤษ แต่ดูจากความกล้าหาญของเขาก็ดูออก ว่าชายคนนี้ไม่ธรรมดา บวกกับท่าทางการตอบโต้ของคน พวกนั้นก็ยิ่งมั่นใจว่าชายคนนี้เขาสู้ไม่ไหว
นายหวังแค่ยิ้มนิดๆส่ายหัว นายหลิน “คิดมากไปแล้ว ผม ไม่เคยคิดเกินเลยกับนายหญิงหลินหรอกครับ”
ฉินเฟยพูดไม่ออก ผู้หญิงของเขาไม่ได้หมายความว่า จะเป็นภรรยาของเขา ผู้หญิงสามารถมีได้หลายคน แต่ ภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายมีได้เพียงคนเดียว อย่าง หน้าคนแบบนี้ ข้างนอกดูมากหน้าหลายตา ไม่รู้จะมีผู้ หญิงถึงกี่คน ดูหนุ่มขนาดนี้ น่าจะยังไม่เคยแต่งงานนะ มี ภรรยามาจากไหน
หลินโยว่หลิน ไม่ได้มองเขาตั้งแต่ต้นจนจบ ตาเรียว ยาวเล็กๆที่ดูเจ้าชู้ ทำให้คนอื่นรู้สึกถูกข่มขู่ เสียงของเขา คล้ายเสียงเชลโลที่ดีดออกมาได้อย่างหลงไหลเหมือนใน ฝัน เสียงท้วมๆและพูดว่า “ฉันยอมเธอมากไปใช่ไหม ยิ่ง อยู่ยิ่งไม่เชื่อฟัง เดี๋ยวนี้หายตัวเป็นกับเค้าด้วยเหรอ ให้ผมหาคุณตั้งนาน”
ฉินเฟยทำหน้าตกใจ คนๆนี้กำลังแสดง หรือพูดจริงๆ ถ้า เป็นจริง เธอแน่ใจว่าแค่เคยเจอหน้ากันบนเครื่องบินกับ คนนี้ นอกเหนือจากนี้พวกเขาก็คือคนแปลกหน้าที่ไม่เคย รู้จักกันมาก่อน ถ้าแสดง แต่สายตาเขาแสดงออกมาด้วย ความจริงจังและอบอุ่น มองจนเธอไม่อาจปิดกลั้นความ อบอุ่นให้เกิดขึ้นในใจ
“ฉัน…..คุณ……” ฉินเฟยติดอ่างพูดอะไรได้ไม่เต็ม ประโยค
มือของหลินโยว่หลินที่วางโอบบนเอวของเธอย้ายขึ้น มาโอบตรงหัวไหล่ ฝ่ามือที่กว้างของเขาโอบบนหัวไหล่ที่ กลมๆเล็กๆของเธอได้อย่างพอเหมาะ พวกเขาเหมือนเกิด มาเพื่อคู่กัน ดูแล้วเข้ากันดีมาก
“อย่ามองผมอย่างนี้สิ เธอรู้ว่าผมไม่เคยต้านทานคุณได้ หลินโยว่หลินเอามืออีกข้างที่ว่างแตะบนดั้งจมูกที่งอน ของเธอ พูดด้วยความเอาอกเอาใจอย่างมาก
ผู้คนที่อยู่ในงานต่างมองการโต้ตอบของฉินเฟยและ หลินโยว่หลิน ไม่อยากจะเชื่อ ว่าผู้ชายที่พวกเขาแข่งกัน ไล่ตาม ความจริงที่เห็นคือ กลายเป็นคนที่มีความสัมพันธ์ กับคุณหนูใหญ่บ้านตระกูลฉิน ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ ส่วนฉิน ชื่อนั้นยิ่งรู้สึกเสียใจอย่างยิ่ง ที่ตนเองแนะนำนายหวังให้แก่ฉินเฟย คือสิ่งที่เขาทำเรื่องที่โง่มากที่สุด ชีวิตนี้
ความสามารถของนายหลินไม่รู้จะเก่งกว่านายหวังมาก น้อยแค่ไหน ไม่แปลกเลยที่เขาตอบรับคำเชิญมาในวันนี้ ตอนแรกก็นึกว่าเขาจะมีชื่อเสียงใน เมืองB ตอนนี้ดูแล้ว เขามาเพราะให้เกียรติแก่ฉินเฟย
และไม่รู้ว่านายหลินจะพูดอะไรกับว่าที่พ่อตาหรือไม่ เพราะเขาเพิ่งจะแนะนำลูกสาวไปสู่อ้อมอกชายอื่นเมื่อกี้นี้ เอง
ในเวลาเดียวกัน ฉินชื่อทั้งรู้สึกเสียใจและดีใจควบคู่กัน ไป สายตางงๆและสงสัย มองไปทางฉินเฟย
“คุณกล้าเหรอ นี่มันที่สาธารณะนะ” ผ่านไปตั้งนานฉิน เฟยเพิ่งจะตื่นจากความงวยงง เริ่มจะแสดงละครตอบรับ กับหลินโยว่หลิน
ไม่ว่าหลินโยว่หลินจะกำลังคิดทำอะไร แต่เธอไม่ได้เสีย เปรียบอะไร
“ที่รัก เรายังมีอีกบัญชีที่ยังไม่ได้เคลียร์กันเลย กลับไป ผมไม่ปล่อยคุณไว้แน่” หลินโยว่หลินพูดกระซิบข้างหูฉิน เฟย
เสียงที่ดุดันสุมั่นคงของเขาทำให้เธอฟังแล้วใจวาบหวิว คิดๆดูแล้วน่าจะเป็นเพราะเธอหลอกใช้เขาเสร็จแล้วก็หนี ไป เขาจดจำความแค้นนี้ไว้
เธอยังไม่เคยเจอผู้ชายคนไหนที่ใจแคบขนาดนี้เลย
ฉินเฟยรู้สึกปวดหัวเลยล่ะ เหมือนว่าเธอเจอใครอีกคนที่ มีปัญหาอีกแล้ว
นายหวังรู้ตัวและเดินออกจากผู้คนตั้งนานแล้ว วิกฤต ของเธอก็คลี่คลาย อยากจะหลุดออกจากอ้อมอกของ หลินโยว่หลิน แต่ไม่คิดว่ามือของเขาค่อนข้างจะมีแรง มาก โอบไหล่เธอไว้อย่างแนบแน่น ไม่ให้เธอมีโอกาส แม้แต่นิดเดียวที่จะหลบหนีได้
ฉินเฟยจึงยอมรับชะตากรรมแต่โดยดี
ฉินเสี่ยวเสี่ยวเงียบไปครึ่งค่อนวันไม่ออกเสียง ตกใจ มากกับฉากละครที่เกิดขึ้นตรงหน้า เรื่องที่หาสามีและ ครอบครัวดีๆให้ฉินเฟย ก็คือเธอนั่นแหล่ะที่แนะนำฉิน ชื่อ ที่จริงก็เพื่อที่จะทำให้ฉินเฟยอับอายขายหน้า ให้เธอ รู้ไว้ว่าเธอคนนี้ฉินเสี่ยวเสี่ยวคู่ควรกับคนหนุ่มหล่ออย่าง ส้งเจ๋อ แต่ว่าเธอฉินเฟยเพียงแค่ควรคู่กับตาแก่ที่เคยมี ครอบครัวแล้ว
แต่คาดไม่ถึงว่าจะผู้ชายตัวจริงของเธอโผล่ออกมาด้วย แต่นี่ยังเป็นผู้ชายที่เอาแต่ใจขี้เก๊ก ถึงเธอจะไม่ยุ่ง เกี่ยวกับงานในบริษัท
และไม่สนใจข่าวคราวของวงการธุรกิจ แต่ว่าเธอก็รู้ดี ว่าผู้ชายคนนี้ คือชายนายหลินที่ ฉินซื่อยอมที่จะคุกเข่า อ้อนวอนด้วย
ฉินเฟยอยู่แต่เมืองนอกมานานหลายปี เธอไปรู้จักกับ หลินโยว่หลินได้ยังไง
ฉินเสี่ยวเสี่ยวคิดยังไงก็คิดไม่ออก
เธอเดินออกจากข้างฉินซื่อ แกล้งทำเป็นสนิทสนมกับฉิน เฟย ถามกระตือรือร้น : “พี่สาวคะ ทําไมไม่บอกเราทุกคน ว่าพี่มีคนรักแล้ว หล่อจัง ”
ฉินเฟยสายตามองไปยังสังเจ๋อ ไม่รู้ว่าเขามายืนอยู่ข้างๆ ฉินเสี่ยวเสี่ยวตั้งแต่เมื่อไหร่
แม้ว่าเขาและฉินเสี่ยวเสี่ยวจะหมั้นกันแล้ว แต่เธอก็ไม่ อยากให้เขาเข้าใจผิดอะไร
“ไม่ใช่พวกเธอคิด…..” ฉินเฟยกำลังจะอธิบายความ สัมพันธ์ของตัวเองและหลินโยว่หลิน แต่ทันใดนั้น มือที่ วางบนไหล่ได้จับบีบหัวไหล่เธอแรงขึ้น อย่างกับจะกด โค่นเธอลงบนพื้น
ชายคนนี้กำลังเตือนสติเธอ!
ฉินเฟยแค่สงสัยมาก ผู้ชายคนนี้ทำไมต้องมาเกี่ยงพันธ์ กับเธอ นี่มันไม่ได้มีผลดีอะไรกับเขาสักนิด อาจพูดได้ว่า นี่คือความสูญเสียของความสมบูรณ์แบบของเขาเลยก็ว่า ได้
แต่เธอรู้สึกได้ว่าชายคนนี้อันตรายมากเกินไป เธออย่า ไปขัดเขาดีที่สุด
ฉะนั้นฉินเฟยจึงทำตามที่เขาต้องการ ยอมรับความ หวานแว๋วที่สร้างภาพขึ้นมาแต่โดยดี: “ ไม่ใช่เพราะพวก คุณอยากรู้ แต่ฉันตั้งใจต้องบอกให้พวกคุณรู้ อีกทั้งฉัน กับพวกคุณไม่ได้สนิทกัน
ได้ผ่านเรื่องนี้แล้วฉินเฟยผิดหวังในตัวของฉินชื่อที่สุด
หลินโยว่หลินพอใจกับคำพูดของฉินเฟย ดีใจและยิ้ม ออกมาบนใบหน้า แม้กระทั่งฉินชื่อที่หน้าตาอันยิ้มแย้มขึ้ ประจกและสายตาที่จ้องแต่ชายข้างๆฉินเฟย ก็ดูแล้วไม่ ค่อยน่าหาเรื่องเท่าไหร่แล้ว
“โยว่หลิน ฉันรู้สึกเหนื่อยแล้ว” ถึงคำพูดยังมีส่วนที่แสดง ละครอยู่ แต่ใจของฉินเฟยเหนื่อยล้าจริงๆแล้ว
เป็นศัตรูกับคนในครอบครัว เหนื่อยใจจริงๆเลย
หลินโยวหลินรู้ว่าตัวเองยังมีธุระอย่างอื่นที่ต้องทำ
เขายกมือออกมา แล้วไปวางบนหัวของฉินเฟย ลูบไป ลูบมาอย่างมั่วซั่ว เสียงอ่อนโยน : “ผมพยุงคุณไปพักผ่อน ทางโน้นก่อน รอผมไปทักทายคนไม่กี่คน เดี๋ยวผมกลับมา อยู่เป็นเพื่อนคุณ
ความเคลื่อนไหวทุกฝีก้าวของหลินโยว่หลิน ทำให้หญิง สาวทุกคนในงานอ่อนไหว อยากจะให้ตัวเองเป็นฉินเฟย เสียเหลือเกิน ได้รับความปกป้องอย่างอ่อนโยนของเขา เช่นนั้น
หลินโยว่หลินมองดูความอดกลั้นบนสีหน้าของฉินเฟย ก็รู้ว่าเธอเข้าใจความหมายที่นอกเหนือคำพูดของเขา จึง พาเธอไปนั่งพักอีกมุมหนึ่ง หลังจากนั้นก็จากไป เดินออก มาได้ไม่กี่ก้าว ก็ถูกผู้คนล้อมเข้ามาจนไม่มีทางออก
ฉินเฟยตกใจจนอ้าปากค้าง
มีผู้ชายคนนี้อยู่ในงาน คงไม่มีพระเอกคนที่สองอีกแล้ว มั้ง เหมือนงานในวันนี้จะเป็นงานเฉพาะของสังเจ๋อและฉิน เสี่ยวเสี่ยว แต่พอสองคนนี้อยู่ต่อหน้าเขาแล้ว ไม่มีรัศมี เหลือเลย
ภายใต้สายตาของฉินเฟยมีแต่ผู้คนวนไปวนมา แต่ว่า ความคิดยังคงโล่ง ถึงกับไม่รู้สึกเลยว่า ฉินเสี่ยวเสี่ยวมานั่งอยู่ข้างเธอตั้งแต่เมื่อไหร่
รอจนสังเกตเห็นมีคนนั่งอยู่ข้างๆ แล้วดูดีๆคือฉินเสี่ยว เสี่ยวในตอนนั้น ทำให้เธอนึกถึงบทความที่เห็นในละคร ฉันไม่เคยเห็นใครคนไหนที่หน้าด้านอย่างคนนี้
“พี่คะ พี่นั่งคนเดียวตรงนี้ไม่มีความหมายใช่ไหม พี่สัง เจ๋อต้องดื่มเหล้าเป็นเพื่อนแขก ฉันก็คนเดียว ฉะนั้นเรา สองคนที่เหงาหงอยมานั่งเป็นเพื่อนด้วยกัน” ฉินเสี่ยว เสี่ยวทําเหมือนลืมเรื่องราวระหว่างเธอสองคนจนหมดสิ้น ทั้งหน้าเต็มไปด้วยความยิ้มแย้มอย่างมีความหวัง
“เธอกลัวเหงา แต่ฉันไม่ได้กลัว หลายปีนี้ฉันก็ผ่านมันมา แบบนี้ ฉันเคยชินตั้งนานแล้ว” ฉุนเฟยยกแก้วน้ำดื่มที่วาง บนโต๊ะมาดื่มหนึ่งคำ เย็นหน่อยๆ เย็นไปถึงข้างในใจ
ฉินเสี่ยวเสี่ยวมองดูไปทางที่คนเยอะๆ ยิ้มด้วยความ อบอุ่นและพูดว่า: “ฉันดูแล้วพี่สาวไม่ได้อยู่อย่างเหงานะ ฉันคอยกังวลใจตลอด กลัวว่าพี่จะกินได้ไม่ดีนอนได้ไม่ ดี แต่พี่สาวก็คือพี่สาว ไปถึงเมืองนอก ก็ยังคงเก่งขนาดนี้ ไม่เสียที่เป็นแบบอย่างที่ดีของฉัน”
ฉินเสี่ยวเสี่ยวบอกว่าเธอคือแบบอย่างที่ดีของเธออย่าง งั้นหรือ ความจริงที่เห็นเธอขยะแขยงเขาไม่ใช่หรือ?
ความดีงามของวัยรุ่นสมัยใหม่ก็คือความต่อต้านและ ขยะแขยงเหรอ
ฉินเฟยแสยะมุมปาก: “ขอโทษทีนะ ฉันเป็นคนซื่อตรง จิตใจดี เธอเป็นคนชั่วร้ายน่ากลัว ฉันไม่ควรจะเป็นแบบ อย่างให้เธอ”
ฉันเฟยพูดประชดประชัน ฉินเสี่ยวเสี่ยวยอมรับความ ร้ายของเธอ แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจ
การแสดงออกของเธอลดลงกะทันหัน เสียงก็เริ่มจะ ร้องไห้: “พี่สาว ที่จริงแล้วพี่ไม่ควรเพราะว่ามีอคติกับฉัน แล้วเกิดการห่างเหินกับพ่อนะ ถึงแม้ว่าบริษัทของตระกูล ฉินจะไม่ได้ใหญ่โตเหมือนเมื่อก่อน แต่ก็ยังใหญ่กว่าบางที่ หากพี่ทะเลาะรุนแรงกับพ่อแล้ว บริษัทก็จะกลายเป็นของ ฉันคนเดียว ถึงตอนนั้นร้องไห้ก็สายเกินไปแล้ว ไม่ทำเพื่อ ความรัก ก็ควรทําเพื่อบริษัท อย่าไปแข็งกระด้างกับพ่อ อีกอย่างพี่สังเจ๋อ เมื่อก่อนดีต่อพี่แค่ไหน แต่ตอนนั้น พี่คิด ว่าโลกใบนี้เป็นของพี่คนเดียว พี่เคยห่วงใยใครบ้าง พี่คิด ว่าพี่ส่งเจ๋อไม่รักพี่แล้วจริงๆใช่ไหม ในช่วงก่อนที่พี่จะจาก ไปเขาก็รักแต่พี่คนเดียว พี่ไปอยู่อังกฤษ เขาก็ดื่มแต่เหล้า อยู่แต่ในห้อง เหมือนอย่างกับศพเดินได้อย่างนั้น ทั้งสอง สามเดือน”
“หลายปีมานี้มีแต่ฉันที่ดูแลพี่สังเจ๋อตลอด ในที่สุดเขาก็ มองเห็นฉัน ตอนนี้เขาดีกับฉันมาก ดีกว่าที่เคยดีต่อพี่เสีย อีก” ฉินเสี่ยวเสี่ยวใบหน้าเต็มไปด้วยความหวาน
แต่ความสุขเหล่านี้ได้ทิ่มแทงใจของฉินเฟย เธอตัว สั่นไปทั้งตัวเพราะความโกรธ เหมือนใบไม้ที่ปลิดปลิว ท่าทางดูสั่นคลอนไปทั่ว ทำให้คนดูตื่นตระหนก “ฉินเสี่ยว เสี่ยว เธอมาพูดเรื่องราวเหล่านี้ต่อหน้าฉันตอนนี้เพื่อ อะไร อวดว่าเธอและส่งเจ่อรักกันขนาดไหนเหรอ? เธอ คิดว่าฉันจะสนใจ เขาเป็นแค่รองเท้าที่ขาดคู่หนึ่งของฉัน เธอจะคิดว่าเป็นทอง ก็ไม่มีใครห้ามเธอหรอก ”
“พี่รู้ไหม? ตอนที่เธอโกหกคนจะหน้าแดง ฉันพูดโดนสิ่ง ที่เป็นแผลในใจของเธอ เธอก็เลยโมโห” ฉินเสี่ยวเสี่ยว ประชดว่า “ฉินเฟย เธอนี่ดูแล้วไม่มีหัวจิตหัวใจ ที่จริงแล้ว เป็นคนฝันใจขนาดนี้ ผ่านไปหลายปีแล้ว เธอยังคงรักพี่ สังเจ๋ออยู่ ถ้าเขารู้แล้วจะซึ้งใจขนาดไหน”
“ถ้าเขารู้ แล้วเธอคิดว่างานหมั้นของพวกเธอจะจัดขึ้นมา ได้เหรอ?” ฉินเฟยพูดข่มขู่
“พี่ ฉันคงจะเป็นคนที่เข้าใจเธอมากที่สุด เธอคนนี้ปาก แข็ง ที่จริงแล้วเจ็บ แต่ชอบบีบคั้นคอตัวเองให้พูดว่าไม่ เจ็บ คนอย่างเธอนี่แหล่ะ ชีวิตลำบาก” ฉินเสี่ยวเสี่ยวทำ หน้าอย่างได้ใจ พูดสั่งสอนอย่างผู้ชนะ “แม่บอกฉันว่า ผู้ หญิงต้องอ่อนแอหน่อย ชั่วชีวิตนี้เขาแสดงแต่อ่อนแอ ฉะนั้น ถึงแม่ ฉินซื่อจะจากเขาไป เขาก็ไม่เคยอยู่อย่าง ลำบาก อีกทั้งยังมีผู้ชายหลายคนแย่งกันช่วยทำงานให้ เขาด้วยความเต็มใจ
“ที่แท้แม่ของเธอก็ใช้เสน่ห์มารยาหาความสุขนี่เอง”ฉินเฟยหัวเราะ
ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้นจริงๆ เธอตอนนี้รู้สึกขอบคุณแม่ ของเธออย่างมาก เป็นแบบอย่างที่มีจิตใจซื่อตรงดีงาม จึง ไม่ทำให้เธอขาดคุณธรรมอย่างเช่นฉินเสี่ยวเสี่ยว
“ว่าแม่ฉันไม่มีประโยชน์หรอก ยังไงแม่ฉันก็ไม่ได้ยิน แล้ว ฉันแค่จะเตือนเธอแค่นั้น การเข้าใจผิดในตอนนั้น ถ้าเธอยอมที่จะอธิบาย เธอก็ยังคงเป็นคุณหนูใหญ่ ที่ ใครๆก็รักและเอ็นดูในอ้อมกอดของตระกูลฉิน ใครให้เธอ โง่ เธอคิดว่าเธอไม่พูดออกมา แล้วจะมีคนเข้าใจเหรอ”
ฉินเสี่ยวเสี่ยวผ่าเข้าไปกลางใจของฉินเฟย ทําให้เขา เหมือนว่าถูกถอดเสื้อผ้าออกจนหมด แล้วปล่อยให้ถูก แผดเผากลางแดด เธอรู้สึกพ่ายแพ้และนั่งลงกับที่
ในตาของฉินเสี่ยวเสี่ยวส่องแสงประกายอย่างมีความ สุขราวกับผู้ชนะ เล็บมือที่ทาด้วยสีชมพูถูไถกับแก้วใบ หนึ่งที่ใสๆ และทำหน้าแสยะยิ้ม: “ฉินเฟย เธอรู้ไหมว่าฉัน ชอบอะไรของเธอมากที่สุด? ชอบความดื้อรั้นของเธอ ถูก คนอื่นเข้าใจผิดแล้ว ให้ตายก็ไม่ยอมอธิบายแบบนั้น หาก เธอไม่ใช่คนแบบนี้ ฉันก็ไม่มีทางพลิกแพลงได้สวยงาม ขนาดนี้”
“ฉินเสี่ยวเสี่ยว มีคำๆหนึ่งที่พูดกันว่า ถ้าไม่ยอมทิ้งอดีตเธอไม่มีทางรู้ว่าอนาคตจะดีแค่ไหน” ฉินเฟยทำหน้าเต็ม ไปด้วยรักแล้วมองไปทางหลินโยวหลินที่มีผู้คนล้อมรอบ ไปหมด “เธอคิดว่านายหลินของฉันและสังเจ๋อเปรียบ เทียบกันแล้ว ใครยอดเยี่ยมกว่ากัน?”
ตรงนี้แหล่ะ ที่ฉินเสี่ยวเสี่ยวอิจฉาริษยา เมื่อก่อนเธอมีพี่ ส้งเจ๋อคอยรักและเอาใจใส่ เธอก็อิจฉาริษยาจนจะเป็นบ้า แย่งพี่สังเจ๋อจากมือเธอมาอย่างยากเย็น เธอก็โชคดีไป เจอผู้ชายที่ดีกว่าสังเจ๋อหลายเท่าในทุกๆด้าน
ใบหน้าของฉินเสี่ยวเสี่ยวถึงกับเปลี่ยนสี แต่ก็กลับมาปก ติเหมือนเดิมอย่างรวดเร็ว สายตาเต็มไปด้วยแผนการ: “เธอคิดว่าผู้ชายอย่างหลินโยว่หลิน จะยอมรับผู้หญิงที่ยัง รักชายอื่นหรือ?”
ขณะที่ฉินเฟยยังกำลังย่อยคำพูดของเธอ ฉินเสี่ยวเสี่ยว ได้ทําไวน์หกใส่เสื้อตัวเอง แก้วไวน์ตกลงไปบนพื้น เมา จนไม่ตัวอะไรเลย
เสียงแก้วที่ตกแตกดึงดูดสายตาทุกคนมาทางนี้
บนหน้าของฉินเสี่ยวเสี่ยวเต็มไปด้วยน้ำตา เธอจับ มือฉินเฟยไว้แน่นๆ: “พี่สาวคะ ฉันทำผิดอะไร ทำไมถึง เกลียดฉันขนาดนี้ พี่เห็นฉันได้ดีกว่าไม่ได้ใช่ไหม?”
ฉินเฟยพูดไม่ออก ทำไมฝึกฝนมานานหลายปีขนาดนี้แล้ว ก็ยังตกหลุมกับดักเสน่หาของผู้หญิงคนนี้ ทั้งๆที่รู้ว่า เธอคือนักแสดงดีเด่นระดับรางวัลออสการ์ ไม่ควรสื่อสาร กับเธอมากเกินไป
เธอถอนหายใจในใจ แต่เธอกำลังเริ่มแสดงแล้ว เธอ ทําได้แค่ก้าวไปดูไป
“เธอพูดถูก เธอพูดอะไรก็ถูกทุกอย่าง” ฉินเฟยไม่อยาก โต้ตอบอะไรกับเธอ แค่อยากให้เขาปล่อยมือของเธอ
ก้อนเนื้อบนแขนจะถูกดึงออกมาอยู่แล้ว
ฉินเฟยสงสัยอย่างมาก ว่าเธอตั้งใจทำแบบนี้
ขณะที่ฉินเฟยกำลังคิดจะผลักเธอออกไปนั้น ฉินเสี่ยว เสี่ยวใช้แรงทั้งหมดที่มีจับมือเธอไว้แน่นมากๆ และร้องไห้ ดังๆ: “พี่คิดจะเอาชีวิตฉันไปด้วยใช่ไหม ถ้าเป็นเช่นนี้ สี่ปี ก่อนพี่น่าจะใช้แรงมากกว่านี้ น่าจะโหดกว่านี้ ฉันจะได้ไม่ มายืนดีๆอยู่ตรงหน้าพี่ไง แต่ถึงอย่างไรเราก็มีเลือดเนื้อ สายเดียวกัน เพราะพี่สังเจ๋อถึงกับจะทําร้ายฉันเหรอ?”
“ฉันรู้ว่าพี่กับกี่สังเจ๋อสนิทสนมกันตั้งแต่เด็กๆ แต่ความ เอาแต่ใจของพี่เอง ที่ยิ่งอยู่ยิ่งผลักเขาไกลออกไป ตอนนี้ ฉันและพี่สังเจ๋อเป็นคู่ที่รักกัน ทำไมพี่ถึงไม่ยอมรับความ จริงข้อนี้?”
ฉินเฟยใกล้จะทนไม่ได้กับการแสดงของฉินเสี่ยวเสี่ยว แล้วล่ะ
ฉินเสี่ยวเสี่ยวกำลังแสดงด้วยความมัน น้ำตาไหลออก มาตลอดเวลา อย่างกับไม่ต้องเสียเงินอย่างนั้น
ฉินเฟยถูกเสียงที่เธอแกล้งร้องดังขึ้นเรื่อยๆจนปวดหัว เพราะการยั่วยุของเธอ ผู้คนรอบๆที่มอง สายตาเต็มไป ด้วยว่ากล่าวให้โทษต่อเธอคนเดียว
โทษเธอที่โหดร้ายต่อฉินเสี่ยวเสี่ยว
ฉินเฟยถูกฉินเสี่ยวเสี่ยวดึงโยกซ้ายขวาไปมา รู้สึกเวียน หัวและหันสายตาไปทางหน้าที่มั่นคงของหลินโยวหลิน เธอถึงสบายใจขึ้นบ้าง
แต่ว่าเธอเหมือนกับว่าจะยืนไม่ไหวแล้ว หากหลินโยว่ หลินไม่รีบมาให้ทัน เธอคงล้มจนหน้าฟาดพื้นไปแล้ว ถ้า เสียโฉมจะทำยังไง?
แต่ว่าเธอก็ยังโชคดี ก่อนที่จะหลับตาลง เธอได้ล้มลงกับ อ้อมอกของหลินโยว่หลินแล้ว ได้มองเห็นความเป็นห่วง
ฉินเฟยก็เจ็บขึ้นมาเหมือนกัน ความเจ็บแบบเธอเจ็บแทนเขา
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ