ตอนที่ 47 ตักอาหารให้กับเขา
เห็นวังสาออกมาจากห้องครัว สีหน้าของธัชชัยจึงดีขึ้นมาบ้าง แต่ ว่าเวลาที่เผชิญหน้ากับเธอ สีหน้ายังคงต้องเย็นชาอยู่ ราวกับ ตำหนิเธอที่ทิ้งเขาไว้อยู่ตรงนี้
“ไปไหนมา?” น้ำเสียงเย็นชาทำเอาคนตกใจกันหมด
วัจสายังไม่ทันจะได้เอ่ยปากตอบรับ ภาวิณีก็พูดแทรกขึ้นมา ก่อน เธอวางกับข้าวเมนูสุดท้ายเอาไว้บนโต๊ะ ยิ้มแย้พูดอย่าง อ่อนโยน “ธัชชัย ต้องขอโทษด้วยนะ เป็นความผิดฉันเองที่ลาก วังสาไปช่วยงานในครัว
“ฉันไม่ได้ถามเธอ” สายตาของธัชชัยจับจ้องอยู่ที่ตัววังสา เพียงคนเดียว
ภาวิณีถูกเขาตอบโต้มาแบบนี้ชั่วขณะนั้นก็ไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ ที่ไหนแล้ว รอยยิ้มที่อยู่บนใบหน้าก็ยิ้มออกมาอย่างเพื่อนๆ แล้ว ชั่วพริบตาเดียวบรรยากาศที่หน้าอึดอัดแบบนี้ก็ได้ปกคลุมไปทั่ว โต๊ะอาหาร ถ้าหากจะพูดถึงคนที่มีความดีใจสักหน่อย ก็คงเป็น รสรินที่มองภาวิณีที่ถูกธัชชัยตอบโต้มาแบบนั้น
วราลีพยายามอยากที่จะให้ภาวิณีได้สมหวังในความรัก แต่ก็ไม่อยากคิดว่าคนอื่นชอบหรือไม่ชอบลูกสาวของ เธอกันแน่ ตอนนี้มองดูแล้ว ธัชชัยไม่ได้ชอบลูกสาวของเธอเลย แบบนี้ทำให้จิตใจของเธอเริ่มปลงขึ้นมาบ้างเล็กน้อย
วัจสาเห็นสถานการณ์ที่อยู่ตรงหน้าแล้ว ก็ไม่อยากจะก่อเรื่อง วุ่นวายให้บรรยากาศมันน่าอึดอัดแบบนี้ ถึงอย่างไรสถานการณ์ ที่เป็นอยู่ตอนนี้ คนที่ถูกด่าเป็นวันสาเพียงคนเดียว จึงรีบทำเรื่อง นี้ให้มันจบลงด้วยดี “เมื่อกี้นี้ฉันไปที่ห้องครัวมา มีเรื่องอะไรถึง ต้องเรียกหาฉัน?”
“ป้อนฉันหน่อย” น้ำเสียงของเค้าฟังดูธรรมดาไม่มีอะไรพิเศษ เหมือนกับว่าเรื่องนี้พูดเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว
วัจสาเข้าใจแล้วก็อยากจะพูดว่าฉันเป็นแม่คุณเหรอ ตัวเอง ไม่มีมือหรือไง? กินข้าวนี่ก็ไม่ได้เป็นเรื่องยากอะไรขนาดนั้นยังจะ ให้คนป้อนอีก อีกอย่างที่นี่ก็เป็นบ้านตระกูลขุนทด ไม่ใช่บ้าน ของตัวเองนะคุณชายรอง ให้เธอที่เป็นพี่สะใภ้มาดูแลคุณที่เป็น น้องของสามีเหรอ?
เธอกดคมอารมณ์โกรธเอาไว้ “ในถ้วยนั่นก็มีซุปแล้วไม่ใช่เห รอ?”
วราลีย่อมต้องมองออกแน่นอน ธัชชัยไม่แยแสซุปหูฉลามรังนกถ้วยนั้นที่เธอรักให้เขา แตะก็ยังไม่ได้แตะ ธัชยคน นี้ช่างหยิ่งยโสจริงๆ แต่ว่าใครใช้ให้เขาเป็นแทพเจ้าแห่งโชค ลาภล่ะ? วันขอเพียงให้พูดเกลี้ยกล่อมให้เขาให้เขาเอาเงินหนึ่งน ล้านออกมานั่นถึงจะทำให้บริษัทชีวาเลียร์ก้าวหน้าได้อีกระดับ หนึ่ง
วราลีย่อมสนใจปัญหาที่ว่าใครจะตักอาหารให้กับเขา ขอ เพียงให้เขามีความสุขก็พอ ก็เลยรีบช่วยพูดโน้มน้าวใจขึ้นมา “วังสาจ๊ะ เธอก็ช่วยตักอาหารให้คุณชายรองหน่อยสิ เขาชอบกิน อะไรพวกเราไม่ค่อยรู้ชัดเจนเท่าไหร่” ความหมายที่พูดมาก็คือมี เพียงวังสาเท่านั้นที่รู้ว่าเขาชอบกินอะไร
วัจสาตกใจ คิดไม่ถึงว่าวราลีจะพูดออกมาอย่างใจกว้างขนาด นี้ ไม่ใช่ว่าควรจะให้ลูกสาวของตัวเองไปดูแลธัชชัยหรอกเหรอ?
แต่ว่าในเมื่อพวกเขาพูดออกมาแบบนี้แล้ว วันสาก็ไม่รู้ว่าจะ เอาอารมณ์ที่อึดอัดแบบนี้ไปไว้ไหน เพื่อหลีกเลี่ยงคุณน้าทั้งสอง ว่าเธอไม่รู้จักบุญคุณอีก รู้ดีว่าวันนี้เป็นโอกาสที่สำคัญก็ยังไม่ ยอมช่วยเหลือกันอีก
ดังนั้นจึงค่อยๆ ขยับเข้าไปข้างๆ ธัชชัย เขาเหมือนจะไม่ชอบ ซุปที่มีน้ำมันเยอะ ก็เลยเปลี่ยนถ้วยให้ใหม่และตักซุปบีทรูทเป็น ออร์เดิร์ฟให้กับเขา ก่อนเมนูอาหารจริงๆ กับข้าวที่ทำอย่างประณีตทุกอย่าง เธอตักอาหารให้ธัชชัยแทบจะหมดทุกอย่างไปหนึ่งรอบ
ในใจก็แขวะออกมาว่า จะกินได้แค่ไหนกันเชียว
คิดไม่ถึงว่าธัชชัยจะกินเข้าไปทุกอย่าง เธอตักอาหารทุกอย่าง ให้ เขาก็กินจนเกลี้ยง เหมือนกับว่าหิวมานานอย่างไรอย่างนั้น
คนในบนโต๊ะอาหารต่างก็ก้มหน้าก้มตากินข้าวกันอย่าง เงียบๆ ไม่กล้ามองสองคนนี้ที่ดูเหมือนสามีภรรยากำลังดูแลกัน อยู่
คนที่อดทนไม่ได้ที่สุดก็คือรสริน ถ้าหากว่าข้างๆ กายของรัช ชัยเปลี่ยนเป็นเธอ นั่นก็จะสมบูรณ์แบบที่สุดแล้ว
วิธีคิดของภาวิณีนั้นกลับไม่เหมือนกับรสรินที่เป็นน้องสาวเลย แม้แต่น้อย เธอไม่ได้อิจฉาริษยาและไม่ได้เพ้อฝัน เธอกำลัง สังเกตว่าธัชชัยชอบกินอาหารจานไหนมากที่สุด หรือพูดอีกอย่าง ว่าอาหารประเภทไหนที่วัดสาตัก ให้ธัชชัยสองรอบ
ธัชชัยกินอิ่มจนพุงกาง เห็นใจสายังไม่ได้กินอะไร กระแอมสอง ทีแล้วพูดว่า “พอแล้ว เธอกินข้าวเถอะ ของฉันแค่นี้ก็พอแล้ว”
เรียกให้ผู้หญิงคนนี้มาตักอาหารให้ ก็เพื่อทำโทษเล็กๆ น้อย ใครใช้ให้เธอคิดเองเออเองล่ะ ไม่นึกเลยว่าจะ ทิ้งเขาเอาไว้กับพวกจิตใจเหี้ยมโหดพวกนี้ได้ลงคอ จริงๆ แล้ว เขาก็ไม่กลัวเกรงสิ่งใด แต่ว่าพอไม่เห็นวัสสาแล้วจิตใจของเขา มันกระวนกระวายใจไม่น้อย ก็แค่อยากจะยืมเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น อยู่ตอนนี้ระบายอารมณ์ก็เท่านั้นเอง
วัดสาได้ยินว่าไม่ต้องตักอาหารแล้ว ในใจก็รู้สึกผ่อนคลายลง ไปไม่น้อย ในชั่วพริบตาเดียวก็หันตัวกลับไปกินของที่ตัวเอง อยากจะกิน ถูกธัชชัย ใช้เป็นเวลานาน เธอก็หิวจนไส้จะขาดอยู่ แล้ว
กินจนพอประมาณแล้ว ปยุตจึงเปล่งเสียงใสออกมาจากลำคอ ถือแก้วไวน์มาแก้วหนึ่ง “คุณชายรอง ซอแก้วสักหน่อยเป็นไง?”
ธัชชัยหยิบเอาทิชชูขึ้นมาเช็ดปากให้สะอาด และหยิบเอาแก้ว ไวน์ที่มีราคาแพงอย่างมากขึ้นมา “ขอขอบคุณตระกูลขุนทดที่ ตอนรับเป็นอย่างดี” เขารู้ว่าเจ้าสุนักจิ้งจอกตัวนี้อยากจะพูดถึง ‘เรื่องธุรกิจ’ แล้ว
“จริงๆ แล้ววันนี้ที่เชิญคุฯชายรองมา เป็นเพราะว่ามีเรื่องที่ อยากจะปรึกษาหารือกับท่านสักหน่อย
“พูดมาเถอะ”
“เรื่องมันเป็นอย่างนี้นะ รัฐบาลในช่วงนี้มีโครงการใหญ่ โครงการหนึ่งใช่ไหม? มีการเปิดประมูลแผนโครงการถนานนา ยูงจนถึงถนนเกษตร ถ้าหากว่าประสบความสำเร็จ ผลกำไรค่า ตอบแทนไม่รู้กี่เท่าต่อกี่เท่า ตอนนี้เงินลงทุมีปัญหานิดหน่อย ไม่ ทราบว่าคุณชายรองสนใจโครงการนี้ไหม?” ปยุตพยายามใช้ผล กำไรจำนวนมากมาดึงดูดใจของธัชชัย ในสายตาของคนที่ทำ ธุรกิจ มีเพียงผลกำไรเท่านั้นที่สำคัญที่สุด
ธัชชัยยิ้มบางๆ ในดวงตากลับฉายแววไม่มีความสนใจเลย แม้แต่น้อย “ในมุมมองของผม โครงการนี้มันไม่คุ้มค่า
ปยุตตลึงงันเล็กน้อย “จะพูดอย่างไรดีล่ะ?”
“อันดับแรกเลย คุณต้องใช้เงินไปไกล่เกลี่ยกับผลกระทบที่มี อยู่มากมาย พูดอีกอย่าง ถ้าหากว่าคุณอยากจะหาเงิน ก็จําเป็น ต้องลงมือหาข้อมูลในด้านต่างๆ และโครงการนี้ไม่ได้เป็นเพียง ปัจจุบันนี้ แต่ยังเป็นการสร้างความสุขให้กับชาวบ้านต่อไป ถ้า หากว่าคุณผลิตสินค้าด้อยคุณภาพจากวัสดุที่ไม่ดีก่อให้เกิด อันตรายได้ เรื่องนี้ คุณจะรับผิดชอบไหวเหรอ? กลัวว่าวันข้าง หน้าจะตายเอาได้นะ พวกชาวบ้านนะไม่ปล่อยแม้แต่ซากกระดูก ของพวกคุณตระกูลขุนทดเอาไว้แน่
ปยุตคิดไม่ถึงว่าธัชชัยจะสามารถพูดคำพูดคุณธรรมที่เข้มงวด ขนาดนี้ออกมา เขาไม่ใช่ว่าจะสนใจผลกำไรมากที่สุดเหรอ? นึก ไม่ถึงว่าจะให้ความสำคัญกับชีวิตความเป็นอยู่ของชาวบ้าน ด้วย?
สิ่งที่เขาไม่รู้ก็คือ ปัญหาที่เกี่ยวกับพวกชาวบ้านเป็น บรรทัดฐานของธัชชัย เขาจะไม่ทำร้ายชาวบ้านผู้บริสุทธิ์เพื่อแลก กับผลกำไรของตัวเอง
วัดสาเองก็คิดไม่ถึงว่าผู้ชายคนนี้จะสามารถพูดคำพูดแบบนี้ ออกมาได้ มักจะรู้สึกว่าเหตุการณ์ในวันนี้ช่างเหมือนกับวรพลใน การประชุมผู้ถือหุ้น ช่างสมกับที่เป็นพี่น้องกันจริงๆ
“ถึงจะเป็นอย่างที่พูดมาก็เถอะ แต่ฉันก็ได้ปรึกษาเรื่องการ ก่อสร้างกับท่านเมทนีแล้ว เขาน่าเชื่อถือไม่น้อย ไม่เกิดเรื่อง แน่นอน และก็ยังมีผลกำไรเป็นกอบเป็นกำด้วย” ปยุตยังยืนหยัด ที่จะประนีประนอมอยู่
ธัชชัยหยิบแก้วไวน์ขึ้นมาช้าๆ สีแดงของเลือดที่อยู่ในนิ้วมือ เรียวยาวเสริมส่งให้ดูสวยงามมีเสน่ห์อย่างมาก “ท่านเมทนีคนนี้ ตำแหน่งก็ใกล้จะรักษาเอาไว้ไม่ได้แล้ว คุณยังฟังเขาพูดอีกเห รอ? หรือว่าเขาเรียกให้คุณเอาเงินออกมาเงินจ่ายออกไปก่อนเห รอ?”
ในใจของปยุตก็ตกใจขึ้นมา ธัชชัยไม่แปลกเลยที่เป็นเจ้าของ ผู้นำของธุรกิจของตลาดเอส สำหรับเขาแล้วไม่มีข้อมูลอะไรที่เขา จะไม่รู้
เห็นสีหน้าท่าทางของปยุต ธัชชัยก็รู้ว่าสิ่งที่เขาพูดนั้นไม่ผิด “ผู้ ที่ถูกเลือกให้เป็นเป็นผู้บัญชาการทหารและผ่านกองทัพเมื่อเขา ยังเด็กคนหนึ่ง สิ่งที่เขาเกลียดที่สุดก็คือคนที่ใช้เล่ห์เหลี่ยม เพทุบายพวกนี้”
สุดท้ายก็ถูกชัชชัยโยนลงไปในถังน้ำเย็นเยือก ความหวังสุด ท้ายของปยุตที่มีอยู่นิดเดียวก็พลันพังทลาย
วัจสาไม่ได้ตั้งใจฟังพวกเขาพูดคุยกัน เพียงแต่มองเห็นขนม บนโต๊ะอาหารโดยกะทันหัน ในขณะนั้นก็ขึ้นมา เธออยากจะ พิสูจน์ให้พวกเขาดู: ธัชชัยชอบกินกีวีที่สุด
จึงแกล้งทำเป็นไม่สนใจและแอบคบมันเอาไปวางไว้ในจาน อาหารของธัชชัย ธัชชัยใช้ช้อนตกขึ้นมา กินมันเข้าไป แววตาวัจ สาเป็นประกาย กลัวว่าทุกคนที่นั่งอยู่ตรงนี้จะมองไม่เห็น จึงคืบ ไปอีกก้อน ก้อนที่สามธัชชัยก็กิน
ธัชชัยใช้หางตาเหลือไปมองเธอที่กำลังตื่นเต้น ภายในใจก็ อยากจะหัวเราะขึ้นมาโดยพลัน ไร้เดียงสาเกินไปไหม? แต่ก็น่ารักดี
มุมปากของภาวิณีก็ยกยิ้มขึ้นมาตลอด มองเห็นสีหน้าที่ดูไม่ได้ ของรสรินแล้วก็เกือบจะหัวเราะออกมาแทบแย่ ดูสิ น้องสาวสุด ที่รัก ไม่ใช่เขาไม่ชอบกินกีวี่ แต่เขาไม่ชอบเธอต่างหาก คนก่อ เรื่องวุ่นวายไม่หยุดเป็นสิ่งที่หน้าอับอายที่สุด ภาวิณียังได้รู้สึกว่า คนอย่างธัชชัยไม่ชอบอยู่ในกรอบ
รสรินกัดริมฝีปาก เกือบจะกัดจนเลือดไหนออกมา วัดสา หญิงคนนี้ ไม่เพียงแต่เอาของๆ เธอไปให้หมากิน ยังเธอยังแสดง การเชื่อฟังต่อธัชชัยอีกด้วย! แบบนี้มันหมายความว่าอะไร?
วัจสาไม่รู้ว่าการที่เธออยากจะพิสูจน์ว่าเธอไม่ได้พูดโกหกนั้น ได้ทําให้ในสายตาของคนอื่นได้เปลี่ยนไปแล้ว
“แหล่งข่าวของคุณชายรอง ผมย่อมต้องได้รับมาแล้ว แต่ว่า ไม่รู้ว่าผู้ที่ถูกเลือกนั้นเป็นท่านไหนกัน? ผมจะได้สานความ สัมพันธ์ที่ดีด้วย ถึงแม้จะไม่ได้มองทางด้านการเงิน ผมก็จะคิดหา วิธีติดต่อพูดคุยกับท่านนั้น แต่ว่า เดิมทีแล้วผมอยากจะเชิญให้ คุณชายรองมาร่วมหุ้นกับบริษัทชีวาเลียร์ของพวกเรา ก็เพื่อจะได้ มีแรงของเงินทุกเพิ่มมากขึ้น อัตราของการประมูลได้ของพวกเรา ก็ทำได้สูงมากคุณชายรองอยากจะทําเรื่องที่เป็นประโยชน์กับพวกชาวบ้านใหม ล่ะ?” ปยุตยังคิดอยากจะลากธัชชัยให้ร่วมหุ้นให้ได้
ธัชชัยคอยชำเลืองมองข้างๆ เห็นวัสสาที่อารมณ์ดีมากเป็น พิเศษมุมปากยกยิ้ม เรื่องการเข้าร่วมหุ้นน่ะทำได้ง่าย ต้อง ขอบคุณตระกูลขุนทดเรื่องการอบรมสั่งสอนเลี้ยงดู ตระกูลศรี ทองของพวกเราจึงได้ภรรยาที่ดีอย่างใจสา เป็นเรื่องที่ทำตามคำ สัญญาของพ่อของกระผม ท่านเป็นคนที่พูดได้ทำได้จริง
วัจสาที่กำลังเตรียมจะดื่มซุปเข้าไป ยังดีที่ไม่สำลักตาย ทำไม ตัวเองเหมือนนอนอยู่บนหอกอย่างนี้ล่ะ? ธัชชัยพูดเรื่องธุรกิจอยู่ ดีๆ ทำไมถึงต้องดึงเธอเข้าไปด้วยล่ะ? เธออึดอัดใจเล็กน้อย ทำ เหมือนตัวเธอเป็นสินค้าทางธุรกิจอย่างไรอย่างนั้น
“เฮอะ เฮอะ” ปยุตย่อมรู้ว่าธัชชัยในตอนนี้กำลังพูดฉีกหน้า เขาอยู่ เป็นเพราะว่าลูกสาวคนที่สามของตัวเองไม่ยอมแต่งงาน ก็เลยส่งหลานสาวไปแทน พูดตามตรงก็คือรังเกียจคุณชายใหญ่ ที่ถูกไฟคอก คำพูดที่ว่าพูดได้ทำได้ของธัชชัย ทำเอาเขาอับอาย จนเหงื่อแตก
ทั้งสองพูดคุยกันสักครู่ ก็พบว่าเริ่มดึกแล้วถึงเวลาที่ต้องกลับแล้ว
ภาวิณีอยากจะให้ใจสาค้างอยู่ที่นี่สักคืน และอยากจะขุดค้น ความชอบของธัชชัยให้มากกว่านี้ ที่เรียกว่ารู้เขารู้เรา รบร้อย ครั้งชนะร้อยครั้ง ในเรื่องของความรักมันก็เป็นแบบนี้
เรื่องที่จะค้างอยู่ที่บ้านตระกูลขุนทดวังสาไม่เคยคิดเอาไว้ แต่ ว่าถูกภาวิณีเตือนแบบนี้ ใจเธอก็กระตุกวาบ ก็ไม่รู้ว่ากุญแจที่ ห้องพักแขกนั้นเปลี่ยนเสร็จเรียบร้อยหรือยัง ถ้าหากว่าคืนนี้ช ชัยเข้ามาทำอะไรเธออีก เธอไม่ดีเตลิดไปทั่วอีกเหรอ?
ไม่สู้ค้างอยู่ที่บ้านตระกูลขุนทดสักคืนไม่ดีกว่าเหรอทั้งยัง ปลอดภัยกว่าด้วย ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ชอบที่นี่ แต่ห้องของตัวเอง กุญแจสามารถล็อคอยู่ก็เพียงพอแล้ว
“ได้สิ ฉันค้างอยู่ที่นี่สักคืนก็ได้” วัดสากลัวธัชชัยมาทำอะไรดี มิร้ายกับเธออย่างแท้จริง
แต่ว่ามีคนที่หน้าตาเริ่มดูไม่ได้สุดขีดแล้ว หากคนในตระกูลศรี ทองมาเห็นก็ดูออกว่าผู้หญิงคนนี้ต้องการที่จะหนีเขา ธัชชัยเป็น คนยังไง? มีเพียงเขาที่สามารถผลักไสคนอื่นได้ คนอื่นเขาไม่ อนุญาตให้ผลักใบเขา!
ดวงตาของเขาเผยความเย็นชาขึ้นมา ในดวงตาของเขา เหมือนปกคลุมไปด้วยน้ำแข็งแผ่นหนา เหมือนกับว่าจะทำให้คน กลายเป็นน้ำแข็ง ให้ได้ “วังสา พี่ชายของฉันกำลังรอเธออยู่ที่ บ้าน เธอค้างอยู่ที่นี่คงไม่สะดวกขนาดนั้นมั้ง?
“วรพลช่วงนี้ไม่ใช่อยู่ในห้องรักษาตัวเหรอ? อีกอย่างฉันก็ไม่ สามารถเข้าไปดูแลเขาได้ กลับไปก็ไม่มีประโยชน์อะไร ฉันก็จะ ค้างอยู่ที่นี่สักคืนแหละ” วัดสาพูดอย่างหนักแน่น
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ