ตอนที่ 46 ไปร่วมงานเลี้ยง
อย่างไรก็ตามวจสาก็พูดกับธัชชัยไปแล้ว เขาไม่ไป เธอก็ไม่มีทาง อื่นแล้ว เห็นแก่หน้าของวรพล คุณน้าก็คงไม่ตำหนิอะไรเธอ
สีหน้าของธัชชัยสวมเสื้อผ้าอย่างเป็นทางการที่ยืนอยู่นั้นก็ ค่อยๆ แสดงออกมายากที่จะบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้ ธัชชัย มองใจสาด้วยหางตาแล้วพูดว่า “เรื่องเล็กน้อยแค่นี้ทำไมคุณ ต้องเอาพี่ชายของฉันมาเกี่ยวด้วย? เธอไม่มีสมองเหรอ?”
“ทั้งหมดมันเป็นความผิดของคุณ” ตอนนี้วจสาไม่อาจทำ อะไรกับสิ่งที่เป็นอยู่ได้ไร้ซึ่งทางเลือกใดๆ จึงทำได้แค่ปล่อยให้ เป็นไปเท่านั้น
ทันใดนั้นธัชชัยก็หัวเราะออกมาเบาๆ ผู้หญิงคนนี้รู้จักใช้วิธี การยั่วยุให้อีกฝั่งรู้สึกฮึกเหิมซะด้วย คิดว่าเขาจะถูกหลอกให้ ขอโทษเธอง่ายๆ เหรอ?
“ได้ ฉันจะไป อย่าไปฟ้องพี่ชายของฉันล่ะ และก็อย่าไปรบกวน เขาด้วย ได้ยินไหม?”
วัจสาคิดไม่ถึงว่าท่าทีของเขาจะเปลี่ยนได้เร็วขนาดนี้ ขอเพียง แค่เกี่ยวกับวรพล ธัชชัยก็เหมือนกับจะมีปฏิกิริยาที่เร็วมากเป็น พิเศษ ดูท่าเขาคงให้ความสำคัญกับพี่ชายคนนี้ของเขาจริงๆ
“ได้ยินแล้ว และคุณก็ต้องจำให้ได้ว่าต้องไป คำพูดของวังสายังไม่ทันจะพูดจบก็ถูกธัชชัยพูดแทรกขึ้นมา“แต่ว่า เธอต้องไปกับฉัน
“หา? ฉันไม่ไป!” วังสาปฏิเสธอย่างเด็ดขาด เธอไม่รู้ว่าทำไม ตอนนี้เธอถึงได้ต่อต้านและคัดค้าบ้านตระกูลขุนทดถึงขนาดนี้ แต่พอคิดถึงท่าทีของรสรินเมื่อวานแล้ว เธอก็รู้ว่าคนของบ้าน ตระกูลขุนทด ในตอนนี้มองเธอเป็นอีกแบบไปแล้ว
นึกว่าเธอตั้งใจพูดโกหก ผูกสัมพันธ์กับผู้มีอิทธิพลเพื่อหวังผล ประโยชน์จนไม่ลืมครอบครัว พอคิดถึงท่าทางของผู้หญิงพวกนั้น วันสาก็ปวดหัวขึ้นมาทันที
ธัชชัยไม่รู้ว่าเธอคิดเรื่องพวกนี้อยู่ ผู้ชายรูปร่างสูงโปร่งเดิน
เข้าไปประชิดตัวเธอ “ไม่ไป?”
วันสามองเขาอย่างไม่หวาดกลัว พยักหน้าโดยไม่ลังเล “ไม่ ไป!”
“ดีมาก” เสียงของเขาฟังไม่ออกเลยว่ารู้สึกยังไง วินาทีต่อมาก็
เดินออกประตูไป
วังสาที่กำลังตกใจอยู่จึงรีบดึงแขนเขาเอาไว้ “นี่ คุณจะไป ไหน?”
“เธอบอกว่าไม่ไปบ้านตระกูลขุนทดไม่ใช่เหรอ? ถ้าอย่างนั้น ฉันก็จะออกไปเที่ยวแล้ว” เสียงที่ไม่ตกอยู่ภายใต้การบังคับนั้น เหมือนกับกำลังบอกว่าวัจสาไม่ไปเขาก็ไม่ไป
วัจสากัดฟันกรอดๆ “ธัชชัย คุณมันสุนัขจิ้งจอกเฒ่า! เจ้าเล่ห์ จนหาใครเปรียบไม่ได้เลย!!
ธัชชัยพลันหันตัวกลับมา แววตาของดวงตาดอกท้อของเขา ตกไปที่ตัวของวังสา “ไม่ ไม่ ไม่ ฉันต้องเป็นสุนัขจิ้งจอกหนุ่มที่ มีหน้าตาหล่อเหลาต่างหากเล่า
“…”วังสาโดนความหน้าไม่อายของเขาทําเอาจนคําพูดติด คอพูดอะไรไม่ออกนอกจากบอกว่า “ไปสิ ไปสิ”
ฝีเท้าของธัชชัยเดินออกไปก่อนหนึ่งครั้ง
วังสาเดินตรงเข้าไปกอดแขนของเขาเอาไว้ “นี่ คุณรับปากฉัน ว่าจะไปแล้วนะ”
ธัชชัยเหมือนลาก “หมีโคอาล่า” ไปด้วย ก็ยังเดินต่อไปเรื่อยๆ “ใช่แล้ว นี่ไม่ได้เตรียมจะไปเหรอ?”
วัจสาเพิ่งจะตระหนักได้ว่า เห็นผู้ชายคนนี้ชอบล้อเธอเล่น ตลอดเลย? จริงๆ แล้วตั้งใจจะไปร่วมงานเลี้ยงจริงๆ เหรอ?!
“เดี๋ยวก่อน!” เธอก็พลันคิดขึ้นมาได้ ชุดที่เธอใส่ตอนนี้มันคือ อะไรอ่ะ! ชุดอยู่บ้านสีชมพูพร้อมกับรองเท้าแตะ จะไปบ้านตระกูล ขุนทดทั้งแบบนี้เหรอ? เดินออกจากบ้านตระกูลศรีทองแค่ก้าว เดียวก็ไม่กล้าแล้ว!
“ฉันอยากเปลี่ยนเสื้อผ้า!
วังสา ใช้เวลาแค่แปบเดียวก็เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้ว สำหรับ คนที่ไม่สำคัญแล้ว เธอก็คงไม่ต้องแต่งตัวหรูหราขนาดนั้น และ มันก็คงไม่มีประโยชน์อะไรด้วย
ธัชชัยขับรถเฟอร์รารี่สีดำไปยังบ้านตระกูลขุนทด ความเร็วของรถเร็วเหมือนกับลูกธนูที่เคลื่อนตัวไปกลางอากาศ
วังสาที่สวมชุดกระโปรงแบนด์ Prada ถูกความเร็วของรถคัน นี้ทำเอาจนเวียนหัวตาลายไปหมด รู้สึกเหมือนอยากเอาข้าวเช้า ที่อยู่ในกระเพราะอาหารออกมาเสียเหลือเกิน ใบหน้าสีขาวนวล ในเวลานี้กลายเป็นสีขาวเผือด ราวกับว่ากำลังตกใจกลัวอย่าง มาก
วังสารู้ว่าผู้ชายคนนี้ขับรถเร็วมาก แต่ไม่คิดเลยว่าจะเร็วขนาด นี้ เธอแทบอยากจะกระโดดลงจากรถแล้ว เสียใจจริงๆ ที่เมื่อกี้ ทําไมเธอถึงไม่ยืนยันว่าจะขับรถไปเอง!
เธอกัดฟันอดทนต่อไป เพราะรู้ว่าผู้ชายคนนี้ตั้งใจทำอย่างนี้ แต่ว่าเธอจะไม่แสดงความพ่ายแพ้ออกมาเด็ดขาด อย่างมาก ที่สุดหากเกิดอุบัติเหตุทุกคนก็แค่ตายไปด้วยกันก็เท่านั้น ชีวิต ของวังสาไม่ได้มีค่าอะไร แต่ชีวิตของเขาที่เป็นคุณชายรองกลับมี ค่ามากกว่าเธอสิบเท่า เธอก็ไม่เชื่อหรอกว่าเขาจะไม่กลัวตาย
ธัชชัยเหยียบขันเร่งเร็วขึ้นอีก ก็เพราะว่าจะบีบให้ผู้หญิงคนนี้ ก้มหัวให้เขา เห็นได้ชัดว่าเธอก็กลัวขนาดนี้แต่ยังไม่ยอมเปิด ปากบอกให้เขาขับช้าลงอีกหน่อยอีก
แต่ว่าไม่รู้ทำไม ธัชชัยกลับชอบที่เธอดื้อรั้นแบบนี้ เหมือนกับ ได้เล่นกับแมวน้อยตัวหนึ่งที่ทั้งน่ารักและก็ดุร้ายไปในเวลา
เดียวกันอีกด้วย
พวกเขาไม่รู้เลยว่าเพราะการดื้อรั้นของทั้งสองฝ่ายเช่นนี้ทำให้ พวกเขาเกิดความรักต่อกันขึ้นมาและในภายหลังก็ได้สร้างความวุ่นวายและอุปสรรคมากมายไปด้วย
เพราะว่าความอ้อมค้อมของธัชชัยและการไม่ยอมขอให้ยก โทษให้ของวังสา พวกเขาจึงมาถึงตามกำหนดช้าหน่อย ใช้เวลา นานไม่น้อยกว่าจะถึงบ้านตระกูลขุนทด
คนในบ้านตระกูลขุนทดทั้งหมดต่างก็รออยู่ที่ลานบ้านกันหมด แล้ว เฝ้ารอตอนที่ธัชชัยจะมาถึง ในสายตาของปยุต ธัชชัยใน ตอนนี้เป็นเหมือนกับต้นเขย่าเงินต้นหนึ่งของเขาอย่างไม่ต้อง สงสัย เขาต้องคิดหาวิธีเขย่าเงินจากตัวของธัชชัยมาให้ได้ อีก อย่างวิธีที่ดีที่สุดก็คือเอาต้นเขย่าเงินต้นนี้เข้าไปในกระเป๋าซะ แบบนี้ถึงจะได้มีเงินทองไหลเข้ามาไม่หยุด
วันนี้มีเพียงภาวิณีและรสรินที่อยู่บ้าน ลูกสาวคนโตของบ้านก็ นัดแฟนออกไปข้างนอกแล้ว แต่โอกาสแบบนี้เธอก็ไม่ได้สนใจ ก็ เพื่อที่จะได้ไม่ต้องเห็นธัชชัยที่เป็นเหมือนเนื้อสามชั้นชิ้นนี้ แต่ กลับไม่สามารถครอบครองได้
ตอนที่วังสาลงจากรถก็ยังเวียนหัวไม่หาย เธอไม่ได้สนใจคน พวกนั้นที่เข้าแถวมารอรับพวกเธออยู่ สายตาของรสนเย็นชา อย่างมาก ทำให้คนรู้สึกหนาวจนถึงกระดูก
ธัชชัยเข้าไปทักทายปยุตและในขณะเดียวกันก็ปกป้องวัดสา อย่างเงียบๆ ด้วย ราวกับว่ากำลังเตือน โดยไม่มีเสียงว่าให้คน พวกนั้นอย่าได้หน้าชื่อใจเหี้ยม
และรสรินก็ได้รับสิ่งที่สื่อออกมาอย่างชัดเจน และจะมีสีหน้าที่ เย็นชากว่าเดิม สายตายิ่งเผยความดุร้ายขึ้นมา วัสสานังผู้หญิงสกปรก ทําให้ธัชชัยไม่ประทับใจในตัวเธอแล้ว!
ปฏิกิริยาของเธอกลับไม่เหมือนภาวิณีลูกกสาวคนรองของ บ้านตระกูลทด โดยสิ้นเชิง ผู้หญิงที่ไหวพริบดีคนนี้ รู้ว่าท่า อย่างไรถึงจะทำให้คนประทับใจได้
เธอเดินเข้าไป เพราะมองออกว่าวัจสาไม่สบายนิดหน่อย เธอ จึงดึงมือของวันสาขึ้นมาอย่างสนิทสนมแล้วถามว่า “พวจสาไม่ สบายเหรอคะ? ทำไมสีหน้าถึงได้ซีดเซียวขนาดนี้ล่ะ? ช่างลำ มากจริงๆ ไม่สบายแล้วยังเดินทางไกลอีก
หากคิดอยากจะแต่งงานกับธัชชัย ก็ต้องเริ่มเข้าหาจากคน ข้างๆ ตัวของเขาก่อน วังสาเป็นพี่สะใภ้ของเขา คนของตระกูล ศรีทองธัชชัยก็จะต้องเข้าข้าง อีกอย่างได้ข่าวมาว่าธัชชัยรักและ เคารพพี่ชายของเขามาก หากจะรักใครก็ต้องรักคนที่เกี่ยวข้อง กับเขาด้วย สิ่งที่เขาพูดกับวัจสาเธอก็ควรจะฟังด้วย
อีกอย่างผู้หญิงที่จิตใจคับแคบอย่างรสรินย่อมทำเรื่องที่ กําหนดเอาไว้ไม่สําเร็จ พอมาถึงก็ชักสีหน้า ใส่วัสสา ธัชชัยจะ ชอบผู้หญิงที่ขี้อิจฉาแบบนี้ได้อย่างไรล่ะ?
“ฉันไม่เป็นอะไรค่ะ ขอบคุณที่เป็นห่วงนะคะ” วัจสาไม่รู้ว่าภา วิณีจริงใจหรือเสแสร้งทำกันแน่ แต่เธอยังไม่ได้รับบุญคุณของคน ตระกูลขุนทดก็ดีแล้ว
“จะคุยกันตรงนี้อยู่ทำไม? เข้ามาก่อน คุณชายรอง พวกเรา จัดเตรียมอาหารเย็นมื้อนี้ให้คุณโดยเฉพาะเลยนะ คืนนี้ไม่เมาไม่ กลับ! โปรดให้เกียรติดื่มเหล้าเป็นเพื่อนคนแก่ๆ อย่างฉันด้วยเถอะ”ปยุตหัวเราะร่าอย่างเบิกบานใจ
เดินเข้าบ้านตระกูลขุนทด ก็สามารถมองเห็นสิ่งที่พวกเขาเส แสร้งแกล้งทําได้อย่างสวยงามจริงๆ เป็นเรื่องยากที่จะทําให้ห้อง รับแขก ให้กลายเป็นห้องสำหับงานปาร์ตี้ที่หรูหราได้เช่นนี้
ภาวิณีพูดอยู่ข้างๆ หูของวังสาไม่หยุดถึงเรื่องสนุกที่เกิดขึ้นใน ช่วงนี้ เธอเม้มปากยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ และตัดสินใจอธิบายเรื่อง หนึ่ง ถึงอย่างไรแต่ไหนแต่ไรมาเธอก็ไม่เคยคิดที่จะโกหกใครใน ตระกูลขุนทด และไม่อยากถูกคนเข้าใจผิดว่าตัวเองคิดอะไรกับ ธัชชัย
“ภาวิณี จริงๆ แล้วเรื่องเมื่อวานนี้ ฉันต้องขอโทษจริงๆ นะ ไม่รู้ ว่าธัชชัยทำไมถึงทำแบบนี้ แต่ว่าฉันไม่ได้พูดโกหกเลยแม้แต่ น้อยนะเขาชอบกินจริงๆ
วัจสายังไม่ทันจะอธิบายเสร็จ ภาวิณีก็หัวเราะแทรกขึ้นมา “ฉัน นึกว่าเรื่องอะไร เดิมทีพวจสาก็ถือสาเรื่องนี้ตลอดเลย ฉันรู้ว่าพี่ น่ะไม่พูดโกหกแน่นอน รสรินจะต้องทำเรื่องอะไรที่ไม่เหมาะสม แน่นอน ถึงได้ถูกคุณชายรองรังเกียจและไม่แยแสขนาดนั้น เรื่อง นี้ไม่ได้เกี่ยวกับพี่เลยแม้แต่น้อย ไม่ต้องโทษตัวเองหรอก ”
สําหรับท่าทางที่อ่อนโยนอย่างนี้ของภาวิณีแล้ว วัจสาตกใจ จริงๆ เดิมที่ยังคิดว่าเธอจะช่วยรสรินด่าเธอเสียอีก คิดไม่ถึงว่า เรื่องนี้ที่เห็นอยู่นี่จะเป็นภาวิณี เธอก็ขี้เกียจพูดมากแล้ว เพียงแค่ พยักหน้าเล็กน้อย “รบกวนเธอช่วยอธิบายให้กับคุณน้าทั้งสอง ฟังหน่อยนะ ฉันไม่ชอบความรู้สึกที่ถูกเข้าใจผิดอย่างนี้เลย”
“จริงๆ แล้ว แม่ของฉันก็ไม่สนหรอกนะว่ารสรินจะพูดอะไร พี่ ไม่ต้องกังวลไป ฉันยังมีอาหารอย่างหนึ่งที่ยังทำไม่เสร็จอยู่ใน ครัว พี่วจสาพอจะไปช่วยฉันได้ไหม?” ภาวิณีพูดพร้อมกับยิ้ม บางๆ รอยยิ้มของหญิงสาวยิ้มแย้มแจ่มใส
วันสาพยักหน้า เดินไปทางห้องครัวพร้อมกับภาวิณี
ขวดโหลที่ตกแต่งไปด้วยดอกไม้สดที่สวยงามมีเสน่ห์ ไวน์ Lafite ในปี 82 และอาหารที่จัดอย่างประณีตสวยงามเป็นพิเศษ ดูไม่ยากเลยว่าใช้เวลาระยะหนึ่งในการจัดตกแต่งอย่างประณีต แบบนี้ อาหารค่ำมื้อนี้เกรงว่าคงจะไม่ธรรมดา
ธัชชัยนั่งอยู่ข้างๆ โต๊ะอาหาร และจิบไวน์ช้าๆ ไปด้วย และฟัง ปยุตพูดไปด้วย คนที่นั่งอยู่ข้างๆ เป็นวราลีและรสรินลูกสาวคนที่ สามของตระกูลขุนทด
รสรินมองธัชชัยด้วยสีหน้าที่หลงใหล หล่อเหลาไม่ธรรมดา ท่าทางการพูดก็ดูเหมาะสม และยังมีความรู้กว้างขวางอีกด้วย นโลกนี้จะมีผู้ชายที่ไหนที่สมบูรณ์แบบขนาดนี้ได้? บน
เธอมองดูธัชชัย หัวใจของสาวน้อยคนนี้ก็เต้นระรัวไม่หยุด ผู้ชายที่ตามจีบเธออยู่ในโรงเรียนก็มีมาไม่หยุด แต่เธอก็ล้วน ปฏิเสธไปหมด จนกระทั่งมาถึงวันนี้เธอถึงได้รู้ว่าตัวเองต้องการ ผู้ชายแบบไหน และจะเอาหัวใจของผู้ชายคนนี้มา ครั้งแรกก็ รุนแรงขนาดนี้แล้ว
วราลีเห็นผู้ชายสองคนนี้พูดคุยกันจนพอประมาณแล้ว จึงตัก ซุปที่รสชาติอร่อยที่สุดให้ธัชชัยหนึ่งถ้วย พร้อมกับยิ้มอย่างสวยงาม “คุณชายรองลองชิมซุปหูฉลามรังนกนี่สิ ภาวิณีลูกสาว ของเราใช้เวลาตุ๋นหลายชั่วโมงเลยนะ กินตอนนี้กำลังพอดี
ในใจของวราลีได้ถือว่าธัชชัยเป็นลูกเขยของตัวเองเป็นที่ เรียบร้อยแล้ว เรียกได้ว่าแม่ยายกำลังมองลูกเขย ยิ่งมองก็ยิ่งฟัง พอใจ เธอยังใช้แรงส่งเสริมขายลูกสาวของตัวเองเพิ่มอีก
ธัชชัยมองซุปที่เข้มข้นที่อยู่ตรงหน้าอย่างละเอียด ก็ทำให้ไม่ อยากอาหารขึ้นมาทันที เมื่อกี้นี้ก็พูดกับปยุตอย่างใจลอย แม้แต่ พูดอะไรออกไปบ้างก็ยังจำไม่ได้ เมื่อพบว่าหลังจากที่ข้างกาย ของเขาไม่มีวันสาผู้หญิงคนนั้นแล้ว ในใจก็รู้สึกกระวนกระวายใจ แปลกๆ
เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย ตะโกนออกมาเสียงดัง “วจสา!”
ไม่มีใครตอบรับ คนที่อยู่ตรงโต๊ะอาหารก็มีสีหน้าที่ตกใจนาน แล้ว คิดไม่ถึงว่าธัชชัยอยู่ที่นี่ก็เรียกชื่อพี่สะใภ้ของตัวเองออกมา ตรงๆ แบบนี้ สีหน้าของรสรินก็ดูหวาดกลัวมาก สายตาของเธอดู เศร้าสร้อย มองไปทางห้องครัว
“วังสา!” ธัชชัยไม่เห็นมีใครตอบรับ จึงตะโกนขึ้นมาอีก
ในเวลาเดียวกันวจสาและภาวิณีที่อยู่ในห้องครัวก็ได้ยินแล้ว วันสารู้สึกว่าถ้ายังไม่ออกไปอีก จะต้องถูกธัชชัยท่าขายหน้า แน่นอน ผู้ชายคนนี้นี่จริงๆ เลย! อยู่ข้างนอกแท้ๆ ยังจะเรียกชื่อ เธอตรงๆ อีก เขาเป็นใคร? เธอเป็นใคร? นี่เป็นน้องชายสามีคน หนึ่งที่กำลังเรียกหาพี่สะใภ้นะ!
เธอยิ้มอย่างเพื่อนๆ แล้วพูดกับภาวิณีว่า “ไม่รู้ว่าคุณชายรองท่านนี้กำลังเล่นลูกไม้อะไร พวกเราออกไปก่อนเถอะ
ภาวิณีกลับไม่ได้รู้สึกผิดปกติแต่อย่างใด ถึงแม้ในใจจะรู้สึก ไม่สบายใจแต่ก็ไม่ได้แสดงสีหน้าอะไรออกมา ในมือถืออาหาร จานหนึ่ง พูดเสียงอ่อนโยนว่า “ไม่เป็นไร จริงๆ แล้วฉันก็ไม่ควร เรียกพี่ให้มาช่วยทำกับข้าวตั้งแต่แรก แค่รู้สึกว่าพี่รู้ว่าคุณชาย รองชอบกินอาหารอะไร ก็เลยชวนพี่เข้ามาด้วย
พอสองคนนี้พูดคุยกันเสร็จวจสาก็รีบออกมาทันที
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ