ตอนที่ 45 นอนอยู่ในอ้อมกอดของเขา
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะสิ่งที่คิด ในตอนกลางวันจึงนำพามาให้ฝันใน ตอนค่ำคืนหรือไม่
ค่ำคืนในวันเดียวกันนั้นวังสาฝันว่าอัศวินคอยปกป้องรักษาตัว เธอ หากเทียบกับเจ้าชายแล้ว เธอชอบอัศวินมากกว่า เป็นเพราะ ว่าอัศวิน ให้ความรู้สึกปลอดภัยมากกว่า
อัศวินผู้นั้นขี่ม้าตัวสูงใหญ่ ค่อยๆ ยื่นออกมาหาเธอ เชิญเธอ ขึ้นมาหลังม้าด้วยกัน
บางทีนี่อาจจะเป็นความรักที่สวยที่สุดอยู่ภายในใจของวัดสา มีใครคนหนึ่งปกป้องดูแลเธอ ทะนุถนอม ไม่ใช่สิ่งที่ใครบังคับให้เลือก นี่เป็นสิ่งที่ตนเองเลือก
ทว่าวัจสายังไม่ทันจะรับคำเชิญจากอัศวินผู้นั้น เงาร่างของเขา
ก็ค่อยๆ เลือนรางจางหายไป และในที่สุดก็หายไปลับไปกับตา
เธอตื่นขึ้นมากกลางดึก และได้พบว่าตัวเธอนั้นนอนอยู่ในอ้อม ก่อนที่อบอุ่น มือของผู้ชายคนนั้นโอบมาที่เอวของเธอ วางเบาๆ อยู่ตรงหน้าท้องของเธอ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะความอบอุ่นของฝ่ามือ เขา เนื่องจากว่าความเจ็บปวดของท้องน้อยในช่วงระยะเวลาของ ประจำเดือนนั้นก็นึกไม่ถึงเลยว่าจะไม่ปวดขนาดนั้นแล้ว
มันเหมือนกับกระเป๋าน้ำร้อนไฟฟ้าอย่างไงอย่างนั้น เมื่อก่อ นวจสาเคยเห็นพี่น้องบ้านตระกูลขุนทด ใช้อยู่ ชีวิตของเธอถูกกำหนดเอาไว้ว่าไม่ให้มีของจำพวกนี้ใช้ ดังนั้น ในตอนที่เจ็บปวด เจียนตายก็ยังต้องไปล้างจาน แม้แต่หน้าหนาวก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น น้ำที่เย็นเยือกเข้ากระดูกทำให้ทั้งตัวของเธอเหมือนกับอุโมงค์น้ำ แข็ง
ความทรงจําของวจสาตั้งแต่ตอนนั้นก็หวนกลับคืนมา เมื่อเธอ ขยับแขนก็เคลื่อนที่ด้วย แขนที่มีพลังและผิวเรียบเนียน จะต้อง ไม่ใช่วรพลอย่างแน่นอน
ภายในใจของเธอก็หวาดกลัวขึ้นมา ในบ้านตระกูลศรีทองคน ที่กล้าทําแบบนี้กับเธอมีเพียคนเดียวเท่านั้น นั่นก็คือธัชชัย
แต่ว่าตัวเองก็ล็อคประตูเรียบร้อยแล้วไม่ใช่เหรอ? เขาเข้ามา ได้ยังไง? หรือว่าผู้ชายคนนี้จะเป็นวิญญาณที่ไม่ไปไหน… เพื่อที่ จะหลบหลีกเขา เธอจึงต้องหลบมาอยู่ที่ห้องพักแขกนี้ เขาคิด อะไรอยู่กันแน่? แสงดวงจันทร์ที่เย็นยะเยือกดั่งน้ำ สาดเข้าเข้า มาทางหน้าต่าง ตกอยู่ที่ใบหน้าที่หล่อเหลาของผู้ชายคนนี้ ขนตา หนายาวคู่นั้นเป็นเพราะว่าตาปิดอยู่จึงเสริมส่งให้งอนยิ่งขึ้น แสงจันทร์ทำให้เห็นสันจมูกเรียวโด่งเด่นชัดขึ้น จนถึงริมฝีปาก รูปกระจับ ใบหน้าที่หล่อเหลา นิสัยส่วยตัวที่เย่อหยิ่ง ผู้ชายแบบ นี้ทำให้วัดสาไม่อยากจะปลุกให้เขาตื่น
แต่ว่าเธอไม่อยากจะอยู่ข้างๆ กายของเขาอีกต่อไปแล้ว กลัว ว่าหากดึกไปมากกว่านี้จะเดินทางไปผิดวิธีแล้ว วจสาค่อยๆ ดึง มือของเขาที่โอบเธออยู่ออกไปอย่างระมัดระวัง คิดอยากจะ ค่อยๆ ย้ายไปตรงข้างๆ เตียงนอน แต่ว่าพอเธอขยับ ผู้ชายคน นั้นก็มีเสียงบ่นพรึมพำเบาๆ ไม่รู้ว่าพูดอะไร ทั้งตัวของวังสาส์นไปหมดแล้ว
เติมทีเธอคิดว่ารอให้ธัชชัยหลับสนิทก่อนค่อยขยับ คิดไม่ ถึงว่าบนตัวของเธอก็มีมืออีกข้างมาเพิ่ม ผู้ชายคนนี้ไม่ยอมให้ เธอขยับไปไหนได้เลย
การกระทำของเขาดูเหมือนจะชำนาญขนาดนี้ ไม่รู้ว่าไปฝึก ฝีมือกับผู้หญิงไปแล้วเท่าไหร่ วัดสากัดฟันกรอดๆ ถ้าหากตรง หน้านี้มีมีดสักเล่ม เธอไม่ลังเลยที่จะตัดมือของธัชชัยให้ขาดเลย แม้แต่น้อย
แต่ว่ายังไงเธอก็ต้องอดทนให้ถึงที่สุด วิชานินจาที่ฝึกอยู่ใน บ้านตระกูลขุนทดก็ไม่ได้ไร้ประโยชน์ ไม่แน่ว่าหลังจากที่ปลุกเขา ให้ตื่นแล้วจะต้องเผชิญกับเรื่องที่น่ากลัวแน่ๆ เธออดทนความผิด ปกติของร่างกายเองไว้ เพียงแค่หว่าว่าผู้ชายคนนี้จะเอามือเขา ออกไปเร็วๆ
แต่ว่าผู้ชายคนนี้เหมือนกับว่าจะหนักกว่าเดิม เธอสงสัยมากว่า เขาแกล้งหลับหรือเปล่า ไม่ได้ จะต้องเอามือปลาหมึกของเขา ออกไปให้ได้ ถ้าหากว่าครั้งนี้ยังเอามือเขาออกไม่ได้อีก วันสาก คิดจะกัดเขาให้ตายเลย กัดเข้าไปที่หน้าอกเหมือนกับครั้งที่แล้ว
แต่ว่าจะมาเบาๆ แบบนี้ไม่ได้แล้ว ครั้งนี้จะต้องกัดเขาให้แรง กว่าเดิม ให้เขารู้ว่าตัวเองมันร้ายกาจแค่ไหน
วังสาที่ตัดสินใจจะยื่นมือไปขยับมือของเขา คิดไม่ถึงว่าจะเอา มือของเขาออกไปได้อย่างง่ายดายขนาดนี้ วัจสาอึ้งไปหลาย วินาทีก็รีบลงจากเตียงนอนกลิ้งลงไปอยู่ที่พื้น และค่อยๆ เดินไปห้องน้ำเบาๆ
หลังจากปิดประตูแล้ว วันสาก็สูดหายใจเข้าลึกๆ หนึ่งครั้ง และ ถอนหายใจออกยาวๆ เกือบจะถูกธัชชัยโมโหใส่แล้ว เขาไม่ควร ที่จะมานอนในห้องของเธออย่างนี้? ถ้าหากว่าวรพลเข้าจะทำยัง ไง? น้องชายของตัวเองมายุ่งกับภรรยาของตัวเอง นี่เป็นเรื่องที่ อัปยศอดสูที่สุด พูดออกมาก็พอที่จะให้ละอายใจเป็นอย่างยิ่ง
วันนี้ไม่มีทางจะไปผ่านไปได้
ยิ่งดึกก็ยิ่งมืด วัดสารู้ว่าเธอจะต้องหาที่นอนดีๆ นอนสักที ดัง นั้นเธอจึงแอบเปิดประตูห้องน้ำเบาๆ… ไม่ถูก ทำไมเธอต้องแอบ ด้วย! พอคิดอย่างนี้แล้วก็เดินออกไปจากห้องน้ำอย่างเปิดเผย
แต่ว่าตอนก้าวเดินก็ยังต้องเดิน ให้เบาที่สุด กลัวว่าจะปลุก สิงโตที่กำลังหลับสนิท ให้ตื่นขึ้นมา เขายังนอนฝันหวานอยู่ที่ เตียง ภายใต้การชำระบาปของแสงจันทร์ ยิ่งทำให้เขาดูมีเสน่ห์ ชวนให้หลงใหลยิ่ง บรรยากาศเต็มไปด้วยฮอร์โมนของเพศชาย
วังสาหลับตาลงสนิทไม่กล้ามองดูอีก กลัวว่าจะหลงใหลไปกับ เสน่ห์นี้
เช้าวันต่อมา วังสาลงไปข้างล่างพร้อมกับขอบตา เป็นหมี แพนด้าทั้งสองสองข้าง นั่งหน้าโทรมอยู่ที่โต๊ะอาหาร
“สวัสดีตอนเช้า ป้าอ้อย”
“สวัสดีตอนเช้าค่ะคุณผู้หญิง ดื่มน้ำผึ้งสักแก้วก่อนนะคะ ช่วย บำรุงผิวให้ดูอ่อนเยาว์” ป้าอ้อยถือแก้วน้ำมาให้ จากนั้นก็ไปยกโจ๊กและเบคอน
เธอหรี่ลงพร้อมกับกินไปและว่า ป้าอ้อย ป้าช่วยให้คน มากุญแจห้องพักแขกให้หน่อยได้คะ”
ป้าอ้อยตะลึง อ๋อ แท้ก็เป็นแบบนี้ เมื่อคืนเห็นคุณชายรอง เข้าไปในห้องของคุณผู้หญิง และอย่างเมื่อคืนไม่ได้ออกมา ท่าทางความสัมพันธ์ของทั้งสองคนคงไปไหนไหน แล้ว ใบหน้าของป้าอ้อยเปลี่ยน
“ทำไมต้องเปลี่ยนละคะ” ป้าอ้อยทำหน้าสงสัย ทั้งรู้ความ จริงแต่ก็ถามออกไป
วัดสาโดนป้าอ้อยถามอย่างนี้ ชั่วพริบเดียวได้กลับควรตอบยังไงล่ะ? จะบอกว่าธัชชัยวิ่งเข้าดูเธอหลับกลาง ตึกเหรอป้าอ้อยจะตกใจไหม?
เรื่องแบบนี้จะออกไปได้ยังไง อีกอย่างบอกไปก็ไม่มี
ประโยชน์อะไรทั้งนั้น พวกอยู่
จริงแล้วเธอก็ได้มั่นใจในตัวเอง ทำไมธัชชัยจะต้องมมากวนกอดของจะต้องมาพัวพันเธอเป็นพี่สะใภ้ให้แต่ ไหนแต่ไรกลัวว่าชายวรพลจะโกรธ
“อ่อ เพราะว่าธัชชัยเหมือนจะกระอักกระอ่วนใจก็เท่านั้น”
ป้าอ้อยร้องอ๋อคําหนึ่ง “แท้เป็นแบบ”
ชายรองไม่ว่าห้องใครก็ไม่เคยเข้าไปผิดห้อง น่าเสียดายคุณผู้หญิงไม่ได้รู้สึก ถึงจุดนี้
และวัจสาก็รู้สึกว่าสีหน้าแบบนี้ของป้าอ้อย และก็คำพูดแบบนี้ ก็ด้วย ทำไมเหมือนกับว่ามองออกทะลุปรุโปร่งอย่างไรอย่างนั้น? “ได้ค่ะ เดี๋ยวตอนบ่ายป้าจะเรียกมาให้นะ” ป้าอ้อยตกปาก
รับคำแล้ว ถึงแม้จะเปลี่ยนอีกกี่รอบ เธอก็มีวิธีทำกุญแจให้
คุณชายรองอยู่ดี
“ถ้าอย่างนั้นก็รบกวนป้าอ้อยหน่อยนะ” วังสาผ่อนถอนหายใจ ด้วยความสบายใจ และกินอาหารเช้าที่อร่อยต่อไป
วันนี้เป็นวันอาทิตย์ ปยุตนัดธัชชัยมาที่บ้านตระกูลขุนทด ในวัน อาทิตย์
บ้านตระกูลขุนทดในเวลานี้เริ่มยุ่งวุ่นวายกันตั้งแต่เช้า ยุ่งจน
พวกคนรับใช้คิดว่านี่เป็นวันปีใหม่ซะอีก
อาหารที่ทำอย่างประณีตสวยงาม ไวน์ที่เก็บสะสมเอาไว้ สถาน ที่ที่จัดตกแต่งอย่างดีที่สุด ทั้งหมดนี้คือเตรียมให้กับธัชชัยคน เดียว
ภาวินีตรวจเช็ตของทีละอย่างที่อยู่บนโต๊ะไม่มีสิ่งใดขาดเหลือ จึงหันกลับไปพูดกับวราลีว่า “หม่ามีคะ ยังขาดขนมรสกีวีอีก อย่างหนึ่งค่ะ อย่างทำให้หวานมากก็พอแล้วค่ะ”
วราลีขมวดคิ้มเล็กน้อย เมื่อวานนี้ไม่เห็นท่าทางที่เสียใจของ รสรินเหรอ? เห็นชัดๆ ว่าธัชชัยไม่ชอบกินทีวี ทั้งหมดนี้เป็นเพราะนั่งเด็กวังสานนที่ทำให้เป็นแบบนี้ เพราะฉะนั้นอะไรนั่นก็ อย่าทำเลย หลีกเลี่ยงไม่ให้ธัชชัย โมโห ไม่อย่างนั้นเรื่องที่พ่อแก จะคุยมันจะไม่สำเร็จเอาได้
ภาวิณีเม้มปากยิ้ม มันฟังดูทะแม่งๆ “ไม่ ธัชชัยจะต้องชอบกิน แน่นอน ท่านเตรียมเอาไว้เถอะ ถ้าหากเขาไม่กิน พวกเราก็กิน เองแค่นั้น”
วัจสาที่กินข้าวเช้าเสร็จแล้ว วันนี้ตระเตรียมที่จะเขียน วิทยานิพนธ์อยู่เงียบๆ ไม่ได้เขียนมานานมากแล้ว ถ้ายังไม่ลงมือ ทําอีกก็คงต้องถูกอาจารย์ด่าแน่นอน
กำลังจะเปิดคอมพิวเตอร์ โทรศัพท์ก็ดังขึ้น วันสาเปิดดูสายที่ โทรเข้ามาเป็นปยุต เธอถึงคิดขึ้นได้ วันนี้เป็นวันที่ธัชชัยจะไป บ้านตระกูลขุนทด
“ฮัลโหลค่ะ คุณน้า”
“วังสา เมื่อวานนี้หนูบอกรสรินว่าคุณชายรองจะมา เขาจะออก มาตอนไหนเหรอ? พวกเราเตรียมตัวพร้อมแล้วนะ”
ที่แท้ก็เป็นเพราะเรื่องนี้ ในใจของวัสสาอยากจะฉีกหน้าเขา เหลือเกิน คุณน้าคนนี้อยากจะเชิญคน แต่ทำไมไม่โทรไปถาม ด้วยตัวเอง? เธอไม่ใช่พยาธิในท้องของธัชชัยสักหน่อย จะไปรู้ ได้ไงว่าจะไปตอนไหน
“หนูไม่ค่อยแน่ใจค่ะ เดี๋ยวหนูไปถามให้นะคะ” อย่างไงก็เพิ่ง จะเที่ยงยังพอมีเวลา ปัญหาคือเมื่อวานนี้ธัชชัยไม่ได้พูดชัดเจนว่า จะไปหรือเปล่า วัจสากังวลกับเรื่องนี้อยู่
ปยุตก็ไม่ได้พูดอะไรมาก เพียงแต่กำชับให้เธอไปถามเร็วๆ
ถูกปยุตเร่งเอาซะจนกระวนกระวายใจ เธอจึงตรงไปหาธัชชัย ในตอนนี้เลย
วังสาเดินออกมาจากห้อง ก็เห็นผู้ชายหน้าตาหล่อเหลารูปร่าง สูงโปร่งเดินลงบันไดมาพอดี เขาสวมเสื้อผ้าชุดทางการดูเหมือน ว่ากำลังจะออกไปข้างนอก
วังสารีบร้อนมากจึงตรงเข้าไปขวางทางของธัชชัยเอาไว้ “ธัช ชัย คุณจะไปไหน? วันนี้เป็นวันที่คุณน้าของฉันนัดคุณเอาไว้นะ คุณจะไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น!
ลูกตาสีดำของธัชชัยมองไปที่ผู้หญิงที่น่ารักที่กำลังขวางทาง ตัวเองอยู่อย่างเย็นชา มุมปากยกยิ้มแล้วพูดว่า “ฉันพูดว่าจะไป ตอนไหนเหรอ?”
ชั่วขณะนั้นวังสาไม่รู้จะพูดยังไงดี เหมือนกับว่าธัชชัยไม่ได้พูด เอาไว้ว่าจะไป แต่ว่าคนที่บ้านตระกูลขุนทดก็บอกเอาไว้ว่าจะต้อง พาเขาไปให้ได้ ไม่อย่างนั้นคงต้องเอาคำพูดที่ไม่น่าฟังมาวางยา พิษให้กับตัวเองแล้ว เดิมทีเธอก็พูดแล้ว ไม่ใช่ว่าเธอไม่อยาก ช่วย แต่ความจริงคือเธอไม่ได้มีความสามารถขนาดนั้น ที่บ้าน ตระกูลศรีทองนี่ตัวเธอก็เป็นแค่คนนอกคนหนึ่งเท่านั้น
คนบ้านตระกูลขุนทดคงรู้สึกว่าเธอเห็นแก่ตัวและเนรคุณมาก หากครั้งนี้ไม่พาธัชชัยไป กลัวว่าต่อไปถ้าจะเข้าไปในบ้านตระกูล ขุนทดคงต้องรู้สึกอึดอัดแน่
“ธัชชัย คุณไปสักรอบเถอะนะ คุณน้าของฉันมีเรื่องที่จะคุยกับคุณ” วังสาคิดในใจ: ถ้าคุยเรื่องธุรกิจ ธัชชัยเองก็เป็นคนทํา ธุรกิจก็จะต้องสนใจ ขอเพียงแค่เขาไปแล้ว ตัวเองก็จะได้มีเรื่อง ไปรายงานปยุดสักที
“อยากให้ฉันไปเหรอ? ง่ายๆ แค่คุณทำตัวออดอ้อน ทำตัวน่า รัก เงื่อนไขสองข้อนี้ก็น่าจะเพียงพอแล้ว?” เงาร่างสูงใหญ่ของธัช ชัยปกคลุมร่างกายบอบบางน่ารักของวัสสาจนมิด ดูเหมือนกับ หมาป่าสีเทาตัวหนึ่งที่อยากกินเจ้ากระต่ายน้อยตัวนี้
เขายื่นมือตรงไปจับที่คางที่งดงามได้รูปของวัสสา หัวแม่มือ กดลงไปที่ริมฝีปากอมชมพูของเธอเบาๆ แววตาของเขาฉาย ความเร่าร้อนขึ้นมา
ดวงตากลมโตของวจสาเบิกกว้าง ผู้ชายคนนี้ไม่ได้ลวนลาม เธอสักวันจะตายเหรอ? จะให้พี่สะใภ้มาทำตัวน่ารักออดอ้อน น้องชายสามี คิดแล้วก็รู้สึกหนาวขึ้นมาเลย อีกอย่างถึงแม้เธอจะ ทำจริงๆ ผู้ชายคนนี้ก็ไม่ทำอย่างที่เธอต้องการแน่นอน เพียงแค่ อยากจะหยอกเธอเล่นก็เท่านั้น เธอไม่ได้โง่ขนาดนั้นนะ
เธอตบมือขนาดใหญ่ของธัชชัยนั้นออกไปจากคางของเธอ “ไม่ไปก็แล้วแต่ อย่างมากก็แค่รอให้วรพลหายดีแล้ว ฉันก็จะ ให้เขาไปขอโทษบ้านตระกูลขุนทดเป็นเพื่อนฉันก็ได้”
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ