เล่ห์รักกับดักใจ

บทที่4 โจวฉือเซินไม่ชอบภรรยาของเขา



บทที่4 โจวฉือเซินไม่ชอบภรรยาของเขา

บทที่4 โจวฉือเซินไม่ชอบภรรยาของเขา

แต่เดิมคนในตระกูลโจวก็ไม่ชอบหร่วนซิงหว่าน หลัง จากเรื่องที่แกล้งท้องเปิดโปง ก็ยิ่งรังเกียจ

ท่าทางที่มีต่อหร่วนซิงหว่านก็เฉยชามาโดยตลอด

มิน่าครั้งนี้โจวฉือเซินโมโหขนาดนั้น ที่แท้เพราะเธอไป เหยียบแผ่นเหล็กเข้า

หร่วนซิงหว่านกลับไปก็รออีกหลายวัน ยังคงไม่ได้รับ ข่าวคราวจากทางด้านโจวฉือเซิน

การเจอกันที่มู่สื้อในวันนั้นทำให้เธอมีเหตุผลเต็มที่ที่ จะสงสัยว่า ที่โจวฉือเซินรั้งไว้ไม่ยอมหย่าขนาดนี้ ก็เพื่อ ขยะแขยงเธออย่างเต็มที่ ให้เธอไปไหนก็สวมหมวกที่มี สีสันสดใสแล้วยังเรืองแสงได้

ทำแบบนี้เพื่อเอาคืนกับเรื่องที่เธอทำกับเขาไว้ก่อนหน้านี้โจวฉือเซ็นรั้งไว้ด้วยความอดทน แต่หร่วนซิงหว่านไม่สามารถถ่วงเขาไว้ต่อไปได้ ก่อนหน้านี้เธอคิดไว้ว่าหลัง จากดำเนินการหย่าเรียบร้อยแล้ว ค่อยทำแผนที่วางไว้ใน อนาคต

แต่เธอยังต้องใช้ชีวิตต่อไป ไม่อยากนั่งนิ่งๆแบบนี้อีกต่อ ไปแล้ว

เพ้ยซานซานหลังจากได้ยินว่าเธอจะหางานทํา มันฝรั่ง ทอดในมือก็ไม่กินแล้ว มีสติขึ้นมาทันที “เธอมาที่นิตยสาร ของเราสิ นิตยสารของเราช่วงนี้วางแผนเซ็นสัญญากับ นักออกแบบพอดี ทำแบรนด์ของตัวเอง”

หร่วนซิงหว่านได้ฟังก็ขมวดคิ้ว “ฉัน….ได้เหรอ ฉันไม่ ได้ออกไปสร้างผลงานมาสามปีแล้ว”

“ทูนหัว เธอได้สิ ถึงยังไงก็ลองดู ไม่เสียหายอะไร

หร่วนซิงคิดอยู่ว่าก็มีเหตุผล จึงพยักหน้า “โอเค”

เพ้ยซานซานเป็นนักเคลื่อนไหวที่บอกว่าทำก็จะทำ วัน ถัดมาก็นําผลงานเมื่อสามปีก่อนของหร่วนซิงหว่านไปที่ สํานักงานของบรรณาธิการ

หลินซือดูเสร็จ สายตาก็ตกอยู่ที่นามปากกาของผลงาน สักพักใหญ่ถึงพูดขึ้น Ruanคือเพื่อนของเธอ?”
“ใช่ เธอสุดยอดมากจริงๆ ผลงานก็กระตือรือร้นมาก เซ็นสัญญากับเธอแล้วพวกเราไม่ลำบากแน่นอน”

หลินซือรู้แน่นอนว่าเธอสุดยอดแค่ไหน Ruanเปรียบ เสมือนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ปรากฏขึ้นอย่างกะทันหันในงาน ออกแบบเครื่องประดับ เพียงแต่หลังจากที่มันผลิบาน ก็ หายไปอย่างไร้ร่องรอย

มีคนบอกว่าหลังจากที่เธอได้รับรางวัลแรงบันดาลใจก็ หมดลง ไม่สามารถสร้างสรรค์ผลงานได้อีกต่อไป

และมีคนบอกว่ามีเศรษฐีมาถูกใจเธอ แต่งเข้าตระกูลที่ ร่ำรวยมีลูกไปแล้ว

สรุปคือ ข่าวลือทุกรูปแบบล้วนมีหมด

แต่ไม่มีใครคาดคิด ล่วงเลยไปสามปี ในตอนที่ทุกคน ต่างลืมเลือนเธอ เธอก็กลับมาแล้ว

หลินซือพูด “เย็นนี้หล่อนมีเวลาไหม กินข้าวด้วยกันสัก มื้อเถอะ”

เพ้ยซานซานรู้ว่าความหมายที่เขาถามแบบนี้คือเรื่องนี้ ใกล้จะคงที่แล้ว พยักหน้าทันที “มีค่ะ ฉันจะบอกหล่อน เดี๋ยวนี้”
ตอนกินข้าว หัวหน้าบรรณาธิการของหร่วนซิงหว่านกับ เพ้ยซานซานพูดคุยได้ไม่เลว แม้เธอจะแสดงออกซ้ำๆว่า สามปีมานี้เธอไม่เคยหยิบพู่กันเลย หลินซือก็แสดงออก ว่าไม่เป็นไร เพียงแค่ให้เธอจัดทําภาพร่างผลงานตามรูป แบบที่กําหนดภายในสัปดาห์นี้

ถ้าทางฝั่งเจ้านายรู้สึกว่าไม่มีปัญหาอะไร ก็สามารถเซ็น สัญญาได้เลย

หลังกินข้าวเสร็จ ก็เป็นเวลามืดค่าแล้ว หลินซือพูด “แถว นี้เรียกรถยาก พวกเธอผู้หญิงสองคนไม่ปลอดภัย ฉันไป ส่งพวกเธอที่บ้านแล้วกัน”

“ดีเลยดีเลย งั้นฉันไปเข้าห้องน้ำหน่อย” ขณะที่พูด ก็ มองไปที่หร่วนซิงหว่าน “ซิงซิงเธอไปไหม?”

“ไปด้วยกันเถอะ”

เพ้ยซานซานพูด “งั้นบรรณาธิการหลินคุณรอพวกฉัน สักครู่นะคะ พวกเราจะรีบกลับมา”

หลิน อยิ้มเล็กน้อย “ไม่เป็นไร ไม่รีบร้อน”
ออกจากห้องน้ำมา เพียซานซานก็พูดไปล้างมือไป “เท่า นี้ก็ถือว่าเรียบร้อย สำเร็จแล้ว!”

หร่วนซิงหว่านไม่นึกว่าเรื่องราวจะพัฒนาไปอย่างราบรื่น ขนาดนี้ ยังคงรู้สึกไม่วางใจ “ฉันกลัวว่าถึงตอนนั้นผลงาน ที่ฉันออกแบบออกมาเจ้านายของพวกเธอจะไม่พอใจ จะ ผิดต่อเธอและบรรณาธิการหลินมากแค่ไหน”

เพ้ยซานซานพูด “ทูนหัวเธอคิดมากไปแล้ว เจ้านายของ เราเป็นชายชราที่ร่าเริง เป็นคนดีมาก แทบจะไม่สนใจ อะไรมาก เรื่องเล็กเรื่องใหญ่ในสังคมนิตยสารโดยพื้น ฐานแล้วจะให้บรรณาธิการหลินเป็นคนตัดสินใจ เพียงแค่ ทําตามขั้นตอนผ่านเขานิดหน่อยก็พอ บรรณาธิการหลิน ให้ความสำคัญกับเธอขนาดนี้ จะต้องไม่มีปัญหาแน่”

สิ้นเสียงของเพ้ยซานซาน ประตูห้องน้ำก็มีเสียงเหยียบ รองเท้าส้นสูงดังสวนมา

วินาทีต่อมา ซูซือเวยก็ปรากฏตัวตรงหน้าพวกเธอ

ราวกับนึกไม่ถึงว่าจะมาพบเจอกันที่นี่ หลังจากทั้งสอง ฝ่ายผงะไปครู่หนึ่ง ซูซือเวยส่งเสียงหูด้วยความเหยียด หยาม “หมาบ้าจริงๆ ไปไหนก็ตามไปทุกที”

หร่วนซิงหว่านดึงกระดาษมาเช็ดน้ำบนมือ แล้วก็พูดอย่างไม่สนใจ “เธออยากโดนตบก็พูดมาตรงๆ ไม่ต้อง อ้อมค้อม

“150……”

ซูซือเวยครั้งก่อนก็รู้ว่าตนไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหร่วนซิงหว่าน ครั้งนี้พวกเขามีสองคนอื่น ไม่ว่ายังไงก็ไม่มีโอกาสชนะ

เพ้ยซานซานพูด “เธออะไรเธอ ให้ฉันช่วยหยิบลำโพง มาตะโกนเรียกทุกคนให้มาดูไหมว่าเมียน้อยที่มีชีวิต หน้าตาเป็นยังไง?”

ซูซือเวยยิ้มเยาะ พูดอย่างคลุมเครือ “หร่วนซิงหว่านเธอ จะหน้าด้านไปถึงไหน ตอนนั้นตัวเองใช้วิธีการอะไรแต่ง เข้าตระกูลโจวไม่รู้อยู่แก่ใจเหรอ? ตอนนี้ยังกล้าพูดว่าฉัน เป็นเมียน้อย ก็ไม่เห็นว่าเธอจะดีกว่าฉันสักเท่าไหร่ ทำไม คิดว่าตัวเองได้บัลลังก์สำเร็จแล้ว ก็สามารถเป็นโสเภณี สร้างหอรําลึกได้เหรอ?”

เพ้ยซานซานคิดจะโจมตีกลับ ก็ถูกหร่วนซิงหว่านดึงข้อ

มือไว้

หร่วนซิงหว่านมองไปที่เธอด้วยความสงบ “โจวฉือเซินบอกเธอเหรอ”
ซูซือเวยดูเป็นผู้หญิงอกใหญ่ไร้สมอง สองครั้งก่อนไม่ได้ พูดถึงเรื่องนี้ ท่าทางที่ซ้ำเติมอย่างมีชัยของเธอ ก็บอกได้ อย่างชัดเจนว่าเธอพึ่งจะรู้

“ใช่แล้ว เขาบอกว่าเขาขยะแขยงผู้หญิงอย่างเธอมาก ยังบอกอีกว่าเรื่องที่เขาเสียใจที่สุดในชีวิตคือการได้เจอ เธอที่มู่สื้อ เธอก็เหมือนปูนปลาสเตอร์หนังหมาที่ทั้งเหม็น ทั้งเหนียว แกะออกแล้วทั้งตัวมีแต่กลิ่นเหม็น แทบทนไม่ ไหวที่จะถูผิวหนังที่สัมผัสเธอออกถึงจะดีขึ้น”

ซูซือเวยพูดจบ มองไปที่สีหน้าที่ไม่แสดงอารมณ์ใดๆ ของหร่วนซิงหว่าน ถึงตระหนักถึงความกลัว ก้าวถอยไป อย่างระแวดระวัง ป้องกันไม่ให้เธอลงมืออีก

แต่ใครจะรู้ว่าหร่วนซิงหว่านกลับไม่พูดอะไรเลย และ ไม่มีท่าทางที่จะตบเธอ เพียงแค่ทิ้งกระดาษที่เช็ดมือแล้ว ลงถังขยะ หันตัวจากไป

เพ้ยซานซานเห็นดังนั้น ก็รีบตามไป

“ซิงซิง คำพูดของผู้หญิงคนนั้นเธออย่าเก็บมาใส่ใจเลย คู่สุนัขชายหญิงคู่นั้นคนหนึ่งหมาอีกคนหน้าด้าน ไม่ใช่ ของที่ดีอะไร เธอทำเป็นว่าหล่อนพูดเหมือนผายลม อย่า โกรธ…

คำพูดของเพ้ยซานซานยังไม่จบ ก็เห็นผู้ชายหมาๆที่เธอพูดอยู่กับปากเมื่อกี้ปรากฏตัวยืนตรงหน้าไม่ไกล พูด คุยกับคนอื่นนิ่งๆ

หร่วนซิงหว่านเหมือนว่าไม่เห็นเขา ไม่มองด้านข้าง เดิน อย่างรวดเร็ว

เจียงย่านรู้สึกถึงออร่าแห่งการฆ่าฟันที่ใกล้เข้ามาจาก ด้านหลัง ก็อดไม่ได้ที่จะหันศีรษะไป มองดูหญิงสาวที่เดิน ใกล้เข้ามา ก็พูดขึ้น “นั่นภรรยานายไม่ใช่เหรอ ทำไมเธอ มาอยู่ที่นี่?”

โจวฉือเซินหันไปมอง คิ้วขมวดอย่างไร้ร่องรอย ดวงตาสี ดำเผยความไม่อดทน

ตามเขามาถึงที่นี่ ยังจะบอกว่าแค่อยากหย่าอย่างเรียบ

ง่าย?

ผู้หญิงคนนี้เริ่มมีเล่ห์เหลี่ยมมากขึ้น ตั้งแต่เมื่อไหร่

มองดูเธอเดินเข้ามาใกล้ โจวฉือเซินกำลังจะเอ่ยปาก อย่างเย็นชา ไม่รู้เลยว่าหร่วนซิงหว่านไม่แม้แต่จะเหลือบ มองเขา ฝีเท้าไม่หยุดชะงักเลยแม้แต่น้อย

ผ่านไหล่เขาไปด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ เร็วราวกับลม กระโชก
แต่เพ้ยซานซานที่เดินตามหลังมาติดๆหยุดลงข้างตัว โจวฉือเซิน อ้าปากราวกับอยากจะด่าว่าเขา แต่ก็รู้สึกว่า ไม่ถูกเวลา จึงก้าวเท้าวิ่งไป

เจียงย่านผู้ซึ่งเห็นขั้นตอนทั้งหมดหัวเราะสองคำ เพื่อ คลายความเก้อเขิน “ฉันจำคนผิดหรือเปล่า?”

โจวฉือเซ็นไม่ชอบภรรยาของเขา กระทั่งพูดได้ว่า รังเกียจ นี่คือเรื่องที่คนในแวดวงต่างก็รู้


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ