ตอนที่ 48 สงสัยในความสามารถของฉัน
ธัชชัยพยักหน้าแล้วพูดว่า “ดีมาก ถ้าหากว่าเธอยืนยันว่าจะค้าง อยู่ที่นี่ ถ้าอย่างนั้นเงินหนึ่งพันล้านฉันว่าฉันเอาไปทำธุรกิจกับ คนอื่นดีกว่า”
คำพูดนั้นของเขาจบลง สีหน้าของทุกคนนั้นห้องนั้นก็เปลี่ยน เป็นสมหวังขึ้นมา
ฟันขาวสะอาดของวันสากัดลงไปที่ริมฝีปากของตัวเอง ผู้ชาย คนนี้กำลังขู่เข็ญและบีบบังคับเธอชัดๆ ถ้าหากเธอไม่กลับไป ถ้า บริษัทของคุณน้าไม่ได้ลงทุนแล้วล่ะก็ ความรับผิดชอบทุกอย่าง จะต้องโทษมาที่ตัวเธอแน่
วราลีมีปฏิกิริยาก่อนใคร ดึงมือของวัดสามาแล้วพูดว่า “วังสา จ๊ะ คุณชายใหญ่กำลังรอหนูอยู่ที่บ้านนะ รีบกลับไปเถอะ ถ้าเกิด ว่าอยากจะค้างล่ะก็ วันอื่นค่อยมาก็ได้” แกล้งทำท่าที่เข้าอก เข้าใจคนอื่น พูดเสร็จก็ผลักให้วัสสาออกไป พอไม่ได้ระวังก็ชน กับผู้ชายรูปร่างสูงโปร่งที่ยืนอยู่ตรงนั้นพอดี
ธัชชัยรีบยื่นมือไปพยุงเธอเอาไว้ เธอถึงไม่ได้ล้มลงไป
วัจสาคิดไม่ถึงว่าเพื่อเงินหนึ่งพันล้านแล้วคุณน้าทั้งสองจะทำ กับเธออย่างนี้ แต่ว่าเธอไม่อยากกลับไป นิสัยของวันสาก็เป็น อย่างนี้ ยิ่งคุณบังคับเธอ เธอยิ่งไม่เชื่อฟัง ตอนนี้เพียงแค่อยากจะ ดูท่าทางของคุณน้า
มองดูในสายตาของคุณลุงแล้วเงินสำคัญกว่าหรือหลานสาว คนนี้สําคัญกว่า “คุณน้าคะ คืนนี้หนูอยากจะค้างที่นี่” น้ำเสียง ของเธอขอร้องอ้อนวอนด้วยความแอ ทำให้คนฟังแล้วยากที่จะ ปฏิเสธได้
ปยุตไม่แม้แต่จะกล้ามองวังสา ก้มหน้าก้มตาหมุนตัวออกไป ทางอื่นแล้วพูดว่า “วังสา มันดึกแล้ว กลับไปกับคุณชายรองเถอะ น้าสะใภ้เธอพูดถูกแล้ว ต่อไปถ้ามีเวลาก็ค่อยมา เข้าใจไหม?”
ในใจของวัดสาตกใจมาก รู้ทั้งรู้ว่าผลลัพธ์ต้องเป็นอย่างนี้ แต่ เธอก็ยังดึงดันถามออกไป และพูดอย่างเรียบเฉยว่า “เข้าใจ” หัน หลังไปและไม่หันกลับมาอีก แล้วก็เดินออกไปข้างนอก
เธอยังไม่ทันจะเดินออกจากลานบ้านของตระกูลขุนทด รถเฟ อรารี่สีดำคันหนึ่งก็มาจอดตรงถนนด้านข้าง
หน้าต่างรถค่อยๆ เลื่อนลงไป ปรากฏให้เห็นใบหน้าที่หล่อ เหลาแต่เย็นชาเหมือนปกติ “ขึ้นรถ” น้ำเสียงเย็นชาไม่ต่างจาก ใบหน้าเลย
สีหน้าวจสาดูเฉยชา ตอนนี้ก็ไม่รู้จะพูดอะไรแล้ว ยังไงเธอก็รู้ ความร่ำรวยและอิทธิพลของเขาไม่ได้ เพียงประโยคเดียวก็ สามารถทำให้คนตระกูลขุนทดไล่เธอออกไปราวกับสัตว์ที่ดุร้าย ถ้าหากวันหนึ่งเขาบังคับให้เธอตาย เกรงว่าแค่พูดประโยคนี้ ออกมาก็ได้แล้ว
วัสสานั่งอยู่บนเก้าอี้หนังแท้ของรถเฟอรารี่ พร้อมกับคาด เข็มขัดนิรภัยแล้วบ่นพึมพำว่า “คิดไม่ถึงเลยว่าฉันจะมีมูลค่าเป็นพันล้าน เหอะ เหอะ”
“ทำไม? ที่ฉันเข้าร่วมหุ้นไม่ใช่ความปรารถนาของเธอเหรอ? หนึ่งพันล้าน ถึงจะสามารถซื้อวังสาได้ เป็นเรื่องที่ไม่ง่ายเลยล่ะ” ธัชชัยพูดพร้อมกับยิ้ม น้ำเสียงเต็มไปด้วยเศษน้ำแข็ง
“คุณพูดผิดแล้ว เดิมที่ฉันได้เป็นของใคร แต่เพราะว่าเพราะ เหตุผลบางอย่างฉันถึงจำใจต้องแต่งงานกับตระกูลศรีทอง แต่ก็ ไม่ได้เป็นผู้รับใช้ของใคร ถึงแม้จะเป็นพี่ชายของคุณก็ไม่ได้ แต่ ว่าฉันอยากจะพูดกับคุณหน่อย เงินหนึ่งพันล้านก้อนนี้ คุณใช้มัน ได้ไม่คุ้มค่าจริงๆ” วัจสามองไปข้างหน้า และถูกความเร็วของรถ ที่พุ่งไปทำเอาเธอถอยไปพิงกับเบาะ
“หมายความว่าไง?”
“ก็เพราะว่าคุณมันเป็นคนที่มองผู้หญิงแค่ใบหน้าไงล่ะ ถ้ามัน เป็นเพราะเรื่องนี้ ถ้าอย่างนั้นคุณเองก็ไม่รู้เลยว่าโครงการนี้จริงๆ แล้วมันคุ้มค่าหรือไม่คุ้มค่า สิ้นเปลืองเงินของตระกูลศรีทองไป เปล่าๆ ก็เท่านั้น ทว่าเงินจำนวนนี้ ไม่แน่ว่าอาจจะเป็นวรพลที่ให้ คุณใช้จ่ายได้ตามอำเภอใจก็ได้
ในใจของวัสสา ธัชชัยสามารถที่สามารถมีเงินได้มากมาย ขนาดนั้น ทั้งหมดก็คงจะเป็นเพราะอาศัยการชี้แนะจากวรพล หลังจากงานผู้ถือหุ้นของบริษัทนั้น สิ่งที่ ‘วรพล’ แสดงออกมามัน เหนือความคาดหมายของเธอมาก ในตอนนั้นเธอถึงได้รู้ว่า ผู้ชายที่ถูกไฟลวกคนนั้น เป็นคนที่มีพรสวรรค์และฉลาดปราด เปรื่อง ถึงแม้ว่าจะไม่มีโฉมภายนอกที่หล่อเหลา แต่ลักษณะนิสัยและอารมณ์ก็แพ้ใคร
แต่ว่าสิ่งเธอไม่คนที่ตัวเองเลื่อมใสศรัทธา รู้สึก ว่าวรพลท่านนั้นที่ตกใจ ก็อยู่กับธัชชัยจะเป็นคนตัดสิน และเขาเป็นสามีของเธออย่างแท้จริง
“อ๋อที่แท้ในของเธอ ฉันเป็นแค่น้องชายไม่เอาไหนหนึ่ง? วังสา เธอกำลังสงสัยความสามารถของใช่ มั้ย? หรือว่ากำลังหลงรักเงินของฉัน? กลัวฉันจะขาดทุนเหรอ?
ธัชชัยไม่ได้โกรธ เมื่ออารมณ์โกรธตอนอยู่ในบ้านตระกูล ขุนทดตอนเห็นคิดอยากจะหนีในตอนนี้ได้สงบลงแล้ว ตอนนี้ เพียงแค่อยากจะเย้าแหย่แมวเหมียวเหมือนกับเธออยู่ เรื่องตัวเองสามารถวางเอาไว้ข้างๆ ได้ชั่วคราว
ถ้าหากวรพลรู้ความในใจของน้องชายตัวเองทั้งหมด เกรงว่าตายตาหลับแล้ว
วัจสาถูกเขาอย่างถึงรู้ว่าตัวเองกำลังพูดอะไร ความ หมายของคำพูดเหล่าคือกังวลเกี่ยวอะไรกับเธอเธอรีบปากปากตอบโต้ ฉันเป็น ห่วงของคุณ ฉันแค่รู้สึกว่าคุณเงินของพี่ชายคุณฟุ่มเฟือย อย่างนี้ไม่คุ้มค่าเท่านั้น
จริงเหรอเสียงของธัชชัยแสดงออกอย่างชัดเจนว่าเชื่อ ในเมื่อคุณเป็นห่วงขนาดนี้ ถ้าอย่างฉันจะพูดแผนการ ของสักหน่อยนะ
วังสาคิดไม่ถึงว่าคนอย่างเค้ายังจะมีแผนการอะไรได้ จึงแกล้ว ทำเป็นฟังอย่างไม่ตั้งใจ
“คุณน้าของเธอพูดถึงการเปิดประมูล ฉันก็รับเอามาพิจารณา ไว้นานแล้ว เพียงแต่ว่าตอนนี้ยังขาดวิธีการดำเนินการก่อสร้าง อย่างคุณลุงของคุณ”
วัดสาขมวดคิ้ม ถึงแม้เธอจะไม่เข้าใจเรื่องพวกนี้ แต่เธอก็ ฟังออก ธัชชัยกำลังเลือกคนที่มีความสามารถพอที่จะทำงานนั้น ได้
“ที่คุณทำแบบนี้ไม่ได้กำลังล้อเล่นกับคุณน้าใช่ไหม? ตอนที่ อยู่บนโต๊ะอาหารคุณก็บอกว่าโครงการนี้มันไม่คุ้ม ตัวเองกลับ ตอบรับนานแล้ว ตอนที่ฉันพูดกับคุณ คุณก็รู้แล้วใช่ไหม?”
ธัชชัยหัวเราะเบาๆ “ฉันเป็นคนที่ทำธุรกิจคนหนึ่ง ย่อมต้องคิด วิธีหากำไรเพื่อตัวเอง ขึ้นชื่อว่ามนุษย์ไม่มีทางทำลายตัวเอง ฉัน ยอมรับโครงการนี้ ก็ต้องเป็นเพราะว่าชื่อเสียงของฉันสามารถ ทําผลกําไรได้อย่างมหาศาล แต่คุณน้าของคุณทำไม่ได้
“หมายความว่าไง?”
“ฉันอยู่ที่ตลาดเอสหากต้องการเงินทุนก็มีเงินทุน หากต้องการ เส้นสายก็มีเส้นสาย ย่อมไม่ต้องไปไกล่เกลี่ยเหมือนกับคุณน้า ของคุณ เพราะอย่างนี้จึงทำให้ประหยัดเงินและเวลาไปได้มาก เลยล่ะ เมื่อฉันออกหน้าแล้ว ผลกำไรก็มากขึ้นด้วย แต่ถ้าเปลี่ยน เป็นคุณน้าของคุณ อย่างนั้นก็คงได้กำไรแค่หัวแมลงวันเท่านั้น ทำไมฉันถึงไม่กินเนื้อสามฉันแต่กลับไปกินซี่โครงไก่?”
ธัชชัยสมกับนักธุรกิจ เรียกได้ว่าไม่ว่าจะนักธุรกิจคนไหนก็มี เล่ห์เหลี่ยมจัดทั้งนั้น นั่นก็คือเขา
“ทำไม? รู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมเหรอ? ถ้าอย่างนั้นคุณ ก็ไปพูดกับคุณน้าคุณสิ ว่าฉันไม่ร่วมมือกับเขาแล้ว มันเป็นเพียง ประโยคเดียวที่จะทำให้ฉันเปลี่ยนการก่อสร้าง
วันสากัดริมฝีปาก ผู้ชายคนนี้ช่างเป็นคนที่ใช้อิทธิพลใช้ อำนาจมารังแกคนจริงๆ จะต้องกดขี่ตัวเธอให้ได้
ทั้งสองก็เงียบไปชั่วขณะ วังสาไม่อยากจะพูดอะไรออกมา ใน เวลานี้ธัชชัยก็ไม่มีอารมณ์แล้ว รอให้เจ้าแมวเหมียวน้อยโมโหก จะกัดคนเองแหละ
บรรยากาศที่เงียบสงัดก็ถูกเสียงโทรศัพท์ทำลายลงไป ธัชชัย มองดูโทรศัพท์หนึ่งที่เป็นสายของโสธร ดวงตาของเขาเย็นชา “มือของฉันไม่สะดวก คุณช่วยถือโทรศัพท์ให้ฉันหน่อย
วันสารู้ว่าเขาต้องขับรถ ก็ไม่คิดจะเล่นแง่อะไร หยิบโทรศัพท์ ขึ้นมารับแล้วก็แนบใส่หูของเขา อุณหภูมิของใบหน้าที่ละมุน ละไมราวกับหยกมันช่างร้อน มือของวัดสาก็ร้อนขึ้นมาเล็กน้อย ทันใดนั้นก็เคลื่อนออกมาไกลหน่อย
“ฮัลโหล มีเรื่องอะไร? ได้ข่าวแล้วเหรอ?”
เห็นได้ชัดว่าโสธรอยู่ในสถานที่บันเทิง ตะโกนเสียงดังวุ่นวาย มาก เขาโกนเสียงดัง “พิเศษเลยล่ะ! เงียบๆ หน่อย!” เสียงเพลง ทางนั้นเพียงชั่วพริบตาก็ปิดลง
“ธัชชัย มีข่าวของผู้หญิงคนนั้นแล้ว นายอยากมาเจอกันมั้ย?
ในดวงตาที่ลึกลงไปของธัชชัยพอได้ยินกนิษฐา ก็ฉายแวว ความหมายลึกล้ำขึ้นมา มือที่จับพวกมาลัยอยู่นั้นก็กำแน่นขึ้น แล้วพูดว่า “ได้ ฉันรีบไป
ทางนั้นก็วางสายไป วัจสาเห็นคุยเสร็จแล้วก็ทั้งร่างของเขาก็ หายใจแรงผิดปกติ เดาอยู่ภายในใจว่าเขาคงมีเรื่องที่ต้องไปทำ “ถ้าคุณมีธุระ ตรงไปเลยก็ได้ ให้ฉันลงจากรถข้างหน้านี้เถอะ”
ธัชชัยมีเรื่องสำคัญ แต่ว่าวจสาสำคัญกว่าเรื่องใด “ดึกมาก
แล้ว ไม่ปลอดภัย ไปส่งเธอกลับบ้านก่อน
ประโยคนี้ทำให้ในใจของวัสสาสงบขึ้นมาหน่ออย คิดไม่ถึงว่า ธัชชัยยังเป็นห่วงเธอ หรือว่าจะเป็นห่วงเธอว่าจะถูกลักพอตัวไป? โตขนาดนี้แล้ว
ถ้าเป็นคนเลว ในตอนนี้ถึงจะเป็นคนเลวที่สุด ชอบก่อเรื่องให้ เธออายและโมโหอยู่บ่อยๆ ถึงแม้บางครั้งจะกลืนไม่เข้าคายไม่ ออก ถ้าพูดถึงความไม่ปลอดภัย จะมีใครที่สามารถเทียบเท่าช ชัยได้อีกเหรอ?
แต่ว่าจริงๆ แล้วเธอก็เป็นคนที่ปากไม่ตรงกับใจ ธัชชัยไม่ได้ ทิ้งเธอเอาไว้ข้างทาง และยังคิดจะไปส่งเธอถึงบ้าน ที่เป็นสุภาพ บุรุษอย่างนี้ เป็นครั้งแรกที่วัจสาได้พบได้เจอ
ความเร็วของรถไม่ได้ขับเร็วเหมือนตอนไปบ้านตระกูลขุนทด แต่ว่าจิตใต้สำนึกของธัชชัยกลับคิดว่าจะต้องดูแลความรู้สึกของ วังสา ทว่าความเร็วของรถเฟอรารรี่ก็ไม่ได้ช้าถึงขนาดนั้น ไม่นานก็มาจอดที่หน้าประตูคฤหาสน์
วังสาปดสายเข็มขัดนิรภัย เธอกล่าวกำชับกับขัชชัย “คุณขับ รถช้าๆ หน่อยนะ คืนนี้จะได้ปลอดภัย พูดเสร็จก็เตรียมจะผลัก ประตูรถออกไป
มือที่ขาวสะอาดก็ถูกเขาคว้าเอาไว้ไม่รู้ว่าเป็นเพราะประโยคที่ เธอพูดกำชับอย่างอ่อนโยนนั่นรึเปล่าจึงทำให้เค้าเคลิบเคลิ้มไป แล้ว
“อยู่เป็นเพื่อนฉันสักครู่สิ
วันสาดลึงงัน แต่ไหนแต่ไรไม่เคยได้เย็นน้ำเสียงที่อ้อนวอน แบบนี้เลยแม้แต่น้อย เหมือนกับเด็กที่ขาดความรู้สึกปลอดภัย อย่างไรอย่างนั้น เธอจึงกลับเข้ามา เห็นดวงตาดอกท้อของเขา เหมือนกับดวงดาวที่ทอแสงระยิบระยับอยู่บนท้องฟ้า
ไม่รู้ว่าเป็นค่ำคืนที่ทำให้คนหลงใหลเป็นอย่างไร ทั้งสองคน ต่างก็สับสนแล้ว
แขนที่มีพลังของธัชชัยดึงใจสาเขามาในอ้อมกอด หน้าออกที่ กํายำล่ำสัน หัวใจเต้นได้อย่างแข็งแรง ในเวลานี้ทำให้คนโล่งใจ อย่างหาที่ใดเปรียบมิได้
วัจสาค่อยๆ หลับตาลง มีเสียงๆ หนึ่งพูดกับเธอไม่หยุด ก็นอน ลงสักครู่เถอะ ปล่อยให้เธอได้นั่งพักเงียบๆ สักครู่เถอะ หัวใจทั้งสองดวงได้ค่อยๆ เดินเข้าไปในคืนที่มืดสงัด
ฝ่ามือที่กว้างหนาของธัชชัยก็พลันจับคอที่เรียวยาวและเยบเนีบนของวังสาเอาไว้เบาๆ เอาใบหน้าของเธอเข้ามาใกล้ตรงหน้า ของตัวเอง ริมฝีปากบางๆก็ประทับลงไป
จูบของเขาก็เหมือนกับมนุษย์ทั่วไป รุนแรงแต่ก็เหมือนกับเด็ก ที่กำลังลองดูด ตูดเธอเอาไว้เหมือนกับแม่เหล็ก จะขัดขืนสักนิดก็ ไม่ได้
วังสาเริ่มขัดขืนขึ้นเรื่อยๆ สุดท้ายก็มักจะถเข้าไปกับเทคนิค การจูบที่ยอดเยี่ยมของเขาเสมอๆ ร่างกายไม่ปรารถนาที่จะ ยกมือยอมแพ้
หลังจากที่จูบนั้นจบไป วัดสาถึงได้ตั้งสติได้ พบว่าตัวเองกำลัง ทำเรื่องอะไรกับธัชชัยอยู่ หน้าก็พลันแดงเรือขึ้นมา มือก็พันละวัน วุ่นวายรีบเปิดประตูออกจากรถ และห้อตะบึงเข้าไปในบ้าน ธัชชัยที่นั่งอยู่ในรถเห็นร่างอ้อนแอ้นอรชรของเธอลุกลี้ลุกลนวิ่ง เข้าไปในบ้าน เขาก็พลันเม้มปากยิ้มทันที เหมือนกับว่ากำลังหวน คำนึงถึงลมหายใจและกลิ่นหอมหวานของปากเธอ ถึงได้ขับรถ ออกไป ส่งเสียงคำรามและออกไปทันที
วัจสาที่วิ่งมาถึงห้องรับแขกแล้วถึงได้ค่อยๆ หยุดลง จับ หน้าอกฟังเสียงหัวใจเต้น อยากจะเอาความรู้สึกแบบนี้โยน ออกไปจากใจไม่หยุด
นี่มันบ้าไปแล้ว! ทำไมตัวเองถึงได้ยึดติดอยู่กับความรู้สึกที่จูบ กับเขา แต่เขาเป็นน้องชายของสามีเธอนะ… นี่มันไม่ถูกต้อง มันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเลยเถิดเกินไปแล้ว!
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ