ตอนที่ 22 เป็นแผลเพราะช่วยเธอ
ในสายตาของมนายุ คนพวกนี้ยังไม่ให้เขาเข้าไป เขาก็ยิ่งรู้ว่าใน ห้องต้องมีปัญหาแน่ๆ ร่างกายของวรพลคงไม่ไหวแล้ว ก็แค่ เจอวรพลแค่นี้ ถึงกับบังคับให้เขาต้องทำร้ายเลยเหรอ?
วังสา ใช้มีดอันตรายเกินไป คุณภูษิตกลัวเธอยังไม่ฟันคนอื่น แต่กลับฟันตัวเองเจ็บตัวก่อน เพราะฉะนั้นจึงแลกเปลี่ยนอาวุธกับ เธอ
วัดสาตอนนี้ถือไม้ตีกอล์ฟที่คุณภูษิต ให้มา มองผู้ชาย แข็งแกร่งข้างหน้าด้วยหน้าตาที่เย็นชา
อย่าคิดว่าผู้หญิงอ่อนแอไร้ประโยชน์ ถึงเธอจะถูกฟันตายก็ไม่
ให้พวกเขาผ่านเขตเส้นนี้เด็ดขาด!
การต่อสู้ที่วุ่นวายระหว่างพวกเขาและพวกเราก็เริ่มขึ้น
คุณภูษิตอยู่ห่างจากทางซ้ายนิดหนึ่งแล้วโบกมีดในมือเขา อย่างวูบวาบ พวกผู้ชายเหล่านี้ไม่กล้าลุยเข้าไป ใครจะไปเอา ร่างกายไปแลกกับเงิน
แต่คุณภูษิตอายุเยอะแล้ว กำลังกายสู้วัยรุ่นไม่ได้อีกต่อไป ใน ช่วงโบกมีดไม่หยุดนั้น คุณภูษิตก็เริ่มหอบหายใจ กำลังกายของ เขาจะถึงขีดสุดแล้ว แขนก็ค่อยๆเริ่มอ่อนแรง
พวกผู้ชายตัวใหญ่เห็นคุณภูษิตเริ่มไม่มีเรี่ยวแรง รีบเข้าไป ทั้ง สองคนเอากระบองเหล็กบนมือมาโจมตี มีดบนมือคุณภูษิตกระเด็ดออกไปที่กำแพงด้านหนึ่ง
สองคนที่เหลือก็ถูกจับตัวอย่างรวดเร็ว คุณภูษิตตอนนี้ขยับตัว ไม่ได้ แล้วก็ไม่รู้ว่าป้าอ้อยโดนพวกเขาจับตัวไปตั้งแต่เมื่อไร คนที่ยังสามารถเฝ้าห้องรักษาได้ในตอนนี้ก็เหลือแค่วจสา มนายุที่ซ่อนตัวมองดูอยู่ข้างหลัง ผลักผู้ชายตัวใหญ่ที่ขวางอยู่ ข้างหน้าสองคน เดินมาว่า “เจ้าเด็กตัวแสบ ยอมแพ้สะดีๆ ความ สามารถของเธอเป็นไปไม่ได้ที่จะเอาชนะนักเลง
ถึงใจวังสาจะเร่งร้อน แต่ใบหน้ายังเงียบสงบ จะแพ้อะไรก็ อย่าแพ้อำนาจเด็ดขาด ไม่งั้นคนอื่นจะคิดว่าเธอเป็นคนอ่อนแอ น่าแกล้ง!
เพียงแค่ถ่วงเวลาให้ธัชชัยกลับมาก็พอ วัจสาคิดอะไรได้ แล้ว เริ่มพูดคุยกับมนาย “ฉันแต่งงานกับวรพลแล้ว ตามเหตุ ฉันควร เรียกคุณว่าลุง แต่คุณไม่รู้ตัวเหรอว่าตัวเองไม่ได้ทำหน้าที่ในกา นะลุง ฉันบอกแล้ว ร่างกายของวรพลแข็งแรง คุณยังจะพาคน เข้าไป เพื่อยืนยันร่างกายเขา? ”
ผริตายืนอยู่ตรงข้างๆแล้วด่าว่า “ตอนนี้ปากเก่งนี้นะ เจ้าเด็ก ตัวแสบ อย่าคิดว่าเธอเฝ้าวันนี้ได้สำเร็จ บริษัทบีเค-เทโรจะตก อยู่ในมือเธอ! ฉันบอกเธอ…..
มนายขวางผริตา เดินขึ้นไปพูดว่า “วันนี้ฉันเพียงแค่พาหมอมา ตรวจร่างกายให้วรพลอย่างระเอียด หลานสาวก็ระมัดระวังตัว มากเกินไป ฉันจะไปทำร้ายหลานชายของตัวเองทำไม เธอพูดถูก ไหม? ”
วังสาหัวเราะเยาะ ผู้ชายคนนี้มีข้ออ้างเยอะซะมัดแถมยังจะ มีหน้ามาพูดอีก ถ้าไม้อ่อนใช้ไม่ได้ งั้นก็ใช้ไม้แข็ง
“มนาย ฉันไม่สนใจว่าคุณมาที่นี่วันนี้เพื่ออะไร ไม่ว่าอย่างไร ก็ตามฉันบอกไม่ให้พวกคุณเข้าไป ก็คือไม่ให้เข้าไป! ฉันแจ้ง ตำรวจเรียบร้อยแล้ว เดี๋ยวสักครู่ กล้องวงจรทั้งหมดของที่นี่ สามารถเป็นหลักฐานในคดีได้! ”
มนายยกมือ ให้คนพาคุณภูษิตและป้าอ้อยมาที่นี่ “งั้นเหรอ ถ้า ฉันมนายุถูกเด็กตัวแสบอย่างเธอได้ จะไปได้เรื่องอะไร ถ้าเธอ ยังอยากเอาชีวิตอีแก่ทั้งสอง
เขาหยุดแล้วพูดขึ้นว่า “เธอสู้ฉันไม่ได้หรอก”
วัจสาเห็นคุณภูษิตและป้าอ้อยที่ถูกบิดแขน ก็ทนใจไม่ได้ พวก เขาก็อายุเยอะแล้ว ยังต้องมาโดนอะไรเหล่านี้อีก…….
ทำยังได้? ถ้าไม่หลีกทางให้ คุณภูษิตและป้าอ้อยจะถูก
ทรมาน ถ้าหลีกทางไป ชีวิตของวรพลก็จะอันตราย…….
คุณภูษิตตะโกนว่า “คุณวจสาต้องปกป้องคุณวรพลนะครับ! อย่าไปเชื่อคำพูดของมนาย เขาไม่กล้าทำอะไรพวกเราหรอก ครับ!
ป้าอ้อยก็พูดต่อ “ใช่ค่ะคุณวจสา ไม่ต้องเป็นห่วงพวกเรา คุณว รพลสำคัญกว่า!
มนายหัวเราะอย่างเย็นชา “บิดให้แรงเลย! ” เมื่อออกคําสั่งเสร็จ ผู้ชายตัวใหญ่ที่กดตัวคุณภูษิตและป้าอ้อยสองคนก็เพิ่มแรงขึ้นมา พวกเขาเริ่มเจ็บจนกระโกนเสียงออกมา แต่สักพักก็รีบกัดริมฝีปากทันทีแล้วไม่ออกเสียงอีกเลย
ฝ่ามือของใจสามีเหงื่อออกมา ไม่รู้ว่าธัชชัยได้รับสายโทรศัพท์ หรือไม่ เขาอาจจะไม่ได้รับสายโทรศัพท์เธอ ทางั้นก็แย่แล้ว ควรจะทำยังไงดี?
มองสีหน้าที่เจ็บปวดของคุณภูษิตและป้าอ้อย เธอทนดูต่อไป ไม่ไหว ให้คนแก่ทรมานซะขนาดนี้ นี้ยังเป็นคนอีกเหรอ?
“พอที ไม่เล่นแล้ว” มนายเรียกผู้ชายตัวใหญ่ที่อยู่ข้างหลังอีก ไม่กี่คน “พวกนายไปแย่งอาวุธของเธอเดี๋ยวนี้ แล้วชนประตู เข้าไป
วังสาถือไม้ตีกอล์ฟอย่างแน่น บอกตัวเองว่าห้ามแพ้เด็ด ขาด!
ผู้ชายตัวใหญ่ที่ถืออาวุธด้วยสายตาโหดเหี้ยม ก้าวไปข้าง หน้า แค่ผู้หญิงคนเดียว จัดการได้ง่ายมาก ผู้ชายตัวใหญ่คนหนึ่ง จับไม้ตีกอล์ฟที่วิจสาโบกมา อาวุธของวันสาก็ถูกเขาควบคุม
ผู้ชายตัวใหญ่อีกคนอยากเดินมาจับจสา เธอปล่อยที่จับไม้ตี กอล์ฟ งอตัวผ่านจากรักแร้พวกเขา หยิบกระบองเหล็กที่อยู่บน พื้น เตรียมโบกไปทางมนายุ
ไอ้สารเลว!
ไม่ใครรู้ผริตาโผล่มาจากไหน กั้นแทนมนาย ทันใดนั้นเลือด บนหัวไหลออกมา มนายเห็นภรรยาตัวเองถูกตี ด้วยความโกรธแค้นและเขาหยิบมีดเล็กที่เอวออกมา แล้วแทงไปที่วังสา
“ไอ้ตัวแสบ ยังอยากจะฆ่าฉันด้วยใช่ไหม? ! ”
วังสาจะเอากระบองเหล็กบนมือไปกั้น ยังไม่ทันจะกั้นก็มีหลัง เงาที่ใส่ชุดสูทสีดำมากันข้างหน้าตัวเอง มีดเล็กถูกเสียบเข้าไหล่ ซ้ายของเขา
วัดสาเงยหน้าขึ้น ธัชชัย! เธอทั้งตกใจและดีใจ เมื่อเห็นมีดที่ เสียบบนไหล่ของเขา ขอบตาก็แดงขึ้น
ธัชชัยอีกเสียงหนึ่ง เหตุการณ์เมื่อกี้มันกะทันหันมาก จะแย่ง มีดเล็กที่มนายถืออยู่มันก็สายไปแล้ว เขาก็ไม่ยอมให้ผู้หญิงโดน มีดแทง จึงต้องเอาไหล่ของตัวเองไปกั้นแทน
เขาหันกลับตัวแล้วถีบเท้าที่หนึ่ง เอาซะมนายถอยไปหลาย ก้าวหน้าเต็มไปด้วยความเข้มข็มและจริงจัง
“ในที่สุดก็กลับมาแล้วจนได้! ” วัดสาอธิบายเรื่องราวค่าวให้
เขาฟัง
ดีจังเลยที่ธัชชัยกลับมา หลายปีผ่านไปเมื่อวังสานึกถึงเรื่องนี้ มักจะรู้สึกปลงอนิจจัง เมื่อเธอมีอันตราย เขาก็เหมือนฮีโร่คนหนึ่ง ที่มาช่วยเหลือเรา
ธัชชัยพยักหน้า บอกว่าเข้าใจแล้ว ตาที่เย็นชาจ้องมองนักเลง ทั้งสองที่กดตัวคุณภูษิตและป้าอ้อย กลิ่นไอฆาตกรรมในสายตา ทําให้คนไม่กล้ามองเขา
นักเลงถูกสายตาของเขาจ้องจนถอยหลังและหยุดเคลื่อนไหวธัชชัยไม่คิดจะลงมือ นักเลงทั้งสองก็ปล่อยตัวคุณภูษิตและป้า อ้อยเอง
“คุณธัชชัย คุณเป็นยังไงบ้างครับ? ” คุณภูษิตและป้าอ้อยรีบ วิ่งมาหาเขาทันที เห็นเลือดไหลออกมาไม่หยุด ในใจรู้สึกไม่ สบายใจอย่างมาก
วัจสาเห็นอารมณ์ที่แสดงออกบนใบหน้าของธัชชัยถึงจะเย็น ชาแค่ไหน แต่สีหน้าของเขาก็ไม่ค่อยดี ริมฝีปากเริ่มขาวซีด
“ผมไม่เป็นไร พวกคุณถอยไป” ธัชชัยพูดเสร็จแล้วผลักพวก เขา ปล่อยให้เลือดที่รอยแผลไหลไม่หยุด ค่อยๆเดินไปหามนาย “มนาย ผมบอกคุณ ถ้าไม่อยากตายที่นี่วันนี้ เอาคนของคุณสาย หัวไปจากที่นี่ทันที จากนี้ไปห้ามเข้ามาตระกูลศรีทองแม้แต่ก้าว เดียว! เข้าใจไหม?! ”
ธัชชัยตอนนี้ราวกับสิงโตที่ฉุนเฉียวตัวหนึ่ง กรรมการที่อยู่ข้า งมนายวิ่งหนีไปตอนไหนก็ไม่รู้ แล้วพวกนักเลงก็ไม่กล้าที่จะไปสู้ ธัชชัย
ผริตเปิดหัว แล้วค่อยๆลุกขึ้นมา “มนาย พวกเรา…..ไป
เถอะ……
มนายเหมือนจะรู้สึกตัว รีบประคองผริตาแล้วพวกเขาหนีออก ไปอย่างจนตรอก
ธัชชัยตอนนี้ร่างกายแกว่ง วังสาที่ห่างเขา ใกล้ที่สุดรีบวิ่งมา จับร่ายกายที่สถาพแกว่งไปแกว่งมา กลิ่นอ่อนของมินท์ที่ผสมกับ กลิ่นเลือด พุ่งเข้าจมูกเธอ ให้เธอจู่ๆก็เงียบสงบลง
มือวังสาสัมผัสถึงความเหนียวของเลือดธัชชัย ดูอาการแล้ว เป็นอารการสูญเสียเลือด “ธัชชัย นายไม่เป็นไรนะ?
ตอนนี้ธัชชัยไม่รู้เป็นเพราะเจ็บแผลแสนสาหัดหรือว่าไม่อยาก หลีกห่างร่างกายที่นุ่มนวลของผู้หญิง ปล่อยน้ำหนักครึ่งหนึ่งไว้ที่ ตัวเธอ สายหัวว่า “ผมไม่เป็นไร ไปดูอาการของพี่ชายผมก่อน
ป้าอ้อยรีบเปิดประตู ส่วนคุณภูษิตรีบเดินไปประคองธัชชัย
หลังจากบานประตูถูกเปิดออก เห็นรูปร่างผู้ชายคนหนึ่งนอน อยู่บนเตียง ไม่รู้ทำไม วัดสารู้สึกแปลกหน้ากับผู้ชายคนนี้ ไม่เห็น เหมือน “วรพล’ ที่นอนบนเตียงเดียวกันกับเธอ
วังสาไม่ทราบแน่นอน นี่เป็นครั้งแรกที่ได้เจอวรพลจริงๆ และก็ เป็นครั้งแรกที่เข้ามาที่นี่
อุณหภูมิห้องรักษาจะหนาวกว่าข้างนอกมาก อย่างน้อย อุณหภูมิต่ำกว่าสองถึงสามองศา ยิ่งทำให้ที่นี่ไม่มีพลังและไม่มี ชีวิตชีวาอย่างชัดเจน แต่อุณหภูมิต่ำมีประโยชน์กับการดูแลและ บำรุงรักษาชั้นหนังกำพร้าของวรพล
ป้าอ้อยกดปุ่มประตู สภาพข้างในปรากฏต่อหน้าทุกคนอย่าง ชัดเจน ในความมืดผู้ชายที่นอนอยู่บนเตียงก็ปรากฏตัวในสาย ตาของวังสา
เมื่อเธอมองไป ก็อยากจะร้องให้ นึกไม่ถึงเลยว่าร่างกายของ วรพลจะแย่ไปถึงขนาดนี้ การรักษาเป็นแบบนี้นี่เอง มิน่าเขาไม่ เคยให้เธอตามเข้าไปด้วย คงกลัวเธอตกใจ ทันใดนั้นวัสสาก็เริ่ม ปล่อยวาง
วรพลตอนนี้นอนอยู่บนเตียงร่างกายถูกเสียบสายเสียบทั่ว ร่างกาย รอบๆเต็มไปด้วยกลิ่นยาฆ่าเชื้อที่แรงวัลสาประคองรัช ชัยไปที่ข้างเตียง
เธอก็นึกไม่ถึงว่า อาการบาดเจ็บของธัชชัยจะหนักขึ้นถึง
ขนาดนี้ ไม่กี่วันก่อนตอนที่เจอเขายังสามารถขยับได้ และ บาดแผลด้านนอกก็ไม่ได้หนักมาก รอยแผลตอนนี้ราวกับตะขาบ ใหญ่หลายตัวลายพร้อยทั่วร่างกายของวรพล ดูก็รู้สึกได้ว่าต้อง ทนความเจ็บปวดที่มากมาย ให้คนทนไม่ไหว
“วรพล……”วังสาพูดอย่างเสียงเบา น้ำตาในดวงตาในที่สุดก็ ไหลลงมาอย่างไม่หยุด
ชีวิตที่ควรมีชีวิตชีวา แต่ถูกกัดขังในเครื่องอุปกรณ์รักษาที่ หนาวเย็น และต้องรับทนความเจ็บปวดที่แสนทุกข์ทรมาน
“วจสา………………ลำบากพวกเธอ” วรพล ใส่เครื่องช่วย
หายใจ บวกกับเสียงแหบห้าว พูดก็ไม่ค่อยคล่อง
ธัชชัยเดินไปจับมือวรพล “พี่ครับ พี่เป็นอะไรไหมครับ? ผม มาสายไป ทําให้พี่ต้องตกใจ ”
วรพลสายศีรษะอย่างสิ้นเปลืองกำลัง “ฉันไม่เป็นไร นาย….บาดแผลที่ไหล่ บ…………………” ถึงเขาพูด อย่างติดๆขาดๆ แต่น้ำเสียงไม่ต้องสงสัย
คุณภูษิตและป้าอ้อยเห็นสภาพอย่างนี้แล้ว กรดจมูกจะร้องให้ ออกมาแล้ว
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ