รอยยิ้มอบอุ่นของพ่อประธานซาต

บทที่ 13 นี่คือนัดบอดหรือ



บทที่ 13 นี่คือนัดบอดหรือ

บทที่ 13 นี่คือนัดบอดหรือ

ฉินเฟยคิดไว้แต่แรกก่อนจะมาว่าตัวเองต้องทำอย่างไร บ้าง เพียงแต่ต้องทำเป็นไม่สนไม่แคร์ ไม่เจ็บไม่เคือง เธอ ถึงจะไม่เสียใจมากเกินไป

เธอพูดอย่างเยือกเย็นว่า “พวกเธอคงยุ่งมากสินะ ฉันไม่ รบกวนพวกเธอละ ฉันไปข้างๆหาที่นั่งก่อน

ฉินซื่อพยายามพูดออกมาสองสามคำ “เฟยเฟย เธอ…..

“พี่สาวคะ ทำไมพี่ต้องทำกับพ่อขนาดนี้ด้วย ถ้าไม่ใช่ ตอนนั้นที่พี่เกลียดชังฉันมากเกินไป พ่อก็ไม่ต้องส่งพี่ไป อังกฤษเพื่อปกป้องฉันหรอก ตั้งแต่นั้นมาพ่อก็โทษตัวเอง พี่รู้บ้างไหม? พี่ไม่เคยรู้ แต่ว่าไม่ควรเพราะความไม่รู้แล้ว ถึงกับปฏิเสธความรักที่พ่อมีต่อพี่นิ ตอนนี้พี่ก็ได้กลับมา สักที แล้วก็มาเพื่อทำให้พ่อไม่สบายใจงั้นหรือ?” ฉินเสี่ยว เสี่ยวหาโอกาสใช้เหตุผลว่ากล่าวตักเตือนฉินเฟย

“ฉันเกลียดชังเธอมากเกินไป?” ฉุนเฟยชี้ที่ตัวเอง “มัน เกิดอะไรขึ้นในตอนนั้น เธอดีแก่ใจตัวเอง”

สีหน้าของฉินเสี่ยวเสี่ยวเปลี่ยนไป และกลับมาเป็นปกติที่อ่อนแอ “พี่คะ พี่ต้องการให้เราทําอย่างไร พี่ถึงจะ ให้อภัยพ่อ ยอมรับฉัน?”

ฉินเฟยไม่เคยเก็บซ่อนความโกรธเกลียดที่มีต่อฉินเสี่ยว เสี่ยว “รอจนกว่าเธอจะตายก่อนหรือกลายเป็นคนอัมพาต ตอนนั้นฉันจะพิจารณาคำพูดของเธอในวันนี้”

ระหว่างเธอและฉินเสี่ยวเสี่ยวก็เป็นแบบนี้ ทั้งสองคน เลือกอยู่ได้แค่คนเดียว

สังเจ๋อทนฟังต่อไปไม่ไหว พูดขึ้นมาทันทีว่า”เฟยเฟย เมื่อก่อนเธอเป็นคนดีขนาดไหน ทำไมเปลี่ยนมาเป็นแบบ นี้ไปได้ พูดว่าอะไรนะ เสี่ยวเสี่ยวเป็นน้องสาวเธอนะ เธอ ก็มีสายเลือดที่เหมือนกับเธอครึ่งหนึ่ง”

“ฉันหวังว่าเขาจะเอาเลือดที่เหมือนของฉันครึ่งนั้นออก ซะ” ฉินเฟยพูดอย่างโหดร้าย

“เฟยเฟย รู้ว่าเป็นแบบนี้แล้ว เธอจะกลับมาอีกทำไม” ใบหน้าฉินซื่อเต็มไปด้วยความเจ็บปวด

ฉินเฟยไม่มองหน้าฉินซื่อเลย แล้วถามสังเจ๋อด้วยความ หงุดหงิด “ฉันมาเพราะคำเชิญของเธอ ตอนนี้ฉันพูดจริง และทำได้จริงแล้ว ไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะพักเหนื่อยเหรอ เจ้า ภาพงานเขารับแขกด้วยวิธีการแบบนี้เหรอ?”
สังเจ่อรู้ว่า ฉินเฟยในวันนี้เหมือนกุหลาบที่มีหนาม เธอ ดูสวยงามเสมอแต่เขาแตะต้องเธอไม่ได้ หนามพวกนี้เขา เป็นคนปลูกขึ้นมาเอง ฉะนั้นสิ่งที่เกิดขึ้นมาในวันนี้เขา สมควรได้รับกรรมของเขาเอง

ฉินเสี่ยวเสี่ยวจับมือสังเจ๋อไว้ตลอดเวลา เขายิ่งก๋ามือ ของเขาแน่นมากขึ้น ตอนแรกส่งเจ่อบอกว่าให้ฉินเฟยก ลับมาร่วมงานหมั้นของพวกเขา เธอก็กังวลอยู่ไม่น้อย แต่ ว่าเธอก็อยากให้ฉินเฟยเห็นเธอกลายเป็นว่าที่ภรรยาของ สังเจ๋อ นี่คือสิ่งที่ ฉินเฟยอยากให้เป็นแบบนี้ที่สุด

ชั่วชีวิตนี้ของเธอไม่มีทางที่จะเป็นจริงได้ในที่สุดฉิน เสียวเสียวก็ชนะเธอได้อย่างเปิดเผย

แต่ว่าการที่เธอเห็นคนที่ปกติสามารถแก้ไขปัญหาได้ ดีอย่างสังเจ๋อต้องตัวแข็งทำไรไม่ถูก เธอรู้สึกกังวลใน หน่อย กลัวว่า ที่จริงแล้วสังเจ๋อจะลืมฉินเฟยได้ไม่หมด สิ้น ยิ่งไปกว่านั้นคือกลัวเขาสองคนจะกลับมารักเหมือน เดิม

“เฟยเฟย ขอบใจเธอนะที่มาร่วมงาน พักเหนื่อยเป็นสิทธิ์ ของเธอเอง แขกรับเชิญมาเยอะมาก หากว่าผมและเสี่ยว เสี่ยวดูแลเธอไม่ทั่วถึง ก็อย่าถือโทษโกรธเรานะ สังเจ๋อ ทำใจแล้วกลับมามีรอยยิ้มที่ปกติอีกครั้ง รีบๆเก็บซ่อน ความรู้สึกในใจเข้าไปลึกๆ ทางนั้นมีที่ที่สงบ ไม่มีใคร รบกวนเธอได้”
“ใช่ค่ะ พี่มาร่วมงานได้ ฉันและสังเจ๋อก็ดีใจมากๆแล้ว งานส่วนที่เหลือเรารับผิดชอบดูแลเอง พี่ดูสีหน้าไม่ค่อย ดีเลย ไปพักผ่อนก่อนเถอะ ฉินเสี่ยวเสี่ยวยืนชิดๆแนบกับ ส้งเจ๋อทั้งตัว และพูดด้วยเสียงเบาๆอย่างอ่อนหวาน”

“ไปเถอะ เดี๋ยวฉันมีธุระหาเธอ” คําพูดของฉันเฟย แสดงออกมาชัดหมดแล้ว ฉินชื่อก็ไม่จำเป็นต้องทำหน้า ให้เหนื่อย

ในที่สุดฉินเฟยหามุมที่คนน้อยๆจนเจอ หายใจได้ทั่ว ท้องสักที เมื่อกี้ต้องเผชิญหน้าคนสามคนที่อยู่ในความ ทรงจำเขามากที่สุด สวรรค์จะรู้มั้ยว่า เธอต้องใช้กำลังใจ ขนาดไหน

ถ้าไม่มีอะไร วันนี้คงเป็นวันที่เขาจะอยู่ที่เมือง8วัน สุดท้าย ตั๋วเครื่องบินขากลับอังกฤษเธอซื้อเรียบร้อยแล้ว ชาตินี้เธอคงจะไม่กลับมาอีกแล้ว

ฉินเฟยปล่อยวางตัวเอง เพิ่งจะสังเกตเห็นวางข้างๆเธอ ได้วางเค้กหลากสีมากมายหลายรสชาติปนกัน ทําให้เธอ รู้สึกอึดอัดและเริ่มเวียนหัวไปทั้งตัว

พนักงานที่คอยบริการเหล้าไวน์มองเห็นเธอสีหน้าไม่ ค่อยปกติ รีบถามเธอด้วยความเป็นห่วงว่า “คุณ คุณ เป็นไรไหมครับ”
“ฉันไม่ชอบกลิ่นเค้ก คุณช่วยเอาเค้กบนจานในมือคุณ ออกไปไกลๆหน่อย แล้วฉันคงจะดีขึ้น” ฉินเฟยกล่าว

พูดจบ ฉันเฟยรีบหันหลังให้ ทนไม่ได้จนผะอืดผะอมขึ้น มา

“คุณ คุณดูแล้วเหมือนจะเป็นหนักนะครับ ผมส่งคุณ ไปหาหมอนะครับ” พนักงานมองแล้วเธอดูเหมือนจะเป็น หนัก กังวลจึงถามเธอ

“เชื่อฉันสิ ฉันดมกลิ่นเค้กไม่ได้”

ในที่สุดพนักงานบริการก็เชื่อ หลังจากนั้นย้ายเค้ก ออกไปที่ไกลๆหน่อย ฉินเฟยก็รู้สึกดีขึ้นมาทันที หายใจ สะดวกขึ้น

ฉินซื่อไม่รู้โผล่ออกมาจากไหน ฉินเสี่ยวเสี่ยวตามหลัง มาด้วย และผู้ชายอายุไล่เลี่ยกันคนหนึ่งเฟยเฟยเป็น อะไรเหรอ? เมื่อกี้ยังดีๆอยู่เลย แป๊บเดียวทำไม่ถึงเป็น อย่างนี้แล้ว?

“ได้กลิ่นบางอย่างที่ไม่ค่อยน่าดมนัก เลยเกิดอาการผะ อืดผะอมหน่อย” ฉุนเฟยอธิบายเป็นปกติทั่วไป

ฉินซื่อแนะนำด้วยความภูมิใจ “นายหวัง ผมแนะนำ หน่อย นี่คือลูกสาวคนโตของผมฉินเฟย คุณเรียกเธอเฟยเฟยก็ได้ครับ”

ฉินเฟยรู้สึกดีขึ้นบ้างจากกลิ่นพวกนั้น เธอจึงมองดูดีๆกับ ผู้ชายที่อยู่ข้างๆฉินชื่อ แต่ดูอายุน้อยกว่าฉันชื่อ ทั้งตัวหัว จรดเท้าดูมีความเป็นผู้ใหญ่และมั่นคง มองดูก็รู้ว่าเป็นคน ที่ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน

แต่ว่าฉันเฟยไม่มีความสนใจกับคนเช่นนี้

ฉินเสี่ยวเสี่ยวเห็นฉินเฟยท่าทางจะตื่นตาตื่นใจ จึง กระตือรือร้นที่จะแนะนำ “พี่สาวคะ คนๆนี้คือนายหวัง เขา เป็นคนที่พี่ สังเจ๋อเอ่ยปากชมเชยไม่หยุดเลยทีเดียว”

นี่มันเกี่ยวอะไรกับเธอ

ฉินเฟยรู้สึกเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องปกติธรรมดาแน่ๆ สองคนนี้ ช่วยกันสนับสนุนจัง ไม่รู้จะคิดจะทำอะไรอีก

เธอเฉยๆไม่พูดไม่จา บรรยากาศค่อนข้างจืดชื่น

แต่นายหวังก็เป็นสุภาพบุรุษที่ทำให้บรรยากาศนี้ดีขึ้น ใบหน้ายิ้มแย้มไม่โอ้อวดและไม่ใจแคบ “ได้ยินมาว่าคุณ ฉินเพิ่งเรียนจากอังกฤษกลับมา เก่งทั้งวิชาการเขียนบท กวี ศิลปะเครื่องดนตรีทุกชนิด ชื่นชมมานานแล้ว วันนี้ได้ เจอตัวจริง ถึงได้รู้ว่าเป็นคนที่น่าสนใจเช่นนี้”
ฉันเฟยไม่กลัวจะเสียหน้า “ขอโทษนะคะ ฉันเรียนที่ อังกฤษที่เรียนคือสาขาวิชาภาษาอังกฤษ ไม่ใช่บทกวี อะไรนั่น ส่วนเครื่องดนตรี ฉันชอบเล่นเป็นแต่เปียโนนิดๆ หน่อยๆ พ่อฉันปล่อยให้ฉันไปอยู่อังกฤษตั้งสี่ปี ไม่รู้อะไร เกี่ยวกับฉันเลยสักนิด

นายหวังพยายามตอบคำพูดของฉุนเฟย แล้วอยากที่จะ หยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาเช็ดเหงื่อบนหน้าผาก “คุณฉินนิสัย ตรงไปตรงมาดี ดีจริงๆ”

ฉินเฟยพูดอย่างมีนัยยะ “ฉันแค่อยากจะเรียนแบบนิสัย เสแสร้งอย่างงูเลื้อยเหมือนใครบางคน มีคนนิยมชมชอบ มากกว่า”

“ผมอิจฉาพ่อเธอ ที่มีลูกสาวดีเลิศแบบนี้”นายหวังยิ้ม อย่างเกรงๆ

“ดีเลิศก็คือดีเลิศ แต่ลูกสาวบ้านนี้ดีเลิศกว่าใครๆ ทำให้ ผู้ชายทั้งหลายไม่กล้าตามจีบ ถึงแม้ผมจะประสบความ สำเร็จในธุรกิจบ้างเล็กน้อย แต่ก็หวังว่าลูกสาวตัวเองจะ ได้แต่งงานกับคนดีมีฐานะ มีแต่เช่นนี้ ถ้าฉันตายแล้วจะ ได้ไปอย่างสงบไม่กลัวที่จะไปพบแม่ของพวกเขา” ฉินซื่อ หันไปมองทางฉินเฟยทันที “นายหวังตั้งใจบินกลับมาล่วง หน้าเพื่อร่วมงานหมั้นของเสี่ยวเสี่ยวเธอคุยเป็นเพื่อนเขา ดีๆนะ”
ถึงตอนนี้แล้ว ถ้าฉินเฟยยังไม่รู้ว่าพวกเขาอยากจะทำ อะไร งั้นก็โง่เต็มทีแล้ว

เธอว่าแล้วทำไมต้องให้เธอกลับมาให้ได้ กลับมาก็ไม่ได้ มีประโยชน์ต่องานแต่งของฉินเสี่ยวเสี่ยวและส้งเจ๋อ ที่แท้ ก็เตรียมเซอร์ไพรซ์ให้เธอแบบนี้นี่เอง พ่อของเธอสมควร ที่จะเป็นนักธุรกิจจริงๆ ไม่สนใจลูกสาวของเขามานาน หลายปี มาในวันนี้เธอเติบโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว สามารถเป็น ประโยชน์ให้แก่เขาได้บ้าง เขาก็คิดวางแผนโน่นวางแผน นี่เรียกให้เธอกลับมา

ฉินเฟยคิดในใจว่าบริษัทของตระกูลฉินต้องมีอะไรที่จะ ขอให้นายหวังช่วยเหลือ ฉินชื่ออยากให้การแต่งงานเป็น วิธีที่จะผูกสัมพันธ์ไมตรีกับบริษัทของนายหวัง เขาจะได้ ช่วยเหลือตระกูลฉินได้อย่างเต็มที่

วางแผนได้ดีจริงๆ

ฉินเฟยหันไปดูส้งเจ๋อที่กำลังพบปะพูดคุยกับแขกรับ เชิญในงานเลี้ยง

สังเจ๋อ แผนการนี้นายรู้ไหม ?

หรือว่านายก็ร่วมวางแผนกับเขาด้วย

ฉินเฟยรู้สึกเย็นชาอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน เหมือนถอดเสื้อผ้าออกจนหมดแล้วนอนบนพายุลูกเห็บ ลูกเห็บ พวกนั้นกระทบเข้าไปข้างในกระดูก ทำให้เธอเย็นเยือก ไปทั้งตัวทันที

“เห็นทีถ้าคุณตายแล้วก็ยังจะยุ่งมาก ไม่รู้ว่าคุณจะไป

เจอแม่ฉันที่ตายก่อน หรือไปเจอแม่เขาที่ตายก่อน” ฉิน

เฟยพูดอย่างเฉื่อยชา คำพูดเต็มไปด้วยการเสียดสี “เฟยเฟย พูดอะไรอย่างนั้น?” ฉินชื่อทนไม่ไหวที่จะพูด

ดังๆ

ฉินเฟยทําเหมือนไม่ได้ยิน มองไปด้านข้างอย่างเฉยๆ

เธอสังเกตถึงในห้องที่เต็มไปด้วยเสียงต่างๆกลับกลาย เป็นเงียบเหงาขึ้นมาทันที เงียบจนขนาดเข็มอันนึงตกลง บนพื้นยังได้ยินเสียง

ประตูถูกเปิดออกจากข้างนอกดันเข้ามา มีผู้ชายคนหนึ่ง ยืนอยู่หน้าประตู ด้านหลังของเขามีบอดี้การ์ดที่ใส่แว่นตา คําตามมาด้วยสี่คน รัศมีนั้นเพียงพอที่จะปิดบังความหล่อ ของหนุ่มๆนักการเมืองผู้มีชื่อเสียงทั้งหลายในงาน เขา มองไปรอบๆงานแค่ไม่กี่ครั้ง แล้วก็ล็อคเป้าหมายอย่าง รวดเร็ว

ตอนแรกฉินเฟย ยังถอนหายใจกับรูปลักษณ์ของชาย คนนั้น ปรากฏว่าเขากำลังเดินมาทางที่เธอพอดี
ผู้ชายคนนี้สมบูรณ์แบบมาก ใบหน้าของเขาดูเหมือน รูปปั้นที่รูปร่างชัดเจนและมีมุมแหลมคม หล่อเหลาไม่ ธรรมดา ลักษณะภายนอกดูเป็นคนง่ายๆไม่เรื่องมาก แต่ สายตาไม่แสดงอาการอันใดออกมาโดยง่าย ทำให้คน อื่นไม่กล้าดูถูก ผมดกดำทั้งหัว คิ้วเข้มแต่ตาคู่นั้นเล็กๆ ยาวเหมือนสายตาเจ้าชู้ ดูเหมือนคนหลายใจ ทําให้คนไม่ ระวังหลงรักได้ง่าย จมูกก็โด่ง ฝีปากชมพูหนาบางพอดี และมีรอยยิ้มบนหน้าจนคนมองตาเคลิ้ม

เขาเดินไปถึงที่นั่น ได้ยินเสียงถอนหายใจครั้งหนึ่ง

ฉินเฟยสะดุ้งตื่นทันที ต้องเป็นเพราะเราคิดมากไปแน่ๆ เราไม่เคยรู้จักผู้ชายคนนี้มาก่อน เขาจะมาหาเธอทำไม

จึงหันตัวไปและพูดอย่างเย็นชาว่า “นายหวัง คุณก็เห็น แล้วว่าฉันไม่ค่อยสบาย คงจะนั่งคุยเป็นเพื่อนคุณไม่ได้ แล้ว”

ฉินเสี่ยวเสี่ยวเห็นฉินเฟยจะออกไป จึงรีบจับแขนเสื้อ เธอ “พี่สาวคะ พี่จะทําให้ความหวังดีของพ่อพังทลาย อีกหรือ เขาเห็นฉันมีครอบครัวแล้ว ในใจก็จะห่วงแต่ เธอคนเดียวที่อยู่เมืองนอกโดยไม่มีที่พึ่งพิง นายหวังก็ มาจากอังกฤษ มีลูกชาย1คน อายุ5ขวบ เชื่อฟังผู้ใหญ่ มาก พี่แต่งไปแล้วไม่ต้องคลอดลูกเองแล้ว และนายหวัง อ่อนน้อมถ่อมตนต่อทุกคน พี่แต่งกับเขาจะเป็นทางเลือก ที่ดีนะ”
เธออายุแค่22ปี ยังสาวยังสวย เธอจำเป็นต้องรีบร้อง แต่งงานกับคนที่เคยมีครอบครัวและเคยอย่าร่าง อายุยัง เท่าๆกับพ่อของเธออีก

คนพวกนี้เรื่องอะไรก็ทำได้จริงๆ เพื่อผลประโยชน์ของ ตัวเอง

“ดีขนาดนี้จริงๆ งั้นเรามาสลับกัน ฉันแต่งกับสังเจ๋อ เธอ แต่งกับเขา ก็มีความสุขกันทุกคน” ฉินเฟยไม่ได้โกรธ

กลับรู้สึกว่ามันตลก จนไม่อยากโกรธ

ฉินเสี่ยวเสี่ยวเปลี่ยนเป็นสีหน้าซีด พูดอย่างไม่ปิดบัง “พี่ คะ พี่ทำไมพูดอย่างนี้ นี่มันงานหมั้นของฉันกับสังเจ๋อนะ”

ฉินเฟยยักไหล่ ตอบแบบไม่แคร์ใครว่า “ฉันแค่พูดล้อ เล่น อย่าจริงจัง”

“เฟยเฟย เธอต้องทำตัวเป็นเหมือนพี่สาวหน่อย” คำพูด ของฉินซื่อถูกฉินเฟยโต้เถียงกลับตลอด ความอดทนของ เขาหมดไปตั้งนานแล้ว ความโมโหบนหน้าไม่อาจปิดบัง ได้

เขาหันตัวมา บนหน้าเปลี่ยนมาเป็นยิ้มอีกครั้ง “นายหวัง ต้องขออภัยนะครับ ลูกสาวนิสัยดื้อรั้น
นายหวังนิสัยดีมาก แค่ยิ้มนิดๆและพูดว่า “ไม่เป็นไรครับ วัยหนุ่มสาวก็ใจร้อน เมื่อก่อนตอนผมยังวัยหนุ่มผมดื้อรั้น กว่าเธอเยอะเลยครับ”

“นายหวัง ฉันก็ไม่อยากหลอกใคร ฉันไม่ใช่ลูกสาวของ ฉินชื่อ ลูกสาวของเขามีแค่ฉินเสี่ยวเสี่ยวคนเดียว ฉันมัน แค่เด็กที่อุ้มมาจากชนบทที่ไหนไม่รู้” ฉันสะบัดมือของฉิน เสี่ยวเสี่ยวออกอย่างแรงและพูดอย่างจริงจัง

ฉินชื่อร้อนใจ “เฟยเฟย เธอพูดอะไรอยู่? ”

พูดอะไรเหรอ? หรือเธอพูดผิดเหรอ? ตอนแรกเธอคิด ว่าความรักที่ฉินซื่อมีต่อเธอเมื่อก่อนนั้นไม่ใช่ปลอมๆ แต่ ตอนนี้ดูๆแล้ว อะไรก็ปลอมไปหมด

เพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง ถึงกับเอาลูกสาวแนะนำ ให้ชายแก่ที่อย่าร้างมาแล้ว เธอไม่รู้จริงๆว่าเขาทำได้ อย่างไร เขาไม่รู้สึกผิดต่อมนุษยธรรมสักนิดเลยเหรอ?

คำพูดของฉินเฟยพูดถึงขนาดนี้ ไม่สนใจอะไรทั้งนั้น แล้ว เธอเงยหน้าขึ้นมองนายหวัง “นายหวัง ฉันรู้สึกว่า คนเราจะดีนั้นต้องเป็นคนที่รู้ตัวเอง ฉันรู้ว่าคุณเป็นคน ประสบความสำเร็จ คุณจะหาสาวอายุสิบแปดท่าเดียว ก็มาเป็นแถว แต่ฉันฉินเฟยไม่ใช่ผู้หญิงที่รักชื่อเสียงเงิน ทอง อีกอย่างฉันยังเป็นแค่สาวน้อย ยังไม่พร้อมเป็นแม่ คนได้หรอก ฉะนั้น ไม่ว่าฉินซื่อจะตกลงอะไรกับคุณไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรกับฉัน ให้เขาแต่งกับคุณไปเลย”

เสียงของฉันเฟยไม่ได้เก็บอารมณ์ ยิ่งทำให้ผู้คนหันมา ทางนี้

“พี่สาว เธอทำไม…..

ฉินเสี่ยวเสี่ยวยังพูดไม่จบก็ถูกฉินเฟยโต้ตอบกลับ เธอ ชี้นิ้วไปที่จมูกเขา พูดด้วยความโมโห “ลูกไม่มีพ่อไม่มีแม่ ไม่เหมาะที่จะเรียกฉันว่าพี่สาว”

“พี่….” น้ำตาของฉินเสี่ยวเสี่ยวเสี้ยวนาทีเดียวก็ไหล ออกมาเต็มเลย ทำหน้าตาน่าสงสาร


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ