Fate Agent เจตอารักษ์

บทที่ 17 งานต่อเนื่อง (ตอนต้น)



บทที่ 17 งานต่อเนื่อง (ตอนต้น)

“ไม่ใช่เจ้าแล้วจะเป็นใครได้อีกฮะ กลิ่นอายเวท ของ เจ้าทั้งหมดเลยนะ” น้ำเสียงทุ้มต่ำกดดันพร้อมกับดวงตา สีทองที่คมกริบจ้องไปที่เทพินที่ยืนหน้าซีดอยู่

“ผมเหรอ ? ไม่นะ เวทโจมตีผมไม่ได้รุนแรงขนาดนี้สัก หน่อยนายก็รู้ อีกอย่างผมไม่ใช่ไกรา พลังเวทไม่ได้สูง ขนาดนั้น” เด็กหนุ่มโบกมือปฏิเสธ

เขาใช้เวทโจมตีตรง ๆ ก็จริงแต่พลังมันต้องเบามาก ๆ เพราะความไม่เสถียรของพลัง ต่อให้เป็นจุดสูงสุดของ พลังแค่ทำให้บาดเจ็บหนักเท่านั้น แต่ไอ้ที่ตูมตามวินาศ สันตะโรนั่นน่ะไม่มีทางเป็นเขาหรอก พลังไม่มากพอจะ ระเบิดได้ขนาดนั้น

แต่กลิ่นอายพลังเป็นของเขาทั้งหมดนี่สิ

เทพินขบคิดปัญหาไม่แตก มันดูเหมือนจะมีอะไรหลายๆ อย่างที่ดูผิดเพี้ยนไป แต่มันเริ่มเพี้ยนที่ตรงไหนเขาก็ไม่รู้ อาจจะตั้งแต่แรกหรืออาจจะตั้งแต่ผ่านวันเกิดมาเมื่อวาน และเมื่อถูกจ้องมาก ๆ เข้าเทพินก็เริ่มอยู่ไม่สุข รีบพูดบ่าย เบี่ยงออกไป

“เอาเถอะ มันเกิดไปแล้วจะเวทใครก็ช่างมันเถอะครับ ผมว่าตอนนี้เราออกไปจากที่นี่กันดีกว่านะ… เอ่อ ดูเหมือน เขตแดนทับซ้อนก็แตกไปแล้วด้วย” เทพินเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า ดวงตาของผู้มีพลังมองไม่เห็นพลัง ของอาณาเขตแล้ว ไม่เหลือเลยสักชั้นเดียว

“จริงด้วยแฮะ อาณาเขตหายไปแล้ว” เคไนน์เงยหน้าขึ้น

มองตาม

“ภารกิจ… เสร็จสิ้น” ไกราหนุ่มหล่อถอนหายใจยาว ดวงตาสีดำขลับเหลือบมองเทพินถอนหายใจออกมาเช่น กัน ไกราหนุ่มเดินไปจับข้อมือเทพินทันที “ไปกัน”

“ฮะ ? ไปไหน ?”

“งานนาย

“ผมไปเองได้ไม่ต้องมาจับเลยครับ” เทพินสะบัดมือออก

แต่ไม่หลุด

“ช่วยกัน”

“ไม่จำเป็นต้องช่วย ผมมีเพื่อนร่วมงานอยู่

“ช่วย”

“บอกว่าไม่ต้องไงครับ !”
“ก็จะช่วย” ไกราหนุ่มหล่อทั้งจริงจังและเอาแต่ใจ

“…” เทพินจิกตามองไกราหนุ่มครั้งหนึ่งแล้วถอนหายใจ ยาว “ตามใจคุณก็แล้วกัน แต่ปล่อยมือด้วยครับ จับแบบ นี้ผมรู้สึกไม่โอเค… แล้วนั่นนายจะมองอีกนานไหมเคไนน์ ไม่ไปด้วยกันหรือไง”

“ไป ๆ เจ้าจะทิ้งข้าไม่ได้นะเทน” จิ้งจอกอสูรร้องเสียง อ่อนเสียงหวาน แล้วเปลี่ยนจากร่างมนุษย์มาอยู่ในร่าง จิ้งจอกแคระขนปุยกระโดดเกาะไหล่ของเจ้านาย เทพิน ยกยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะเดินนำออกไปโดยไม่สนใจใคร และไม่สนใจพื้นที่เลย เพราะความเสียหายที่ต้องเก็บ กวาดนั้นอยู่อีกจุดหนึ่ง ซึ่งเป็นจุดที่เทพินต้องไปทำงาน ของเขา

พักใหญ่กว่าจะมาถึงจุดที่ต้องเก็บกวาด เทพินมองความ เสียหายที่เกิดขึ้นในบริเวณนี้แล้วคิ้วกระตุก เศษหินและ แอ่งน้ำมากมาย และเพราะเสียหายมากกว่าพื้นที่เก็บ กวาด มันเลยท่วมทับนักเก็บกวาดอีกสองคนที่ถูกจ้างมา ด้วย

“คุณเฮฟ คุณทอม ! ไปทำอะไรอยู่ใต้โคลนครับ”

“ใครอยากจะมาอยู่อย่างนี้กันไอ้หนูเทน !”

“อย่ามัวแต่ถาม มาช่วยพวกเราออกไปทีไอ้หนูเทน !”สองนักเก็บกวาดเงยหน้าที่เปื้อนไปด้วยดินโคลนถลึงตา

ใส่เด็กหนุ่มที่ยังยืนมองเฉย ๆ

“ครับ ๆ” เทพินพยักหน้ารับอย่างขบขัน ก่อนจะเข้าไป ช่วยดึงตัวออกมา ส่งตัวพวกเขาและจิ้งจอกอสูรให้กับไก ราหนุ่มดูแล ส่วนตัวเขาก็หันไปทำงานของตัวเอง เพราะ ดูแล้วความเสียหายส่วนใหญ่ที่ส่งมาที่นี่เป็นฝีมือของเขา กับจิ้งจอกอสูรนั่นแหละ

งานหนักไม่คุ้มเงินจริง ๆ เลย

เด็กหนุ่มตาสีม่วงเริ่มร่ายเวทอีกครั้ง รอบนี้ไม่ใช่เวทธาตุ แต่เป็นเวทที่ไม่อาจระบุสายพลังได้ พลังนั้นทำให้ดิน โคลนและแอ่งน้ำสลายไปกับพื้นดินอย่างช้า ๆ ต้นไม้รอบ ๆ ที่ถูกดินโคลนสาดซัดจนเอนเอียงก็ถูกดึงกลับมาตั้งตรง เหมือนเดิม และด้วยความใจดีเขายังสาดน้ำใส ๆ เย็น ๆ ไปทางสองหนุ่มที่เปื้อนโคลนเพื่อชำระล้างร่างกายด้วย

สาดครั้งเดียวเปียกครบทุกคน ไม่เว้นไกราและจิ้งจอก

อสูร

“เจ้าตั้งใจใช่ไหมเนี่ย !!” เคไนน์โวยวายเสียงแข็งพลาง สะบัดขนไล่น้ำ ไกราหนุ่มหล่อมุมปากกระตุกมองเทพิน ตาเขียวด้วยเหมือนกัน
“เปล่านะครับ แค่หวังดีช่วยล้างดินให้กับพวกเขาเท่านั้น แต่ไม่รู้ทำไม พลังที่ใช้ออกไปถึงได้เยอะนักก็ไม่รู้” เขา พูดความจริง พลังของเขาควบคุมความแรงได้ยากขึ้น มาก นอกจากปริมาณพลังแล้วยังควบคุมคุณสมบัติที่ใช้ ออกไปไม่ค่อยได้ด้วย

เทพินก้มมองมือตัวเองแล้วขยับไปมา ความรุนแรงของ พลัง รูปแบบของพลัง ทิศทางการใช้พลัง ขอบเขตของ พลัง ระดับพลังเวทที่ใช้… เหมือนเวทรวน… รายอีกอย่าง เป็นอีกอย่าง ไม่ได้ดั่งใจเลย ถึงปกติมันจะไม่ได้ดั่งใจอยู่ แล้วก็เถอะ

ในตอนนี้มันไม่เสถียรมากเกินไปหรือเปล่านะ แต่ ผลลัพธ์ที่ได้ก็ออกมาไม่แย่แฮะ

“ข้าว่าเจ้าเริ่มมีปัญหาแล้วล่ะเทน” จิ้งจอกอสูรเริ่มรู้สึก แปลก ๆ แล้ว เทพินไม่ค่อยควบคุมพลังพลาดมากขนาด นี้ แล้วที่ผ่านมาก็ไม่เคยใช้พลังเวทอย่างสิ้นเปลืองแบบนี้ ด้วย

“ผมก็ว่างั้น” กลับไปคงต้องไปนั่งศึกษาตัวเองหน่อยแล้ว

หลังจากเก็บกวาดเรียบร้อยจนทุกอย่างเกือบอยู่ใน สภาพเดิมแล้ว เขาก็หยิบสมาร์ตโฟนขึ้นมาถ่ายรูปเก็บ เอาไว้เป็นหลักฐานเพื่อนำไปยืนยันกับทางสมาคม ก่อนจะเดินไปคว้าจิ้งจอกอสูรมาถือไว้ พร้อมทั้งกล่าวลา

“งานเสร็จแล้ว ผมกลับล่ะ”

“เดี่ยว” ไกราหนุ่มหล่อเดินมาขวางหน้าไว้

“อะไรอีกครับ”

“ชื่อ ?”

“เทพิน เรียกสั้น ๆ ว่า เทน ก็ได้ ส่วนจิ้งจอกอสูรนี้ชื่อ เค

ไนน์”

ไกราพยักหน้าแล้วชี้นิ้วใส่ตัวเอง “ฟอร์ม”

“ยินดีที่ได้รู้จักครับ” เด็กหนุ่มตาสีม่วงค้อมหัวให้เล็ก น้อย “งั้นไปก่อนนะครับ ถ้ามีโอกาสคงได้ร่วมงานกันอีก

เทพินเดินออกไปอย่างรวดเร็วตรงไปยังรถที่จอดอยู่เพื่อ เดินทางกลับโรงแรมที่พัก ในวันนี้เขาเหนื่อยแบบแปลก ๆ ทั้งเหนื่อยกาย เหนื่อยใจและปวดหัวกับเรื่องของตนเองที่ ดูจะมีปริศนาให้ขบคิด

หว๋อ~ หว่อ~
เสียงไซเรนที่ดังขึ้นจากรถพยาบาลที่เพิ่งขับสวนรถของ เทพินออกไป เด็กหนุ่มปรายตามองเล็กน้อยก่อนจะจอด รถ แล้วก็ถอยหลังกลับไปหาที่จอดรถใหม่ที่ไม่ได้อยู่ใกล้ กับโรงแรม ทำให้จิ้งจอกอสูรที่อยู่ในรถต้องแปลกใจกับ การกระทำของเขา

“ทําไมไม่ไปจอดที่เดิมในโรงแรมล่ะเทน” เคไนน์เอ่ย ถาม

“ฟังจากเสียงไซเรน โรงแรมตอนนี้มีตำรวจอยู่เต็มไป หมดแน่เลย ถ้าเป็นนักท่องเที่ยวธรรมดายังพอว่าแต่ นายน่ะแปลกแยก เคไนน์ไม่มีเอกสารการเป็นมนุษย์เลย เข้าไปตอนนี้ได้โดนตรวจสอบแน่ถ้าไม่เตรียมอะไรเอาไว้ ก่อน” เทพินให้เหตุผล พอจอดรถเรียบร้อยแล้วก็หันมา มองจิ้งจอกแคระสีขาว

“ข้าอยู่ในร่างจิ้งจอกก็พอไม่ใช่เหรอ แบบนั้นแล้วมนุษย์ ธรรมดาก็จะมองไม่เห็น แล้วก็ไม่ต้องตรวจด้วย” เคไนน์ เอียงคออย่างไม่เข้าใจ หายตัวแค่นี้ไม่ยุ่งยากหรอก

“พวกคนในโรงแรมน่ะเข้าใจว่าพวกเรามาด้วยกัน ยัง ไงพวกนั่นต้องจำได้แน่เพราะนายหน้าตาดีเกินไปสาว ๆ หน้าฟร้อนต์หวีดกันเป็นพิเศษ แถมผมยังเป็นคนเดียวที่ อยู่ข้าง ๆ ด้วยยังไงก็จ้องจะงับหัวบีบคอผมเค้นเรื่องนาย อยู่แล้วล่ะ”
“พูดซะอย่างกับสาวโรงแรมน่ากลัว”

“ก็น่ากลัวอยู่นะ” เทพินกรอกตาไปมาขณะลงจากรถ เค ไนน์เองก็ถอนหายใจแล้วกระโดดตามลงมา โชคร้ายที่ ตอนเดินทางมาแบบมนุษย์ไม่อย่างนั้นคงไม่ต้องยุ่งยาก เรื่องตรวจสอบ

“แล้วเจ้าจะเอายังไง” จิ้งจอกอสูรถามขณะเกาะไหล่ เด็กหนุ่มกลอกตาไปมาก่อนจะยกมือขึ้นแตะริมฝีปาก อย่างครุ่นคิด

“เข้าไปแบบไม่มีนายก็อาจจะน่าสงสัย แต่น่าจะดีกว่า เข้าไปแล้วถูกตรวจสอบ ถ้าจะอ้างเป็นไกราก็ไม่มีตรา สัญลักษณ์ซะด้วยสิ

“ทำไมจะไม่มีล่ะในเมื่อก็เจ้าเป็นคนของตระกูล… แค่ก ๆ ข้า ขอโทษ ข้าผิดไปแล้ว ไม่ต้องจิกตามองเหมือนจะ ฆาตกรรมแบบนั้นก็ได้ ข้าแค่เบลอ”

” ดวงตาสีม่วงอ่อนที่จิกทิ่มอย่างรุนแรง เขาเคยพูดไป แล้วนะว่าอย่าเอาเรื่องตระกูลมาพูด อยากจะถูกถลกหนัง มาทำผ้าพันคอหรือไงเจ้าจิ้งจอกแคระ

“อะ… เอาตามที่เจ้าคิดแล้วกัน อะไรก็ได้” จิ้งจอกอสูร เอาตัวรอดไว้ก่อน หากไม่พูดเปลี่ยนเรื่องเด็กหนุ่มตรง หน้าคงหาเรื่องตบตีเขาแน่ ๆ
เมื่อไม่มีคนเถียงอีกเทพินก็เดินไปยังโรงแรมที่ตอนนี้ กำลังเต็มไปด้วยรถพยาบาลและรถตำรวจเต็มไปหมด เด็กหนุ่มตาสีม่วงกับจิ้งจอกหนุ่มแคระมองหน้ากันเองเล็ก น้อย เมื่อมาถึงตรงเส้นกันสถานที่ ตำรวจที่อยู่ใกล้ที่สุดก็ เข้ามาขวางพวกเขาไว้

“ตอนนี้เข้าไปในโรงแรมไม่ได้นะครับ” นายตำรวจกล่าว

“ผมเป็นลูกค้าน่ะครับ เพิ่งกลับจากไปดูงานเทศกาลมา ไม่ทราบว่าตอนนี้เกิดอะไรขึ้นเหรอครับ ?” เทพินถามหน้า ชื่อ ๆ ไร้พิษภัย

“อ้อ ลูกค้าในโรงแรมงั้นเหรอครับ สักครู่นะครับ” นาย ตำรวจบอกก่อนจะวิ่งไปหาผู้บังคับบัญชาที่อยู่ไม่ไกลนัก เทพินปรายตามองตำรวจ นิดหน่อยก่อนจะหันไปมองตัว อาคารเงียบ ๆ

ตัวอาคารภายนอกยังคงปกติดี… ในสายตาของมนุษย์… แต่กับสายตาของผู้มีพลังแล้วล่ะก็มันไม่ปกติเลยสัก นิดเดียว อาณาเขตสีดำ หม่น ๆ นั่นทำให้ความรู้สึกน่า ขยะแขยงอย่างบอกไม่ถูก อีกทั้งความบิดเบี้ยวที่เกิดขึ้น เป็นระยะนั้นก็มาจากการที่ภายในมีมิติแปลก ๆ ปรากฏ ขึ้นด้วย แม้จะยังไม่ได้เข้าไปภายในมิตินั้นเทพินก็สรุปไป แล้วว่าที่นั่นคงไม่น่าพิสมัยสำหรับมนุษย์อย่างเขาแน่นอน
ไม่นานนักนายตำรวจคนนั้นก็กลับมาอีกครั้ง พร้อมกับ ขอกุญแจห้องโรงแรมจากเด็กหนุ่ม เขายอมให้เขาโดยดี แต่ก็มีข้อแลกเปลี่ยนคือให้เข้าไปในล็อบบี้โรงแรมด้วย ซึ่งในส่วนนี้ก็ไม่เป็นปัญหาอะไรอยู่แล้วเมื่อได้รับการ ยืนยันว่าเป็นลูกค้าของโรงแรมจริง และเขาก็ได้กุญแจ ห้องคืนมาหลังจากนั้น

เมื่อเข้ามาถึงภายในล็อบบี้ เทพินและเคไนน์เดินตาม เข้ามาก็คิ้วกระตุกกันเป็นแถว ก่อนจะหันไปมองหน้า กันเองอย่างรู้สึกประหลาด ๆ

“กลิ่นอายน่าสะอิดสะเอียดที่สุดเลย” เทพินพึมพำพลาง เบ้หน้า

“จะอ้วก” เคไนน์พูดสั้น ๆ แค่นั้นจริง ๆ ก่อนจะแอบใช้ พลังปัดเป่าเอากลิ่นอายน่าสะอิดสะเอียนนี้ออกไปให้ห่าง จากกาย แล้วรอบตัวพวกเขาก็เต็มไปด้วยอากาศบริสุทธิ์ อีกครั้ง แน่นอนว่าเขายังเผื่อแผ่มาให้เทพินได้สูดอากาศ ดี ๆ ด้วย

“คิดว่าจะช็อกตายเพราะกลิ่นน่าคลื่นไส้นี่ซะแล้ว ให้ ตายสิ ตอนก่อนออกไปจากโรงแรมไม่เห็นจะมีเลยนี่ นา ขอบใจนะช่วยได้เยอะเลย” เทพินหันไปขอบคุณ นิดหน่อยก่อนจะกวาดตามองหาคนที่ดูเหมือนจะเป็นผู้ จัดการโรงแรมแห่งนี้ พอพบเห็นคนที่คิดว่าใช่แล้วก็เดิน ตรงเข้าไปหาโดยไม่สนใจพนักงานที่จะเดินเข้ามาห้าม หรือพูดคุยอะไรเลย
“ขอโทษนะครับ ใช่คุณอาท รึเปล่าครับ ?” เด็กหนุ่ม ถามเสียงสภาพเป็นการเป็นงานให้กับชายวัยกลางคนที่ อยู่ในชุดสูทหรูหรา เขาหั่นใบหน้าที่มีความกังวลมามอง เด็กหนุ่มตาสีม่วงแล้วพยักหน้ารับ

“ใช่แล้ว ผมชื่ออาทิธครับ ไม่ทราบว่ามีธุระอะไรกับผม งั้นเหรอครับ ?”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ