Fate Agent เจตอารักษ์

บทที่ 20 อสูรอัญเชิญ (ตอนปลาย)



บทที่ 20 อสูรอัญเชิญ (ตอนปลาย)

เคไนน์เข้ามาประชิดตัวแพะอสูรตัวเล็กแทนปล่อย ลูกไฟแล้ว เล็บยาว ๆ ตวัดเข้าใส่แพะอสูรอย่างรวดเร็ว ปลายเล็บตวัดเฉี่ยวข้างแก้มของมันไปนิดเดียว เลือดสี แดงไหลออกมาซิบ ๆ แต่ก็แสบไม่น้อยเลย แพะอสูรถอย ไปตั้งหลักเล็กน้อยก่อนจะยกมือขึ้นลูบแผลที่แก้มแล้ว จ้องจิ้งจอกอสูรเขม็ง

“บังอาจ !!” พูดจบร่างเล็กของแพะอสูรตัวเล็กก็พุ่งเข้าใส่ เคไนน์พร้อมกับเคียวสีดำที่ปรากฏขึ้นบนมือในชั่วพริบตา ใบมีดตวัดเข้าที่ลําคอของจิ้งจอกอสูรอย่างรวดเร็ว แต่ก็ พลาดเป้า คมเคียวไม่อาจสัมผัสได้แม้แต่ชายเสื้อของเขา

เคไนน์หลบทุกการโจมตีของมันได้อย่างสบาย ๆ ความเร็วแค่นี้สําหรับเขาแล้วถือว่าอ่อนหัด รอยยิ้ม เหยียดปรากฏขึ้นบนใบหน้าหล่อเหลา ก่อนจะสะบัดมือ ที่เคลือบด้วยพลังสีเงินเข้าใส่ เกิดเป็นเพลิงขนาดใหญ่ที่ จู่โจมในระยะประชิด

ซูม !!

“อึก !” แพะอสูรตัวเล็กกระโดดถอยหลังแต่ไม่พ้น เพลิง สีเงินเผาเสื้อผ้าของมันแหว่งไปซีกหนึ่งเลยทีเดียว แต่ลำ ตัวของมันไม่เป็นอะไรเลยสักนิด ทำให้เคไนน์ขมวดคิ้ว อย่างสงสัย
‘ทําไมตัวไม่เป็นอะไรเลยฟะ แถมเสื้อผ้าก็แค่แหว่งไปนิด เดียวเอง ?’ เขาคิดก่อนจะลองส่งเพลิงสีเงินไปทดสอบดู อีกรอบ และได้เห็นเต็ม ๆ ตาถึงเหตุที่ว่าทําไมเพลิงของ เขาถึงทําอะไรมันได้ไม่มากนัก

เพียงแค่แพะอสูรดีดนิ้วดินสีดำก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าของ มัน ทันทีที่เพลิงสีเงินปะทะกับดินสีดำ ทั้งเพลิงของเขา และดินสีดำก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย จะเหลือก็แต่ฝุ่น ควันและกลิ่นไหม้ที่คละคลุ้งในอากาศเท่านั้นเอง กลิ่น ไหม้นั่นก็เหม็นซะจนเคไนน์ต้องยกมือขึ้นปิดจมูกรับกลิ่น ได้ดีเกินไปของตัวเอง ฉุนชะมัด

“อะไรเนี่ย เก่งเกินตัวไปหรือเปล่า” เคไนน์มองแพะอสูร

อย่างฉงน

อสูรนั้นเป็นสิ่งมีชีวิตที่เติบโตได้ไวกว่ามนุษย์มากเพียง ไม่กี่วันก็โตเต็มวัยแล้ว แต่อาจจะมีบางจำพวกที่เป็น ประเภทเติบโตช้ากว่าปกติ และประเภทเติบโตเหมือน มนุษย์แต่อายุสั้นกว่า ประเภทหลังนี้คือระดับพลังจะ เติบโตช้าด้วยทำให้พวกนี้มีจำนวนน้อยและอยู่กันแบบ เกาะกลุ่มนั่นเอง

แต่นี่มาตนเดียวแล้วยังมีพลังสูงอีกแม้จะอยู่ในร่างเด็ก ก็ตาม เขาเลยตัดสินไปว่าเป็นอสูรประเภทแรก

มีโอกาสที่อีกฝ่ายจะเป็นอสูรชั้นสูงจนใกล้เคียงกับอสูรมายา…

แพะอสูรที่เพิ่งรอดพ้นจากการโดนเผามาได้แต่กำลังรม ควันไอ แค่ก ๆ ก่อนจะปรายตาสีแดง ไม่พูดตอบโต้อะไร ออกมา เคไนน์สร้างเพลิง สีเงินขึ้นมาอีกครั้ง และกำลังจะ เปลี่ยนมันให้กลายเป็นอาวุธคู่มือ

“เคไนน์” เสียงเรียกที่ทำมือของจิ้งจอกอสูรชะงักและ การต่อสู้หยุดลงไปชั่วขณะ

“เทน” เคไนน์พุ่งกลับมาอยู่เคียงข้างเด็กหนุ่ม ก่อนจะ มองใบหน้าที่ซีดเผือดของเขาอย่างเป็นห่วง “ข้าอยู่นี่…” มือหนาของปีศาจจิ้งจอกจับมือของเทพินไว้ให้ยืนขึ้น ความอบอุ่นที่ได้รับจากมือบางทำให้เขาใจชื้นขึ้นมาบ้าง

เด็กหนุ่มยันตัวให้ลุกขึ้นยืนอย่างช้า ๆ ดวงตาสีม่วงยังคง ไร้ประกาย รอยยิ้มเหยียดที่แสนน่าสะพรึงกลัวปรากฏขึ้น บนใบหน้ากลมมนพร้อมกับแรงกดดันที่หนักหน่วงจนสอง อสูรชะงักค้าง

“ถึงจะเจ็บหนักไปหน่อย แต่ไม่เป็นไรแล้ว” เทพินพูด ด้วยน้ำเสียงแหบเหมือนเดิม มือบางปัดมือเคไนน์ออก แล้วใช้ทั้งสองมือกุมแผลตัวเองที่สมานกันเกือบสนิท แล้ว ไอพลังสีครามแผ่ออกมาจากมือซึมหายเข้าไปใน บาดแผลอย่างต่อเนื่องจนกระทั่งปิดสนิท
เมื่อจัดการกับแผลตัวเองเสร็จดวงตาสีม่วงก็เลื่อนขึ้น ไปสบตากับแพะอสูรที่ตัวสั่นหง็ก ๆ ด้วยความหวาดกลัว เสียงหัวเราะแหบ ๆ ดังจากปากของเขา

“ยังจัดการไม่ได้อีกเหรอเคไนน์”

“ก็กำลังจะจัดการได้แล้ว แต่เจ้าเรียกเสียก่อน”

“ผมให้เวลานานเกือบสิบนาทีเลยนะนั่น

“แค่นั้นมันจะไปพออะไรเล่า อีกอย่างนั่นอสูรนะไม่ใช่ ปีศาจ !” อสูรคือสัตว์วิเศษซึ่งมีพลังของเทพเหมือนกัน ยิ่ง สามารถต่อกรกับเขาได้อย่างนี้มันคงไม่ใช่อสูรระดับต่ำ ๆ แล้วล่ะ

“งั้นที่เหลือ… ผมจัดการเองก็แล้วกัน” เด็กหนุ่มพุ่งเข้าหา แพะอสูรทันที ไอพลังสีครามปะทุขึ้นรอบตัว เพียงแค่ สะบัดมือออกไปพลังเหล่านั้นก็กลายเป็นโซ่พันธนาการ แพะอสูรเอาไว้ได้อย่างเหนียวแน่น ทำให้มันที่ไม่ได้ เตรียมตั้งรับอะไรเลยกลายสภาพเป็นดักแด้ไปแล้ว

เสียงร้องคำรามดังขึ้นพร้อมกับร่างเล็ก ๆ ที่พยายาม สะบัดตัวให้หลุดจากพันธนาการ เทพินยิ้มแสยะออกมา จากนั้นก็ซัดทั้งหมัดทั้งเข่าทั้งศอกรวมไปถึงเอาหัวโขกใส่ แพะอสูรอย่างไร้ปรานี ความเร็วในการซัดนั้นเห็นเป็นภาพติดตาเลยทีเดียว ทำให้จิ้งจอกอสูรที่มองอยู่ห่าง ๆ ถอยพรืดไปอยู่ไกลลิบในพริบตา

“ทะ… เทนน่ากลัวอ่ะ” เคไนน์พูดเสียงสั่น ถึงจะเคยเห็น เด็กหนุ่มเวอร์ชั่นโหดเตะกล่องดวงใจโจรมาแล้วก็เถอะ แต่นี่มันโหดร้ายยิ่งกว่านั้นอีก

แพะอสูรนั่นเสียโฉมด้วยมือเทพินชัวร์

“เอ่อเทน เจ้าจะฆ่าแพะอสูรด้วยมือเปล่าหรือนั่น” เคไนน์ ขมวดคิ้ว ร่างสูงของจิ้งจอกหนุ่มเดินเข้าไปใกล้เด็กหนุ่มที่ ยังคงเมามันกับการซัดแพะอสูรให้เละระบายอารมณ์โดย ไม่ได้ดูสังขารตัวเองสักเท่าไร เมื่อเข้ามาใกล้และประชิด ตัวของอีกฝ่ายได้ แขนแกร่งก็รวบแขนทั้งสองข้างของ เด็กหนุ่มมาไว้อย่างรวดเร็ว ทำให้คนถูกจับไม่ทันตั้งตัว ชะงัก

“เคไนน์ !!” เสียงทุ้มเข้มพูดขึ้น “เข้ามาขวางทำไม !?”

“ก็ไม่ได้อยากขวาง แต่เจ้าควรพอได้แล้ว”

“แต่เจ้าอสูรนี่….”

“ตอนนี้มันคงได้สติแล้วล่ะ เจ้าเพียงแค่ส่งมันไปมิติอสูร ก็พอแล้ว” ถ้าต้องถูกฆ่าตายด้วยการถูกซัดจนช้ำในแบบ นี้ให้เขาฆ่ายังจะดีเสียกว่า และเขาเองก็ไม่ค่อยอยากให้เทพินต้องฆ่าใครด้วย

“แค่ส่งไปมิติอสูรจะพอ ?” เทพินเบ้ปากแล้วสะบัดมือเค ไนน์ออก

“พอสิ ข้าว่า… แพะอสูรตนนี้น่าจะถูกมนต์สะกดอยู่นะ หากย้ายไปอีกมิติมนต์สะกดคงคลายออก” อสูรส่วนใหญ่ แล้วอยู่ในอีกมิติหนึ่ง มันสามารถเดินทางไปมาระหว่าง โลกได้ง่ายกว่าเทพ ฉะนั้นแล้วมนุษย์จึงสามารถอัญเชิญ อสูรได้ง่าย ๆ แต่หากมีอะไรผิดพลาดการอัญเชิญอสูรจะ กลายเป็นอัญเชิญปีศาจแทน เพราะมิติของปีศาจเปิดได้ ง่ายกว่ามิติอสูร

หากส่งอสูรหรือปีศาจอัญเชิญกลับมิติได้ พันธสัญญา ที่ผู้อัญเชิญสร้างขึ้นจะสิ้นสุดลง …แต่ก็ยังมีปัญหาอยู่ ผู้ ที่ส่งอสูรกลับมิติได้ง่าย ๆ มีแค่ไกราสายมิติอย่างตระกูล ไตรวิธ

“ผมไม่ใช่ไกราสายมิตินะเว้ย !” เทพินมองจิ้งจอกอสูรตา เขียว เขาไม่ได้เป็นไกราด้วยซ้ำเอาพลังที่ไหนมาส่งปีศาจ กลับมิติกัน

“เจ้าทำได้ ข้าเชื่อมั่น !”
“เทน เจ้าช่วยใช้มนุษยธรรมด้วยเถอะนะ” เคไนน์ส่ง สายตาออดอ้อนมาให้ ตาสีทองเริ่มเป็นประกายเหมือน น้ำตาจะไหล…

“แต่นี่เป็นอสูร…”

“เมตตาธรรมค้ำจุนโลกนะเทน….”

** เทพินจ้องหน้าเคไนน์นิ่ง ๆ เขาถอนหายใจออกมา แล้วยกมือขึ้นเกาหัวอย่างอนาถตัวเองสุด ๆ

…เขาใจอ่อนอีกแล้ว ทำไมต้องแพ้ลูกตื้อลูกอ้อนของเจ้า จิ้งจอกนี่ด้วยนะ

“ช่วยใช่ไหมเทน” เหมือนรู้ว่าได้ผลเคไนน์ก็อ้อนไม่เลิกๆ

“ก็ได้ จะลองดู ถ้าไม่ได้ผลก็โทษผมไม่ได้แล้วนะ”

“อื้ม ! ข้าไม่โทษเจ้าหรอก แค่เจ้ายอมช่วยข้าก็ดีใจ แล้ว !” จิ้งจอกอสูรยิ้มใสซื่อส่งมาให้ พวงหางสีเงินกระดิก ไปมาอย่างน่าเอ็นดู เทพินถอนหายใจอีกครั้ง

“เคไนน์… เจ้าหงอกขี้โกงเอ๊ย” เสียงแผ่ว ๆ ที่เอ่ยจากริม ฝีปากของเด็กหนุ่มโดยที่ไม่ให้คนข้างตัวได้ยิน ทั้งที่บอกว่าจะไม่ให้เขาเจออันตรายแท้ ๆ แต่ต้องมาเสี่ยงตาย ให้ตลอด แล้วเขาก็ยอมตลอด ไม่รู้เพราะอะไร !

เทพินหันไปมองแพะอสูรที่ยังคงดิ้นรน พลังของโซ่ที่ไม่ ควรมากมายอะไรกลับตรึงอสูรไว้ได้นานจนผู้ใช้เองถึง กับเชื่อไม่ลง แต่เพราะอำนาจที่ขยายตัวขึ้นนี้อาจจะส่ง ผลให้เขาส่งอสูรกลับไปสำเร็จก็ได้ เด็กหนุ่มนึกถึงบทเวท ที่จะใช้เวทสายมิติ จากความทรงจำอันมากมาย เขาพบ เข้ากับหนึ่งบทเวทที่จะส่งอสูรกลับแล้ว

มันคือเวทอัญเชิญแบบย้อนกลับ เวทบทนี้ต่อให้ไม่ใช่ไก ราสายมิติก็สามารถใช้งานได้ เพียงแต่จะต้องใช้พลังเวท ในปริมาณมหาศาล หากพลังไม่เพียงพอจะใช้พลังชีวิต แทน

ลองดูสักตั้งละกัน เชื่อมั่นในพลังเวทป่วย ๆ นี่สักหน่อย !

เทพินเริ่มร่ายบทเวท หมอกสีดำที่อยู่รอบ ๆ ถูกปัดเป่า ออกไปด้วยพลังของเด็กหนุ่มที่พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ภาพรอบด้านเกิดการบิดเบี้ยวและแหวกออกเป็นช่องว่าง ที่อีกฝ่ายหนึ่งเป็นดินแดนที่เต็มไปด้วยทุ่งหญ้าประหลาด เขาหันไปมองแล้วเลิกคิ้วข้างหนึ่งอย่างประหลาดใจ

นี่คือมิติอสูร ?
สวยกว่าที่คิดไว้เสียอีกนะ

“ตอนนี้แหละ ส่งกลับไปเลย !” เคไนน์สบโอกาสตัดโซ่ เวทของเทพินแล้วเตะโด่งแพะอสูรเข้าช่องว่างมิติไปใน ทันที กว่าจะรู้ตัวมิติก็ปิดไปแล้ว เทพินมองจิ้งจอกอสูร ของเขาตาปริบ ๆ

“เร็วนะเรา”

“ก็ข้ารอจังหวะอยู่แล้วนี่นา” เคไนน์ยืดอกอย่างภูมิใจ

“เหอะ ๆ ผมเหนื่อยจัง…” เด็กหนุ่มพูดเสียงอ่อนก่อนจะ พิงศีรษะลงกำแพง เขาไม่มีแรงจะทำอย่างอื่นแล้ว โดน สูบพลังไม่พอยังเสียเลือดไปก่อนหน้านี้อีกมาก…

ที่ยังยืนได้อยู่นี่ก็เรียกได้ว่าถึกทนเกินมนุษย์ไปแล้ว

“เหนื่อยก็พักซะ” เคไนน์ลูบหัวของเด็กหนุ่มอย่างเบามือ “เดี๋ยวที่เหลือข้าจะจัดการเอง”

“นายมันเชื่อไม่ได้… ก่อนขึ้นมาพูดยังไง แล้วตอนนี้ สภาพผมเป็นยังไง ?” เทพินตอบกลับทันที

จิ้งจอกอสูรที่กำลังทำหน้าสำนึกผิดและเสียใจสุด ๆ อยู่
“ข้าขอโทษเทน เพราะข้าช้าเกินไปเจ้าถึงบาดเจ็บ แต่มัน จะไม่เกิดขึ้นอีก ข้าจะปกป้องเจ้าเอง”

“แค่พูดใครก็พูดได้… แล้วก็… ฝากไว้ก่อนเถอะ ผมคิด บัญชีแน่” เด็กหนุ่มตาสีม่วงปิดเปลือกตาลงแล้วเข้าสู่ห้วง นิทราอย่างเหนื่อยล้า พลังของเขาไม่เหลือแล้วจริง ๆ ไม่ อาจฝืนต่อไปได้อีก ตอนนี้ก็ได้แต่ฝากชีวิตที่แสนหวงแหน ไว้ให้อสูรดูแลเป็นการชั่วคราว

จิ้งจอกอสูรมองคนหลับด้วยสายตาสับสนก่อนจะหันไป มองนอกหน้าต่าง อีกไม่กี่สิบนาทีพระอาทิตย์จะเริ่มขึ้น จากชอบฟ้า มีเวลาสำหรับการเก็บกวาดอีกไม่มากแล้ว เขาควรจะ… ลงมือเองอย่างจริง ๆ จัง ๆ เสียทีกระมัง


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ