Fate Agent เจตอารักษ์

บทที่ 14 การต่อสู้ริมแม่น้ำ (ตอนปลาย)



บทที่ 14 การต่อสู้ริมแม่น้ำ (ตอนปลาย)

นักเก็บกวาดที่มารับงานนี้นอกจากเทพินแล้วก็ยังมีอีก สองคน พวกนี้เป็นคนธรรมดา ที่มีพลังพิเศษแต่ไม่ใช่ไก รา ร่างกายแข็งแรงบึกบึนมาก ทำงานเก็บกวาด ขนย้าย และทำลายสิ่งของได้อย่างดีเยี่ยม เทียบดูกับร่างเล็ก ๆ ที่ เตี้ยกว่ามาตรฐานของเด็กหนุ่มตาสีม่วงแล้ว เทพินดูเป็น เด็กผู้ช่วยมากกว่าจะเป็นนักเก็บกวาดเองซะอีก

เทพินยิ้มรับอย่างสดใส “สวัสดีครับ ไม่ได้เจอกันนาน เลยคุณเฮฟ คุณทอม ไม่นึกว่าพวกคุณก็รับงานนี้ด้วย เหมือนกัน”

“ที่จริงก็ไม่ได้อยากรับหรอกนะ แต่ทางนั้นเขาต้องการ ตัวเองก็เลยต้องมา นายเองก็ถูกเรียกมาเหมือนกันใช่ ไหม” เฮฟถาม เทพินขมวดคิ้วแล้วส่ายหน้าปฏิเสธ ชาย ทั้งสองมองอย่างประหลาดใจทันที “อ้าว นี่ไม่ได้ถูกเรียก ตัวหรอกเหรอ… เออประหลาดดี นายเป็นถึงระดับต้น ๆ ของนักเก็บกวาดเลยนะ ทั้งที่คนน่าจะจ้างกันเยอะแยะ แต่ได้นายมาช่วยเหมือนได้นักเก็บกวาดหาคนเลยด้วย ซ้ำ ดีแล้ว ๆ”

“ในเรื่องนี้… เพราะราคาในการเรียกใช้ผมสูงน่ะ คิดว่า คงไม่มีใครอยากจ้างหรอก” เทพินยิ้มตอบ การเรียกใช้ นักเก็บกวาดระดับสูงแบบระบุตัวจะต้องจ่ายค่าจ้างตาม ที่นักเก็บกวาดระบุไว้ ส่วนใหญ่แล้วค่าจ้างที่เรียกร้องจะ มากกว่าระบุตามใบงานที่จะได้คนแบบสุ่ม ถ้าไม่ใช่งาน ใหญ่ ๆ ไม่ค่อยมีใครระบุตัวนักเก็บกวาดหรอก
ที่จริงเทพินไม่ได้บอกว่ารายชื่อของเขาไม่เคยอยู่ใน สารบบการเรียกนักเก็บกวาด เพราะเขาทำงานนี้เป็น อาชีพเสริมเท่านั้น ไม่ได้คิดจะทําเป็นงานหลัก ลุงปืนเอง ก็เห็นว่าเขาเป็นนักเรียนอยู่ด้วยก็เลยช่วยเหลือในเรื่องนี้ อีกแรง ทำให้ไม่มีไกราคนไหนเรียกใช้เขาได้ ถ้าไม่ได้มา หาเขาแล้วขอให้ช่วยด้วยตนเอง

แต่จะมีไกราคนไหนยอมมาขอให้คนธรรมดาช่วยด้วย ตนเองกัน ไกราทั้งหลายมีความหยิ่งทระนงในสายเลือด และพลังมาก เขาพบเห็นมาเยอะแล้ว

“ค่าจ้างนายสูงแต่นายก็ยังจับได้งานพวกนี้ นายจ้างครั้ง นี้คุ้มค่าแล้วแน่ ๆ” ทอมหัวเราะขบขัน เด็กหนุ่มยิ้มเขิน ๆ ตอบกลับไป

“ฮ่า ๆ อย่าล้อกันสิครับคุณทอม ผมก็ไม่ได้เก่งอะไร ขนาดนั้น

“แล้วนี่นายไม่คิดจะแนะนำคนที่ยืนอยู่ข้างหลังหน่อย เหรอ” เฮฟมองไปที่ชายหนุ่มผมสีเงินผู้หล่อเหลาโลก ตะลึง ดวงตาสีทองที่มองมาทางพวกเขานั้นดูดุร้ายอย่าง ประหลาด

“อ้อ เขาเหรอ” เทพินหันไปทางเคไนน์ที่ยืนโดดเดี่ยว และโดดเด่นท่ามกลางความมืด “นั่นคู่หูของผมเอง ชื่อเค ไนน์ เอ่อ… เขาไม่ค่อยมีมนุษยสัมพันธ์เท่าไหร่ยังไงก็อย่าถือสาเลยนะครับ”

“อ้อ คู่หูของนายนี่เอง แหม ๆ เดี๋ยวนี้มีคู่หูทำงานด้วย แล้วนะ”

“ก็แค่ชั่วคราวน่ะครับ”

“เอาเถอะ มีคู่หูก็ดี นายเป็นเด็กทำงานคนเดียวก็ อันตรายเกินไป มีคนที่ไว้ใจคอยช่วยเหลือจะทำให้มีชีวิต รอดยืนยาวมากขึ้น

“ครับ” เด็กหนุ่มตาสีม่วงอ่อนตอบด้วยรอยยิ้มอบอุ่นรับ ความห่วงใยและเอาใจใส่อย่างจริงใจจากชายทั้งสองคน นี้ “ตอนนี้งานเพิ่งเริ่มยังไม่มีอะไรให้เก็บกวาด พวกเราหัน ไปดูพวกไกราสู้กันหน่อยไหมครับ”

“ก็ดีเหมือนกัน ไกราระดับสูงแบบนั้นไม่ใช่จะพบง่าย ๆ เฮฟกับทอมพยักหน้า ก่อนจะหยิบกล้องส่องทางไกลออก มาส่องดูการต่อสู้ของ ไกราในอาณาเขต

เทพินเองก็หยิบออกมาเช่นกัน เคไนน์ที่เปลี่ยนมายืน ข้าง ๆ ขมวดคิ้วอย่างฉงน “อย่างเจ้าต้องใช้กล้องส่องทาง ไกลด้วยหรือ”

ด้วยพลังของเทพินเขาสามารถมองเห็นได้ชัดเจนพอ ๆ กับไกราเลยทีเดียว ซ้ำยังสามารถมองเห็นไปถึงภายในเขตแดนด้วยว่าเกิดอะไรขึ้น ในขณะที่มนุษย์อีกสอง คนในบริเวณนี้จะมองเห็นเป็นแค่ภาพเงาเลือนรางที่ขาด ๆ หาย ๆ เท่านั้น

“ผมไม่อยากใช้พลังน่ะ” เทพินตอบเสียงเบา ก่อนจะส่อง มองสถานการณ์ที่เกิดขึ้นภายในเขตแดนที่เขามองเห็น ได้ชัดเจนมาก

การต่อสู้ของไกรากลุ่มหนึ่งกับปีศาจนับร้อยเกิดขึ้น ปีศาจพวกนั้นไม่ได้ระดับสูงอะไรเท่าไรนัก มีเพียงจำนวน ที่อาจชวนให้หวั่นใจบ้าง เพราะไกรากลุ่มนี้มีสมาชิกอยู่ เพียงหกคนเท่านั้นเอง แถมคนหนึ่งยังสามารถบินได้ด้วย เห็นได้ชัดว่าพลังของคนกลุ่มนี้อยู่ในระดับแนวหน้าของ เหล่าไกรา

พลังที่กำเนิดจากพรแห่งเทพมีคุณลักษณะตามเทพ ที่มอบพรให้ มีทั้งพลังเวทและความสามารถบางส่วนที่ ถ่ายทอดมา พลังเวทที่ปลิวว่อนไปทั่วเขตแดนอย่างมั่วซั่ วนั่นทำให้คนที่มองอยู่ต้องส่ายหน้าไปมาอย่างเอือมระอา

“ซัดเละเทะมาก”

“ใช่ มั่วอย่างกับอะไร น่าเบื่อสิ้นดี” จิ้งจอกอสูรเบ้ปาก “แต่ในสถานการณ์อย่างนั้น ซัดมั่วไปก็ได้อยู่นะ”เทพินยิ้มยกมือขึ้นกอดอก “จำนวนศัตรูขนาดนั้นซัดมั่วไป ยังไงก็โดน แต่ขัดแบบนั้นหวังผลอะไรไม่ค่อยได้ ถ้าจะให้ ดีต้องเก็บเป็นตัว ๆ ไป ยิ่งลงมือเร็วและเฉียบขาดมากเท่า ไหร่ ไกราจะยิ่งได้เปรียบมากขึ้นเท่านั้น เพราะปีศาจมัน จะไม่คืนชีพ แต่ในการซัดมั่ว พวกปีศาจมันแค่บาดเจ็บ ฟื้นตัวได้สบาย”

ปีศาจที่กําเนิดจากความมืดเป็นส่วนใหญ่จึงมีความ แข็งแกร่งมากเป็นพิเศษเมื่ออยู่ในเวลากลางคืนอย่างนี้ ความได้เปรียบเสียเปรียบยังมองไม่ขาด

แต่ชัดเจนว่าไกรากลุ่มนี้ไม่ได้เชี่ยวชาญนัก เขาเคยได้ เห็นการต่อสู้ของไกราที่มีประสบการณ์มากกว่านี้ต่อสู้ ความเฉียบคมในการใช้พลังและทักษะการต่อสู้ทำให้ พวกเขาโค่นล้มศัตรูได้อย่างรวดเร็ว ความสูญเสียที่เกิด ขึ้นจึงมีน้อยมาก

ซัดมั่วอย่างนั้นหลังสู้จบก็เป็นภาระนักเก็บกวาดชัด ๆ คุ้ม เงินไหมเนี่ย

ดูๆ ไปแล้วทางไกราจะเริ่มเสียเปรียบแล้วนะ” เคไนน์ สะกิดเด็กหนุ่มที่ยืนถือกล้องส่องทางไกลนิ่ง ๆ ไม่ได้ จดจ่อจะดูเหตุการณ์ตรงหน้าสักเท่าไร

“ก็คงจะอย่างนั้น ไม่ควบคุมพลังไว้พลังก็จะหมดเร็ว การ วางแผนของพวกไกราไม่ได้ดีเท่าไหร่ด้วย ไม่มีผลัดกันรุกเลยด้วยอย่างนี้ไม่มีเวลาให้พักฟื้นพลังแน่ ด้วย จํานวนปีศาจขนาดนั้นถ้าไม่ใช่พลังเยอะก็ต้องมั่นใจใน ฝีมือผู้นำกลุ่มพอสมควร”

“เท่าที่ดูไกราในกลุ่มนั่นพลังก็ไม่ได้เหลื่อมล้ำกันนะ”

“พลังไม่ใช่แต่อายุน่าจะเหลื่อมล้ำกันอยู่ รวมถึง

ประสบการณ์ด้วย

“งั้นก็งานหยาบแล้ว”

“ถ้าไม่มีคนเข้าไปช่วยก็คงตายอยู่ในเขตแดนนั่นแหละ”

“ดูรอบ ๆ แล้วไม่น่ามีกำลังเสริมนอกจากไกราสาย อาณาเขต”

“อ้อ งั้นก็คงพูดได้แค่ว่า สู้ ๆ นะ”

“…” จิ้งจอกอสูรเหลือบมองใบหน้าเฉยชาของเทพิน ดวงตาสีม่วงอ่อนคู่นั้นหันกลับมามองแล้วเลิกคิ้วขึ้นข้าง หนึ่งเป็นเชิงถาม

“มองอะไรของนาย ?”
“มนุษยธรรม”

เทพินเป็นฝ่ายเงียบบ้าง เขากลอกตาล่อกแลกไปมา

“เรื่องมันไม่ได้เกิดใกล้ ๆ สักหน่อย ไกลเป็นกิโลแบบนั้น ผมไม่ช่วยก็ไม่ถือว่า…. ผิดคำพูดหรอก… มั้ง ?”

“เทน…”

“พวกนั้นยังไม่เพลี่ยงพล้ำนี่นา อาจจะพลิกขึ้นมาชนะใน ตอนท้ายก็ได้ หรือไม่กำลังเสริมอาจจะกำลังมาถึง”

“เทน…”

“จะเดือดร้อนไปทำไมครับ พวกนั้นตายไปนายก็ไม่เป็น อะไรซะหน่อย ดีซะอีกนายจะได้รับพลังของเทพกลับมา ด้วยไง ยัดใส่หีบพัง ๆ นั่นไปก่อนแล้วค่อยผนึก…”

“เทน เจ้าช่วยสํานึกบ้างว่าตัวเองเป็นมนุษย์

“ชิ ถึงอย่างนั้นผมก็เป็นแค่มนุษย์ธรรมดา นายอย่าหา เรื่องตายให้ผมได้ไหม” เทพินพยายามจะแก้ตัว แต่เค ไนน์ไม่ฟัง ดวงตาสีทองที่มองมาอย่างอ่านอารมณ์ไม่ออก นั่นทําให้เทพินลังเล
“เฮ้ย ดูเหมือนไกราจะแย่นะ ฉันมองไม่เห็นไกราแล้ว” เฮฟที่ส่องกล้องดูตลอดอุทานออกมาอย่างตกใจ เทพิน และเคไนน์รีบหันกลับไปมองอย่างรวดเร็ว

ไกราที่อยู่ภายในเขตแดนตอนนี้กำลังถูกปีศาจรุมโจมตี จำนวนของปีศาจเหล่านั้นไม่ได้ลดลงไปเลยจากสายตา ของเทพิน และดูเหมือนมันกำลังเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อย ๆ ปีศาจจากนอกเขตแดนก็ทยอยเข้าไปราวกับมีคนเรียก มันเข้าไป

เขารู้สึกว่ามันแปลก… แปลกมาก ๆ ด้วย

“ในเขตแดนนั่นไม่ได้มีแต่ปีศาจระดับต่ำแน่” เคไนน์ กัดฟันกรอด พยายามเพ่งดวงตาเพื่อมองหาปีศาจที่คิดว่า น่าจะมีพลังสูง แต่มองเท่าไรก็ไม่เห็นเจอ “ไม่ดีแน่แล้ว ไก ราตายไปคนหนึ่งแล้วล่ะ !”

“อะไรนะ !!” นักเก็บกวาดสองคนหันขวับมามองเคไนน์ สีหน้าบ่งบอกความไม่เชื่อ “นายมองเห็นในอาณาเขตงั้น เหรอ ?”

“มันแน่อยู่แล้วสิ ! บ้าเอ้ย ! ไม่ไปช่วยตอนนี้ได้ตาย กันหมดแน่” เคไนน์ไม่รีรออีกต่อไป ร่างสูงกระโดด หายไปอย่างรวดเร็ว จุดหมายคืออาณาเขตของไกราที่ ครอบคลุมแม่น้ำและริมฝั่ง เทพินจะเอ่ยปากห้ามก็ไม่ทัน แล้ว
“ไป… ไปแล้ว ? คน ๆ นั้นเป็นไกราเหรอเทน” ทอมหันมา มองเด็กหนุ่มอีกคนที่ยังยืนอยู่กับที่ ในเวลานี้ใบหน้าของ เด็กหนุ่มเต็มไปด้วยอารมณ์ขุ่นเคือง

“เปล่าครับ สัตว์เลี้ยงต่างหาก” พูดจบเด็กหนุ่มก็ขยับตัว ตามไปด้วยเช่นกัน ความเร็วนั้นไม่ได้ด้อยไปกว่าจิ้งจอก อสูรเลย… หรืออาจจะเร็วกว่าด้วยซ้ำ

สองหนุ่มที่ได้คําตอบไม่ค่อยตรงคำถามได้แต่มองหน้า กันแล้วไหวไหล่ จะให้พวกเขาตามไปเค้นเอาคำตอบก็ คงไม่ทัน ในเมื่อพลังของพวกเขานั้นล้วนด้อยกว่าจิ้งจอก อสูรและเด็กหนุ่มตาสีม่วงคนนั้นเยอะ

เทพินที่ตามหลังเคไนน์มาติด ๆ กำลังครุ่นคิดถึง สถานการณ์อย่างรอบคอบ ถึงแม้จะหงุดหงิดใจในความ เป็นคนดีของจิ้งจอกอสูรบ้างก็ตาม แต่จะไม่ทำอะไรเลย ก็ไม่ได้ ยังไงเขาก็ต้องรักษาสัญญาที่ให้ไว้ ไม่อยากนั้น จิ้งจอกอสูรนั่นคงตามมาหลอกหลอนเขา

ดวงตาสีม่วงอ่อนกวาดตามองสถานการณ์อีกครั้ง ไกรา แต่ละคนต้องรับมือปีศาจอย่างทุลักทุเล มีเพียงคนเดียว ที่ยังพอรับมือไหวอยู่ และปีศาจที่พุ่งเข้าหาไกราคนนั้นก็ เพิ่มมากขึ้นราวกับรู้ว่าใครเป็นตัวอันตรายที่สมควรกำจัด มากที่สุด และเคไนน์ก็กำลังจะไปช่วยคน ๆ นั้นแทนที่จะ ช่วยคนที่เจ็บหนักคนอื่น ๆ ก่อน
จิ้งจอกอสูรของเขาบางทีก็โง่เกิน จะช่วยก็ช่วยคนที่น่า รอดก่อนสิ

เทพินเพิ่มความเร็วขึ้นวิ่งมาขนาบข้างเคไนน์ เขาเหลือบ มองจิ้งจอกอสูรใจดีแวบหนึ่งก่อนจะถีบกลิ้งไปทางไกรา คนหนึ่งที่กำลังจะหายเข้าปากปีศาจตัวอ้วน ร่างสูงผมสี เงินชนโครมเข้ากับปีศาจแล้วกลิ้งหลุน ๆ ไปด้วยกัน

“หาอะไรของเจ้าวะเทน !!”

“ช่วยพวกนั้นไป !” เทพินหันมาว่าเสียงดุ ก่อนจะไปช่วย ไกราที่บินได้คนนั้นแทน ไกราบินได้กำลังเสียหลักร่วงลง มาจากการกระชากของปีศาจ เขี้ยวเล็บของปีศาจเหล่า นั้นพุ่งเข้าใส่ไกราเมื่อสบโอกาส ถ้าร่วงลงมาถึงพื้นเมื่อ ไหร่ไกราคนนั้นจะตาย…

เทพินอยากสบถ บ้าเอ๊ย ! ทำไมจิ้งจอกนั่นต้องนิสัยดี !

เขาหยิบเอาอาวุธที่พับไว้ออกมาสะบัดครั้งเดียวรูปร่าง ของมันก็เปลี่ยนรูป เขาใช้มันหวดปีศาจรอบตัวไกราด้วย ความเร็วสูง ปีศาจห้าตนถูกกวาดกระเด็นไปไกลนับสิบ เมตร เทพินใช้มือข้างหนึ่งจับไกราไว้ให้ลงยืนบนผิวน้ำ พร้อมกับตนเองได้อย่างสวยงามแล้วกดปุ่มบนอาวุธของ เขาผ้าใบก็กางออก อาวุธก็เปลี่ยนรูปร่างอีกครั้งแล้วยก ขึ้นพาดบ่าด้วยท่าทาง สบาย ๆ
อาวุธของเขาคือร่มพับ… ร่มสีขาวลายดอกลีลาวดีสีดำ

เด็กหนุ่มตาสีม่วงอ่อนกวาดตามองไปรอบ ๆ ใบหน้ากลม ร่าเริงสดใสมีรอยยิ้มแต้มอยู่ มือที่ถือร่มอยู่หมุนด้ามสีเงิน นั่นไปเรื่อย ๆ แล้วเค้นเสียงออกมาที่ฟังยังไงก็ไม่เข้ากับ หน้าตาตอนนี้เลยสักนิด

“ยุ่งยากจริง ๆ ทำไมผมต้องมีสัตว์เลี้ยงนิสัยดีด้วยนะ ไม่ เข้าใจเลย”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ