บทที่ 13 การต่อสู้ริมแม่น้ำ (ตอนต้น)
มนุษย์บินได้นั่นตรงมาด้วยความเร็วสูงและเลยผ่านเขา ไป… ก่อนจะวกกลับขึ้นไปต่อสู้บนอากาศ
ตูม!
เสียงระเบิดดังขึ้นอีกครั้งพร้อมกับสะเก็ดไฟสีประหลาด ที่กระจายลงสู่พื้นดิน ทำให้ต้องเทพินขมวดคิ้วยุ่ง ขบ ริมฝีปากมองไปทางไกราที่กำลังกางอาณาเขตกันอย่าง แตกตื่น เห็นอย่างนั้นแล้วก็ทำให้มั่นใจได้อย่างหนึ่งว่า สถานการณ์ที่เกิดขึ้นนี้เป็นสถานการณ์นอกเหนือความ คาดหมายและดูเหมือนจะไม่ได้เป็นการต่อสู้กันของไกรา และปีศาจ
แต่เป็นไกรากับไกรา
แล้วไกราจะมาสู้กันเองเพื่ออะไรล่ะ ?
เทพินสถบในลำคออย่างไม่ชอบใจ ไกรามาสู้กันอย่าง นี้โดยไม่ได้กางอาณาเขตทำให้มนุษย์ทั่วไปได้รับผลกระ ทบของพลังเวทไปด้วย น่าสอยให้ร่วงทั้งคู่นัก
อาณาเขตมีไว้เพื่อไม่ให้พลังเวทของไกราส่งผลกระทบ ต่อมนุษย์ มันจะเคลื่อนย้ายสิ่งที่อาจจะกระทบต่อชีวิต ของมนุษย์ในอาณาเขตไปอยู่ที่จุดอื่น ๆ ที่กำหนด ซาก ความเสียหายเหล่านั้นนักเก็บกวาดรับจ้างจะไปเก็บกวาดในจุดดังกล่าวภายหลัง ยิ่งมีไกราสายอาณาเขต มากเท่าไร จุดตกของความเสียหายก็จะมีมากเท่านั้น หรืออาจจะมีขนาดกว้างขวางมาก
แต่นี่ไม่ได้กางอาณาเขตเลยแต่ก็ยังสู้กัน เขาอยากจะ ขึ้นไปตบเกรียนพวกบินบนฟ้าให้ลงมาก้มหัวขอโทษคน โดนลูกหลงกันจริง ๆ เล่นไม่รู้เรื่องเลย
“สอยลงมาเลยดีไหมนะ” เทพินพึมพำ จิ้งจอกอสูรที่อยู่ ข้าง ๆ หันขวับมามองทันที
“สอยอะไร พวกที่อยู่บนนั้นหรือ ? เฮ้ย ๆ เจ้าคงไม่หา เรื่องใส่ตัวหรอกใช่ไหม พวกที่บินได้อย่างนั้นต้องเป็นไก ราอยู่แล้วนะนั่น”
“รู้น่า ไม่ทำหรอก…”
“แต่หน้าตาเจ้าเหมือนเอาจริงมากเลยนะเทน
“ก็บอกว่าไม่ทำไงล่ะ ผมรู้น่า ไม่ทำอะไรที่ทำให้ตัวเอง เกิดปัญหาหรอก”
เคไนน์ถอนหายใจเบา ๆ เมื่อเทพินยืนยัน ถ้าหากเด็ก หนุ่มอยากสอยไกราที่อยู่บนฟ้าขึ้นมาจริง ๆ รับรองได้ เลยว่าร่วงลงมาหมดฝูงแน่ แล้วตอนนั้นเขาอาจจะต้องมา นั่งเก็บซากไกราแทนเก็บกวาดซากลูกหลง
เทพินละสายตาจากบนฟ้า หันหลังกลับเตรียมจะกลับ ที่พัก แต่ก้าวออกไปไม่ถึงสามก้าวก็มีร่างของไกราร่วงลง มากองตรงหน้าเขาพอดี ขวางทางเดินเอาไว้ราวกับจงใจ
“ขอโทษที” เสียงทุ้มเย็นชาดังขึ้นเหนือหัวของเด็กหนุ่ม ตาสีม่วง
“เอ่อ…” เทพินเงยหน้าขึ้นมองเขา แต่แสงแดดแยงตา ทําให้มองเห็นเพียงเงาหน้าอันเลือนรางของอีกฝ่าย เท่านั้น เด็กหนุ่มรีบหันหน้าหนีไปแล้วตอบ “ไม่เป็นไรครับ คราวหลังก็ระวังหน่อยล่ะ”
“อืม”
“ไปกันเคไนน์ อย่าขวางทางเขา” เด็กหนุ่มตาสีม่วงรีบ ลากจิ้งจอกอสูรของตนออกไปอย่างไว ดูสถานการณ์ แล้วเขาไม่ควรหยุดอยู่กับที่นาน ๆ มีแววจะได้เจอลูกหลง ในระยะประชิด
หมับ !
นั่นไง… เทพินอยากจะกลอกตา
ยังไม่ทันก้าวขาออกไปก็ถูกไกราที่นอนหมอบกับพื้นยึด ขาเอาไว้อย่างเหนียวแน่น แถมยังจิกเล็บเข้าเนื้อเขาไปอีกต่างหาก
อะไรจะซวยได้ขนาดนี้ วันนี้โชคเขาไม่มีใช่ไหม
“ซะ… ช่วยด้วย..” เสียงขอความช่วยเหลือที่ปริ่มจะ ขาดใจนั่นทำให้เทพินขมวดคิ้ว สภาพภายนอกของไกรา คนนี้ดูไม่ได้บาดเจ็บอะไร แต่น้ำเสียงเขาเหมือนจะตาย ลงได้ทุกเมื่อเลย
“คุณโอเคนะครับ” เทพินจำใจก้มลงไปช่วยเหลือ เมื่อมือ สัมผัสที่บ่าของอีกฝ่ายเพียงแผ่วเบา พลังเวทประหลาด แต่คุ้นเคยพุ่งใส่เขาทันที เมื่อกระทบกับฝ่ามือพลังนั้นก็ หายไปอย่างไร้ร่องรอย เด็กหนุ่มยิ่งขมวดคิ้วหนักขึ้นไป อีก
หายไป… อีกแล้วเรอะ ?
“ผะ… ผม… รู้สึกดีขึ้นแล้ว” อีกฝ่ายตอบมาอาการหายใจ เข้าออกที่เริ่มดีขึ้น
เทพินหยักหน้าเบา ๆ แน่ล่ะ พลังเวทแปลก ๆ ในร่างของ อีกฝ่ายปะทะกับมือเขาจนหายไปอาการคงทุเลาลง
“ไม่เป็นไรก็ดีแล้วครับ ปล่อยขาผมได้แล้วนะ ?” เขา ยิ้มนิด ๆ อย่างอบอุ่นและอ่อนโยนนั่นเกือบทำให้ใคร ๆ ตาค้าง เหมือนเห็นภาพหลอนรัศมีเปล่งประกายจากคนธรรมดา ไกรา จับขาเขาอยู่รีบปล่อยออกในทันที เทพิน ยังคงยิ้มและลุกขึ้นยืน เขาหันไปมองเคไนน์ราวกับไม่มี อะไรเกิดขึ้น
“ไปกันเถอะเคไนน์ ผมชักจะหิวจนจะหน้ามืดแล้วเนี่ย”
“เอ่อ… อืม…” จิ้งจอกอสูรตอบรับอย่างไม่เต็มเสียง ดวงตาสีทองเหลือบมองไกราที่คนที่ยังลอยอยู่บนฟ้า ก่อนจะเดินตามเทพินไปเงียบ ๆ จนกระทั่งถึงร้านอาหาร
“มีอะไรติดใจอยู่หรือไงเคไนน์” เทพินเอ่ยถามหลังจาก ที่สั่งอาหารไปเรียบร้อยแล้ว จิ้งจอกอสูรแสนร่าเริงและ ปากมากของเขาตั้งแต่เจอไกรากลุ่มนั้นก็ไม่ได้พูดจาอีก เลย มันน่าประหลาดเกินไป
“ไกราคนนั้น ข้ารู้สึกได้ถึงพลังของเทพจันทรา”
“ผู้ได้รับพรจากเทพจันทรามั้ง”
“ไม่ใช่ พลังนั้นไม่บริสุทธิ์ มันเปื้อนมลทิน”
“อ้อ… เป็นไกราที่บินอยู่บนฟ้าสินะ” จากท่าทางของเค ไนน์กับสัมผัสพลังที่หลงเหลืออยู่ในร่างของอีกคนที่นอน หมดสภาพบนพื้น ยังไงก็คงเป็นพลังของคน ๆ นั้นแน่ เพียงแต่เขามองไม่ค่อยเห็นหน้าของอีกฝ่ายเท่านั้น
รู้แค่ว่าเพศชาย อายุก็อาจจะไม่มากไปกว่าเขาเท่าไร หรืออาจจะรุ่นเดียวกันด้วย
“คน ๆ นั้นมีพลังของเทพที่เปื้อนมลทินแน่นอน ไม่คิดว่า จะเจอได้อย่างง่ายดายขนาดนี้” จิ้งจอกอสูรถอนหายใจ ระบายความเคร่งเครียดออกมา แต่มันเป็นพลังที่ไปอยู่ ในร่างของไกราอย่างนั้น ข้าจะไปเอาคืนมาได้ยังไงกันล่ะ เนี่ย”
อสูรไม่โจมตีไกราโดยไม่จำเป็น ยิ่งเขาเป็นอสูรที่ลง ทะเบียนเป็นคู่หูกับเทพินแล้ว หากเขาไปก่อเรื่องกับไกรา เขาไม่ต้องห่วงเลยว่าไกราจะเดือดร้อน ที่ควรห่วงคือเขา จะรอดพ้นเงื้อมมือของเทพินไปได้หรือเปล่า และดูจาก นิสัยของเด็กหนุ่มตาสีม่วงคนนี้แล้ว คงไม่คิดจะช่วยเขา เอาพลังนั้นกลับมาด้วย ก็เขาไม่ชอบปัญหานี่นะ
ออกไปสู้คนเดียวสภาพเขาคงเน่าไม่มีชิ้นดี
“นั่นสิ ดูแล้วน่าจะเป็นไกราตระกูลใหญ่ซะด้วย สู้ ๆ นะ เคไนน์”
นั่นไง ผิดจากที่คิดไว้ที่ไหน เทพินพูดแค่นั้นแปลว่าไม่ คิดจะช่วยเหลืออะไรเขาอยู่แล้ว ช่างเป็นคนแล้งน้ำใจได้ อย่างที่สุดอย่างกับไม่ใช่มนุษย์เลย
“ไม่มีข้อเสนอแนะดี ๆ เลยหรือไงเทน
“ถ้านายไปรีดพลังเทพออกมาเองไม่ได้ ทำไมไม่ขอร้อง เทพให้มาช่วยล่ะ ยังไงนั่นก็พลังเทพนี่นา เทพมาเองพวก ไกราไม่มีทางปฏิเสธหรอก”
“มันก็จริงที่เทพมาเองไกราปฏิเสธไม่ได้ แต่เทพเองก็ไม่ อยากจะสัมผัสพลังเปื้อนมลทินเหล่านั้นนะ พลังนั้นเป็น อันตรายต่อพลังเทพด้วยกันอย่างมาก แต่จะปล่อยไว้กับ สิ่งมีชีวิตอื่นก็อันตรายเหมือนกัน”
“อันตรายที่ว่าเนี่ยอะไร มันคงไม่ได้กลืนชีวิตหรอกใช่
ไหม ?”
“ไม่หรอก ตรงกันข้ามพลังนั้นจะเลือกร่างที่มีความเข้า กันได้และมอบพลังให้ต่างหาก ตรงนั้นล่ะที่ร้ายแรง พลัง จะควบคุมคน กัดกินชีวิตอย่างช้า ๆ และนำโลกไปสู่ จุดจบ”
“อ้อ เหมือนให้กำเนิดเทพแห่งการทำลายขึ้นใหม่สินะ”
“จะว่าอย่างนั้นก็คงใช่”
“อันตรายจริง ๆ ยังไงก็สู้ ๆ นะเคไนน์”
“ยังจะมาสู้ ๆ อีก ! นี่จิตใจเจ้าทำด้วยอะไร ไม่คิดที่จะ ช่วยเหลือกันจริง ๆ ใช่ไหม โลกกำลังอยู่ในอันตรายนะ เฟ้ย !!”
“ก็รู้ แต่นายก็ควรมีเหตุผลบ้าง อย่างผมเนี่ยจะไปช่วย อะไรได้ครับ ผมเป็นมนุษย์ธรรมดาไม่ใช่ไกรา ถึงพลังที่ มีจะดูไม่ค่อยปกติเท่าไหร่ แต่มันคงช่วยอะไรนายไม่ได้ หรอก อย่าเอาคนไม่มีความสามารถเข้าไปเสี่ยงโดยไม่ จำเป็นสิ” เทพินพยายามอธิบาย
เขาเป็นคนธรรมดาที่แค่มีพลังนิดหน่อย จะให้ไปทําเรื่อง ยิ่งใหญ่แบบนั้น คนที่เคไนน์ควรเลือกคือไกราที่มีพลังยิ่ง ใหญ่ พวกนั้นต่างหากที่เหมือนเกิดมาเพื่อกู้วิกฤตและเป็น วีรบุรุษน่ะ
คนธรรมดาอย่างเขาขอเป็นตัวประกอบเนียน ๆ ตาม ขอบฉากพอ
“อย่างเจ้าหรือที่เรียกไร้ความสามารถ ? คนธรรมดา ? เฮอะ ! ถ้าเป็นอย่างนั้นโลกนี้คงหาคนธรรมดาได้ยาก แล้ว” เคไนน์ส่งเสียงจิ๊จ๊ะในลำคอ นึกแปลกใจในความ คิดของคนตรงหน้านัก จับพลังเปื้อนมลทินและลบล้างมัน ได้นี่ก็ไม่มีทางเป็นคนธรรมดาไปได้แล้ว
“นายจะอะไรนักหนา… เอาเหอะ ไว้ถ้าปัญหามันเกิดตรง หน้าผมจะช่วยสักหน่อยก็ได้ แต่ต้องเกิดตรงหน้านะ เกิด ที่ไกล ๆ ไม่เดินทางไปหาเรื่องใส่ตัวแน่ ๆ
“เออ ได้ยินอย่างนี้ค่อยรู้สึกว่ามีมนุษยธรรมอยู่บ้าง”
“ได้ยินอสูรพูดเรื่องมนุษยธรรมแล้วคันหัวใจพิลึก” เทพินมีสีหน้ารับไม่ได้ชัดเจนมาก เคไนน์ทนไม่ไหวขว้าง ส้อมใส่หน้าเทพินทันที
“กวนประสาทนัก ตายเสียเถอะ !”
“ฮ่ม อันตรายนะครับ ถ้าเป็นคนอื่นนี่หัวเป็นรูไปแล้วนะ” เด็กหนุ่มกวนประสาทหลบได้อย่างไม่ยากเย็น สีหน้า ท่าทางยังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง
“หน็อยยยย” เคไนน์กัดฟันกรอด แต่จะให้ลงมือต่อก็ไม่ ได้ เพราะในมือของเขามีแค่ช้อน ถ้าขว้างออกไปอีกอัน เขาจะตักอาหารอย่างไรล่ะ
เทพินเหมือนจะเดาความคิดอีกฝ่ายออก เขาหัวเราะ ออกมาอย่างขบขัน จิ้งจอกอสูรตนนี้ของเขานอกจาก หน้าตาดีแล้วอย่างอื่นก็ดูไม่ได้เรื่องเลย แถมยังตะกละ อีก ใครเลี้ยงมากันถึงได้เป็นอย่างนี้…
อ้อ ก็เขาเองนี่หว่า เลี้ยงมาตั้งเกือบเก้าปีแล้วด้วย… เวร
กรรม
หลังจากกินอาหารจนอิ่มหนำแล้วพวกเขาก็กลับไปที่ โรงแรมกันอีกครั้ง เนื่องจากไม่จำเป็นต้องไปสำรวจสถาน ที่อีก ทั้งยังไม่อยากไปเจอไกราผู้ได้พลังเปื้อนมลทินของ เทพด้วย เขาควรกลับมาพักผ่อนเอาแรงก่อนเริ่มเวลางาน
เวลางานจะเริ่มต้นเมื่องานเทศกาลเริ่มขึ้น หรือก็คือหลัง พระอาทิตย์ตกดิน มันเป็นช่วงเวลาที่ปีศาจจะมีพลังมาก และตอนนั้นจะเป็นเวลาที่พวกมันอาละวาด ไกราสาย อาณาเขตจะสร้างเขตแดนพิเศษรูปแบบหนึ่งที่ถูกเรียกว่า ‘อาณาเขตทับซ้อน’ เมื่อถึงตอนนั้นชาวบ้านทั่วไปจะไม่ได้ รับผลกระทบต่อการต่อสู้ใด ๆ ไม่ได้มองเห็นการต่อสู้ใน อาณาเขตทับซ้อน แต่คนในเขตทับซ้อนยังสามารถมอง เห็นและรับรู้ได้ถึงชาวบ้านทั่วไป
อาณาเขตนี้ปีศาจ อสูรและไกราเข้าไปได้แต่ออกไม่ได้ จนกว่าผู้สร้างจะปลดอาณาเขตด้วยตนเอง ยิ่งไกราสาย อาณาเขตที่สร้างอาณาเขตนี้มีมากเท่าไร อาณาเขตก็ยิ่ง แข็งแกร่งยิ่งพังออกมายากมากเท่านั้น
แต่อาณาเขตก็ยังมีข้อเสีย ความเสียหายที่เกิดกับพื้น ดินหรือวัตถุจะยังเกิดขึ้นอยู่ มันจะไม่เกิดกับสิ่งมีชีวิต เท่านั้น เพราะงั้นเลยต้องมีอาณาเขตอีกชั้นเพื่อดึงเอา ความเสียหายที่เกิดขึ้นไว้ที่อื่น จุดนี้นัดแนะกันเรียบร้อย ห่างจากงานเทศกาลและอาณาเขตร่วมหนึ่งกิโลเมตร
“ไอ้หนูเทน เจอกันอีกแล้วเนอะ” ชายทั้งสองที่รับงานนี้ มาด้วยยิ้มและโบกมือทักทายเด็กหนุ่มอย่างคุ้นเคย
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ