บทที่37:เล่นลูกไม้หลอกลวงเบื้องบน แกล้ง ระรานผู้ที่อยู่ใต้บังคับบัญชา
บทที่37:เล่นลูกไม้หลอกลวงเบื้องบน แกล้งระรานผู้ที่ อยู่ใต้บังคับบัญชา
คุณหมอออกมาจากห้องฉุกเฉิน: “คุณเป็นญาติของผู้ ป่วยใช่มั้ยครับ?”
ฉินมู่มู่ลังเลไปครู่หนึ่ง: “ฉันเป็นเพื่อนร่วมงานของเธอค่ะ เธอ ไม่เป็นไรใช่มั้ยคะ?”
คุณหมอที่ใส่เสื้อกาวน์สีหน้าไม่ค่อยดี: “คุณแจ้งให้ญาติ ของเธอเถอะครับ”
ฉินมู่มู่ฟังปุ๊บ สีหน้าก็ขาวซีดขึ้นมาทันที: “คุณหมอ เธอ สาหัสมากเลยเหรอคะ?” รู้สึกหงุดหงิดไม่สบายใจ ถ้า เงี่ยนถงตาย…………งั้นเธอ ก็ฆ่าคนแล้วน่ะสิ?
ไม่ ไม่ใช่ ไม่ใช่เธอ เจี่ยนถงล้มหัวฟาดพื้นเอง ไม่เกี่ยว กับเธอ เธอก็แค่ส่งคนมาที่โรงพยาบาลเฉยๆ
ถ้าให้คนรู้ว่าเรื่องของเงี่ยนถงเกี่ยวข้องกับเธอ งั้นเธอ ทางมหาลัยต้องไล่เธอออกแน่ๆ
เธอพยายามมานานหลายปี กว่าจะสอบเข้ามหา ลัยSไม่ใช่ง่ายๆ จะกลายเป็นแบบนี้ได้ยังไง!
นาทีนี้ ในหัวของฉินมู่ดู่ยุ่งเหยิงไปหมด คิดอะไรไปเยอะ มาก ถ้าเงี่ยนกงเกิดเรื่อง ถูกคนรู้เข้าว่าเกี่ยวข้องกับเธอ งั้นเธอก็ต้องเผชิญหน้ากับทุกอย่าง ฉินมู่มู่ถึงขั้นนึกถึง เซียวเหิงว่าเซียวเห่งจะมองเธอยังไง?
“คุณหมอคะ เงี่ยนถง…….ก็คือเพื่อนร่วมงานฉันคนนั้น เธอหมดหนทางรอดแล้วจริงๆเหรอคะ?”
คุณหมอขมวดคิ้ว มองฉินมู่มู่ด้วยความแปลกใจ: “ใคร
บอกคุณว่าเธอหมดหนทางรอดแล้ว?”
“แล้ว แล้วทำไมคุณหมอให้ฉันแจ้งให้ญาติทราบล่ะคะ?” ความหมายที่บอกว่าแจ้งให้ญาติทราบ ก็ไม่ใช่แปลว่าคน ใกล้ตายแล้วเหรอ?
“คนไข้ที่อยู่ด้านในเป็นเพื่อนร่วมงานของคุณ บาดแผล ตรงหน้าผากเธอค่อนข้างใหญ่ ส่งมาที่โรงพยาบาลช้า ไปหน่อย เลยทำให้เสียเลือดไปค่อนข้างมาก แต่นี่ไม่ใช่ ปัญหาใหญ่ ปัญหาใหญ่ที่สุดคือเธอเป็นไข้สูง อีกอย่างดู อาการแล้วน่าจะเป็นไข้มาอย่างน้อยคืนหนึ่งแล้ว พอเป็น แบบนี้ เธอก็ต้องพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลดีๆ ถ้าไม่มีคน คอยดูแลจะทำยังไง?”
ฉินมู่มู่ฟังคำพูดของคุณหมอด้วยความตื่นเต้น หัวใจที่ เหมือนแขวนอยู่กลางอากาศถือว่าได้วางลงมาเสียที เธอ รีบพูด: “ฉัน ฉันดูแลเธอเองค่ะ เอ่อคือ…..เธอไม่มีญาติ ฉันเป็นเพื่อนร่วมหอของเธอ งั้นฉันดูแลเธอเอง
เถอะ”
เงี่ยนถงไม่มีญาติและเพื่อน เรื่องนี้ยังเป็นตอนที่เธอคุย กับเงี่ยนกง เงี่ยนถงเคยพูดขึ้นมาลอยๆ ฉินมู่มู่ยังจำได้
อยู่
คุณหมอมองดูฉินปูมู่ทีหนึ่ง แววตาอ่อนโยนขี้น: “คุณ นี่เป็นคนจิตใจดีคนหนึ่งเลยนะเนี่ย ในเมื่อคุณยอมดูแล คนไข้ งั้นก็ไม่มีปัญหาแล้ว งั้นคุณไปจัดการเรื่องเข้าพักที่ โรงพยาบาลเถอะ”
“โอเคค่ะ ฉันจะไปทำเรื่องเดี๋ยวนี้เลยค่ะ”
ฉินมู่มู่เอาของเสร็จก็ไปทำเรื่องเข้าพักโรงพยาบาลเลย ค่ารักษาค่อนข้างที่จะแพงอยู่ ทำให้เธอเจ็บใจไปยกใหญ่ มองดูจำนวนเงินที่สูญหายไปจากบัตรเครดิต ทั้งเจ็บใจ และบ่นว่า: เชอะ แกนี่ยืนดีๆหน่อยไม่ได้รึยังไงนะ
เงินพวกนี้ เป็นเงินเดือนทั้งเดือนของเธอเลยเชียวนะ เดือนนี้ถือว่าทำงานฟรีๆแล้ว
บ่นพึมพำไปด้วย และเดินไปดูเจี่ยนถงที่ยังนอนสลบอยู่ ไปด้วย จากนั้นก็ออกจากโรงพยาบาลทันที และเดินทาง ไปที่ตงหวงนานาชาติตงหวง
“เธอว่าเจียนถงเป็นอะไรนะ?” ฉินมู่มู่มาหาผู้จัดการ แผนกประชาสัมพันธ์ และช่วยเจี่ยนถงลางาน เธอพูด เพียงว่าเจี่ยนถงไม่ค่อยสบาย ล้มหัวฟาดพื้น และต้องพัก รักษาตัวที่โรงพยาบาล
ทางฝั่งของผู้จัดการแผนกประชาสัมพันธ์กีงานยุ่ง ยิ่ง โดยเฉพาะแค่เงี่ยนถงที่เดิมทีเป็นแค่พนักงานทำความ สะอาด ก็ไม่รู้ว่าตอนนั้นพี่เพิ่งคิดยังไง ถึงได้เอาคนที่จุด ไหนก็ไม่เข้าเกณฑ์ยัดเข้ามาที่แผนกประชาสัมพันธ์
สรุปก็คือ เดิมทีผู้จัดการของฝ่ายประชาสัมพันธ์ก็ไม่มี ความรู้สึกดีๆอะไรกับเจี่ยนถงอยู่แล้ว ยิ่งไปกว่านั้นต่อมา เพราะเรื่องที่เจี่ยนถงก่อขึ้นมา ยังทำให้เธอต้องเสียลูก น้องสองคนที่ไม่เลวไปอีก
เจินเจินเป็นคนที่มีความสามารถ ลู่น่ายิ่งเป็นคนเก่าคน แก่ที่อยู่ตงหวงมานาน ไม่รู้จริงๆว่าพี่เพิ่งคิดยังไง เพื่อ เจี่ยนถงที่ไร้ประโยชน์ใช้งาน ก็ไล่สองคนนี้ออกไปเลย
“ช่างเถอะๆ เธอให้เจี่ยนถงพักฟื้นร่างกายดีๆเถอะ อย่า เพิ่งคิดเรื่องที่คลับเฮาส์เลย ดีที่สุดพักผ่อนนานๆหน่อย แล้วค่อยกลับมา” ทำให้ฉินมู่ลู่จากไปเสร็จ ผู้จัดการฝ่ายประชาสัมพันธ์ก็ยุ่งกับงานอย่างอื่นต่อ และทิ้งเรื่องนี้ไป ไว้ที่ด้านหลัง
ซูเมิ่งเดินวนอยู่ในคลับเฮาส์ไปสองรอบ ขมวดคิ้วแน่น แปลกจังทําไมถึงไม่เห็นเงี่ยนดงเลย
“นี่ เธออย่าเพิ่งไป” บังเอิญที่ผู้จัดการแผนก ประชาสัมพันธ์กำลังจะเดินเข้าลิฟต์ ถูก เมิ่งเจอเข้าพอดี เลยเรียกเธอเอาไว้: “เห็นเจี่ยนถงมั้ย?”
ผู้จัดการแผนกประชาสัมพันธ์หันไปมองว่าคือใคร พอเห็นว่าเป็นว่าซูเมิ่ง เธอหยุดไปครู่หนึ่งแล้วพูดว่า: “วันนี้เจี่ยนถงลางานค่ะ รู้สึกว่าเหนื่อย เลยอยากพัก ผ่อนสักหน่อยค่ะ” ลังเลไปอีกครู่หนึ่ง ผู้จัดการแผนก ประชาสัมพันธ์ได้พูดกับซูเมิ่งอย่างระมัดระวัง:
“พี่เมิ่ง เจียนถงคนนี้ ตั้งแต่มาถึงที่แผนกประชาสัมพันธ์ ก็มีเรื่องวุ่นวายเต็มไปหมด ฉันดูแล้วเธอน่าจะไม่ชินกับ แผนกของเราค่ะ สู้…..ายเธอไปแผนกอื่นเถอะมั้งคะ”
ไม่ชอบเจี่ยนถงคนนี้จริงๆ ห่อเหี่ยวไร้ชีวิตชีวาทั้งวัน อีก ทั้งยังใส่เสื้อมิดชิดห่อหุ้มตัวเองไว้แน่นทั้งวัน ระหว่าง คิ้วแฝงด้วยความกลุ้มใจ เอาแต่หน้าบูดบึ้งทั้งวัน อีก ทั้งหน้าตาและหุ่นก็ไม่ดี ลูกค้าจะชอบเหรอ เอาเธอไว้ นอกจากจะก่อเรื่องแล้ว มีแต่จะฉุดให้ระดับผลดำเนินงาน ของแผนกเธอ ลง
ช่วงนี้ ตั้งแต่เงี่ยนถงคนนี้มาถึงที่แผนกประชาสัมพันธ์ เธอก็ถูกแผนกอื่นหัวเราะเยาะอยู่บ่อยครั้ง แถมยังมีลูกค้า บางคนถามเธอด้วยว่า: “แผนประชาสัมพันธ์ของพวก เธอนี่ไม่มีคนแล้วเหรอ ทำไมคนที่หน้าตาสารรูปแบบนี้ก็ สามารถเข้ามาที่แผนกประชาสัมพันธ์ของพวกเธอด้วย”
นาทีนี้ ผู้จัดการแผนกประชาสัมพันธ์บ่นให้ซูเมิ่งฟังอย่าง ระมัดระวัง ซูเมิ่งจะไม่เข้าใจได้ยังไงว่าลูกน้องเธอคนนี้ กําลังเติมพริกเติมเกลือ ฟ้องเรื่องของเงี่ยนถงให้เธอฟัง
ตอนนี้ ใบหน้าสะสวยของซูเมิ่งมีรอยยิ้มที่เป็นมาตรฐาน ออกมา——รอยยิ้มที่เพอร์เฟคจนหาความผิดไม่เจอ:
“ผู้จัดการสวี่ เจียนถงเป็นคนที่ฉันเสียบเข้ามาที่แผนก ประชาสัมพันธ์เองกับมือ ทำไม ผู้จัดการสวี่มีความคิดเห็น กับการเลือกของฉัน? หรือว่ามีความคิดเห็นกับแววของ ฉัน?”
นาทีนี้ รอยยิ้มที่เอาใจของผู้จัดการสวี่ก็แข็งทื่อไว้แล้ว บนหน้าผากมีเหงื่อซึมออกมา เธอรีบปฏิเสธ: “เปล่าๆๆ เปล่าค่ะ ในเมื่อพี่เมิ่งมีความมั่นใจในตัวเธอ งั้นฉันก็ทุ่มเท เวลาอบรมสั่งสอนเธออีกหน่อยก็แล้วกัน พี่เมิ่ง ฉันขอตัว ก่อนนะคะ ประธานหลี่ยังรอฉันอยู่ค่ะ”
ผู้จัดการสวี่หันหลังจากไป เดินไปด้วย ในใจก็รู้สึก เพราะไม่ยุติธรรมด้วย ก็แค่พนักงานทำความสะอาดคนหนึ่งไม่ใช่เหรอ เธอดูไม่ออกจริงๆว่าเงี่ยนกงคนนี้มีพลัง วิเศษอะไร ถึงได้ทำให้พี่เมิ่งมั่นใจในตัวเธอขนาดนี้
ผู้จัดการสวี่ไม่ได้รู้สึกถึง ที่ซูเมิ่งดูแลเจี่ยนถงขนาดนี้ ไม่ใช่เพราะมั่นใจในตัวเงี่ยนถง เรียบง่ายแบบนี้เด็ดขาด แต่ว่านี่ก็ไม่โทษผู้จัดการสวี่หรอก ไม่ว่าใครที่เห็นเงี่ยนถง ในวันนี้ ก็ดูไม่เข้าตาทั้งนั้น ถ้าเทียบกับเมื่อสามปีก่อน การเปลี่ยนแปลงของเธอเยอะมากจริงๆ
ซูเมิ่งยืนอยู่ที่เดิม ฟังเรื่องที่ผู้จัดการแผนก ประชาสัมพันธ์รายงานกับเธอว่าเงี่ยนถงจะลางานสองวัน เธอก็ยังรู้สึกค่อนข้างอุ่นใจอยู่ ในที่สุด ยัยโง่คนนี้ก็รู้จัก รักตัวเองแล้ว
“ยังดีที่ยังรู้จักเหนื่อย ยังมีทางรอดอยู่” ซูเมิ่งจับจมูก อย่างอุ่นใจ เธอกลัวที่สุดก็คือเจี่ยนถงยัยผู้หญิงโง่คนนั้น จะวิ่งมาบอกกับเธอว่า: พี่เมิ่ง มีงานหรือเปล่าคะ ฉันทำได้ ทุกอย่างค่ะ
“ค่อยยังชั่วๆ” ซูเมิ่งโล่งอกไปที อารมณ์ก็ดีขึ้น
ตอนที่ฉินมู่มู่ลงมาชั้นล่าง เห็นเพื่อนร่วมงานคนหนึ่ง พอดี ขึงได้เกิดความคิดและเรียกคนเอาไว้: “เสี่ยวเสี่ยว วันนี้คุณเซียวไม่มาเหรอ?”
เสี่ยวเสี่ยวก็คือ”เพื่อนสนิท”ที่ก่อนหน้าถูกฉินมู่มู่มองว่าเป็น ผู้ทรยศ” และเป็นพนักงานที่ถูกอันนี้เรียกตัวไปคน นั้น ในขณะที่ดิน มู่กำลังพูดถึงเรื่องของเจินเจินกับลู่น่า
“เปล่านี่ ฉันไม่ได้ยินพวกเธอบอกว่าคุณเซียวจะมานะ ถ้าคุณเฑียวมาล่ะก็ สาวๆพวกนั้นต้องรู้แน่นอน” เสี่ยว เสี่ยวพูดอย่างไม่มีเล่ห์เหลี่ยม :“มู่มู่ เธอ….ก็ชอบคุณ เชียวเหรอ”
แววตาของฉินมู่มู่พริบตาเดียวก็มีแสงของความเฉียบคมระยิบระยัอยู่…..เธอก็ชอบคุณเซียวด้วยเหรอ?
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ