รักทรหด นายปีศาจสุดร้าย

บทที่ 36 ไร้ยางอาย



บทที่ 36 ไร้ยางอาย

บทที่36 ไร้ยางอาย

ฉินมู่มู่หายใจหอบอย่างแรง ดวงตานูนออกมา ใบหน้า สะสวยโมโหจนแดงก่ำ

สีหน้ายิ่งร้ายกายขึ้น:“นี่แกว่าที่ฉันมีไม่ใช่ความรัก แล้ว

แบบที่สําคมขายตัวอย่างแกก็คือความรักงั้นเหรอ?”

ถึงจะเป็นเจี่ยนถงก็เถอะ ก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วเล็ก น้อย ใครบอกว่าความรักของฉินมู่มู่ไม่ใช่ความรัก?

ตัวเองแค่ถามเธอเฉยๆ ว่าความรักนี้มีความรักจริงอยู่ เท่าไหร่กันแน่

เจียนถงก้มหน้าลง เวลาสามปีสามารถขจัดความเย่อ หยิ่งของเงี่ยนถงไปจนหมดสิ้น กลับขจัดความฉลาดของ เธอไปไม่ได้

เห็นได้ชัดมาก ที่ฉินมู่มู่อารมณ์ขึ้นขนาดนี้ งั้นความเป็น ไปได้อย่างเดียวก็คือ คำพูดที่ตัวเองพูดคำนี้ ทิ่มแทงใจ เธอพอดี

เงี่ยนถงส่ายหน้า
“แกส่ายหน้าหาไม? ผู้หญิงที่ต่ำตมถึงขั้นเพื่อเงิน แล้วกระดิกหางประจบสอพลอ และยั่วผู้ชายไปทั่วยัง ไม่พออย่างแก มีสิทธิ์อะไรมาส่ายหน้า? แกส่ายหน้านี่ หมายความว่ายังไง?แกปฏิเสธฉัน? เจี่ยนถง ฉันจะบอก แกให้นะ คนทั้งโลกสามารถดูถูกแกได้ แต่แกไม่มีสิทธ์ ดูถูกใครทั้งสิ้น”

เจี่ยนถงตัวสั่น ศีรษะที่ก้มลงไปยิ่งอยู่ยิ่งเหงาหงอยเศร้า ซึม คนทั้งโลกสามารถดูถูกเธอได้ แต่เธอกลับไม่มีสิทธิ์ ไปดูถูกใครทั้งสิ้น

เสิ่นซิวจิ่น คุณพอใจหรือยัง?

………ไม่แน่ นี่ก็คือเจี่ยนถงที่คุณอยากได้ หลับตาลง ในหัวของเธอมีแต่คำว่า——เงิน!

ไม่มีเงินอะไรก็ไร้ค่า พอมีเงิน……..ก็มีทุกอย่าง………..

ฉินมู่มู่กวาดสายตามาที่เจี่ยนถงด้วยความรังเกียจ มอง เจี่ยนถงที่สภาพเหมือนหมาข้างถนน ทันใดนั้นรู้สึก สะอิดสะเอียนขึ้นมาทันที เธอแบะปาก:

“สรุปแกจำเอาไว้ด้วยว่าแกเป็นแค่คนขาเป๋ อย่าหวังลมๆ แล้งๆที่จะไปยั่วสวาทเซียวเหิงอีก” พอพูดจบ ก็หันก้นเดิน ไปที่ห้องนอนของตัวเองอย่างเย็นชา ทิ้งร่างเงาที่เย็นชาไว้ให้เงี่ยนถง

เงี่ยนถงนวดระหว่างคิ้ว ไม่มีเวลาสนใจอย่างอื่น เธอ อาบน้ำร้อนเสร็จ ก็เอาตัวเองหดตัวเข้าไปในผ้าห่ม

อากาศอย่างนี้ ไม่เปิดแอร์ก็ยังร้อนแทบแย่ แต่เงี่ยนถงก ลับรู้สึกหนาวจนตัวสั่น

ยิ่งหดตัวเองเป็นก้อนขึ้นไปอีก เหมือนหดเป็นก้อนอย่าง นี้ ก็จะสามารถได้รับความอบอุ่น

นอกหน้าต่างไม่รู้นกฮวยบี้ที่บ้านใครเลี้ยงกำลังร้อง เจี๊ยวจ๊าวอยู่ เธอหลับลึกภายใต้เสียงร้องนี้

“เฮ้ย เฮ้ย! ตื่น!”

การผลักดันที่ไม่เกรงใจ เจี่ยนถงถูกผลักจนตื่น พอ ลืมตาขึ้นมาก็เห็นฉินมู่มู่

สะลึมสะลือ ในหัวยังไข้ขึ้นจนจะระเบิด เธอไม่ทันได้คิด อย่างละเอียด ก็พูดพึมพำคำหนึ่ง:

“อย่าผลัก เวียนหัว

ฉินมู่มู่ผลักมือของเธอ นิ่งไปครู่หนึ่ง วินาทีต่อมาก็หัวเราะเย้ยหยัน

“แกนึกว่าฉันอยากมาที่ห้องแกมากงั้นเหรอ รีบตื่นขึ้นมา เร็ว ถึงเวลาทำงานแล้ว นอนเหมือนหมูตายอยู่ได้ นี่มันกี่ โมงเยามแล้ว ไม่ทำงานรึยังไง?

ครั้งก่อนแกไม่ไปทำงาน ทำให้ฉันถูกพี่เพิ่งด่า ฉันไม่ อยากถูกพี่เพิ่งด่าเพราะแกอีก แกรีบลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้ แต่ง เนื้อแต่งตัวแล้วรีบไปเร็วเข้า

ทํางาน?

ทํางาน!

เจี่ยนถงที่เป็นไข้จนสะลึมสะลือ ตอนที่ได้ยินฉินมู่มู่พูด เป็นชุด ในสมองยิ่งวุ่นวายเข้าไปอีก

ในความสะลึมสะลือ “ทำงาน”สองคำนี้ กลับเหมือน ระเบิดลูกหนึ่ง ที่ระเบิดจนเธอตื่นตัวขึ้นมาเยอะ เลย……..ทํางาน!

ดึงผ้าห่มออกและลุกจากเตียง เพราะลุกขึ้นมาอย่างเร่ง รีบเกินไป แถมยังปวดไปทั้งเนื้อทั้งตัว ทันใดนั้นเกือบจะ ล้มลงพื้น
ฉินมู่มู่ขมวดคิ้ว และพูดอย่างไม่พอใจ: “แกเร็วหน่อย ชักช้าอยู่ได้ มัวแต่เล่นละครอะไรอยู่ ที่นี่ไม่มีผู้ชายสัก หน่อย แกเล่นละครให้ใครดู?”

เจี่ยนถงปล่อยให้ฉินมู่มู่เหน็บแนมอย่างตามใจชอบ สวม ใส่เสื้อทีละตัวอย่างเงียบๆ และเปลี่ยนรองเท้า

“ก็แค่ตากฝนมาหน่อย? สูงส่งขนาดนี้เลยเหรอ? ฉัน ก็เคยตากฝนมาเหมือนกัน ก็ไม่เห็นจะเป็นเหมือนแก เลย มีแต่แกคนเดียวที่สูงส่งใช่มั้ย?” ฉินมู่มู่ยังเหน็บแนม เจียนถงต่อ

เจี่ยนถงนวดศีรษะด้วยความปวดหัว จู่ๆเธอหันหลัง: “ฉิน มู่ดู่ เธอรู้มั้ยว่าโลกใบนี้ ไม่มีคนชอบผู้หญิงที่พูดจาประชด ประชันและเย็นชาหรอก เธออยากให้เซียวเหิงมีความ รู้สึกดีๆกับเธอ งั้นก็แก้เถอะ”

พอพูดจบ เจี่ยนถงได้เตรียมใจที่จะถูกฉินมู่มู่เหยียด หยามอย่างไม่เกรงใจแล้ว

แต่แปลก วันนี้เธอยังไงก็จะเอาแต่ใจ

สมัยเด็กตอนที่ป่วย พี่ชายบอกว่า: ตอนที่ไม่สบาย สามารถเอาแต่ใจได้

ตอนนั้นเธอติดเสิ่นซิวจิ่นมาก ที่จริงเธอรู้ว่าเสิ่นซิวจิ๋นรำคาญเธอมาก

แต่ครั้งนั้นไม่สบาย เธอราวีเขาว่าจะพักเที่ยง เธอ รู้ว่าเขาก็รำคาญเธอมาก แต่เธอก็จะราวีเขาอยู่นั่นแหละ ใช้คําพูดของพี่ชายคุยโอ้อวดอย่างไร้ยางอาย: คนที่ป่วย มีสิทธิ์เอาแต่ใจได้ ฉันไม่สบาย ถ้าพี่ไม่นอนพักเที่ยงกับ ฉัน อาการป่วยของฉันก็จะไม่หาย

เจิ่นซิวจิ่นรับปากว่าจะนอนพักเที่ยงกับเธอจริงๆอย่างไม่ เคยมีมาก่อน

พอเธอได้ลิ้มรสถึงความหวานแล้ว ก็แกล้งอาบนํ้าเย็น ทําให้ตัวเองป่วย แต่ว่า ไม่ได้สมหวังดังใจปรารถนาอีกต่อ ไป

เจี่ยนถงจมเข้าไปในความทรงของที่ผ่านมาอย่างไม่รู้ ตัว คำพูดที่หยาบกระด้างต่างๆนาๆของฉินมู่มู่ เธอก็ฟังไม่ เข้าหูแล้ว

“เจี่ยนถง เมื่อกี้แกด่าฉันว่าพูดจาประชดประชันและ ทําตัวเย็นชา ตอนนี้ก็จะแกล้งโง่งั้นเหรอ?!”

เสียงของฉินมู่มู่แหลมคม ตามมาด้วยเสียงตื่นตระหนก ของเจียนถง……….
ศีรษะโขกโดนลูกบิดประตู เงี่ยนถงร้องซี้ด” และ สูดอาการเข้าทางปาก หันหน้าไปมองฉินมู่มู่ที่สีหน้า

มีของอุ่นๆอะไรสักอย่างไหลลงมาจากหน้าผาก โลก คลุมด้วยเยื่อหุ้มเซลล์สีแดง……..…………ใบหน้าสะสวย ของฉินมู่มู่ มีความช็อกที่ยิ่งอยู่ยิ่งเข้มข้นขึ้น ยิ่งอยู่ยิ่ง หวาดกลัวขึ้น

เป็นอะไรไป………เป็นอะไรไปกันแน่………..

“อ๊า~ไม่ใช่ฉัน! ไม่เกี่ยวกับฉันนะ! แกยืนไม่นิ่งเอง ไม่ เกี่ยวกับฉัน ไม่เกี่ยวกับฉันจริงๆ! ! !”

สายตาของเงี่ยนถงยิ่งอยู่ยิ่งพร่ามัว ไม่นึกเลยว่าภาพ สุดท้ายที่เห็น จะเป็นภาพที่ฉินมู่ดู่วิ่งออกไปด้วยสีหน้าที่ เต็มไปด้วยความรีบร้อนและตื่นตกใจจนทำอะไรไม่ถูก

สายตายิ่งอยู่ยิ่งพร่ามัว เธอยังงันมาก……เป็นอะไร ไป? ฉินมู่ดู่เป็นอะไรไป?

อ๋อ……..รู้สึกง่วงนอน……….

“พี่เมิ่ง ฉันจะขอลางานค่ะ” พูดพึมพำแผ่วเบาอย่างกับไม่ ได้พูด ยิ่งอยู่ยิ่งเบา สุดท้าย แม้แต่เธอเองก็ไม่รู้แล้วว่าตัว เองพูดอะไรไปบ้าง………
“กริบๆๆ” เสียงฝีเท้าที่โกลาหล ยิ่งอยู่ยิ่งใกล้ ร่างเงาหนึ่ง ยืนอยู่ที่ตรงหน้าของเงี่ยนถง โน้มตัวไว้และหายใจหอบ คำโต:

“ไม่เกี่ยวกับฉัน แกยืนไม่นิ่งเอง ใช่ ใช่! เป็นแบบนี้แหละ ไม่เกี่ยวกับฉัน ใครจะไปรู้ว่าแค่แตะแกเบาๆ แกก็สะดุด ล้มลงไปเลย”

ฉินมู่มู่วกไปวนมา คอยหายใจหอบไปด้วย และมองดู เจี่ยนถงที่ล้มอยู่บนพื้นอย่างสับสนวุ่นวายไปด้วย มองดู เลือดที่เอ่อล้นออกมาจากหน้าผากของเงี่ยนถง เธอหยิบ มือถือออกมาอยากโทรหา 120

บนหน้าจอ สายโทรออก 120″ กำลัง “ตุ๊ด-ตุ๊ด—” เตรียมเข้าสู่การรับสาย แต่จู่ๆนึกอะไรขึ้นมาได้ ฉินมู่มู่ สีหน้าเปลี่ยน และกดปุ่มวางสายโดยที่ไม่มีการลังเลเลย

ดวงตาทั้งคู่ของเธอจ้องเจี่ยนถงที่ไม่มีการรับรู้อย่าง ลังเลและโกลาหลจนดูไม่ได้ จู่ๆเธอกัดฟันและนั่งยองๆ เตรียมตัวใช้แรงลากเงี่ยนถงขึ้นมา

ฉินมู่มู่แทบจะออกแรงอย่างสุดกำลัง แค่อาศัยแรงของ เธอนี่ลากเจี่ยนถงไม่ขึ้นหรอก

แต่พอเธอใช้แรงปุ๊บ วินาทีต่อก็ตกตะลึงเลย ก้มหน้าดูเงี่ยนถง……..เบาขนาดนี้เลย?

ไม่สนแล้ว จัดการคนสำคัญกว่า!

ไม่ทันคิดอย่างละเอียด ฉินมู่มู่ลากเงี่ยนถงขึ้น ให้ ร่างกายครึ่งซีกของเจี่ยนถงซบอยู่ที่ไหล่ของตัวเอง ออก จากประตูห้องอย่างไว และเดินไปที่ทิศทางของบันได

จากนั้นก็โบกรถเรียกแท็กซี่ และส่งคนไปโรงพยาบาล

ฉินมู่มู่สีหน้าซับซ้อน ลังเลไปครู่หนึ่ง พอตัดสินแน่วแน่ ปุ๊บก็หยิบมือถือขึ้นมา โทรหาหัวหน้าคนงานโดยตรง:

“พี่ลู่ วันนี้ฉันจะขอลางานค่ะ พอดีเพื่อนร่วมห้องของฉัน ไม่สบาย ตอนที่เธอออกจากห้องไม่ทันระวังสะดุดล้มหัว ฟาดพื้น โชคดีที่ฉันลืมพกแบตสำรอง แล้วกลับไปเอาที่ ห้อง พอกลับไปถึงที่ห้องพบเจอเข้าพอดีเลยพาเธอมา ส่งที่โรงพยาบาลได้ทัน ตอนนี้ฉันอยู่เป็นเพื่อนเธอที่โรง พยาบาล…………ค่ะ เดี๋ยวทางนี้จัดการเสร็จ ฉันยังต้อง ไปที่คลับเฮ้าส์เที่ยวหนึ่ง ไปช่วยเธอลางาน……..ได้ค่ะ ฉัน รู้แล้วค่ะ เธอเป็นเพื่อนร่วมห้องของฉัน ฉันจะดูแลเธอให้ ดีเลยค่ะ”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ