รักทรหด นายปีศาจสุดร้าย

บทที่ 53 คุณรู้ไหมว่าใครเป็นคนช่วยเจี่ยนถงอ อกมา



บทที่ 53 คุณรู้ไหมว่าใครเป็นคนช่วยเจี่ยนถงอ อกมา

บทที่ 53 คุณรู้ไหมว่าใครเป็นคนช่วยเจี่ยนถงออกมา

ซูเมิ่งไปที่แผนกประชาสัมพันธ์อย่างรีบร้อนราวกับเป็น พลุที่ถูกจุด เมื่อผ่านใครต่อใครก็พากันซุบซิบ “นี่พี่ซูเขา เป็นอะไรไปน่ะ”

“ไม่รู้สิ”

“ดูเหมือนว่าพี่ซูจะไปทางแผนกประชาสัมพันธ์นะ”

“ไม่ใช่ว่าคนทําความสะอาดก่อเรื่องอะไรเข้าอีกนะ”

“พวกเธออย่าพูดถึงเจี่ยนถงลับหลังอย่างนั้นสิ เขาตั้งใจ ทํางานอย่างแข็งขัน ไปขัดอะไรพวกเธอรึไงหึม” อันนี้ ถอนหายใจอย่างไม่สบอารมณ์นัก “เราเป็นแค่พนักงาน บริการ ทำหน้าที่ในฐานะคนให้บริการก็พอแล้ว มัวปาก พล่อย ถึงเวลาจะไม่มีใครช่วยพวกเธอเอานะ”

เมื่อพูดจบ เห็นได้ชัดเจนว่าหางตาของเธอมองไปที่ ฉินมู่มู่ “รีบไปที่โต๊ะเบอร์สามเร็ว คนอื่นๆถามถึงเธอน่ะ เครื่องดื่มที่ฉันสั่งไป รอนานแล้วยังไม่ได้เลย ”

ฉินมู่มู่ตัวสั่นเทา หลังจากที่กลับมาจากที่ชั้นพิเศษก็พบ ว่ามีบางอย่างผิดปกติ การแสดงออกของคนรอบข้างดูไม่เหมือนคนที่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นที่นั่น แม้ว่าจะไม่รู้ว่าที่ ชั้นหกเกิดเรื่องอะไรขึ้น แต่ก็สามารถไหลไปตามน้ำได้

ไม่จําเป็นต้องคิดเลย แน่นอนว่าข่าวถูกปิดกั้นจากเบื้อง

บน

ดังนั้นในตอนนี้ จึงมีเพียงแค่ฉินมู่มู่คนเดียวเท่านั้นที่รู้ว่า เกิดอะไรขึ้นกับเจ้าหน้าที่ของตงหวง

บางที ยังมีพนักงานบางส่วนที่รู้ว่ามีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้น ที่ชั้นหก ในช่วงเวลาที่เกิดเหตุ ที่ห้องชั้นพิเศษเปิดให้คน ทั่วไปเข้าไป ในท้ายที่สุดส่วนน้ำพวกนั้นเปิดประตูห้อง พิเศษออก และท่วมไปทุกที่ของทางเดิน

แต่ฉินมู่ดู่ไม่จำเป็นต้องคิดเลย เพราะคนที่ทราบเรื่อง นี้ ล้วนได้รับคำเตือนแล้วว่าห้ามไม่ให้แพร่งพรายข้อมูล ออกไป

เธอทั้งกลัวและโกรธจนตัวสั่น

ขณะที่อันนีพูดอยู่นั้น จู่ๆความกลัวและความโกรธของ เธอก็พรั่งพรูออกมา “อันนี บทที่เธอพูดถึงคนอื่น ทำไม ไม่หัดดูตัวเองซะบ้าง ว่าตัวเองทำในส่วนของตัวเองดีแล้ว หรือเปล่า”
“ทำไมฉันจะทำงานของตัวเองได้ไม่ดีไม่ทราบ” อันนีที่ อารมณ์ร้ายปากจัด แน่นอนว่าเธอไม่ปล่อยฉินมู่ดู่ไว้แน่

“ที่ชั้นหกของวันนี้ ควรเป็นเธอที่รับผิดชอบไม่ใช่หรือ ไง แล้วทำไมเธอไม่ไป กลับให้ฉันไปแทนอีกต่างหาก” ถ้าไม่ใช่เพราะเหตุนี้ ตอนนี้เธอก็คงไม่ต้องข้องเกี่ยวกับ ความวุ่นวายพวกนี้หรอก

เมื่อคิดได้เช่นนี้ เธอก็ยิ่งรู้สึกว่าวันนี้เธอรับกรรมแทนอัน นีเสียจริงๆ

“อันนี อย่างน้อยๆเธอก็ควรจะขอบคุณฉัน

อันนีมองไปที่ฉินมู่มู่ราวกับกำลังมองคนโง่อย่างไรอย่าง นั้น “นี่เธอจะบ้าเหรอ” อยากให้เธอขอบคุณฉินมู่มู่? เพราะเธอไปที่ชั้นหกแทนเธออย่างนั้นเหรอ

“บ้าไปแล้วเหรอ ทำไมฉันต้องขอบคุณเธอด้วย ที่ชั้นหก ได้ค่าตอบแทนมากที่สุด แต่ฉันกลับถูกแทนที่ไปอย่าง หน้าตาเฉย แล้วฉันยังต้องขอบคุณเธออีกงั้นเหรอย่ะ หรือว่าหัวของเธอกระแทกกับประตูจนฝันไปหรือไง”

ฝันไปเถอะ!

“เธอ เธอมันไม่รู้อะไรเลย! ” ฉินมู่มู่ตาแดงก่ำพลางชี้ไป ที่อันนี “เธอมันไม่รู้อะไรสักอย่าง! ไม่รู้เลยว่าวันนี้น่ะ วันนี้.……..

“วันนี้มันทำไม”

อันนีเลิกคิ้วขึ้น เธอมองไปที่ฉินมู่มู่อย่างไม่ชอบใจนัก ผู้ หญิงคนนี้โตมาหน้าตาใสซื่อ แล้วคิดว่าตัวเองเป็นสโน ไวท์ที่บริสุทธิ์และไร้เดียงสาหรือไงกัน เอาแต่นึกถึงแต่ตัว เองโดยไม่คําหนึ่งถึงตนอื่น

ดวงตาของฉินมู่มู่แดงก่ำไปด้วยความโกรธ แต่เธอไม่ สามารถพูดอะไรออกไปได้ เรื่องที่เกิดขึ้นที่ชั้นหกนั้นเป็น เรื่องใหญ่ จนถึงตอนนี้ ตงหวงยังคงเก็บเงียบและไม่มี ความเคลื่อนไหวใดๆ คนอื่นๆเองก็ไม่รู้อะไรเลยทั้งนั้น เธอที่ถึงแม้จะดูไม่ฉลาดนักแต่ก็รู้ดีว่าเรื่องนี้ เธอไม่ควร พูดมันออกไป

“อย่ามามองฉันแบบนี้นะ ที่ทําตาแดงก่าเหมือนกับ กระต่ายนั่น ถ้าใครมาเห็นเข้า จะเข้าใจว่าฉันกำลังกลั่น แกล้งเธอได้” หลังจากพูดจาเย้ยหยัน อันนีก็หันหลังกลับ และเดินจากไป โดยไม่ได้สนใจฉินมู่มู่อีก

ซูเมิ่งรีบวิ่งมาอย่างรวดเร็ว ทันทีที่มาถึงแผนก ประชาสัมพันธ์ ก็รีบเดินไปอย่างรีบร้อน
รองเท้าส้นเข็มตกกระทบกับพื้นกระเบื้องหินอ่อนจะ เกิดเสียงดังกึก ก๊ก กุ๊ก สีหน้าโกรธจัด ทุกคนในแผนก ประชาสัมพันธ์ต่างพากันจับจ้องไปที่ซูเมิ่งที่กำลังตรง มายังแผนก

เสียงกระแทกประตูดังลั่น ตามมาด้วยเสียงตวาด “ผู้จัด การสวี ฉันต้องการคำอธิบายจากคุณ!

ผู้จัดการสวี่ตกใจ พลางมองไปที่ซูเมิ่งที่จู่ๆก็ปรากฏ ตัวอย่างกะทันหัน “อะไรกัน พี่เพิ่ง

เสียง”ปัง”ดังขึ้นอีกครั้ง ซูเมิ่งเดินเข้าไปในห้องทำงาน เธอผลักประตูอย่างเต็มแรง โดยไม่สนเหล่าสายตาที่มอง มาอย่างตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม

เธอยืนกอดอกอยู่ที่หน้าประตู พลางมองไปที่ผู้จัดการส วี่อย่างเยือกเย็น “ใครอนุญาตให้เธอตัดสินใจให้เจี่ยนถง จัดการงานไม่ทราบ ไม่รู้หรือไงว่าเธอกำลังป่วยอยู่ ได้รับ อนุญาตจากฉันแล้วงั้นเหรอ”

เมื่อผู้จัดการสวี่ได้ยินอย่างนั้น และรู้ว่าที่ซูเมิ่งมาที่ นี่ก็เพราะเรื่องของเจี่ยนถงก็พลางรู้สึกโล่งใจและไม่ พอใจในเวลาเดียวกัน “พี่เมิ่ง ฉันเป็นผู้จัดการแผนก ประชาสัมพันธ์นะ ไม่มีสิทธิไปจัดการตารางเวลาของพนักงานคนไหนหรอก”

อย่าพูดเลยว่าวันนี้เธอไม่ได้จัดเตรียมงานให้เงี่ยนถง เพราะเธอได้เตรียมเอาไว้จริงๆ นอกจากนี้เธอยังมีสิทธิ และเป็นหัวหน้าของเงี่ยนถงโดยตรง

“เหอะๆ ที่ผู้จัดการสวี่พูดมาก็มีเหตุผล ฉันคงจะขัดอะไร ไม่ได้ เอางี้ละกัน ผู้จัดสวี่ พรุ่งนี้เธอไม่ต้องมาทำงานแล้ว นะ”

ผู้จัดการสวี่หันมองซูเมิ่งอย่างรวดเร็ว “ที่พี่เมิ่งพูด มัน หมายความว่าอะไร” เพราะแค่พนักงานถูกสั่งให้ทำงาน ขณะที่ป่วย ซูเมิ่งถึงเอ่ยปากไล่เธอเลยอย่างนั้นเหรอ

“ความหมายก็อย่างที่พูดนั่นแหละ พรุ่งนี้ผู้จัดการสวี่ไม่ ต้องมาทำงานแล้วนะ วันมะรืนก็ไม่ต้องมาด้วย วันต่อๆ ไปก็เหมือนกัน ไม่ต้องมาแล้ว ถ้าผู้จัดการสวี่ยังฟังไม่รู้ เรื่องอีกละกัน เอางี้ Y o u a r e f i r e d” ความ โกรธของซูเมิ่งนั่นยากที่จะจางหาย เธอเอียงคางพลาง เย้ยหยัน “U n d e r s t a nd?”

ผู้จัดการสวี่โกรธจนตัวสั่น ฝ่ามือตบลงบนโต๊ะจนเสียง “ปิ้ง” ดังลั่น เธอที่ตัวสั่นจากความโกรธก็ลุงขึ้นยืน “ซูเมิ่ง ชักจะแกล้งกันมากเกินไปแล้ว! ฉันทำผิดอะไร คิดว่าตัว เองพูดว่า f i r eก็f i r e อย่างนั้นเหรอ”
“ฉันให้เธอจัดการงานให้เงี่ยนถงงั้นเหรอ เธอเป็น หัวหน้าของเธอ ไม่รู้เรื่องที่เธอป่วยหรือไง”

“ถ้าป่วยก็ลาพักไปสิ แต่ในเมื่อเธอมาที่ตงหวง ต่อให้ กําลังป่วย ก็ต้องทํางาน”

ซูเมิ่งยิ้มเยาะ แม้ว่าเธอจะไม่เห็นด้วยที่ยัยสงี่ให้งาน พนักงานทั้งๆที่กำลังป่วย แต่ก็กลับชื่นชมในสิ่งที่ยัยสวี พูดออกมา

ดังนั้นพูดได้ว่า ถ้ายัยสวี่แค่จัดการงานให้ยัยบื่อนั่น เธอ ก็จะไม่มีความเห็นใด

แต่งานที่ยัยสวี่จัดการให้นั้นมันงานอะไรกัน!

“เพราะงั้นแล้ว เธอก็เลยให้พนักงานที่กำลังป่วย ไป ทำงานที่กลุ่มตู้ลี่ฉุนที่ชั้นพิเศษอย่างงั้นเหรอ” ซูเมิ่งพูด เสียด “คนภายนอกไม่รู้ว่าน่าระอาของกลุ่มตู้ลี่ฉุน ผู้จัดกา รสวี่ อย่าบอกนะว่าที่เธอทำงานที่ตงหวงมาตั้งนานหลาย ปี กลับไม่รู้ว่ากลุ่มตู้ลี่ฉุนเป็นยังไงน่ะ!

เธอดุผู้จัดการสวี่ด้วยความโกรธ “รอยเย็บบนหัวของ เจี่ยนถงยังไม่หายไป เธอกลับปล่อยให้เจี่ยนถงไปที่กลุ่ม ตู้ลื่ฉุน ที่นั่นมันบ้า ไอรสนิยมความชอบแปลกๆนั่น ไม่รู้ว่า ทำให้คนต้องจบชีวิตไปมากน้อยแค่ไหนแล้ว
ที่กลุ่มตู้ลิ่ฉุนนั้นมีเงิน และทุกอย่างถูกจัดเตรียมไว้หมด แล้ว

“เพราะอย่านั้น เธอคิดว่าเงี่ยนถงต้องการเงิน และกลุ่มตู้ ลี่ฉุนก็เป็นแหล่งเงินชั้นดี เธอเลยส่งเธอไปทิ้งไว้ที่กลุ่มตู้ลื่ ฉุน และปล่อยให้เธอจมน้ำเพื่อการแสดงบ้าบอของกลุ่มตู้ ลิ่นสินะ! ”

ถ้าผู้จัดการสวี่ยังคงโกรธเหมือนตอนแรกที่คุยกัน นั่น หมายความว่าซูเมิ่งกำลังกลั่นแกล้งเธอจนเกินไปแล้ว แต่ ในขณะที่ซูเมิ่งกำลังพูดอยู่นี้ ผู้จัดการสวี่กลับยิ่งดูอึกอัก มากขึ้นเรื่อยๆ ที่หน้าผากก็มีเหงื่อไหลซึมออกมา

“ฉันจะบอกความลับให้เธอฟัง” ด้วยเจตนาร้ายของซูเมิ่ง เธอจงใจบอกเรื่องที่ผู้จัดการสวี่ไม่ควรรู้ให้กับเธอ เธอ เอ่ยกระซิบข้างใบหู “เจี่ยนถงจมน้ำจริงๆ และแท้งค์น้ำนั่น ก็พัง มันเปิดไม่ออก”

ถ้าประโยคนี้ทำให้เสื้อผ้าของผู้จัดการสวี่เปียกชุ่มไป ด้วยเหงื่อแล้วล่ะก็ ประโยคต่อไปของซูเมิ่งก็คงทำให้ผู้จัด การสวี่ทรุดลงไปกองกับพื้น

“แล้วรู้ไหมว่าใครเป็นคนช่วยเจี่ยนถงออกมา” ซูเมิ่งพูด ออกมาสามคำ “เจ้านายใหญ่”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ