ยั่วสวาทท่านอ่องโฉมงาม

ตอนที่ 50 ขัดแย้งกับเจ้านาย



ตอนที่ 50 ขัดแย้งกับเจ้านาย

ไม่จื่อเฟิงโบกมือตอบรับ จึงหันมามองยังหลินซิน เยียน “คุกเข่า!

หลินซินเยียนตกตะลึง กัดเรียวริมฝีปากยืนนิ่งไม่ขยับ

“เจ้าน่าจะรู้ว่าเจ้าทำความผิดใหญ่หลวงอะไรไปบ้าง?” ไม่จื่อเฟิงกล่าวด้วยความเย็นชา นัยน์ตาราวกับผืนน้ำแข็ง หลินซินเยียนยืนอยู่ ณ ตรงกลางห้องโถง ดวงตามองไป ยังบุรุษที่สั่งให้นางคุกเข่าด้านหน้าด้วยความเฉยเมย พลัน ตอบด้วยน้ำเสียงอันแข็งกระด้าง ไม่ทราบเพคะ!

โม่จื่อเฟิงแค่นเสียงเย็น นัยน์ตายิ่งเย็นชา นิ้วมือของ เขากำลังเคาะโต๊ะเบาๆส่งเสียงดังคมชัด แต่ทว่าภายใต้ สภาพแวดล้อมที่เงียบสงัดเช่นนี้ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าได้ ทำให้จิตใจผู้คนตามมาด้วยความตึงเครียด ท่านแม่ทัพน้อย จีเหิงเป็นหลานชายของท่านแม่ทัพผู้เฒ่าจี ได้ยินว่าวันเจ้า ทําร้ายแม่ทัพน้อยจีเทิงในสวนงั้นหรือ?

หลินซินเยียนกลับคิดไม่ถึงว่าเจ้าไก่อ่อนอายุ17-18ปี ผู้นี้มีตำแหน่งเป็นถึงแม่ทัพ นางจึงยิ้มเยาะออกมา ท่าน อ๋องกล่าวผิดแล้วเพคะ หม่อมฉันไม่เคยทำร้ายท่านแม่ทัพ น้อยจีเทิง หม่อมฉันเพียงลงมือกับเจ้าหนุ่มอ่อนแอที่ไม่รู้จัก มารยาทและไม่รู้จักให้เกียรติเท่านั้นเองเพคะ อย่างไรกัน ท่านแม่ทัพน้อยจีเชิงกับเจ้าหนุ่มนั่นเป็นคนเดียวกันงั้นหรือ เพคะ?
การเอ่ยวาจาเช่นนี้ ยิ่งประสบความสำเร็จในการทำให้ จีเหงโกรธจนร้อนเป็นไฟ ที่แท้เขาในสายตานางเป็นเจ้า หนุ่มอ่อนแองั้นหรือ?

จีเหงโกรธจนหน้าซีดเผือดพลันชี้ตัวหลินซินเยียน กลับกล่าวเสียงสูงกับโม่จื่อเฟิง ท่านอ๋อง นังเด็กนี่ช่างล่วง เกินเสียจริง ท่านอ๋องได้โปรดเห็นแก่มิตรภาพของท่าน เถิดพะยะค่ะ มอบนางเด็กสาวนี่ส่งให้กับข้า เจ้าคนดื้อรั้นดื้อ ด้านเช่นนี้ข้าจะลงมือสั่งสอนเองพะยะค่ะ!

เพียงแค่เด็กสาวคนหนึ่งเท่านั้น ในมุมมองของเขา อู่ เซวียนอ๋องไม่มีเหตุผลที่จะไม่ตกลง สกุลใหญ่โตส่งมอบ สาวใช้ไม่กี่คน นับเป็นเรื่องปกติ

นี่มัน อ่า… โม่จื่อเฟิงส่งน้ำเสียงออกมาและมองไปที่ หลินซินเยียม พลันถามด้วยเสียงอันเบาราวกับปุยเมฆ เจ้า ว่าข้าจะมอบตัวเจ้าให้แก่แม่ทัพน้อยจีเชิงหรือเปล่าล่ะ? ข้าและท่านแม่ทัพผู้เฒ่าจีนั้นเป็นสหายกันมานาน ถ้าหาก เพราะสาวใช้เช่นเจ้าที่ทำให้ขุ่นข้องหมองใจ กลับได้ไม่คุ้ม เสียอยู่บ้าง

ท่านอ๋องจะตัดสินใจอย่างไรแล้วเหตุใดจึงต้องถาม หม่อมฉันล่ะเพคะ? ถ้าหากความคิดเห็นของนางมีประโยชน์ อย่างว่า นางก็คงไม่ต้องตกอยู่ในสถานะอันต่ำต้อยเช่นนี้ หรอก คนมีสติปัญญาอย่างนาง ทำไมจะไม่รู้ว่าโม่จื่อเฟิงคิด อะไรอยู่ ไม่มีอะไรมากกว่าความผิดพลาดอันเลวร้ายที่ได้ กระทําลงไปและต้องการจะเห็นฉากที่นางอ้อนวอนขอความ เมตตา
อ้อ? โม่จื่อเฟิงแสร้งมองจีเหิงด้วยท่าทีลำบากใจ แม่ทัพ น้อยจีเหิง ท่านดูท่าทีที่นางปฏิบัติกับข้าถึงกระนั้นก็ยังเป็น เช่นเดิม แม้จะไม่ใช่คนสนิท ถ้าหากปะทะเข้ากับท่านแม่ทัพ ผู้เฒ่าจี เช่นนั้นก็จะเป็นความผิดของข้า

ไม่จื่อเฟิงถอนหายใจ ส่ายหน้าด้วยท่าที่ลำบาก

จีเทิงเองก็ไม่ใช่คนโง่เขลา เมื่อได้ยินเช่นนี้ก็รับรู้แล้ว ว่านี่คือการปฏิเสธอย่างสุภาพของโม่จื่อเฟิง เขาตกใจอยู่ บ้าง เอ่ยถามด้วยความสงสัย พี่จื่อโม่ สาวรับใช้นี้คือสตรี ของท่าน?

เป็นครั้งแรกที่เขาไม่ได้เรียกว่าท่านอ๋อง แต่กลับเรียก ว่าพี่จื่อโม่ ความแตกต่างในการเรียกทำให้โม่จื่อเฟิงรู้ นี่คือ ประโยคที่เขาถามในฐานะน้องชาย

จีเหิงนับถือโม่จื่อเฟิงอย่างมากนับตั้งแต่วัยเยาว์ เพ ราะโม่จื่อเฟิงและปู่ของเขามีความสัมพันธ์ที่ดี ดังนั้นเขาจึง มักจะติดสอยห้อยตามอยู่เสมอ เรียกพี่จื่อโม่ พี่จื่อไม่ตั้งแต่ ยังเล็ก เมื่อโตขึ้นทุกคนล้วนเป็นผู้มีสถานะและชื่อเสียง ดัง นั้นจึงเปลี่ยนจากการเรียกโม่จื่อเฟิงเป็นท่านอ๋อง

“อืม สาวใช้อุ่นเตียงของข้า” โม่จื่อเฟิงผายอกยอมรับ

จีเหิงประหลาดใจจนแทบสิ้นลมไปครู่หนึ่ง ถึงแม้ เป็นเพียงสาวใช้อุ่นเตียง ทว่าตั้งแต่ที่เขาติดตามข้างกาย โม่จื่อเฟิงตั้งแต่เล็ก จะไม่รู้ได้อย่างไรว่าข้างกายโม่จื่อเฟิง นั้นแต่ไหนแต่ไรก็ไม่เคยมีสตรีเป็นตัวเป็นตนมาก่อน ถึงแม้ภายนอกจะแพร่ข่าวลือว่าอู่เซวียนอ๋องเป็นหนุ่มเจ้าสำราญ ผ่านสตรีเป็นร้อยเป็นพัน แต่เขารู้ว่าสตรีเหล่านั้นเป็นเพียง แค่บุพเพสันนิวาสหยาดน้ำค้างเท่านั้น ไม่เคยมีสตรีใดที่จะ สามารถเหลืออยู่ข้างกายโม่จื่อเฟิง

ดังนั้น สาวใช้อุ่นเตียงกับสตรีที่อยู่ข้างกายเขาได้เป็น เวลานาน สุดท้ายแล้วการดำรงอยู่นั้นแตกต่างกันอย่างสิ้น

ดวงตาของจีเทิงมีความหดหูอยู่บ้าง ยิ้มอย่างขมขื่น ถ้าหากเป็นสตรีของพี่จื่อโม่ ข้าคงไม่สามารถนำไปได้ ที่ กล่าวไปเมื่อสักครู่ข้าผิดไปแล้ว พี่จ๋อโม่ ท่านคงกำลังรอ กลับไปทานอาหารมื้อเย็น ข้าต้องขอตัวก่อนวันหลังจะ มาเยี่ยมเยียนใหม่

จื่อเทิงกล่าวจบ ก็ลุกทำการคารวะแก่โมจื่อเฟิง มี ความรู้สึกที่จะหลบหนีเดินออกไปอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะ ออกเดิน กระทั่งยังไม่กล้าไปเหลือบมองหลินซินเยียน

เมื่อเห็นเขาจากไปด้วยความชุลมุนเช่นนี้ สีหน้าไม่ จื่อเพิ่งในฐานะเจ้าบ้านค่อนข้างมืดครึ้ม นิ้วมือของเขาเคาะ ลงบนโต๊ะเบาๆ สายตาเคลื่อนไปมองยังร่างของหลินซิน เยียน ก๋าลังยืนอยู่

“เจ้า ทำ ดี!” เขากล่าวออกมาสามคำด้วยความโกรธที่

เก็บซ่อนเอาไว้

หลินซินเยียนไม่ได้กล่าวอะไร นางรู้ว่านางเพิ่งจะก้าวร้าวเขาต่อหน้าผู้อื่น ความทุกข์ทรมานนี้จะต้องขาดไป ไม่ได้ แต่ทว่านางไม่เสียใจ ให้นางคุกเข่ายอมรับผิดแก่คนผู้ หนึ่งโดยไม่ไตร่ตรอง นางจึงปฏิเสธในสิ่งที่นางไม่สามารถ ทําได้

ภายในหนึ่งวัน ได้ยั่วยสองในสามเผด็จการน้อยแห่ง เมืองเพิ่งเข้าควรจะกล่าวว่าเจ้าโชคดีหรือมีความสามารถ กันแน่? ไม่จื่อเพิ่งแค่นเสียงเย็น

หลินซินเยียนเงยหน้าด้วยความประหลาดใจ นาง กลับคิดไม่ถึงว่าเพิ่งจะเป็นหนึ่งในสามเผด็จการน้อย นอกจากเจ้าอารมณ์ไปนิดหน่อย แต่ที่จริงแล้วจีเทิงก็ไม่นับ ว่าเผด็จการมากนัก

ทหารเข้ามา! โมจื่อเพิ่งเห็นท่าทางของนางเหมือนหมู ตายที่ไม่กลัวน้ำร้อน หัวคิ้วก็ยิ่งขมวดแน่นยิ่งขึ้น

(หมูตายไม่กลัวน้ำร้อน เป็นคำเปรียบเทียบว่า มีท่าทีที่ ไม่สะทกสะท้าน ไม่แยแส ไม่รู้สึกผิด เป็นต้น)

เมื่อจินมูรับคำบัญชาเข้ามาในห้องโถง โม่จื่อเฟิงจึง รับสั่งว่า นำคนไปมอบให้กุ้ยหมัวมัวอบรมสั่งสอนให้ดี ก่อ ความวุ่นวาย ไม่เพียงแต่ไม่รู้สำนึกยังกล้าก้าวร้าวข้า! ใน จวนเวียนอ๋อง ไม่เคยเก็บคนที่ไม่รู้กฏเอาไว้

จีนตกตะลึง บนใบหน้ามีความกังวล ฝ่าพระบาททรง ต้องการมีกระแสรับสั่งแก่กุ้ยหมัวมัวสักประโยคไหมพะยะค่ะ กระหม่อมเกรงว่ากุ้ยหมัวมัวจะไม่สามารถแยกแยะหนักเบา
สาวใช้อุ่นเตียงนางหนึ่งเท่านั้น มีอะไรต้องหนักต้องเบา เหลือลมหายใจไว้ก็พอแล้ว โม่จื่อเฟิงโบกมือไล่ไม่กล่าวให้ มากความ จินมแข็งใจไปลากตัวหลินซินเยียน

ไม่ลําบากหัวหน้าจิน ขาเดินไปเองได้ หลินซินเยียน ถอนหายใจ เดินตามหลังจินมู่อย่างว่าง่าย ใช่แล้ว นางมันก็ แค่สาวใช้อุ่นเตียงเท่านั้น เหอะๆ

ทาสหญิงในจวนอู่เซวียนอ๋องส่งคืนผู้ดูแลกุ้ยหมัวมัว หากทาสชายส่งคืนผู้ดูแล ส่วนเหล่าองครักษ์โดยปฏิบัติคือ ฟังคำสั่งของจินมู่ ดังนั้นในยามที่หลินซินเยียนถูกส่งกลับ ไปเผชิญหน้ากับกุ้ยหมัวมัว สีหน้าของกุ้ยหมัวมัวดูน่าเกลียด ถึงที่สุด

หลายปีมานี้ที่ข้าผู้เฒ่าช่วยท่านอ๋องจัดการงานหลัง บ้าน ยังไม่เคยเห็นทาสที่กล้าโต้แย้งกับนายท่าน! เจ้าเป็น ตัวอะไร? ถึงกล้าต่อปากต่อคํากับนายท่าน ทำให้ท่าน อ๋องเข้าใจว่าขากุ้ยหมัวมัวไม่สามารถสั่งสอนคนได้!

กุ้ยหมัวมัวโกรธจนหน้าแดง ไม่รอให้มู่จินจากไปก็ปรี่ เข้าไปชี้หน้าด่าหลินซินเยียน

มู่จินที่กำลังเตรียมตัวจะกลับพลันได้ยินกุ้ยหมัวมัวนั้น เกิดโทสะอย่างแท้จริง จึงครุ่นคิดแล้วหันกายกลับมา กุ้ยห มัวมัว จะดีหรือชั่วก็เป็นคนข้างกายท่านอ๋อง กุ้ยมัวหมัวจะสั่ง สอนบทเรียนแก่นาง แต่อย่าได้ทำให้นางบาดเจ็บ…
“หัวหน้าจินมู่! ผู้เฒ่าจะจำไว้! ” กุ้ยหมัวมัวตัดบทของเขา เห็นได้ชัดว่าไม่ต้องการฟังคำพูดของเขาอีก จึงเรียกหญิง รับใช้อาวุโสข้างกายสองคนมาลากหลินซินเยียนเข้าห้อง เก็บฟืน


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ