ยั่วสวาทท่านอ่องโฉมงาม

ตอนที่ 76 เป็นคนละเอียด



ตอนที่ 76 เป็นคนละเอียด

เรือจากจวนมหาเสนาบดีหรือ?”หลินซีนเยียนซะงักไปครู่ หนึ่งแล้วเอ่ยขึ้นต่อ “ความหมายของท่านคือเรือที่ร่วมเข้า การแข่งเหล่านั้นเป็นเรือของเหล่าพวกใต้เท้างั้นหรือ?”

“ก็ไม่ทั้งหมด มีบางลำที่เป็นของราชสำนัก บางลำก็เป็น ของตระกูลพ่อค้าที่ร่ำรวย ความหมายของการแข่งเรือ อย่าง แรกคือเพื่อความเพลิดเพลินของพวกชาวบ้าน อย่างที่สองคือ เพิ่มอิทธิพลของตระกูล”อินฉีอธิบาย

หลินซีนเยียนรู้สึกตกตะลึงบาง แต่คิดไม่ถึงว่าคนที่นี่นั้น ฉลาดกันถึงขนาดนี้ ตอนนี้ก็มีแนวคิดการตลาดเหมือนยุค ปัจจุบันแล้ว

“คนที่คิดการแข่งเรือนี้ต้องเป็นคนที่เฉลียวฉลาดอย่าง แน่นอน”หลินซีนเยียนเอ่ยขึ้นอย่างยกย่อง

เมื่ออินฉีได้ยินก็ประสานมือคำนับด้วยท่าทางสง่า “แม่ นางหลินกล่าวชมเกินไปแล้ว”

เอ่อ….. “หลินซีนเยียนเบิกตาโพลง อดไม่ได้ที่เอ่ยถาม “ท่านเป็นคนคิดงั้นหรือ?”

อินฉีพยักหน้า “งานเทศกาลปีใหม่ 5 ปีก่อน ข้าเกิดรู้สึก เบื่อจึงคิดจัดงานการแข่งเรือ เมื่อได้รับการสนับสนุนของฝ่า บาท ดังนั้นเหล่าขุนนางต่างก็เข้าร่วมกันอย่างกระตือรือร้น “ 5 ปีก่อน เกรงว่าตอนนั้นเขายังมีอายุไม่ถึง 20 ปีด้วยซ้ำ มิน่าล่ะตำแหน่งมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายถึงเป็นของคนหนุ่มเช่น นี้ ในใจของหลินซีนเยียนรู้สึกนับถืออย่างมากจึงได้ดื่ม อวยพรด้วยชาแทนเหล้าให้เขา

ในขณะที่ทั้งสองคนพูดคุยกันเรื่อยเปื่อยก็ได้ยินเสียง ป่าวประกาศดังขึ้น ที่แท้เป็นการเปิดเดิมพันของคนที่อยู่ใน โรงน้ำชา เหล่านักเดิมพันต่างได้เดิมพันฝ่ายเรือที่แข่งชนะใน ครั้งนี้

“ข้าว่า ครั้งนี้เรือของแม่ทัพใหญ่เว่ยต้องชนะที่ครั้งนี้ อย่างแน่นอน พวกเจ้าดู การแข่งในครั้งนี้เรือของแม่ทัพใหญ่ เว่ยล้วนเป็นทหารที่ยังหนุ่มยังแน่นอยู่หลายคน แถมแต่ละคน ล้วนผ่านศึกมากันแล้ว เพียงการแข่งเรือจะไม่ชนะได้ อย่างไร?”

“รบเป็นไม่ใช่ว่าจะแข่งเรือเป็น การแข่งเรือต้องใช้กลวิธี ไม่ใช่แรงกาย ข้าคิดว่าเรือของมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายต่างหาก ที่ชนะ ได้ยินว่าใต้เท้าอินได้เกณฑ์ชายหนุ่มที่เชี่ยวชาญทาง น้ำจากทางใต้โดยเฉพาะเพื่อมาลงแข่งเรือด้วย

“มันก็ไม่แน่นอน หลายปีก่อนเรือที่ชนะล้วนเป็นของอ๋องอู่ เสวียน ปีนี้ก็ควรจะชนะอีก พวกเจ้าลองคิดดู เรือมังกรของ อ๋องอู่เสวียนประดิษฐ์โดยช่างทำเครื่องเงินที่เชี่ยวชาญการ ประดิษฐ์อาวุธทางการทหาร ทั้งเบาและแล่นได้เร็วกว่าลำอื่น ใครคิดอยากจะเอาชนะอ่องอู่เสวียนน่ะ ยาก!

“พวกเจ้าก็เห่อกันไปเถอะ แต่เดิมพันกันต่ำมาก ข้าจะเดิม พันตระกูลฉู่ที่เพิ่งร่วมเข้าแข่งในปีนี้ ได้ยินมาว่าตระกูลมี ความเป็นมาเดียวกันสำนักเทียนจี ไม่แน่อาจจะพิชิตด้วย กลเม็ดอันแยบยลก็ได้ ม้ามืดตัวนี้ อย่าดูถูกเลยเชียว หาก ชนะขึ้นมาล่ะก็ร่ำรวยกันถ้วนหน้า

ในโรงน้ำชา ผู้คนต่างเถียงกันหน้าดำหน้าแดง แต่มัน ทำให้เจ้ามือเปิดให้เดิมพันต่างกระหยิ่มยิ้มย่อง ได้ยินว่าบ่อน การพนันที่ใหญ่ที่สุดในเมืองก็ได้เปิดให้เดิมพัน หัวหน้าบ่อน การพนันนั้นเป็นคนฉลาด ใช้โอกาสในการแข่งเรือติดต่อทำ ธุรกิจกับโรงน้ำชาในแต่ละที่ สุดท้ายบ่อนการพนันมีแต่ได้ กอบโกยเงินไป

อินฉีเห็นหลินซีนเยียนตั้งใจฟังบทสนทนาของคนจาก โรงน้ำชาอย่างตั้งใจจึงอดไม่ได้ที่จะยิ้มแล้วเอ่ยถาม “แม่นาง หลินอยากจะลองเสี่ยงดวงดูหรือไม่?”

“เสี่ยงดวงหรือ?”หลินซีนเยียนหันหน้ากลับมาแล้วส่าย หน้า “ข้าไม่คิดจะเอาเงินของตนเองไปเสี่ยงโชคเพียงเพราะ ฟังที่คนอื่นพูดกันเท่าไร หากทำให้ข้าเห็นเรือของผู้ร่วมแข่ง เหล่านั้นล่ะก็ บางทีข้าอาจจะสนใจก็ได้

เช่นนี้จะไปยากอะไร หากแม่นางสนใจ ข้าจะพาแม่นาง ไปดูเลยก็ได้”อินฉีลุกขึ้นแล้วผายมือเชื้อเชิญ

หลินซีนเยียนเพียงพูดทันทีโดยไม่คิดแต่ไม่คิดว่าอินฉี จะเอาจริงเอาจังมากขนาดนี้ เธอเงยหน้าขึ้นแต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธ อะไร จากนั้นก็ลุกขึ้น “เช่นนั้นก็ขอรบกวนใต้เท้าอินแล้ว ” แม่นางหลิน พวกเรารู้จักกันก็ไม่ใช่ครั้งแรกเสียหน่อย ” ใต้เท้าอินอะไรนั่นฟังมากก็ไม่รื่นหูเท่าไร ข้าอายุมากกว่าเจ้า เพียงไม่กี่ปี หากแม่นางไม่ถือสา โปรดเรียกข้าว่าพี่ใหญ่อิน เถอะ “ตอนที่อินเดินนำเธอลงบันไดก็เอ่ยเรื่องนี้ขึ้นมา

แต่แค่การเรียกขาน หลินซีนเยียนก็ไม่ใช่ผู้หญิงที่เรื่อง มากอะไร เพียงส่งเสียงตอบรับไปทันที

เมื่อเด็กๆ ได้ยินว่าจะได้ไปดูเรือที่เข้าร่วมการแข่งขัน ต่างก็ตื่นเต้นดีใจกันถ้วนหน้า โดยเฉพาะหู่เอ๋อร์ที่เปล่งเสียง แสดงความยินดีขึ้นมาทันที หลินซีนเยียนเห็นว่าพวกเขามี ความสุขกัน ใบหน้าของเธอก็ยิ่งอ่อนโยนขึ้นอยู่หลายส่วน

เด็กเหล่านี้คือ…”อินนี่รู้สึกสงสัยเหล่าเด็กๆ ที่เธอพามา

ด้วย

“อี้เซ็งเป็นน้องชายของข้า เอ้อร์ยาเป็นคนที่ข้าเชิญมา งานด้วย ส่วนหูเอ๋อร์เป็นเด็กของข้างบ้าน’หลินซีนเยียน แนะนําอย่างง่ายๆ

นัยน์ตาของอินฉีเผยความแปลกใจออกมา ไม่ทันไร ความแปลกใจก็หายไปอย่างรวดเร็ว “เจ้าเชิญคนมาทำงาน? แล้วท่านพ่อท่านแม่ของแม่นางหลิน…..

“ล้วนไม่อยู่แล้ว เหลือข้าเป็นน้องชายเพียงแค่ 2 คน”หลิน ซีนเยียนพูดตัดบทเขา เห็นได้ชัดว่าไม่อยากจะพูดมากเท่าไร

อินฉีเข้าใจดีจึงไม่เอ่ยถามอะไร เพียงนำพวกเธอเดินไป ดูเรือที่เข้าร่วมการแข่งขัน เมื่อใกล้จะถึง อินฉีก็หยุดเดินทันที จากนั้นก็หยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาจากในเสื้อแล้วส่งให้เธอ “ใน ตัวของข้าไม่มีผ้าคลุมหน้า มีเพียงผ้าเช็ดหน้าผืนนี้ หากแม่ นางหลินเต็มใจ ได้โปรดใช้ผ้าผืนนี้บดบังโฉมหน้าของท่าน ด้วย”

หลินซีนเยียนจ้องเขาอย่างตะลึงงัน การกระทำของเขา ที่กะทันหันเกินไป ทำให้รู้สึกคลุมเครือ

แม่นางหลินอย่าเข้าใจผิด ไม่ใช่ข้ารังแกแม่นาง เพียง โฉมหน้าของแม่นางนั้นอาจจะกลายเป็นที่สนใจของผู้คนมาก เกินไป คนที่นี่ล้วนตาลอกแลก จึงหลีกเลี่ยงความวุ่นวายให้ กับแม่นางเท่านั้น

ตอนที่อินฉีพูด หลินซีนเยียนก็เข้าใจทันที เขาเป็นถึง มหาเสนาบดีฝ่ายซ้าย ย่อมเป็นน่าจับตามองของผู้คนอยู่แล้ว หากข้างตัวของเขามีคนติดตามมาด้วยต้องเป็นที่ดึงดูดความ สนใจของผู้คนรอบๆนี้อย่างแน่นอน หากไปเข้าตาของคู่อริ อาจจะเกิดเรื่องที่ไม่คาดฝันกับเธอได้ ดังนั้นเพื่อหลีกเลี่ยง ความยุ่งยาก เขาจึงคิดวิธีโดยการให้เธอบดบังใบหน้าของ เธอ

บุรุษผู้นี่ช่างระมัดระวังทุกย่างก้าวจริงๆ ทำให้หลินซีน เยียนรู้สึกนับถือในใจ ในเวลาเดียวกันก็รู้สึกหวั่นไหวขึ้นมา เล็กน้อย

บุรุษแบบนี้ เหล่าสตรีล้วนอดไม่ไหวที่อยากจะได้มาเป็น คู่ครองกันทั้งนั้น แต่น่าเสียดาย เธอ….. หลินซีนเยียนรับผ้าเช็ดหน้ามา ใช้ปั่นเล็กๆเสียบไว้ตรง หลังหูเพื่อบดบังใบหน้าเพียงครึ่งหนึ่งของตนเอง

อินฉีพาพวกเธอเดินไปยังริมน้ำ สถานที่ในการแข่งขัน

ได้ถูกล้อมไปด้วยเหล่าทหาร มีเพียงผู้ที่เข้าร่วมการแข่ง

เท่านั้นที่สามารถผ่านเข้ามาได้ ตอนที่อินฉีพาพวกหลินซีน เยียนเข้ามาในสนามการแข่งขันก็กลายเป็นที่ความสนใจของ ผู้คนรอบๆโดยทันที มหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายในรัชสมัยนี้เป็นคนหนุ่มและยังไม่ แต่งงาน เป็นคู่ครองที่เหล่าตระกูลชนชั้นสูงอยากจะเกี่ยว ดองด้วย แต่ท่านปู่ของอินฉีได้ตายจาก และยังไม่ถึงกำหนด

วันของการไว้ทุกข์ ซึ่งเป็นข้ออ้างที่สมเหตุสมผลของเขาที่ใช้

ในการปฏิเสธงานแต่ง

แต่อายุของเขาได้ถึงวัยที่ต้องแต่งงานแล้ว เมื่อถึง กําหนดวันไว้ทุกข์ล่ะก็คงจะเกิดศึกชิงนางครั้งยิ่งใหญ่อย่าง แน่ ดังนั้นไม่ว่าจะในที่โจ่งแจ้งหรือที่ลับตาล้วนมีแต่คนจับจ้อง เขาอยู่ไม่น้อย

ดังนั้น ตอนที่มีสตรีคลุมใบหน้าได้ปรากฏอยู่ข้างกาย ของอินฉี ผู้คนเหล่าตระกูลใหญ่ๆต่างก็จ้องมออย่างไม่คลาด สายตา และสั่งให้คนข้างกายไปสืบประวัติที่มาของสตรีผู้นั้น

หลินซีนเยียนรู้สึกถึงสายตาของผู้คนรอบๆที่จับจ้อง มอง แอบถอนหายใจที่อิน ได้เตรียมการเอาไว้แล้ว มิเช่นนั้น คงงามหน้าแน่ ไม่แน่ยังเดินมาไม่ถึงที่นี่ก็โดนคนพวกนี้ค้นหา ข้อมูลบรรพบุรุษ 18 ชั่วโคตรอย่างแน่


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ