ยั่วสวาทท่านอ่องโฉมงาม

ตอนที่ 77 ชดใช้หนี้น้ำใจของเขา



ตอนที่ 77 ชดใช้หนี้น้ำใจของเขา

เมื่อเด็กๆได้มาเห็นเรือแข่งในระยะใกล้ขนาดนี้ ใบหน้า ของพวกเขาล้วนตื่นเต้นกันอย่างมาก เพราะตอนที่มองจาก ระยะไกลเห็นเรือแข่งขนาดเท่ากับนิ้วหัวแม่มือ เมื่อเข้ามาเห็น ใกล้ๆขนาดนี้กลับทำให้รู้สึกถึงความยิ่งใหญ่โอ่อ่า เรือแข่งทุก ลำสามารถบรรจุคนได้ถึง 20-30 คน

อินฉีเดินนำพวกเขาเข้าไป ตลอดทางเห็นเรือแข่งหลาก หลายรูปแบบไม่ซ้ำกัน

เรือแข่งทุกลำล้วนเกิดจากน้ำพักน้ำแรงของพวกช่าง ฝีมือ เมื่อหลินซีนเยียนได้เห็นก็อดไม่ได้ที่นับถือในความ เฉลียวฉลาดของมนุษย์ ในสังคมของที่ใช้อาวุธเพียงดาบ และกระบี่ ยังสามารถเห็นเรือแข่งที่มีกลวิธีมากมายขนาดนี้ ทำให้เธอรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย

“โห เรือแข่งลำนี้ ….หลินซีนเยียนหยุดอยู่ตรงหน้าเรือ แข่งล่าที่หรูหรากว่าลําอื่น เด็กๆก็เดินมารุมดูเรือลำนี้และส่ง เสียงร้องอย่างตื่นเต้นในทันที

เรือแข่งที่อยู่ตรงหน้าเป็นเรือแข่งที่หรูหราโอ่อ่ากว่าเรือ แข่งลำไหนๆ แม้แต่ส่วนท้ายของเรือก็ยังฝังอัญมณีหลาก หลายสีโดยแต่ละเม็ดต่างก็ล้ำค่า เรือแข่งลำนี้ประหนึ่งราวกับ คฤหาสน์ขนาดใหญ่ที่ตั้งเด่นตระหง่าน แต่สิ่งเหล่านั้นล้วนไม่ สําคัญ สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น สิ่งที่ทำให้หลินซีนเยียนตะลึง นั้นไม่ใช่อัญมณีล้ำค่า แต่เป็นการออกแบบของเรือลำนี้ต่าง หาก เรือแข่งลำนี้ไม่เพียงแต่หรูหรา แต่การออกแบบส่วนที่ ระบายน้ำออกก็ไม่เหมือนกับเรือลำอื่น โดยเฉพาะที่นั่งทั้ง 2 ฝั่งของผู้แข่ง เก้าอี้ตัวนั้นจะมีเก้าอี้วางขาอยู่ข้างหน้า 1 ตัว การออกแบบเก้าอี้ตัวนั้นจะช่วยทำให้ผู้แข่งไม่ต้องออกแรง มาก

“นี่เป็นเรือแข่งของอ๋องอู่เสวียน”อินฉีรีบอธิบายให้เธอ เข้าใจอย่างรวดเร็ว

หลินซีนเยียนพยักหน้า มิน่าล่ะถึงมีคนที่อยู่ในโรงน้ำชา พูดถึงการออกแบบเรือแข่งของอ๋องอู่เสวียนได้สมบูรณ์แบบ และคว้าที่ 1 มาทุกปี ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่แค่อาศัยโชคเท่านั้น

เรือแข่งของจวนเสนาบดีฝ่ายซ้ายอยู่ข้างหน้า ตอนที่ หลินซีนเยียนกำลังเดินไปข้างหน้ากับอินฉี ทันใดนั้นก็รู้สึก เสียวสันหลังขึ้นมาทันที มีความรู้สึกกระสับกระส่ายราวกับนั่ง อยู่บนเปลวไฟยังไงยังงั้น

เธอหยุดชะงักแล้วหันหน้ากลับมาก็เห็นเงาดำที่ยืนอยู่ ริมฝั่งในที่ไกลๆ ไม่ว่าจะมีระยะห่างอยู่ไกลแค่ไหน เธอเห็นแค่ แวบเดียวก็รู้โดยทันทีว่าคนนั้นคือ โม่จื่อเฟิง

เธอรีบหันหน้าหนีโดยทันทีและก้าวเดินไปข้างหน้า อย่างเร่งรีบ เธอไม่สามารถหลอกตัวเองได้ว่าเขาจะมองไม่ เห็นเธอ ด้วยวรยุทธของเขา แม้แต่เธอยังมองเห็นเขา แล้ว ทำไมเขาถึงจะมองไม่เห็นเธอ? เพียงแค่เธอมีผ้าคลุมหน้า แต่ เขาจะดูไม่ออกจริงๆเหรอ? อินฉีเห็นว่าเธอก้าวไปอย่างเร่งรีบ เขาก็ขมวดคิ้วแล้วหัน ไปมองในทิศทางริมฝั่ง ถึงระยะห่างจะอยู่ไกลแต่ทั้งสองคนก็ สบตาโดยทันที ถึงจะไม่มีประกายไฟเกิดขึ้น แต่ก็มีมุมปากที่ แสยะยิ้มของโม่จื่อเฟิงและใบหน้านิ่งๆของอินฉี

ตรงริมฝั่ง จินมู่ที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมด สีหน้าก็ เคร่งขรึมลง “แม่นางหลินทำไมไปอยู่กับมหาเสนาบดีอินได้? ”

เจ้าถามข้าหรือ?”โม่จื่อเฟิงแค่นเสียง “มาถามข้า ทำไม “ ไม่ไปสืบเอาเอง? ”

จินมู่ก้มหน้าลงไม่กล้าเอ่ยอะไรอีก แต่ในสายตาอดไม่ ได้ที่จะปรากฏความกังวลออกมา

ในสนามแข่งเรือ เมื่ออินฉีได้พาหลินซีนเยียนไปถึงหน้า เรือแข่งของจวนมหาเสนาบดีอิน แต่ใจของเขากลับไม่ได้อยู่ ตรงนี้ เขายืนอยู่ข้างๆของหลินซีนเยียนแล้วเอ่ยถามขึ้น “แม่ นางหลิน…รู้จักกับอ๋องอู่เสวียนด้วยหรือ?”

คำถามนี้มันอยู่ในใจของเขามานาน เดิมคิดว่าหากเป็น ไปได้เขาจะไม่เอ่ยถามอีกเลยตลอด แต่ว่าตอนนี้เขาอดไม่ได้

จริงๆ

ในสายตาหลินซีนเยียนฉายแววถึงความสับสน เธอ เงียบไปครู่หนึ่งจากนั้นก็เอ่ยขึ้น “รู้จัก!”

รู้จัก คำตอบของเธอมีเพียงคำ 2 คำเท่านั้น ถ้าจะให้พูด มากไปกว่านี้ เธอไม่รู้จริงๆว่าควรจะพูดอะไร อินฉีก็เงียบขรึมลง เอ้อร์ยากับหูเอ๋อร์เดินไปดูเรือแข่ง มีเพียงอี้เซิงที่ยืนอยู่ข้างๆหลินซีนเยียนมาโดยตลอด ตอนที่ เขาได้ยินทั้งสองพูดคุยกัน เขาเพียงกัดฟันแต่ก็ไม่ได้เอ่ย อะไร มีเพียงแววตาที่เผยให้เห็นถึงความโกรธแค้น

“แม่นางหลิน ดูนี่ นี่คือเรือแข่งและผู้แข่งของจวนมหา เสนาบดีฝ่ายซ้าย เมื่อได้ดูแล้ว เจ้ารู้สึกสนใจขึ้นแล้วหรือ ยัง?”อินฉีเป็นสุภาพบุรุษที่เปลี่ยนเรื่องได้อย่างรวดเร็ว

หลินซีนเยียนได้สติคืนมาก็ดูเรือที่อยู่ตรงหน้าอย่าง ละเอียด หลังจากได้ดูแล้ว เธอก็ส่ายหน้าอย่างจำใจ “หากยัง แข่งไปแบบนี้ล่ะก็ ข้าเดิมพันได้เลยว่าอ๋องอู่เสวียนต้องชนะ

โอ้? แต่คนเหล่านี้เชี่ยวชาญทางน้ำจากทางใต้ที่ข้าหามา ฝีมือในการแข่งเรือต้องอยู่ดีกว่าคนของอ๋องอู่เสวียนถึงจะถูก หรือว่าแม่นางหลินจะไม่เชื่อใจจวนมหาเสนาบดีฝ่ายซ้าย อย่างข้าเลยหรือ?”อินฉีชะงักไปครู่หนึ่งแต่ก็ไม่ได้โกรธเคือง อะไร กลับตั้งคำถามกับเธอแทน

สำหรับคนที่มีมารยาทอย่างนี้ หลินซีนเยียนรู้สึกนับถือ อย่างมาก เธอยิ้มแล้วชี้ไปยังส่วนกลางของเรือแข่งลำนั้น “คนเหล่านี้ล้วนมีฝีมือดีก็จริง เพียงแค่พลังน่ะเหลือเฟืออยู่ แล้ว แต่ว่าเรือแข่งลำนี้ควรจะอยู่เป็นลำหน้า หากลำหน้าเป็น คนเหล่านี้ ย่อมไม่เป็นปัญหาอะไร แต่พลังและฝีมือของคน เหล่านี้ดีกว่าลำหน้ามากกว่า เมื่อใช้อย่างเต็มที่แล้ว เช่นนั้น เรือลำนี้ก็ไม่สามารถยืนหยัดพายไปถึงฝั่งได้ก็ยังเป็นปัญหา เลย ” เจ้าบอกว่าเรือแข่งมันไม่แข็งแรงหรือ?”หากอินฉีเคยไม่ เคยเห็นเธอปลดกำไลสวรรค์นั้นได้อย่างง่ายมาก่อน เขาต้อง คิดว่าเธอต้องพูดส่งเดชเป็นแน่ เป็นเพียงสตรีแต่กลับพูดถึง ความแข็งแรงของเรือแข่งมีไม่มากพอ

หลินซีนเยียนพยักหน้า “ถูกต้อง แข่งเรือลำนี้ต้องเคย ตากแดดในช่วงฤดูร้อนมาก่อนอย่างแน่นอน ดังนั้นตรงขอบ เรือทั้งสองด้านคงไม่เหลืองขนาดนี้แน่ เมื่อตากแดดแรงๆมาก ความแข็งแรงต้องลดลงเป็นอย่างแน่ ตอนนี้ที่เรือแข่งลำนี้ยัง ทนได้อยู่ อีกเดี่ยวหากไปกระแทกเข้าอย่างแรงล่ะก็…..

ตอนที่เธอพูด สีหน้าของอินฉีเริ่มไม่สู้ดี เขาจึงเรียกคน ที่รับผิดชอบเรือแข่งมาถาม หลังจากคนผู้นั้นพูดเพียงไม่ถึง ประโยค เขาก็มองหลินซีนเยียนอีกครั้งด้วยสายตาที่น่าเหลือ เชื่ออย่างมาก

คนที่สามารถปลดกำไลสวรรค์ได้อย่างง่ายดาย ย่อม ไม่ใช่คนธรรมดาจริงๆ

แววตาของอินฉีสว่างขึ้น แล้วประสานมือคำนับ แม่นาง หลินกล่าวได้ถูกต้อง เมื่อครู่คนที่ข้าเพิ่งไปสอบถามมา ปีนี้ใน ช่วงฤดูร้อนได้เผชิญกับความแห้งแล้ง แล้วบ้านเรือนที่วางเรือ เคยเกิดเหตุการณ์พังทลาย ในตอนที่ซ่อมแซมนั้น นอกห้อง ของเรือก็ได้ตากแดดมา 10 กว่าวัน หากว่าเรือลำนี้ความแข็ง แรงมีไม่พอ เช่นนั้นการแข่งเรือในรอบนี้ข้าคงแพ้จริงๆ หากว่า พวกเราจะเดิมพัน ชัยชนะที่ว่าต้องเป็นอ๋องอู่เสวียนอย่างแน่

เขาพูดเชิงหยอกล้อ ใบหน้าของเขาก็ไม่รู้สึกเสียใจเลย สักนิด ถึงอย่างไรเขาก็เป็นคนใจกว้างอยู่แล้ว แต่สภาพจิตใจ ของเขาทำให้หลินซีนเยียนนับถือเป็นอย่างมาก

“ครั้งที่แล้วพี่ใหญ่อินได้ช่วยชีวิตข้า ครั้งนี้ฉันก็เต็มใจที่ จะช่วยพี่ นำเครื่องมือมาให้ข้า ข้าจะทำให้เรือลำนี้ผ่านวันนี้ ไปให้ได้

การเรียกร้องแบบนี้ อินฉีไม่มีเหตุผลอะไรที่จะปฏิเสธ จึงสั่งให้ซานป่ายไปเตรียมสิ่งของที่หลินซีนเยียนต้องการใช้ โดยทันที

ในช่วงที่ซานป่ายไปเตรียมสิ่งของมาให้อยู่นั้น อี้เซิง กลับจับมือของหลินซีนเยียนเบาๆ “พี่ บุรุษผู้นั้นเห็นพวกเรา แล้ว หากพวกเราช่วยใต้เท้าอินเช่นนี้ เขาคงไม่ดีใจเท่าไร”

หลินซีนเยียนเงยหน้าขึ้นไปมองริมฝั่ง เมื่อโม่จื่อเฟิงไม่ ได้ยืนอยู่ตรงนั้นแล้ว เธอก็ถอนสายตาแล้วถอนหายใจออก มา “ถึงจะโดนเห็นแล้วยังไง ช่างมันเถอะ แต่ข้าไม่ชอบติด ค้างผู้อื่น ข้ากำลังตอบแทนบุญคุณอินฉีเขาอยู่ “


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ