ยั่วสวาทท่านอ่องโฉมงาม

ตอนที่19ทำเรื่องที่ให้ท่านอ๋องสบายใจสักหน่อย



ตอนที่19ทำเรื่องที่ให้ท่านอ๋องสบายใจสักหน่อย

ในรถม้าเงียบกริบอย่างแปลกประหลาด

โม่จ่อฟังนั่งพิงข้างหน้าต่าง เขาไม่ได้รับปากคำขอร้องของนาง แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธ

หลินซินเยียนรู้สึกกังวลอย่างมาก นางเกือบลืมว่าตอนนี้ตัวนาง กำลังเปลือยเปล่าอยู่ นางลังเลอยู่หลายครั้งพอคิดจะเปิดปากถาม ทันใดนั้นที่ด้านนอกรถม้าก็มีเสียงใสของสตรีดังเข้ามา

“ท่านอ๋องตอนนี้ก็สายมากแล้ว เหตุใดพวกเราถึงหยุดไม่เคลื่อน ขบวน ? หรือท่านอ๋องจะไม่สบาย ? หากเป็นเช่นนั้นต้องรีบไปเชิญหมอ มาตรวจอาการให้

ใบหน้าของเซียวฉางเยว่เต็มไปด้วยความอ่อนโยน ทุกคำพูดล้วน มาจากความเป็นห่วง จินมูให้คนเฝ้ายืนห่างจากรถม้าสิบจ้าง เช่นนั้น นางจึงไม่มีทางเข้ามาใกล้ ตอนที่พูดจำเป็นต้องตะโกนเสียงดังๆทำ เสียงใหญ่เพื่อจะได้แสดงถึงความรู้สึกที่อ่อนโยนเป็นเรื่องที่หาได้ยาก

แต่น่าเสียดายคนในรถม้าไม่ได้มีการเคลื่อนไหวใดๆแม้แต่ม่านใน รถก็ไม่เปิดออก

“ไม่มีอะไร คุณหนูใหญ่เซียวกลับไปเถิด”เสียงของโม่จื่อฟงเย็น ชาไร้ความรู้สึกและกำชับจินมู่อีกว่า”จินมู่ กำชับไปว่าเริ่มออกเดินทาง ต่อได้

ตอนที่เสียงของเซียวฉางเยว่ดังเข้ามา หลินซินเยียนหน้าซีด ทันทีแม้ว่านางไม่ทำอะไรผิดแต่ไม่รู้เพราะเหตุใดกลับรู้สึกที่ตนเองทำ เรื่องเลวร้ายโดนคนจับได้

มองไปที่โม่จื่อฟงใบหน้าที่ไม่รู้สึกสะทกสะท้านอะไรราวกับว่าไม่รู้ สึกผิดกับเรื่องที่เกิดขึ้นในรถม้า หน้าหนาหน้าทนดั่งพื้นพสุธาทำให้หลินซินเยียนรู้สึกว่าตรงมุม ปากกระตุกอย่างอดไม่ได้

“ท่านอ๋อง ข้ายังไม่วางใจ หรือว่าข้าไปเรียกหมอมาช่วยท่าน ตรวจก่อน”เซียวฉางเยว่ยังไม่ตายใจหากไม่มีองครักษ์ขวางไว้นางคง เดินเข้าไปอย่างแน่นอน

แม้ว่านางจะรู้บางทีการเห็นภาพในรถม้าเองอาจจะทำให้เสียใจยิ่ง กว่า แต่สตรีที่ตกอยู่ในความรักจะควบคุมความอิจฉาของตนเองไม่ ได้? ถึงจะรู้ผลที่ตามมาดีอยู่แล้วแต่ก็ยอมเป็นแมลงเม่าบินเข้ากองไฟ เข้าไปดูว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่

“ฮี ! “โม่จื่อฟังทำสายตาเยือกเย็นราวกับรู้ว่านางกำลังคิดอะไรอยู่ เสียงเงียบไปสักพัก ทันใดนั้นที่มุมปากก็ปรากฏรอยยิ้มชั่วร้ายออกมา เขาหันไปพูดกับหลินซินเยี่ยนที่อยู่ข้างๆ”ชีวิตคนเรามันน่าเบื่อบางที ต้องมีเรื่องที่น่าสนุกสามารถทำให้ชีวิตคนเราครื้นเครงยิ่งขึ้น แต่ไหน แต่ไรมาข้าไม่เคยเสียเปรียบในการค้าขาย เจ้าอยากจะให้ข้าช่วย เจ้าไม่สู้ทำให้ข้าดีใจซะหน่อยล่ะ”

ตอนที่มุมปากของโม่จื่อฟงปรากฏยิ้มขึ้น หลินซินเยียนก็นั่งขด ตัวไปด้านหลัง”ท่านอ่อง ท่านคิดจะให้ข้าทำอะไร ?”

“อืมม…ที่จริงแล้วเจ้าไม่ต้องทำอะไรเลย…”เขายังพูดไม่จบ มือ ของเขาก็ยกขึ้นช้าๆไปจับที่ม่านในรถ

การกระทำนั้นทำให้หลินซินเยียนตกใจแทบหน้าเขียว มือของ เขาเพียงแค่ดึงม่านขึ้นไปอีกก็สามารถทำให้คนที่อยู่นอกรถม้าเห็น สภาพที่เปลือยเปล่าของนางในตอนนี้ !

“เจ้าเพียงนั่งเฉยๆก็พอแล้ว”เห็นความหวาดกลัวในตาของนาง โม่ จื่อฟงราวกับพึงพอใจอย่างมากจึงไปพูดกับคนที่อยู่ข้างนอกด้วยเสียง เป็นชา”จินมู่ ให้แม่นางเซียวมาอยู่หน้ารถม้า” ถึงจินมู่จะไม่เข้าใจแต่ก็ไม่เคยสงสัยคำสั่งของท่านอ๋องเขาจึง บอกให้องครักษ์หลบทางทันที

ในตอนนี้ใบหน้าของเชียวฉางเยว่ก็หุบยิ้มด้วยความดีใจไม่อยู่ ตอนนี้อ๋องอู่เสวียนให้นางเข้าไปได้หรือจะพูดกับเขาว่านางไม่เหมือน เดิมแล้ว

เมื่อคิดเช่นนี้แล้วเซียวฉางเยว่ก็ก้าวเดินไปอย่างรวดเร็ว แต่เพื่อ ภาพลักษณ์ของการเป็นบุตรสาวตระกูลสูงศักดิ์นางจึงว่างมาดก้าวเดิน ออกไปอย่างช้าๆ

พอเซียวฉางเยว่เข้ามาใกล้หน้ารถม้าหนึ่งจ้าง ทันใดนั้นม่านใน รถม้าก็เปิดออกด้วยมือที่เรียวยาวราวหยกหยก ตรงมุมที่เปิดม่านใน รถขึ้นได้เหลือช่องไม่ใหญ่มากแต่ก็ทำให้นางสามารถเห็นหลินซินเยียน ที่นั่งขดตัวอยู่ในมุมหนึ่งของรถม้าได้พอดี

สตรีที่เรือนร่างเปลือยเปล่าทั้งตัวมีร่องรอยที่เกิดจากหลังร่วมรัก แม้จะมีรอยฟกช้ำที่น่ากลัวอยู่หลายแห่งแต่ทุกสิ่งทุกอย่างได้บอกนาง หมดแล้วว่าเพิ่งจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นในรถม้า

เซียวฉางเยว่มีสีหน้าขาวซีด สองมือของนางกำแน่น ภาพ ลักษณ์ที่สร้างมาได้พังทลายหายไปหมดแล้วตอนนี้นางทำหน้าถถึงทิ้ง แสดงอาการเกรี้ยวกราดดุดัน

“เหอะๆ…”ในขณะนั้นเสียงหัวเราะของโม่จื่อฟงก็ดังขึ้นแสดงถึง ความสุข เขาปิดม่านลงและตอนที่หันกลับมาก็เห็นในตาของหลินซิน เยียนมีน้ำตาไหลริน”ทำไม รู้สึกน้อยใจรี ? ”

แล้วมันไม่น่าน้อยใจอย่างไร ?

เขาตั้งใจให้ผู้หญิงคนอื่นเห็นสภาพที่เปลือยเปล่าของนาง เขา หยามเกียรติของนางอย่างไม่สนใจ บุรุษผู้นี้โหดร้ายอย่างมาก

“อย่าเศร้าไปเลย ข้าบอกแล้วไม่เคยเสียเปรียบในการค้าขาย”โม่ จื่อฟงพูดอย่างราบเรียบจาก

ล้อรถหมุนขบวน รถม้าเริ่มออกเดินทาง

เซียวอวิ้นฉินประคองเซียวฉางเยว่เดินกลับไปองครักษ์ที่ยืนอยู่ทำ เหมือนไม่เห็นสตรีของเมืองหลวง จินมู่เดินมาข้างรถม้า โม่จื่อฟงยัง คงรักษาสัญญาจึงส่งคนไปที่จวนของคหบดีหลิวนั่น

ผ่านไปไม่นานขบวนรถก็มาถึงอี้ก่วน ในเมืองคนในอี้ก่วนเหมือน รู้ว่าขบวนของอ๋องอู่เสวียนจะมาจึงได้ทำความสะอาดที่พักเป็นอย่างดี ว่ากันว่าแม้แต่หญ้าในสวนก็ตัดแต่งเป็นอย่างดี

ได้ยินว่าอ๋องอู่เสวียนเข้าหาด้วยยาก หากว่าใครทำอะไรที่ไม่ เหมาะสม หัวอาจจะขาดได้ คนในเมืองเขตชายแดนไม่มีใครเคยเห็น อ่องอู่เสวียน แค่ได้ยินคำเล่าลือต่างก็หวาดกลัวกันถ้วนหน้า

แต่ว่าพวกสาวใช้ในอี้ก่วนเมื่อเห็นบุรุษเสื้อคลุมที่เดินลงมาจากรถ ม้าตา ทุกคู่ต่างก็จ้องมองอย่างไม่ละสายตา

บุรุษที่มีรูปโฉมงดงามราวกับเทพบุตรจะโหดร้ายเหมือนคำเล่าลือ ได้อย่างไรกัน ?

แต่น่าเสียดายเสี่ยววินาทีต่อเทพบุตรเสื้อคลุมก้าวเดินไปสักพักก็ หยุดชะงักลงและกวาดสายตาราวกับคมมีดมองมา คนที่ยืนมองต่างก็ ตกใจจนนั่งคุกเข่าหัวโขกพื้นทันที

เขาเลิกมองและเดินเข้าไปในโรงเตี๊ยมก่อนแต่ยังไม่ลืมกำชับคน ข้างกาย “นำเสื้อผ้าไปส่งที่รถม้า ! ”

“พ่ะย่ะค่ะ ! “คนข้างกายตอบรับและไปจัดการ ทันทีไม่นานชุด ผ้าแพรปักด้ายทองอย่างหรูหราก็มาส่งที่รถม้า

ผ่านไปสักพักทุกคนต่างก็เห็นสตรีที่งดงามไร้เครื่องประดับเดิน ลงมาจากรถม้า การเคลื่อนไหวของนางถือว่าไม่สง่างามมาก การ แสดงออกก็ถือว่าไม่น่ามองแต่ด้วยใบหน้าที่งดงามแม้จะไม่ใช่หญิงงาม สมเมืองแต่ไม่รู้เพราะเหตุใดดวงตาที่สดใสคู่นั้นได้สะกดใจของผู้คน แล้ว

หลินซินเยียนยืนอยู่หน้าประตูอี้ก่วนไม่รีบร้อนเข้าไปในห้อง พอ เห็นกลุ่มของจินมู่ควบม้ามาอย่างรวดเร็ว บนหลังม้ามีเด็กชายที่ใบหน้า เปรอะเปื้อนได้ด้วยสิ่งสกปรก นางก็โล่งใจทันที

จินมู่ขี่ม้าเข้ามาในอี้ก่วนเมื่อกระโดดลงจากหลังม้าแล้วก็เอื้อมมือ ไปอุ้มเด็กลงจากหลังม้า เด็กชายที่มีดวงตาสดใสไม่ได้ร้องไห้ ไม่ได้ ยิ้ม สายตายังคงมองไปรอบๆอย่างเมินเฉย


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ