ตอนที่45 ช่วยเหลือสาวงาม
อย่างไรก็ตามหลินซินเยียนรู้ดีว่า บนโลกใบนี้สิ่งที่ไม่ สามารถเชื่อได้มากที่สุดก็คือคําสาบานของผู้ขาย แต่ภายใต้ สถานการณ์เช่นนี้ นอกจากเชื่อในสิ่งปาฏิหาริย์ ยังจะมีวิธีอื่นใด อีกเล่า?
นางลดขาลง หันกลับไปดึงมู่เหอแล้ววิ่ง
“จับพวกมันให้ข้าเข้าต้องการให้พวกมันอยู่ไม่สู้ตาย!
พวกหลินซินเยียนยังวิ่งไปได้ไม่เท่าไหร่ เหยียนหลิวหยุ นก็เรียกให้คนไล่ตามขึ้นมาทันควัน
คําสาบานของผู้ชาย..
หลินซินเยียนมุมปากกระตุก แท้จริงแล้วดูเหมือนจะไม่มี ปาฏิหาริย์บนโลกใบนี้
เป็นถึงโอรสสวรรค์ นึกไม่ถึงว่าจะผิดคำมั่นสัญญา ช่างอัปยศ ที่สุด ขณะที่หลินซินเยียนวิ่งก็ไม่ลืมที่จะถากถางฮูเหยียนหลิวหยุ นกลับไป
“ข้าพูดว่าจะปล่อยพวกเจ้าไป แต่ไม่ได้พูดว่าจะปล่อยตอนนี้ รอให้ข้าทำให้พวกเจ้าได้รับความทรมานจนอยู่มิสู้ตายเสียก่อน ค่อยปล่อยพวกเจ้าไป” พื้นฐานวรยุทธ์ฮูเหยียนหลิวหยุนมิใช่ชั่ว เหินขึ้นลงเพียงครั้งก็ไล่ตามทั้งสองคนทัน
ขณะที่หลินซินเยียนลากมู่เหอ ก็ผลักมู่เหอพุ่งไปด้านข้าง อย่างเร่งร้อน “รีบหนีไป! ตามคนมาช่วยข้า!” ” เหอต้องการจะพูดอะไรบางอย่างแต่กลับถูกหลินซิน
เอ่ยนตัดบท
เจ้าสามารถใช้วิชาตัวเบาหาความช่วยเหลือยังได้เร็วกว่า ข้า! จงฟังข้าและรีบไปซะ! หลินซินเยียนวิ่งหนีไปทางตรงข้า มกับมู่เหอ เป้าหมายของคนเหล่านี้คือนาง การแยกกับมู่เหอจะ สามารถทําให้เขาปลอดภัย
เป็นไปตามคาด คนระดับฮูเหยียนหลิวหยุนไม่สนใจเห ออีกต่อไป แต่ทว่าอีกแค่ไม่กี่ก้าวก็จะล้อมหลินซินเยียนไว้ได้
“นี่ คนสวย ทีนี้เจ้าก็ไม่มีที่ให้หนีเสียแล้วล่ะ เจ้าวางใจได้เลย สำหรับหญิงงามข้าองค์ชายจะปฏิบัติอย่างอ่อนโยนเป็นที่สุด โอ้ ข้ามั่นใจว่าจะสามารถทำให้เจ้าลุ่มหลงอยู่ในโลกแห่งความฝัน จนถึงท้ายที่สุดเจ้าจะไม่อยากจากไปและนอนอยู่ใต้ร่างของข้า…
ในขณะที่กล่าวถ้อยคำเลวทรามออกมา ฮูเหยียนหลิวหยุน ไม่ได้รู้สึกละอายเลยแม้แต่น้อย
หลินซินเยียนเห็นว่าคงหนีไม่พ้น จึงไม่ดันทุรังวิ่งต่อ แต่กลับ จ้องมองยืนเผชิญหน้าโดยตรง หลังจากนั้นนางก็ปิดมุมปาก หัวเราะ “ที่แท้องค์รัชทายาทก็เป็นไก่อ่อน ถูกสตรีแตะต้องเพียง นิดก็มีตอบสนองถึงเช่นนี้!”
หินกระทบเพียงหนึ่งก้อนสามารถสร้างคลื่นนับพัน มิรู้ว่าคํ พูดที่ไม่ได้ตั้งใจของนางนั้นได้สร้างความเจ็บปวดให้ใครบางคน หรือไม่ แต่โดยสรุปแล้วฮูเหยียนหลิวหยุนนั้นตกตะลึงและเคือง แค้น ทั่วทั้งร่างดูไม่สู้ดี
หลังจากนั้นอู่จื่อและเหล่าพรรคพวกคุณชายจึงมองไปยัง เป้ากางเกงของเขาโดยไม่ได้ตั้งใจ ครั้นได้มอง หลายๆคนก็กลั้น ไม่ได้ที่จะหัวเราะเสียงครื้นขึ้นมาทันควัน เป้ากางเกงของเหยียน หลิวหยุนเหมือนกำลังตั้งเต็นท์อยู่จริงๆ
(อวัยวะเพศชายตั้งแข็งจนเป้าตุง เปรียบเหมือนเต้นท์ที่กำลัง
กาง)
“หลัวหยุน ท่านไม่ได้เป็นไก่อ่อนจริงใช่ไหม ท่านกลับหาเหตุ ผลต่างๆที่จะไปจากหอว่านโหลว(หอหมิ่นบุปผา) เป็นรายสุดท้าย เสียทุกครั้ง ด้วยที่แท้เรื่องเป็นมาเช่นนี้เองหรอกหรือ? ใน บรรดาคนเหล่านี้ มีเพียง ฉือเสี่ยวโหวเหม่ที่ตำแหน่งสถานะตัวตน ไม่ได้ด้อยไปกว่าเขาเท่าไหร่จึงกล้าดีมาล้อเล่นกับเขาตามใจชอบ เช่นนี้
ฮูเหยียนหลิวหยุนตบฝ่ามือลงบนหน้าอกของเขาด้วยความ โกรธ พูดไร้สาระอันใดกัน! ตัวข้าผ่านเข้าออกห้องหญิงรับใช้มา ตั้งกี่ราย จะเป็นไก่อ่อนไปได้อย่างไร!
เอาล่ะ เอาล่ะ พอ ข้าเชื่อ เจ้าว่าข้ายังไม่เชื่ออีกหรือ? อู่ฉือก ล่าวคล้อยตามยอมจํานวนอยู่ภายใต้ความเย่อหยิ่งของเขา แต่ ทว่าภายในดวงตายังสะท้อนให้เห็นถึงความสงสัยอย่างชัดเจน
ฮูเหยียนหลิวหยุนน้ำท่วมปาก ได้แต่นำความโกรธแค้นมา ลงที่หลินซินเยียน “นังคนชั้นต่ำ ดูเหมือนว่าวันนี้ถ้าไม่ให้เจ้าได้เจอ กับพลังของข้า คงไม่สามารถให้เจ้ายอมรับได้ทั้งกายและใจ
ในขณะที่กล่าวก็ยื่นมือไปคว้าร่างของหลินซินเยียน โดยมีอ ข้างนั้นเขาใช้กำลังเต็มสิบส่วน ไม่ต้องพูดถึงหลินซินเนียนที่ไม่ เป็นวรยุทธ์ ต่อให้คนที่เป็นวรยุทธ์ก็ไม่แน่ว่าจะสามารถหลบได้ โดยง่าย หลินซินเยียนถอนหายใจ ได้แต่เบิกตามองมือของเขาที่
คว้าไหล่ของตน จนกระทั่งนางสามารถรู้สึกได้อย่างชัดเจนถึง ความเจ็บปวดที่แผ่ซ่านมาจากไหล่
ทว่าเพียงชั่วพริบตา ร่างของนางกลับตกอยู่ในอ้อมกอด
อบอุ่น
อัน
นางตกตะลึง ไม่แน่ใจว่าเป็นมาเช่นไร ก็ได้ยินเสียงที่คุ้น เคยลอยมา “เจ้าไม่เป็นไรนะ?”
นางเห็นกลับไป เห็นใบหน้าหล่อเหลาที่พอจะเทียบเคียงได้ กับโม่จื่อเฟิง หน้าตาเช่นนี้ เป็นผู้แปลกหน้าสำหรับนางอย่าง ชัดเจน แต่ทว่าเสียงนั้น นางกลับรู้สึกเหมือนเคยได้ยินจากที่ไหน มาก่อน
เมื่อเห็นนางไม่ตอบ ชายหนุ่มยิ้มอย่างอ่อนโยน แต่กลับไม่ ได้ปล่อยมือจากไหล่ที่กำลังโอบนางในยามที่เขายิ้มกลับยิ่งหล่อ เพิ่มขึ้นอีกหลายส่วน ท่ามกลางฝูงชนที่ได้หลีกห่างออกไปแล้ว ทว่าหญิงสาว อย่างไรก็อดไม่ได้ที่จะแสดงความขวยเขิน
“ท่าน ท่านคือ… ถ้าหากเปลี่ยนเป็นคนอื่น ฮูเหยียนหลิวหยุน คงจะพุ่งเข้าไปแย่งคนมาแล้ว แต่ทว่าในยามที่เขาเห็นบุรุษที่อยู่ ตรงหน้า ฝ่าเท้าราวกับมีรากฝัง ไม่กล้าจะก้าวออกไปตามอำเภอ ใจ
“อย่างไรกัน ฮูเหยียนหลิวหยุนมิรู้จักเป็นกว่านแล้วหรือ? งาน ฉลองวันคล้ายวันเกิดวันคล้ายพระราชสมภพฮูเหยียนอ๋องเมื่อ เดือนที่แล้ว เป็นกว่านยังได้เข้าจวนไปคารวะด้วยตนเอง” อินฉีหัว เราะเบาๆแล้วกล่าวอีกว่า “ถ้าหากองค์รัชทายาทหลิวหยุนผู้สูงส่ง ลืมเลือนไปแล้ว เช่นนั้นเป็นกว่านก็จะแนะนำตนเองอีกครั้ง “เปิ่น กว่านคืออัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้าย อินนี
(เป็นกว่าน คำที่ใช้เรียกแทนตนเองที่เป็นข้าราชสำนักในสมัย
โบราณ)
อัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายอินฉี ในบรรดาขุนนางฝ่ายบุ่น ถือว่าเป็นเสนาบดีที่ทัดเทียมกับเซียวเฉินเหอกั๋วกง และเป็นบุคคล ที่เกิดจากความสัมพันธ์ทางสายโลหิตระหว่างองค์จักรพรรดิแห่ง หนานเยวกับพระราชวงศ์ระดับสูง
ถึงแม้ว่าฮูเหยียนหลิวหยุนจะได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในสามองค์ ชายแห่งเมืองเฟิงซี ทว่าอย่างไรก็ยังเป็นผู้เยาว์ แต่อัครมหา เสนาบดีฝ่ายซ้ายอินดีที่อยู่ตรงหน้าผู้นี้ แม้กระทั่งบิดาของเขาเมื่อ ได้พบยังต้องสุภาพถึงสามส่วน เขาเป็นเพียงรุ่นที่สอง ยังไม่มี ความกล้าที่จะขัดแย้งกันอย่างซึ่งหน้าจริงๆ
ถ้าหากเขากลับจวนไปฟ้อง แม้เขาจะเป็นบุตรชายคนเดียว ของท่านผู้เฒ่า แน่นอนว่าย่อมร่วงไม่เป็นท่า
เสนาบดีอินชื่อเสียงกว้างไกล ข้าจะไม่รู้จักได้อย่างไร ฮูเหยี ยนหลิวหยุนเปลี่ยนเป็นใบหน้ายิ้มแย้มด้วยความเก้อเขิน เป็นยิ้มที่ คล้ายว่าไม่ยิ้ม แต่ว่านะท่านเสนาบดีฝ่ายซ้าย คนต่ำต้อยคนนี้เพิ่ง จะกระแทกชนข้า หวังว่าท่านเสนาบดีฝ่ายซ้ายจะมอบนางให้ข้า จัดการ
โอ้? อินดีไม่มีเจตนาที่จะปล่อยหลินซินเยียนแม้แต่นิด ถ้าหาก ข้ามองไม่ผิด เมื่อสักครู่นี้เหมือนกับว่าองค์ชายหลิวหยุนได้เกิดคิด เกินงามกับแม่นางคนนี้ อีกทั้ง กางเกงของเจ้ายัง…
เขามองไปยังเป้ากางเกงของฮูเหยียนหลิวหยุนอย่างมีนัย ยะลึกซึ้ง ที่ตรงนั้น จวบจนกระทั่งตอนนี้ยังคงมีหลักฐานความ ใคร่ติดไว้อยู่
ถูกพี่น้องตนเองหัวเราะเยาะก็แย่แล้ว ยามนี้ยังถูกเสนาบดี อ็นหัวเราะเยาะอีก บางทีหนังหน้าฮูเหยียนหลิวหยุนหนาขึ้นจน ด้าน เห็นอินฉีต้องการเข้ามาสอดเรื่องนี้อย่างชัดเจน ฮูเหยียนหลิว หยุนจึงลังเลไปชั่วครู่ มองหลินซินเยียนด้วยความเกลียดชัง หลังจากที่เรียกพรรคพวกแล้วเสร็จ จึงกล่าวอย่างไม่เต็มใจ “ไป! วันนี้ช่างโชคร้ายเสียจริง พวกเราไปดื่มสุรา ดื่มให้ตายกันไปข้าง!
อู่ฉือเมื่อได้ยินว่าเป็นอันดี ใครเล่ายังจะกล้ายุแหย่ จึงรีบ จากไปในทันที มีฮูเหยียนหลิวหยุนเบิกทางแล้ว พวกเขายังจะ ลังเลอะไร รีบติดตามไปอย่างรวดเร็ว
แต่กลับเป็นหลิวหลีที่ยืนอยู่ด้านข้าง ตั้งแต่ที่อินฉีปรากฏ กาย ดวงตาราวกับได้ถูกตราตรึงไว้ ไม่สามารถละสายตาได้ หาก ไม่ใช่ว่าฮูเหยียนหลิวหยุนเกิดโทสะและดึงแขนของนางไว้อย่าง หยาบคาย นางก็คงยังไม่ได้สติกลับมา
“หลิวหลี อย่าได้ทำตัวโลก! ดูเจ้าจะไม่เห็นหัวองค์ชายเช่น ข้า!” ฮูเหยียนหลิวหยุนเห็นท่าทางของนางที่จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับ ตัวก็ยิ่งมีโทสะ จึงผลักไสนางแล้วเดินจาก ธุระของเจ้า ต่อไปอย่า ได้มาวุ่นวายข้าอีก!
( กินข้าวในชาม ดูข้าวในหม้อ เปรียบเป็นคนโลก ที่ทานเท่าไร ก็ไม่รู้จักพอ)
หลังจากหลิวหลีได้รู้ซึ้งพลันรู้สึกตัว จึงรีบไล่ตามไปใน ทันใด องค์ชายเพคะ โปรดรอหลิวหลีด้วย…
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ