ตอนที่ 36 เจ้ามีโอกาสเพียงครั้งเดียว
เมื่อตาเฒ่าสวี่เก้อได้ฟังก็หัวเราะเงื่อนๆ ออกมาปรับ “เรื่องยืมเงิน ข้าก็เอาแต่ใจไม่ได้…”เขามองไปยังชายวัย กลางคนที่อยู่ข้างหลัง “คนอื่นไม่ให้ยืม ข้าก็ไม่มีร5อ่นแล้ว
ไม่ให้ยืมแล้วจะปล้นไปอย่างโจงแจ้งไป 2 “หลีินชึ้น เยียนเบะปากทำท่าทางเหยียดหยาม
ตาเฒ่าสวี่เก้อหัวเราะแห้งๆ สาวน้อย ข้าเป็นคน จิตใจดี ไม่ทำอะไรเจ้าหรอกเจ้าก็เห็นแล้ว ในที่นี่ข้าไม่ได้ เป็นเจ้านาย ตัดสินอะใจอะไรไม่ได้ แต่กลองใบนั้นข้า รับปากจะให้กับคนผู้นั้นแล้ว เช่น นั้นหากแขายังไม่ได้ไปอาจ จะเกิดเรื่องอะไรขึ้นได้ข้าขอแนะนำให้เจ้าคืนกล่องให้เขาดี กว่า ถึงอย่างไรกล่องใบนั้นมันก็ไม่มี เจ้าอยู่แล้ว” โยชาระไรสำหรับ
หลินซีนเยียนมองไปยังชายวัยกลางคนที่อยู่ข้าง หลังตาเฒ่าสวีเกือ พอเห็นใบหน้าองอาจของชายผู้นั้นแล้ว คนแบบนี้ต้องไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไปอย่างแม่นอนกล้าคิด วางแผนชิงของในมือของอ้องอูเสวียนมาก็ไม่ใช่คนธรรมดา แล้ว
“แต่ว่า กล่องไม่ได้อยู่ที่ตัวของข้าจริงๆ ข้าไม่กล้าพูล ปตทรอก “หลินซืนเอียนถอนหายใจอย่างรู้สึกเสียใจ
ตาเฒ่าสวีเก่อขมวดคิ้ว”ไม่มีจริงรี ? ”
หลินซีนเยียนกลอกตาบน “ไม่เช่นนั้นหาผู้หญิงสัก คนมาคันตัวข้าก็จะรู้เอง ชีวิตของข้าอยู่ในมือของพวกท่าน แล้ว ไม่กล้าพูดปดกับพวกท่านแน่นอน”
ตาเฒ่าสวี่เก๋อลังเลไปครู่หนึ่งก็เชื่อคำพูดของนาง เขาเดินกลับไปคุยกับชายวัยกลางคน ชายวัยกลางคนลุก ขึ้นยืน ก่อนจะก้าวขึ้นรถม้าก็เห็นใบหน้าของหลินซีนเยียน ขมวดคิ้วแล้วเอ่ย”เจ้าเป็นผู้หญิงของโม่จื่อฟงรี ? ”
“เออ…ก็ไม่เชิง เป็นแค่สาวใช้อุ่นเตียง”หลินซีนเยียน ไม่รู้ความหมายที่เขาถามคำถามนี้
“กล่องใบนั่นต้องตกอยู่ในมือของโม่จื่อฟงแน่”ชาย วัยกลางคนขมวดคิ้ว หันไปสั่งการกับคนที่อยู่ข้างกาย”หา คนไปส่งจดหมาย ให้โม่จื่อฟงน้ำกล่องมาแลกกับชีวิตของ นาง”
คนติดตามของเขาถ่ายทอดคำสั่งไป กลับทำให้ หลินซีนเยียนและตาเฒ่าสวี่เก๋อรู้สึกไม่อยากจะเชื่อ
“เออ…คือว่า ท่านจอมยุทธ์ หากว่าสิ่งของที่พวกท่าน ต้องมันสำคัญขนาดนั้น ข้าเป็นเพียงสาวใช้อุ่นเดียง ท่านคิด จะให้ข้าเป็นตัวประกันเพื่อไปแลกสิ่งของสำคัญงั้นรี ? ”
ชายวัยกลางคนแค่นหัวเราะ มองไปที่นางราวกับ รู้สึกสนใจ”เพียงสาวใช้อุ่นเตียงคนหนึ่ง แต่ว่าจนถึงปัจจุบัน นี้ ข้างกายของอ๋องอู่เสวียนไม่เคยมีสาวใช้อุ่นเตียงเลยสัก คนเช่นนั้น ข้าเต็มใจที่จะยอมเสี่ยงด หากว่าเขาไม่บา กือซะว่าปล่อยให้เจ้ามีชีวิตรอดสักหลายชั่วยาม ข้าก็ไม่ได้เสีย เปรียบอยู่แล้ว”
เขาพูดได้มีเหตุผลมาก แต่ไม่ว่าจะโอกาสไหน การ เป็นถึงผู้กุมอำนาจไม่ควรจะพลาดโอกาสนั้น
หลินซีนเยียนไม่มีอะไรจะพูด สักพักก็มีคนสวมชุด ดำลากเธอลงจากรถม้าไป กระชากแขนของเธอแล้วโยน เธอเข้าไปในห้องเล็กๆ ในมุมของลานบ้าน
ประตูห้องปิดลง ในห้องมีหน้าต่างที่ขาดเป็นรู ทำให้ สามารถมองเห็นเหตุการณ์ในลานบ้านได้
ผ่านไปไม่นาน ตรงพื้นที่โล่งนอกลานบ้าน จู่ๆ ก็มี เสียงของทหารสวมชุดเกราะกว่าร้อยนายปรากฏตัวขึ้นจาก ทุกสารทิศ
ผู้คนในลานบ้านต่างตกตะลึง รีบถอยหลังเข้าไป คุ้มครองชายวัยกลางคน พอถอยหลังไปถึงประตูทางเดิน ของห้องโถงก็หยุดลงทันที
ประตูลานบ้านถูกคนจากด้านนอกกระแทกจนเปิด ออก ทหาร 10 กว่านายถือโล่กำบังเข้ามา ปรากฏเงาของผู้ ที่ยืนอยู่ข้างหลังโล่กำบัง
“แค่สาวใช้อุ่นเตียงคนหนึ่ง พวกเจ้าอยากฆ่าก็ฆ่า แต่ข้าไม่ยอมให้โอกาสฆ่าคนแก่พวกเจ้าหรอก” ตอนที่ ต่างฝ่ายต่างไม่ยอมกัน โม่จื่อฟงยืนถือหม้ออ่นที่แกะสลักอย่างประณีตอยู่ท่ามกลางเหล่าทหารด้วยท่าทางสบายอก สบายใจ ไม่ว่าจะไปที่ไหนก็มีของหรูหราพกอยู่ตลอด ทำให้ หลินซีนเยียนต้องลองมองใหม่ซะแล้ว
“โม่จอฟง ! “ชายวัยกลางคนโกรธจนกัดฟันแทบหลุด ในเวลานั้น เขาคาดเดาแผนการของโม่จื่อฟงออก เขาไม่ใช่ คนที่ลังเลอะไร เพียงชักมีดยาวที่เอวของตนเองออกมาและ แผดเสียงร้องตะโกน “ชนะเป็นเจ้า แพ้เป็นโจร ข้าไม่มีอะไร จะพูด อย่างมากก็แค่สงคราม ! ”
“ไม่เสียทีที่เป็นคนของเว่ยจวิ้น เลือดร้อนกันซะ จริง “โม่จื่อฟงแค่นหัวเราะ มองชายวัยกลางคนที่มีสีหน้าซีด ขาว
“พูดเหลวไหล พวกเราไม่ได้ข้องเกี่ยวอะไรกับเว่ยจ วั้น ! “ชายวัยกลางคนถือมีดยาวขึ้นมาและแผดเสียงตะโกน “เหล่าพี่น้อง ตามข้าออกไปสู้ตาย ! ยอมรบแต่ไม่ยอม ศิโรราบ ! ”
“ยอมรบแต่ไม่ยอมศิโรราบ ! “พวกคนสวมชุดดำต่าง ร้องตะโกนพร้อมกับถืออาวุธบุกเข้าไป
ในลานบ้าน ผู้คนของทั้ง 2 ฝ่ายต่างประจัญบานกัน ในทันที ผ่านไปไม่นาน ไม่ว่าที่ไหนของลานบ้านก็มีเลือด นองและขาแขนที่โดนตัดขาดเต็มไปหมด เหล่าทหารและ คนชุดดำมีแววตาที่เต็มไปด้วยการเข่นฆ่ากลับไม่มีท่าที่จะ
ถดถอย
หลินซีนเยียนเห็นฉากการเข่นฆ่าอย่างเหี้ยมโหด อย่างเต็มตาพร้อมกลิ่นคาวเลือดที่ผ่านทางหน้าต่าง สองมือ กำหมัดแน่นจนเล็บจิกเข้าไปในเนื้อแต่ก็ยังไม่รู้สึกถึงความ เจ็บ
นี่มันคือความจริงที่โหดร้ายมาก ชีวิตคนล้วนอยู่ใน กำมือของเหล่าผู้มีอิทธิพล ช่างดูไร้ค่าจริงๆ
ผู้คนของทั้ง 2 ฝ่ายยอมสู้ตายถวายชีวิต ไม่มีใคร ถอยหนี ไม่มีใครขี้ขลาด เมื่อหลินซีนเยียนเห็นคนชุดดำคน หนึ่งตัดหัวทหารอายุประมาณ 10 กว่าปีจนหัวขาด และเห็น ทหารชุดเกราะแทงคนชุดดำหลายคนจนทะลุถึงหัวใจ
แม้จะมีหน้าต่างกั้นอยู่ แต่กลิ่นคาวเลือดที่คละคลุ้ง ไปทั่วได้ส่งกลิ่นตลบเข้ามาทำให้หลินซีนเยียนอ้วกออกมา อย่างทนไม่ไหว ถึงจะเข้าใจความโหดร้ายของความเป็น ความตายเป็นอย่างดี แต่พอมาเห็นภาพเหตุการณ์จริงกับตา ของตนเองถึงกลับทนไม่ได้ที่จะรู้สึกหวาดกลัว
เธอเป็นเพียงผู้หญิงอ่อนแอคนหนึ่ง หากเทียบกับ คนพวกนี้แล้ว ชีวิตของเธอคงจะถูกพรากไปอย่างง่ายดาย กว่าอีก
ทันใดนั้น ไม่รู้ว่าใครฟันใคร เสียงมันราวกับอยู่ใกล้ ห้องที่เธออยู่ เลือดสดกระเด็นสาดผ่านเข้าหน้าต่างเข้ามา เปื้อนใบหน้าของเธอ
“กรี๊ดดดด
หลินซีนเยียนปิดตาและตะโกนร้องอย่างสุดเสียง
ในช่วงโกลาหล มีเพียงคนเดียวที่เสื้อผ้ายังเป็น ระเบียบเรียบร้อยอยู่
โม่จื่อฟงที่ยืนอยู่หน้าประตู ได้ยินเสียงดังมาจากใน ห้อง ขมวดคิ้วแล้วเดินตรงไปยังห้องนั้น ทหารที่อยู่ตรงนั้น คอยเปิดทางให้เขาเดินไป ไม่มีคนชุดดำคนไหนเข้ามาใกล้ เขาเลยสักก้าว
ประตูในห้องถูกเปิดออก โม่จื่อฟงค่อยๆ เดินเข้า มาก็เห็นผู้หญิงนั่งหดตัวอยู่ มุมปากก็เหยียดขึ้นอย่างรู้สึก สมเพช”คิดว่าเจ้าจะกล้าแค่ไหนก็ยังกลัวเรื่องเช่นนี้อยู่ดี”
เขาเดินไปยืนตรงหน้าของหลินซีนเยียน ยื่นมือไป จับที่แขนของนางแล้วกระชากให้ยืนขึ้น ไม่รอให้หลินซีน เยียนยืนอย่างมั่นคง มือของเขาก็จับที่คอของนาง”พูดมา ทำไมเจ้าถึงประกอบภาพอาวุธหน้าไม้ได้ ! ข้าไม่เชื่อเรื่อง บังเอิญและไม่เชื่อปาฏิหาริย์ เช่นนั้นเจ้ามีเพียงแค่โอกาส เดียว ! ”
หลินซีนเยียนเบิกตาโพลงจ้องหน้าไร้ความรู้สึกของ โม่จือฟง คาดไม่ถึงเลยว่าความระมัดระวังของเธอจะสูงถึง ขีดสุดเช่นนี้ !
ที่แท้ เขาก็ไม่เคยเชื่อเรื่องที่เธอใช้ภาพลายปักมา
ประกอบภาพวาดอาวุธนั้น
กันบึ้งของหัวใจชายคนนี้จะลึกมากแค่ไหน ?
เขาเลยคิดว่า เธอกับสำนักเทียนจีมีความเกี่ยวข้อง
กัน ?
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ