ตอนที่11รอผู้หญิงคนหนึ่ง
หลินซินเยียนถอนหายใจยาวพลางเอามือจับที่กางเกงของเขา ครั้งนี้มือของนางสั่นไม่หยุด นางหายใจเข้าลึกๆสามครั้งเพื่อรวบรวม ความกล้าแล้วก็เริ่มดึงกางเกงจากกล้ามเนื้อส่วนท้องของเขาลงมา เรื่อยๆ
“หยุด ข้าไม่อยากให้เจ้าใช้มือ..”เขาพูดเอาแต่ใจ สายตากลับ จ้องไปที่ริมฝีปากอันอวบอิ่มและงดงามของนาง เขาหรี่ตาลงเล็กน้อย ทำให้เข้าใจความคิดได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น
“เจ้ารังแกกันมากไปแล้ว ! “หลินซินเยียนกัดฟันพูดอย่างโกรธ เคือง คลายมือออกลุกขึ้นและหันหลังคิดจะเดินหนีไป
โม่จอฟังไม่ได้เงยหน้าขึ้นและไม่ได้มองนางเพียงหยิบยาลูก กลอนซึ่งไม่รู้ว่าหยิบออกมาจากที่ใด”ยาถอนทพิษเม็ดนี้มีเพียงเม็ดเดียว เจ้าสามารถไปได้พอเจ้าไปข้าจะรีบทำลายมันทันที”
หลินซินเยียนเท้าที่ก้าวออกไปหยุดชะงักแล้วหันหน้ากลับมาจ้อง ไปที่เขาอย่างรุ้งเกียจ ผ่านไปสักพักนางจึงเอ่ยเสียงติดขัด”ข้า…ข้าทำ ไม่ได้”
“นี่มันไม่ใช่เรื่องของข้า”โม่จื่อฟงไม่สนเหตุผลของนางเพียง หลบตาลงแล้วเล่นยาลูกกลอนในมือการเคลื่อนไหวของเขารวดเร็วมาก ยาลูกกลอนที่อยู่ในมือเขาคล้ายกลับกลายเป็นเศษเงาที่ให้ความรู้สึก ไม่สมจริง
หลินซินเยียนรู้ว่าเขากำลังแสดงพลังของตนเอง เขากำลังบอก นางว่าเขาเพียงขยับมือเล็กน้อยยาลูกกลอนเม็ดนั้นก็ถูกทำลายลงทันที
ไม่รู้ว่าตอนนี้คือช่วงเวลาใดแล้วลมเริ่มพัดแรงขึ้น ลมฤดูหนาวได้ พัดผ่านผืนป่าและแทรกเข้ามาใต้เสื้อคลุมทำให้คนรู้สึกหนาวเข้าไปถึง ขั้วหัวใจ น้ำตาไหลรินอย่างไร้สุ้่มเสียง
หลินซินเยียนร้องไห้โดยไม่มีเสียงเพียงเดินไปข้างกายของโม่ จื่อฟงส่วนเอวที่แข็งก็ค่อยๆก้มต่ำลงไป
ในช่วงเข้าด้ายเข้าเข็ม โม่จื่อฟงลืมตาขึ้นมาทันทีดวงตาดำ ราวกับหมึก ใบหน้าของเขาไม่ได้แสดงออกถึงความสุขที่ปรารถนาแต่ กลับแสดงออกถึงความผิดหวังอย่างมาก
สตรีในโลกนี้ล้วนเหมือนกันทั้งสิ้น
ยามเที่ยงตรงดวงอาทิตย์อยู่ตรงกึ่งกลางศีรษะพอดี ดวงอาทิตย์ ไม่ได้อบอุ่นเหมือนครั้งก่อนกลับมีความโหดร้ายคล้ายกับจะให้หิมะที่ หลงเหลือละลายไปหมด
ริมฝั่งลำธารเล็กๆ หลินซินเยียนอมน้ำบ้วนปากเอาหน้าจุ่มลงไป ในน้ำแยกไม่ออกเลยว่าในน้ำคือน้ำจากลำธารหรือจากน้ำตา
ช่วงหนึ่งนางแอบมองบุรุษที่นั่งเข้าฌานบนก้อนหินขนาดใหญ่ แสงแดดที่ส่องกระทบใบหน้าของเขาเผยให้เห็นใบหน้าที่เป็นเปล่งแสง สีเหลืองทองบนผิวสีแทนของเขาคล้ายดั่งเทพบุตร
เพียงแต่บุรุษที่มองเป็นดั่งเทพบุตรผู้นี้กลับทำเรื่องชั่วๆกับนาง
นางเกลียดแต่ไม่สามารถต่อต้านได้
“เลิกมองข้าด้วยสายตาที่บังอาจเช่นนั้น เจ้าควรจะเข้าใจสำหรับ ข้าจะฆ่าเจ้าเป็นเรื่องง่าย”บุรุษลืมตาขึ้นมาทันทีรอบตัวเต็มไปด้วย หมอกควันเบาบาง ตอนที่หมอกควันจางหายไปเขาก็ยืนขึ้นและก้าว เท้าเดินอย่างคล่องแคล่วความรู้สึกหนักหน่วงราวกับพิษได้สลายไป หมดแล้ว
หลินซินเยียนก้มหน้าต่ำลงฝืนอดกลั้นความเคียดแค้นของตนเอง ไว้ ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไร นางคุ้นชินกับการอดทนอตกลั้นอย่างนี้แล้ว
กลางท้องฟ้ามีอินทรีตัวหนึ่งบินร่อนผ่านมา โม่งอฟงแหงนหน้า ขึ้นโบกมือเรียกด้วยท่าทางสบาย คาดไม่ถึงว่าอินทรีตัวนั้นก็บินดิ่งลง มาตรงที่เขายืนอยู่ สายตาที่ดุร้ายของมันกลับดูเชื่องทันทีเมื่อมันอยู่ บนแขนของเขา
สายตาของโม่จื่อฟงจ้องอย่างเย็นชายื่นมือออกมาลูบหัวของมัน และเอ่ยเสียงเข้ม”น้ำทาง”
หลินซินเยียนมองเห็นภาพนั้นมุมปากก็เหยียดขึ้นพูดภาษาคนกับ อินทรี บ้าหรือเปล่า !
ใครจะรู้อินทรีตัวนั้นกางปีกออกราวกับเข้าใจและบินขึ้นนำหน้า เขาห่างออกไปสามจ้าง(หน่วยวัดของจีนโบราณ)มันรักษาระยะห่างกับ ความเร็วได้อย่างดีเยี่ยมคล้ายกับทำตามคำสั่งอย่างตั้งอกตั้งใจ
“เจ้ามัวรออะไรอยู่เล่า?ยังไม่ตามมาอีก”โม่จื่อฟงก้าวเท้าเดินไปสัก พัก สีหน้าดูไม่ค่อยดี
หลินซินเยียนกัดปากรีบเดินตามไป จากนั้นก็ยื่นมือไปทาง เขา”ข้าทำตามที่เจ้าบอกแล้วตอนนี้ส่งหยกกับยาถอนพิษมาให้ข้า จาก นี้ไปไม่ขอพบเจอกันอีก”
ไม่พบเจอกันอีกคงเป็นไปไม่ได้นาง…หลินซินเยียนยังจะจำความ แค้นครั้งนี้ได้สักวันต้องให้เขาชดใช้คืนมาร้อยเท่า
บุรุษร่างสูงยืนหลังตัวเสื้อคลุมพลิ้วสะบัดไปตามกระแสลม ใบหน้าของเขาที่บวมเป่งค่อยๆดีขึ้น เค้าโครงหน้านับว่าหล่อเหลา พอใช้ได้เพียงแต่เค้าโครงหน้านี้ดูคล้ายกับใครคนหนึ่งคนที่หลินซิน เยียนไม่กล้าเชื่อและไม่อยากจะเชื่อ
เช่นนั้น หากตัวออกห่างมาได้ก็อาจจะเป็นเรื่องดี โม่จื่อฟงเงียบไปสักพัก จากนั้นก็ดึงหยกที่อยู่ห้อยอยู่ตรงเอว ออกมาวางลงบนมือของนางและแสยะยิ้ม”หยกให้เจ้าได้แต่ยา ถอนพิษ…”
“เจ้าคิดจะกลับคำรี”หลินซินเยียนร้อนใจนิดหน่อยแต่พอคาดเดา ได้จึงไม่ได้แสดงอารมณ์ออกมา
โม่จื่อฟงส่ายหน้า”ยาที่ข้าให้เจ้ากินเป็นเพียงยาวิเศษรักษา
บาดแผล ไม่มีพิษเหตุใดต้องถอนพิษ”
“..”หลินชินเยียนเบิกตาโพลงสักพักก็ยอมรับในคำพูดของเขา ตอนที่นางฟื้นมาตรงริมฝั่งทั้งเนื้อทั้งตัวของนางมีรอยฟกช้ำและรอยขีด ช่วนเต็มไปหมด แต่ตอนนี้บาดแผลพวกนั้นดีขึ้นเกือบหมดแล้ว”เจ้า หลอกข้า”
โม่จื่อฟงหันหลังเดินตามอินทรีที่นำทางต่อเดินไปสักพักก็เอ่ย เสียงเย็นชาขึ้น”เจ้าคู่ควรให้ข้าหลอกรี เจ้าถือว่าโชคดีเพราะเจ้าได้ ผ่านการทดสอบของข้าแล้วหากไม่เช่นนั้นแล้วเจ้าคิดว่าเจ้ายังจะมีชีวิต อยู่อีกรี”
มีชีวิตอยู่.
ในชั่วขณะนั้นหลินซินเยียนมีความรู้สึกอยากพุ่งเข้าไปฆ่าคน แต่ ตอนนั้นนางเห็นเขาอยู่ห่างออกไปสิบจ้างแล้ว ในที่สุดนางก็ถอนหายใจ ยาวหนึ่งครั้ง
ใช่สิ มันยากที่นางจะมีชีวิตอีกชาติหนึ่งหากยังไม่รู้จักถนอมซีวิต นี้คงจะโงสิ้นดี
ยอมตามไปแล้วกันนางพยายามวิ่งตามไปในที่สุดก็เห็นเงาของ เขา เงาของเขาอยู่ห่างจากนางออกไปสิบกว่าจ้าง
สองชั่วยามผ่านไปโม่จื่อฟงเดินออกจากป่ามาถึงบนถนนใหญ่ ก่อนมองเห็นคนยืนอยู่หลายคนรออยู่บนถนนใหญ่ในที่ไกลๆ คนเหล่า นั้นล้วนสวมชุดทหารนั่งอยู่บนหลังม้า แต่ละคนมีสีหน้าจริงจังพอเห็น โม่จื่อฟงก็รีบลงจากหลังม้าและนั่งคุกเข่าลง
“ท่านอ๋อง ! “จินมู่เปิดปากพูดด้วยความโล่งอกเห็นว่าเขากลับมา อย่างปลอดภัยทำให้จินมู่แทบน้ำตาคลอ
โม่จื่อฟังตอบรับพลางโบกมือเบาๆ อินทรีตัวนั้นก็ทะยานบินร่อน
ไปยังขอบฟ้าไกล เพียงพริบตาเดียวก็บินหายไปอย่างไร้ร่องรอย
มีคนจูงม้าสีแดงเข้มมาให้ โม่จื่อฟงก็กระโดดขึ้นบนหลังม้าตัวนั้น คนอื่นๆก็ทยอยกระโดดขึ้นหลังม้าเตรียมออกเดินทางเพียงรอคำสั่ง จากโม่จื่อฟังพวกเขาก็พร้อมออกเดินทางทันที
แต่ว่าโม่จื่อฟงยังไม่ได้ออกคำสั่ง
จินมู่เห็นว่าเขาไม่ได้ออกคำสั่งจึงเอ่ยถามด้วยความสงสัย”ท่าน อ๋อง ท่านกำลังรออะไรอยู่รี”
โม่จือฟงขมวดคิ้วติดกันเล็กน้อย สายตามองไปยังทางออกจาก ป่าราวกับไม่ได้ยินคำพูดของจินมู่
จินมู่ประหลาดใจ เขารู้อารมณ์ของท่านอ๋องเป็นอย่างดีจึงรีบหัน ไปตามสายตาของโม่จื่อฟง ทันใดนั้นก็มีคนวิ่งออกมาจากป่าอย่าง ทุลักทุเล
เป็นสตรีคนหนึ่ง !
จินมู่ตกตะลึงจนหน้าซีดพอมองไปอีกที แม้แต่กล้ามเนื้อที่หน้าก็ กระตุกขึ้นอย่างอดไม่ไหว นั่นไม่ใช่สตรีที่มอบตัวในโรงเตี๊ยมวันนั้น หรอก รี ? เขาตามหาไปทั่วเมืองอวิ่นแต่ก็หาไม่เจอคิดไม่ถึงว่าจะมา เจอกับท่านอ่องได้
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ