ยั่วสวาทท่านอ่องโฉมงาม

ตอนที่ 63 ผู้หญิงที่มีเสน่ห์



ตอนที่ 63 ผู้หญิงที่มีเสน่ห์

ในไร่นาทีเงียบสงัดใต้แสงดาว เสียงที่ตกอยู่ ในภวังค์ของนางดุจดั่งลำนำแสงที่โลดแล่น และส่อง ประกายระยิบยับในความมืดมิด

นางไม่รู้เลยว่า การที่นางนั่งเงียบๆอยู่บนก้อนหิน ห่อตัวด้วยเสื้อคลุมที่หนาและหนัก เผยให้เห็นเพียงส่วน ใบหน้าที่งามล่มเมือง หากร่างเป็นภาพวาดออกมาคง ทําให้ผู้คนตกตะลึงจนแทบหยุดหายใจ

ณ ที่ห่างไกล ภายในศาลาบนยอดเขา มีเณรน้อย สองรูปกำลังจุดโคมไฟ ตรงกลางศาลา ทั้งสองฝั่งของ โต๊ะหินมีโม่จื่อเฟิงและไต้ซือหงหรูลงนั่งอยู่คนละด้าน ได้ ซือหงหรูกําลังจูบศีรษะของตนด้วยความเจ็บปวด ถ้า ไม่ใช่เพราะว่าเขาหัวล้านอยู่แล้ว เกรงว่าผมบนศีรษะ ของเขาก็คงถูกลบจนเกลี้ยงด้วยความรุนแรงของตน

กระดานนี้ ท่านแพ้แน่แล้ว ไม่จื่อเฟิงเอ่ยอย่างสบายๆ แต่กลับยืนขึ้นอย่างช้าๆและไปยืนที่ริมศาลา สายตาเขาเห็น กองไฟเล็กๆที่อยู่ไกลออกไป เป็นผู้ใดกัน? นึกไม่ถึงจะ กล้าจุดไฟที่ภูเขาหลังวัดด้วย?

โดยปรกติภูเขาหลังวัดไม่อนุญาตให้คนภายนอกเข้า มา เขาหลับตาลงและเมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้งการมองเห็นของ สายตาก็ถึงระดับสูงสุด มีเพียงการบำเพ็ญถึงขั้นเหนือ มนุษย์เช่นเขาจึงจะมีความสามารถในการมองที่ลึกล้ำ
“หม?” เขาส่งเสียงประหลาดใจออกมาเบาๆ แล้วหัน ไปกล่าวกันได้ของครู “ท่านโอนครหาวิธีที่จะทำลาย กระดานนี้ก็แล้วกัน ต้องขอตัวก่อน

กล่าวจบ โปง้อ งเดินขึ้นลงอยู่หลายครั้งเพื่อมง ไปที่กองไฟเล็กๆ น

เมื่อเขามาถึงเบื้องหน้ากองไฟก็เห็นหลินชั้นเรียน ที่อยู่ด้านข้างกองไฟ กำลังร้องเพลงด้วยความสงบ ปรากฏ หน้าอันอ่อนโยนและรอบขึ้นอันผ่อนคลายกันมาก ของนางอย่างที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน

เขาไม่สามารถปฏิเสธว่าสตรีนิย กระหาได้ในโลก

หลับซินเบียนเห็นไม่จงเพิ่งที่อยู่เบื้องหน้าคนงาน สง่าดุจดั่งเทพเซียนที่นั่งตะลึง ความเยือกเย็นในดวงตา พลันหายไป นางยิ้มอย่างสดใส รับลูกยืนขึ้นและโถมตัว เองเข้าไปในอ้อมแขนของเขา หลังจากนั้นก็กอดเข้าที่เอา ของเขา ท่านต้อง ท่านมาได้อย่างไรเพาะ

ไม่จื่อเพิ่งขมวดคิว แต่มิได้ผลักมือของนางออก “เห็น ที่นี่มีแสงไฟก็เลยมาดู ไม่พักอยู่ในห้องให้ดีๆ แล้วมาทำ อะไร งที

“ทำของอร่อยกินเพคะ” หลินซินเยียนเงยศีรษะขึ้นมา ยิ้มหวาน “จมูกของท่านเองนั้นยอดเยี่ยมกว่าสุนัขเสียจริง มันเทศเผายังไม่ทันสดี ท่านก็ตามกลิ่นมาถึงที่นี่เสียแล้ว
โม่จื่อเฟิงสีหน้าพลันดิ่งลง “นี่เจ้าเอาข้าไปเปรียบ เทียบกับสุนัขงั้นหรือ?”

หลินซินเยียนสูดปาก ภายในใจกำลังคาดเดา ในใจ ของนางเขายังมิอาจสู้สุนัขตัวหนึ่งได้ด้วยซ้ำ แต่ทว่ารอย ยิ้มบนใบหน้ากลับยิ่งทวีความสดใสมากขึ้น นางหัวเราะร่า พลันยกมือขึ้นมาไล้ปลายนิ้วไปบนแก้มของเขา ท่านอ๋อง เพคะ หม่อมฉันผิดไปแล้ว เช่นนั้นหม่อมฉันขอแสดงการ ขออภัยโทษอย่างไรดีเพคะ?

น้ำเสียงของนางแฝงไว้ด้วยความยั่วยวนอย่างมี เลศนัย ปลายนิ้วของนางลากลงมาที่แก้มของเขาและ เลื่อนปลายนิ้วลากลงอีกทั้งเขียวนบนแผงอกอันแข็งแกร่ง ของเขา

นางเข้าใจอย่างแจ่มแจ้ง สิ่งที่บุรุษชื่นชอบมาก ที่สุดคืออะไร ไม่ใช่ว่าเป็นการแสวงหาความสุขภายใต้ สถานการณ์ที่น่าตื่นเต้นเช่นนี้หรือ? สถานที่ที่เป็นป่าภูเขารก ครึ้มเช่นนี้ไม่ใช่สถานที่น่าตื่นเต้นหรอกหรือ? รอให้เขาแข็ง ขันขึ้นมา น่าจะเป็นการดีกว่าถ้านางเริ่มเป็นฝ่ายรุก อย่าง น้อยก็ได้รับความไว้วางใจจากเขาเพิ่มขึ้นอีกขั้น

เมื่อคิดได้เช่นนี้ นางจึงเขย่งปลายเท้า ริมฝีปากแดง ระเรื่อประทับที่ใต้คางของเขา ไรหนวดเคราทำให้ริมฝีปาก นางเจ็บอยู่บ้าง แต่นางกลับไม่ได้เปิดเผยความรังเกียจ เลยแม้แต่น้อย กลับตรงกันข้ามนางประทับจุมพิตอย่าง ลึกล้ำ
มือของนางลูบไล้อยู่บนแผงอกและเลื่อนต่ำลงไปยัง

ด้านล่าง

เด็กสาวอย่างเจ้านี่สมควรตาย!” ไม่จื่อเฟิงคำราม เสียงแหบต่ำอยู่ในลำคอ นัยน์ตาเปลี่ยนเป็นลุ่มลึกในฉับ พลัน มุมปากของเขามีรอยยิ้มเรียบเฉย แต่มือกลับคว้าเอว ของนางไว้และเขาก็อุ้มหลินซินเยียนขึ้นมา

แสงไฟสะท้อนบนเงาร่างที่สอดประสานกันของคน ทั้งสอง เพียงชั่วครู่ ก็กลายเป็นความผลิบานที่สวยงาม ที่สุดในโลก

ไม่รู้ว่ามันเทศเผาสุกตั้งแต่เมื่อไหร่ ส่งกลิ่นหอม อบอวลไปทั่ว กลับไม่สามารถปกปิดกลิ่นอายที่แสน คลุมเครือนี้ได้

หลังครึ่งชั่วยามต่อมา หลินซินเยียนลุกขึ้นมาจาก

อ้อมแขนของเขาด้วยอาการหายใจหอบถี่ จัดแจงเสื้อผ้า ของตนด้วยความเขินอาย นางหันกลับมายิ้ม ท่านอ๋อง วิธี การยอมรับความผิดของหม่อมฉัน ท่านชื่นชอบไหมเพคะ?

โม่จื่อเฟิงดึงนางกลับเข้ามาในอ้อมแขนอีกครั้ง ค่อยๆเข้าไปกระซิบใกล้หูนาง “เรือนร่างของเจ้าข้าพอใจอยู่

เสมอ”

ใช่ เขาเพียงแค่พอใจกับเรือนร่างของนางเท่านั้น

เขาไม่รักนาง แต่กลับเผด็จการครอบครองนาง พวกบุรุษนักจะหั่นชอบให้ภรรยาของตนถือแบบอย่างเป็นเทพ เขียนหญิง แต่ก็กระหายที่จะครอบครองปีศาจสักคนที่ใช้ ร่างกายปรนเปรอความสุขเขา นี่ก็คงเป็นรากเหง้าสันดาน ของบุรุษ

หลินชินเขียนพิงศีรษะกับอกแกร่งของเขา ใช้เงา จากดวงจันทร์ปิดบังความขุ่นเคืองและความอยุติธรรมบน ใบหน้า

ในสายตาเขา นางเป็นเพียงปีศาจนางบำเรอเท่านั้น

“อ๊ะ ท่านอ๋องเพคะ หม่อมฉันเกือบจะลืมเสียแล้ว มันเผา น่าจะสุกได้ที่แล้ว” หลินซินเยียนส่งเสียงตกใจขึ้นมา หลัง จากนั้นก็ผละออกมาจากอ้อมกอดเขาแล้วไปยังที่ข้างกอง ไฟ พลันหยิบไม้ฟืนท่อนหนึ่งเขี่ยไปในกองไฟ

ใช้ความพยายามอยู่ไม่นานก็เขี่ยมันเผาหลายลูกที่สุด แล้วออกมาจากในกองไฟ นางหยิบมันเผาขึ้นมาอย่าง มีความสุข แต่ยังค่อนข้างร้อนอยู่ นางจึงใช้มือซ้ายกับ มือขวาสลับกันถือไปมา และยังไม่ลืมที่จะถูกับติ่งหูของ ตนเอง

“ท่านอ๋องเพคะ ท่านลองชิมดู” หลินซินเยียนแบ่งมัน เผาในมือออกเป็นสองซีก ครึ่งหนึ่งยื่นส่งให้กับโม่จื่อเฟิง

โม่จื่อเฟิงมองเปลือกมันเผาที่เต็มไปด้วยฝุ่นดิน สีหน้าดิ่งลง ไม่ขยับเคลื่อนไหว
“ท่านลองดู หม่อมฉันรับรองว่ากินไม่ยาก” หลินซิน

เขียนจึงสะบัดมือไปมาพลันกล่าวว่า “หม่อมฉันกล้าพนัน

ได้เลย ท่านต้องไม่เคยเสวยสิ่งนี้นะเพคะ? อีกทั้งด้วย

สถานะและตัวตนของท่าน ใครที่กล้ายื่นสิ่งนี้ให้ท่านเสวย

เช่นนั้นก็คงไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้ว”

ไม่จื่อเพิ่งเงยหน้าขึ้นมองเห็นสีหน้าอันกระตือรือร้น ของนาง ก็ขมวดคิ้วมั่น หลินซินเยียน เช่นนั้นไม่ใช่ว่าเจ้า ไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วหรือ?

ทำไมหม่อมฉันจะไม่อยากมีชีวิตอยู่ล่ะเพคะ หม่อม ฉันทำมากมายขนาดนี้ เพียงแค่อยากให้ตนเองนั้นมีชีวิต อยู่ต่อไปก็เท่านั้นเพคะ” หลินซินเยียนกลอกตาขาวใส่เขา แล้วจึงค่อยๆขยับเข้าไปนั่งใกล้เขา “ยิ่งสูงก็ยิ่งหนาว ท่าน อ๋องเพคะ ท่านคล้าพูดหรือไม่ ว่าท่านไม่ชื่นชอบท่าทีของ หม่อมฉันที่ปฏิบัติกับท่านเหมือนเช่นสหายทั่วไป

การใช้ทัศนคติที่เท่าเทียมกันปฏิบัติกับเขายังเป็นการ เสี่ยงดวงครั้งแรกของหลินซินเยียน สตรีขี้ประจบยกยอ ปอปั้นรอบกายเขานั้นมากเกินพอแล้ว ถ้าหากนางปรับ เปลี่ยนตนเพื่อตามใจผู้อื่นและสูญเสียความจริงใจแสน พิเศษนี้ไป บุรุษผู้นี้ใยจะต้องใส่ใจนางมากมายกันเล่า ใช้เพียงเรือนร่างจะพอจริงหรือ? เปรียบกับสตรีหอนางโลม เหล่านั้นยังยั่วยวนบุรุษยิ่งกว่านาง แต่ทว่าพวกนางนั้น สามารถทำให้บุรุษผู้นี้เก็บรั้งข้างกายไว้ได้หรือไม่?

ดังนั้นสุดท้ายแล้วก็ยังคงเอาอยู่ได้ในระดับหนึ่ง
โม่จื่อเฟิงจ้องนางอยู่สักพักโดยที่ไม่กล่าวอะไร กลับยื่นมือไปรับมันเผาที่นางยื่นส่งมา “ข้าไม่รังเกียจท่าทีที่ เจ้าใช้คุยกับข้า เพียงแต่ว่า,แค่ในตอนที่ลับหลังผู้อื่น”

“รับทราบเพคะ อยู่ต่อหน้าผู้คนแน่นอนว่าท่านก็คือท่าน อ๋องผู้สูงส่ง หม่อมฉันแยกแยะได้” แต่ไหนแต่ไรหลินซิน เยียนไม่สามารถเข้าใจความอวดดีที่บุรุษผู้นี้ใช้เหลือบมอง คนอื่น เป็นการทำตามอำเภอใจโดยสมบูรณ์

โม่จื่อเฟิงลังเลอยู่นาน สุดท้ายแล้วเขาเพียงแค่กัด ลงในตรงที่เขาคิดว่าสะอาดที่สุด หลังจากที่ตกตะลึง จึง หันมามองหลินซินเยียนอีกครั้ง ได้ลดความเย็นชาในแววตา ลง “อั้ม ทานไม่ยากเท่าไหร่”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ