บทที่009 ทรมาน
“อืม หวังว่าจะเป็นอย่างนั้นนะ” สูเสียวจึงพยักหน้ารับ ไม่ได้ สนทนาปัญหานี้ต่อไป
สูเสี่ยวถึงและหล่อชินกินข้าวเสร็จแล้วก็แยกย้ายกัน พรุ่งนี้ทั้ง สองคนยังต้องทํางานอีก ก็เลยไม่มีกะจิตกะใจจะไปต่อ เย่หลิง เทียนตามหล่อชินไปขึ้นรถ ตอนที่เย่หลิงเทียนกำลังจะสตาร์ท รถนั้น อยู่ ๆ หล่อ ซินก็พูดขึ้นมา “เย่หลิงเทียน นายว่าเอาแบบนี้ ไหม ตรงข้ามชุมชนที่ฉันอยู่มีตึกอยู่ตึกนึง ฉันจะหาบ้านให้นาย ให้นาย นายไปอยู่ตรงนั้นเถอะนะ ฉันจะหาชั้นที่มันดี ๆ หน่อย รับรองบ้านที่นายอยู่ต้องเห็นบ้านฉันทั้งหมดแน่นอน แบบนี้ถ้าฝั่ง บ้านฉันเกิดอะไรขึ้นนายก็จะเห็นก่อนใครเพื่อนแน่นอน นายรู้สึก ว่าเป็นไงบ้าง?”
หลังจากที่เย่หลิงเทียนได้ฟังที่หล่อชินพูดแล้ว บนใบหน้า ไม่มีปฏิกิริยาใด ๆ ปรากฏ ยังคงขับรถต่อไปเรื่อย
รอตั้งนานก็ไม่เห็นเย่หลิงเทียนจะพูดอะไร หลี่ออู่ซินเริ่มโมโห ขึ้นมา แล้วถาม “ ตกลงได้หรือไม่ได้ นายพูดมาสักค่าซิ?”
“คุณหนูหลี่ คำถามเดิม ๆ นี้ผมตอบคุณไปหลายครั้งแล้ว ผม จะบอกคุณอีกครั้ง พ่อของคุณจ้างผมมาคุ้มกันความปลอดภัย ของคุณ ผมควรจะทำยังไงก็พ่อคุณเป็นคนวางแผนให้ผมและ พ่อของคุณมีความสัมพันธ์เป็นนายจ้างและลูกจ้าง ควรจะทำ อะไรผมไม่มีสิทธิตัดสินใจ เพราะฉะนั้น ถึงคุณจะถามผมหนึ่งร้อยรอบก็เสียเวลาเปล่าครับ” เย่หลิงเทียนพูดเสียงเรียบ
“เย่หลิงเทียนตอนอยู่ในลิฟต์ก่อนหน้านี้ฉันขอบใจนายมาก ไม่ว่าเรื่องราวสุดท้ายจะเป็นยังไง นายก็ได้ช่วยฉันไว้ ฉันหล่อ ชิ้นไม่ใช่คนไม่รู้จักบุญคุณ แต่ว่า เรื่องนึงก็ต้องส่วนเรื่องนึง เรา มาว่ากันตามสถานการณ์จริงแล้ว นายว่าฉันต้องการบอดี้การ์ด จริง ๆ เหรอ? นายว่าฉันต้องการให้นายมาคุ้มกันจริง ๆ เหรอ?”
“ปีนี้ฉันอายุยี่สิบเจ็ดแล้ว ตลอดยี่สิบเจ็ดปีมานี้ ฉันไม่มีใครมา คอยปกป้องคุ้มครองตลอดเวลาฉันก็เติบโตมาได้แล้ว และตอน นี้ฉันก็ไม่ใช่เด็กอีกแล้ว ฉันเป็นคนปกติ ฉันต้องการความอิสระ ต้องการความเป็นส่วนตัว ถึงแม้นายจะบอกแล้วว่านายสามารถ ไม่มองอะไรไม่ฟังอะไรทั้งนั้นได้ แต่ว่าฉันเป็นคนนะ ไม่ใช่ก้อน หิน นายคอยตามฉันอยู่ทั้งวัน นายไม่รำคาญแต่ฉันรำคาญนะ วันนี้ทั้งวันฉันเหมือนมีคนคอยสอดส่องอยู่ตลอดเวลา นายคิดว่า ฉันจะอยู่แบบมีความสุขได้เหรอ?”
“แน่นอน เรื่องพวกนี้ฉันจะไม่พูดแล้ว ในเมื่อเป็นแผนการของ พ่อฉัน เขาก็ทำเพราะเป็นห่วงฉัน เรื่องพวกนี้ฉันสามารถทนได้ แต่ว่า นายจะให้ฉันยอมรับการอาศัยอยู่ในบ้านเดียวกันกับ ผู้ชายแปลกหน้าคนนึงได้ยังไง?
“ไม่ใช่ไม่เชื่อใจนาย จะพูดยังไงดีหล่ะ ฉันพูดตามจริงละกัน จริง ๆ แล้วฉันก็ไม่เชื่อในนายหรอก ฉันเพิ่งรู้จักนายวันแรก รู้จัก มายังไม่เกินหกชั่วโมง และพูดคุยรวมกันยังไม่ถึงยี่สิบประโยค ที่สำคัญ ฉันพูดตรง ๆ นะ ฉันรู้สึกกับนายไม่ได้ดีเท่าไหร่ นายจะ ให้ฉันยอมให้นายมาอยู่ในบ้านฉัน ตีให้ตายฉันก็ทำไม่ได้ ฉันเชื่อว่าไม่ใช่แค่ฉันคนเดียวหรอก ผู้หญิงทั่วใต้แผ่นฟ้าก็ทำไม่ได้ เหมือนกัน”
ในที่สุดหล่อ ซินก็คลุ้มคลั่งจนได้ ปัญหานี้เธอตกลงกับเย่หลิง เทียนหลายครั้งแล้ว แม้กระทั่งเคยขอร้องเย่หลิงเทียนแล้ว แต่เย หลิงเทียนก็ไม่เอาทั้งไม้อ่อนและไม่แข็ง นี่ถึงทำให้หล่อชินรู้สึก
เคลียดมาก
สำหรับการโมโหของหล่อซินนั้นเย่หลิงเทียนเหมือนอย่างกับ ว่าไม่ได้ยินอะไรเลย ยังคงจดจ่อกับการขับรถต่อไป แม้แต่สีหน้า บนใบหน้าก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
ฉันรู้นายอยากจะพูดอะไร นายจะบอกว่าเรื่องพวกนี้ไม่เกี่ยว กับนาย ขอแค่ให้พ่อฉันยอมนายก็จะทำตามทันทีใช่ไหม? แต่ว่า ความจริงแล้วฉันไม่อยากไปคุยกับพ่อฉันเรื่องนี้ พ่อฉันเป็นคนมี นิสัยดื้อรั้นมาก ขอแค่เป็นเรื่องที่เขาตัดสินใจแล้วให้วัวสิบตัวมา ฉุดก็ไม่กลับมา ฉันไม่อยากทำให้เขาไม่มีความสุขเพราะเรื่อง เล็กแค่นี้อีก เพราะว่า เมื่อก่อนฉันยืนยันจะไปเรียนต่างประเทศ ให้ได้ แต่ว่าเขาไม่ยอม สุดท้ายฉันก็เลยจากไปคนเดียว เรื่องนี้ ทำให้เขาเสียใจมาก ต่อมาเขาวางแผนให้ฉันไปนัดดูตัวหลาย ต่อหลายครั้ง ฉันก็ปฏิเสธเขาทุกครั้ง เรื่องนี้ก็ทำให้เขาโกรธมาก ฉันรู้ว่าฉันเอาแต่ใจตัวเองจนเกินไป ไม่เคยคิดถึงความรู้สึกของ เขา เพราะฉะนั้น ครั้งนี้ฉันไม่อยากให้เขาเสียใจด้วยเรื่องเล็ก น้อยพวกนี้อีกแล้ว นายเข้าใจไหม?”
“สิ่งที่ฉันขอให้นายทำก็ไม่ได้เยอะ ก็แค่กลางคืนไม่ให้นาย นอนค้างบ้านฉันเท่านั้นเอง ทั้งที่จริง ๆ แล้วฉันก็ยอมถอยให้ตั้งหลายก้าวแล้ว ฉันไม่ได้ไล่นายไป และไม่ได้ตั้งใจขับไล่นาย ทําให้นายลำบากใจ แล้วทำไมนายถึงไม่ยอมถอยให้สักก้าวนึ่ง หล่ะ? นายนี่ทำไมถึงได้เป็นคนดื้อดึงขนาดนี้?”
“ที่จริงกลางคืนนายไม่นอนค้างที่บ้านฉันพ่อฉันก็ไม่รู้เรื่อง หรอก ถึงแม้ถ้าพ่อฉันรู้เรื่องเข้า นายก็พูดไปตามตรงกับพ่อฉันได้ ฉันเชื่อว่าพ่อฉันจะต้องไม่โทษนายแน่นอน นายเป็นผู้ชายนายคง ไม่รู้สึกหรอก แต่ว่าผู้หญิงคนนึงอยู่ ๆ ที่ต้องยอมให้ตัวเองนอน กับผู้ชายที่แปลกหน้ามาก ๆ คนนึงในพื้นที่ปิดสนิท นี่เป็นเรื่องที่ น่ากลัวแค่ไหนรู้ไหม? ฉันจะบอกนายตามตรงนะ ฉันไม่มีทาง นอนหลับได้แน่นอน” หล่อชินพูดอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้
เย่หลิงเทียนก็ยังไม่พูดอะไร ผ่านไปนานแล้วค่อยพูดขึ้นว่า “ผมรับปากคุณ เดี๋ยวผมไปส่งคุณกลับบ้านแล้ว ผมจะไม่เข้าบ้าน คุณเลย คุณนอนหลับอย่างสบายใจได้เลย”
ประโยคง่าย ๆ สบาย ๆ นี้ของเย่หลิงเทียนกลับทำให้หล่อ นนิ่งอึ้งไปเลย เธอคิดไม่ถึงเย่หลิงเทียนที่ดื้อดึงหัวโบราณจนถึง ขีดสุด จะเปลี่ยนแปลงความคิดแล้วตอบตกลงเธอแบบนี้ กระทั่ง เธอไม่กล้าเชื่อหูตัวเองด้วยซ้ำ ผ่านไปสักครู่แล้วพูดขึ้น “ขอบใจ นายนะ แล้วก็ขอโทษ ที่เมื่อกี้ฉันพูดจาทำร้ายจิตใจนายไปตั้ง เยอะ หวังว่านายจะไม่ถือสานะ ฉัน ฉันแค่โมโหไปชั่วครู่ถึง พูดแบบนั้นไปนะ”
“ไม่เป็นไรครับ” เย่หลิงเทียนพูดเสียงเรียบ แล้วขับรถต่อไป ตั้งแต่แรกจนถึงตอนนี้เขาไม่เคยหันหน้ามาสักครั้ง
รถขับเข้าไปในประตูของชุมชนคฤหาสน์หรูแห่งนึง เจ้าหน้าที่ รักษาความปลอดภัยเห็นรถที่คุ้นตา ทะเบียนที่คุ้นตาก็ไม่ได้เข้า มาสอบถามอะไร แล้วก็ปล่อยรถเข้าไปโดยตรง ด้วยลายนิ้วมือ ของหล่อชิน ก็นำพาให้เย่หลิงเทียนขับรถเข้าไปจอดในสวน ของคฤหาสน์หลังนึง ได้อย่างราบรื่น หลังจากที่ให้หล่อนลง จากรถแล้ว เย่หลิงเทียนก็ขับรถเข้าไปจอดในโรงจอดรถ
“ผมจะไม่เข้าไปแล้ว แต่ว่าผมต้องถามอะไรหน่อย ในบ้านคุณ ยังมีคนอื่นอีกไหม? อย่างเช่นแม่บ้าน” หลังจากเย่หลิงเทียนลง จากรถแล้วก็ยื่นกุญแจคืนให้หล่อชินแล้วถาม
“ไม่มีแล้ว ในบ้านมีแค่ฉันคนเดียว ฉันอยากจะอยู่ได้ด้วยตัว เอง ก็เลยไม่ชอบให้คนอื่นมาดูแล เพราะฉะนั้น ในบ้านฉันก็เลย ไม่มีคนรับใช้ และอีกอย่าง ที่นี่มีรั้วล้อมรอบ และก็มีประตูเหล็ก กลางคืนฉันปิดประตูเหล็กแล้วไม่มีทางที่ใครจะเข้ามาได้ นาย วางใจได้เต็มที่เลย ขอบใจนะเย่หลิงเทียน และหวังว่านายจะไม่ เอาเรื่องนี้ไปบอกพ่อฉันนะ ฉันไม่อยากให้เขาคิดว่าฉันเอาแต่ใจ และต่อต้านเขาให้เขาเสียใจ และยิ่งไม่อยากให้เขาเป็นหว่งฉัน” หล่อซู่ซินรู้สึกซาบซึ้งแล้วพูดกับเย่หลิงเทียน
“โอเค คุณเข้าไปเถอะ อย่าลืมล็อกประตูด้วย และนี่คือเบอร์ โทรศัพท์ของผม ถ้ามีเรื่องอะไรคุณโทรหาผมได้ หรือแม้แต่ส่ง ข้อความมาก็ได้ ประตูเหล็กข้างนอกเดี๋ยวผมปิดให้เอง คุณไม่ ต้องปิด พรุ่งนี้เช้าผมจะมารับคุณตรงเวลานะครับ” เย่หลิงเทียน พยักหน้าแล้วพูดเสียงเรียบ
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ