Super Bodyguard

บทที่008 บอดี้การ์ด



บทที่008 บอดี้การ์ด

“บอดี้การ์ดต้องต่อสู้เก่งมาก คุณเคยฝึกมาก่อนใช่ไหมคะ? จุด สนใจของสูเสียวถึงก็ยังอยู่ที่ตัวเย่หลิงเทียนตลอด เธอเอาแต่ ถามเย่หลิงเทียนอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย เหมือนอยากจะขุด ค้นหาอะไรสําคัญจากเย่หลิงเทียนและข้อมูลที่ทำให้เธอสนใจได้

“บอดี้การ์ดเป็นแค่อาชีพอาชีพนึง ผมก็เป็นแค่คนธรรมดาคน นึงครับ” เย่หลิงเทียนไม่ได้รู้สึกรำคาญสูเสี่ยวจิงซะเท่าไหร่ เลย หน้าขึ้นมามองดูเสี่ยวนิ่งแล้วพูด

“คุณนี่พูดแล้วก็เหมือนไม่พูดเลย ฉันว่านะคุณเย่ คุณอย่า เอาแต่เย็นชาติ? อย่างน้อยที่นั่งอยู่ข้างหน้าคุณก็เป็นสาวสวยตั้ง สองคน คุณก็ยิ้มให้เราหน่อยไม่ได้เหรอ?” สูเสี่ยวฉิงพูดอย่างไม่ พอใจเย่หลิงเทียน

เย่หลิงเทียนนิ่งอึ้ง ยิ้มเหรอ? คำว่ายิ้มสำหรับเขาแล้วช่าง แปลกหน้า เขายิ้มน้อยจริง ๆ และเกือบจะลืมไปแล้วว่าต้องยิ้มยัง ไง

“ผมเป็นคนค่อนข้างแข็งทื่อ ต้องขออภัยด้วย” เย่หลิงเทียน พูดขึ้นเรียบ ๆ

“ช่างเถอะ คุณช่างเป็นคนไม่สนุกเลย คนอื่นเมื่อเห็นสาวงาม ไม่มีโอกาสพูดคุยก็ต้องสร้างโอกาสขึ้นมา คุณสาวงามอุตส่าห์ หาเรื่องพูดคุยด้วยแล้ว คุณยังเย็นชาใส่อีก คุณทำให้ความ มั่นใจของฉันกระทบกระเทือนแล้ว” สูเสี่ยวฉิงพูดอย่างหงุดหงิด
ผู้หญิง สําหรับโลกของเย่หลิงเทียนแล้ว ผู้หญิงเหมือนเป็นสิ่ง มีชีวิตที่แปลกหน้า ในโลกของเขา ผู้หญิงที่คุ้นเคยทีแค่สองคน ก็ คือแม่และน้องสาวเย่ซวงของเขา ตลอดชีวิตของเขาเหมือนจะไม่ เคยมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับผู้หญิงอื่นมาก่อน เพราะฉะนั้น สำหรับสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าผู้หญิงนั้น เขาไม่ค่อยเข้าใจซะเท่าไหร่

“เอาหล่ะ เดี๋ยวฉิงเธอก็เลิกล้อเขาเล่นได้แล้ว เขาไม่ใช่พวก กะล่อนปลิ้นปล้อนรอบตัวเธอที่วัน ๆ เอาแต่หยอดคำหวานนะ เขาก็เป็นแค่ท่อนไม้ท่อนนึง เธอเลิกล้อเขาได้แล้ว” หล่อวูซิน มองค้อนสูเสี่ยวฉิงแล้วพูด

เวลานี้ พนักงานเริ่มทยอยยกอาหารมาเสริฟ ทั้งสามคนก็เริ่ม กินอาหารของใครของมัน

“เสี่ยวฉิง ศาสตราจารย์ที่มาจีบเธอช่วงนี้เป็นยังไงบ้าง?” หลี่

อนกินไปถามดูเสี่ยวจึงไป

“จะเป็นยังไงได้หล่ะ ฉันไม่ได้สนใจเขา เขาก็ไม่ดูตัวเองบ้างว่า ตัวเองสารรูปเป็นยังไง อายุสี่สิบยังไม่ถึงก็เริ่มหัวล้านแล้ว ผมนบ หัวก็เหลืออยู่ไม่กี่เส้นแล้ว และอีกอย่าง ถ้าฉันจะหาแฟน ก็ ต้องหาทั้งหนุ่มทั้งหล่อแบบคุณเย่ ถูกไหม ว่าแต่คุณเย่ คุณมี แฟนหรือยังคะ? ถ้ายังไม่มีละก็คุณสามารถรับฉันไว้พิจารณา ด้วยนะคะ” สูเสี่ยวจึงรู้สึกว่าสำหรับศาสตราจารย์คนนั้นที่หล่อ ซินพูดถึงนั้นเธอรู้สึกรังเกียจนิด ๆ ก็เลยเปลี่ยนเรื่องมาถึงตัวเข่ หลิงเทียนอีกครั้ง

เย่หลิงเทียนอึ้งไปครู่นึง แล้วก็พูดขึ้นเสียงเรียบ “ผมเป็นแค่ทหารออกจากกรม ไม่มีงานที่มั่นคง เงินในกระเป๋าทั้งหมดรวม กันมีไม่ถึงหนึ่งร้อยหยวน ผมคิดว่าคุณอย่าพิจารณาผมจะดี ที่สุดครับ”

“ไม่มีเงินก็ไม่เป็นไร ฉันเลี้ยงคุณได้ จริง ๆ นะ ถึงแม้เงินเดือน ฉันจะไม่สูงมาก แต่ว่าเลี้ยงคุณได้ไม่มีปัญหาแน่นอนค่ะ” สูเสียว นิ่งเหมือนจะพูดอย่างจริงจัง

ในที่สุดเย่หลิงเทียนก็ทนไม่ไหวยิ้มออกมา แต่เขาไม่พูดอะไร แล้วกินข้าวต่อไป

หลอวู่ซินสงสัยอยู่ตลอดและเอาแต่มองเย่หลิงเทียน สุดท้ายก็ ถามเย่หลิงเทียนว่า “เย่หลิงเทียน นายกินอาหารฝรั่งบ่อยเห รอ?”

เย่หลิงเทียนนิ่งอึ้งอีกครั้ง แล้วพูดว่า “เคยกินไม่กี่ครั้งครับ

“เป็นไปไม่ได้ ฉันเห็นความชำนาญที่นายใช้มีดซ่อมได้ดีกว่า ฉันที่ไปอยู่อเมริกามาตั้งหลายปีซะอีก นายจะพูดว่าเคยกินแค่ไม่ กี่ครั้ง ตีให้ตายฉันก็ไม่เชื่อ” หล่อในถามเขาอย่างสงสัยมาก

“เหรอครับ? อาจจะเป็นพรสวรรค์มั้งครับ” เย่หลิงเทียนพูด เสียงเรียบ แล้วกินต่อไป สุดท้าย แค่สองสามที่เขาก็กินหมดแล้ว จึงรีบลุกขึ้นแล้วพูด “พวกคุณค่อย ๆ กินนะครับ แล้วเดินจากไป อีกครั้ง

“ฉันวิเคราะห์พิจารณาแล้วพบว่า คนคนนี้สงสัยเกิดมาก็ขาด อะไรบางอย่างแล้ว ดูดื้อ ๆ ยังไงไม่รู้ กว่าจะพูดมาไม่กี่ประโยค ก็ดูค่อนข้างหัวโบราณ” หลี่ออู่ซินมองเย่หลิงเทียนอย่างโกรธ ๆแล้วพูดกับสูเสี่ยวจิง

“เธอจะไปรู้อะไร นี่เรียกว่าเป็นผู้ใหญ่ นี่เรียกว่าหล่อเท่ เขาไม่ ได้ขาดอะไร แต่แค่ไม่สนใจจะต่อล้อปัญหาไร้สาระกับเด็กอย่าง เธอ” สูเสี่ยวจึงมองเย่หลิงเทียนที่อยู่ไกล ๆ แล้วพูดกับหลอวู่ซิน

“ฉันรู้สึกว่าวันนี้เธอดูแปลก ๆ นะ สายตาเอาแต่มองไปที่ตัว คนแซ เธออย่าบอกฉันนะว่าเธอถูกใจเขาแล้วจริง ๆ ?” หล่อจู่ ชินจ้องมองสูเสียวนิ่งอย่างจริงจัง แล้วถามเธออย่างตกใจ

“ตัวข้านั้นปีนี้ก็อายุยี่สิบเจ็ดกว่าแล้ว อีกสองปีก็จะสามสิบแล้ว ไม่ใช่ดอกไม้แรกแย้มมาตั้งนานแล้ว ช่วงอายุที่จะขยับก็เชื่องช้า แบบนี้แล้ว ฉันถูกใจผู้ชายคนนึงถึงกับทำให้เธอตะลึงขนาดนี้ เลยเหรอ?” สูเสี่ยวฉิงพูดอย่างไม่ไม่มีอารมณ์

“อันนี้ฉันรู้ แต่ที่ทำให้ฉันแปลกใจคือ คนที่มาจีบเธอเยอะ ขนาดนี้ ดีสุดก็ลูกหลานเศรษฐี แย่สุดก็นักเรียนของเธอเอง ทั้งคนมีอำนาจ คนมีความสามารถ คนหน้าตาดี คนมีเงิน เยอะ แยะมากมาย เธอยังไม่ถูกใจสักคน ทำไมถึงได้มีความคิดที่แตก ต่างออกไปกับคนที่มาจากบริษัทรักษาความปลอดภัยได้? สาว ตาเธอมีปัญหาอะไรหรือเปล่า?” หล่อซินถามต่อ

“เธอน่ะซิที่มีปัญหา บริษัทรักษาความปลอดภัยแล้วไง? อย่า พูดว่าเป็นบอดี้การ์ด ถึงจะเป็นรปภ ถ้าฉันชอบฉันก็ไม่รังเกียจ หรอก ฉันเสี่ยวจึงต้องการความรักไม่ใช่เงินทอง และอีกอย่าง ฉันสูเสี่ยวจึงมีมือมีเท้า เงินที่ฉันหาได้เพียงพอที่ฉันจะเลี้ยงตัวเอง แล้ว เพราะฉะนั้น คนที่ฉันจะหามีเงินหรือไม่มีเงินสำหรับฉันมีอะไรแตกต่างเหรอ? ฉันไม่ได้ต้องการให้เขามาเลี้ยงฉันสัก หน่อย”

“พวกคุณชายพวกนั้นที่จริงเป็นคนน่ารังเกียจที่สุด เอาเงินที่ พ่อแม่หามามาโอ้อวดยังคิดว่าตัวเองแน่สักแค่ไหน พูดความจริง ถึงฉันจะถูกใจรปภ คนนึง ก็ไม่ถูกใจพวกลูกคุณหนูหรอก รปภ คนนึงถึงจะแย่แค่ไหน เดือนนึงได้เงินพันนึง แต่เงินพันนึงนี้ก็ได้

มาจากความสามารถของตัวเขาเอง”

สูเสี่ยวฉิงพูดไปพูดไปก็ร่ายยาวขึ้นมา เห็นสายตาแปลก ๆ ของหล่อชินแล้วก็พูดขึ้นอีก และแน่นอน ฉันแค่รู้สึกกับบอดี้ การ์ดคนนี้ของเธอ เธอไม่รู้สึกเหรอ? ตัวเขามีเสน่ห์มาก เป็นแบบ เสน่ห์ของผู้ชายที่โตเป็นผู้ใหญ่แล้ว ฉันกล้ารับประกัน เขาต้อง เป็นผู้ชายที่มีเรื่องราวแน่นอน

“เสน่ห์เหรอ? ทำไมฉันไม่เห็นจะเห็นเลย แต่ว่า ฉันยอมรับนะ ว่า เขาหน้าตาไม่เลว” หล่อชินก็มองเย่หลิงเทียนที่อยู่ไกล ๆ อย่างสงสัยอีกครั้งนึง แล้วพูดออกมา

“เชอะ เธอสายตาเป็นยังแล้วฉันสายตาเป็นยังไงยะ? ในสาย ตาเธอน่ะมีแค่เสี่ยวจีนหุ้นของเธอแหละ จะไปมีคนอื่นได้ยังไง พูด ถึงแล้ว เธอบอกว่าเดี๋ยวจูนจูนของเธอจะทำงานอยู่ทางโน้นปี สองปีก็กลับประเทศไม่ใช่เหรอ? ตอนนี้เธอก็กลับประเทศมาสาม ปีแล้ว ทําไมเขายังไม่กลับมาอีก? คงไม่ได้โกหกเธอหรอกนะ?” สูเสียวนิ่งกินไปถามหล่อขึ้นไป

“ไม่หรอก เขาไม่โกหกฉันหรอก ส่วนนี้ฉันเชื่อใจเขาแน่นอนเขาบอกว่าเขาจะทำโปรเจคลงทุนอันนึงที่เขารับผิดชอบอยู่ในมือ ให้เสร็จก่อนแล้วถึงจะกลับมา อาจจะสิ้นปีนี้ก็คงจะกลับมาแล้ว มั้ง” หลอวู่ซินพูดอย่างแน่วแน่


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ