Super Bodyguard

บทที่007 เพื่อนสนิทสูเสี่ยวผิง



บทที่007 เพื่อนสนิทสูเสี่ยวผิง

บทที่007 เพื่อนสนิท สูเสี่ยวฉิง

เย่หลิงเทียนเดินไปรอลิฟต์อยู่ข้าง ๆ ลิฟต์ แล้วหล่อซินก็เดิน ตามหลังมา ทั้งสองคนไม่ได้พูดคุยอะไรกัน รอไปสักพักประตู ลิฟต์ก็เปิดออก ข้างในมีคนอยู่แค่สามคน เย่หลิงเทียนและหล่อ ซินก็เดินเข้าไปพร้อมกัน

ที่นี่เป็นตึกสำนักงาน ทั้งตึกมีแต่คนทำงาน และตอนนี้ก็ถือเป็น ช่วงเวลาเลิกงานของคนส่วนใหญ่ ลิฟต์นี่ก็เลยจอดทุกชั้น จอด ได้ไม่ถึงสองชั้นคนก็เต็มแล้ว หล่อซินที่ยืนอยู่ข้างประตูตอนแรก ก็โดนเบียดไปจนถึงข้างหลังแล้ว จนกระทั่ง เย่หลิงเทียนเห็นมี ผู้ชายใส่แว่นหลายคนตั้งใจเอนตัวไปข้างหลัง เพื่อเบียดข้างตัว หล่อซู่ซินแต่หล่อซู่ซินกลับเอามือตังเองบังที่หน้าอกไว้หน้าดู โกรธมาก

เมื่อเห็นดังนี้ ตัวของเย่หลิงเทียนก็เบียดมาอยู่ข้างตัว หล่อ ซิน คนข้างในโดนเบียดจนตัวติดกันหมดแล้ว แต่ว่าสำหรับเย่ หลิงเทียนแล้วกลับไม่เป็นอะไร เพียงครู่เดียวเขาก็เบียดมาถึง ข้างกายหลอวู่ซิน และก็ยังเบียดจนมีพื้นที่ส่วนตัวที่ปลอดภัยออก มาให้หลอวูซิน ตัวเองก็ไม่ได้โดนตัวหลอวูซินแม้แต่น้อย อย่างที่ เห็น พละกำลังนี้มีมากแค่ไหน

ชายสองคนเห็นมีคนมาขัดขวางเรื่องของพวกเขา ก็หันมามอง อย่างไม่พอใจ แต่พอหันมาเห็นสายตาของเย่หลิงเทียนเข้าให้ ก็ตกใจจนรีบชิดริม ๆ ไม่กล้าเข้าใกล้อีกเลย

“เมื่อกี้ขอบใจนายมากนะ” เมื่อออกจากลิฟต์หลอวูซินก็พู ดกับเย่หลิงเทียน

“นี่คืองานของผมอยู่แล้ว เวลานี้คนเลิกงานค่อนข้างเยอะ คราวหลังคุณควรหลีกเลี่ยงเวลานี้ สาวสวยอย่างคุณ อยู่ในช่วง เวลาที่คนเยอะแบบนี้จะโดนคนเอาเปรียบได้ง่าย ๆ” เย่หลิง เทียนพูดเสียงเรียบ ๆ แล้วเดินออกไปต่อ

“สวยเหรอ? นายท่อนไม้นี่ในที่สุดก็พูดคำที่น่าฟังออกมาบ้าง แล้ว” หลี่อวู่ซินอึ้งทึ่ง และแล้วก็พึมพำอะไรบางอย่างแล้วก็ยิ้ม ออกมา แล้วรีบเดินตามฝีเท้าเย่หลิงเทียนให้ทัน

“กลับบ้านเลยหรือจะไปไหน?” เย่หลิงเทียนขึ้นมานั่งในรถ แล้วถามหลี่อวูซิน

“ฉันนัดกับเพื่อนไว้แล้วว่าจะไปกินข้าวที่ร้านเซาเปาโลกัน” หลี่ อวูซีนค่อย ๆ พูดออกมา

เย่หลิงเทียนพยักหน้ารับ แล้วขับรถไปยังที่นัดเซาเปาโล ที่

จริงเซาเปาโลเป็นชื่อร้านอาหารสไตล์ตะวันตก

เย่หลิงเทียนจอดรถให้ดี แล้วตามหล่อชิ้นขึ้นตึกพร้อมกัน พอ ถึงชั้นสอง แถว ๆ ใกล้หน้าต่าง หล่อชินทักทายกับสาวสวยคน นึงที่นั่งอยู่ข้าง ๆ หน้าต่าง “เสี่ยวนิ่ง เธอมานานเท่าไหร่แล้ว เนี่ย?”

“ฉันก็เพิ่งมาถึง คุณคนนี้คือ?” สูเสี่ยวจึงเอ่ยถามหล่อชินเมื่อเห็นเย่หลิงเทียนที่เดินตามหลังมา

หลอวู่ในกำลังคิดว่าจะแนะนำเย่หลิงเทียนว่ายังไง เย่หลิง เทียนก็พูดกับหลอวู่ซินขึ้นมาว่า “คุณหนูหลี่ พวกคุณกินข้าวกัน ก่อนเลย เดี๋ยวผมจะรอคุณอยู่ทางโน้น

เย่หลิงเทียนพูดจบแล้วก็พยักหน้าให้สูเสียวถึงที่มองเขาด้วย สายตาสงสัย แล้วพูดว่า “ขอตัวก่อนนะครับ” แล้วหมุนตัวเตรียม เดินจากไป

“นายไม่กินข้าวพร้อมเราเหรอ?” หลี่ออู่ซินรีบถามเย่หลิงเทียน

“ไม่ละครับ ขอบคุณครับ” เย่หลิงเทียนพูดเสียงเรียบ แล้วเดิน จากไป ตรงไปนั่งลงที่โฟซาโซนรับรอง ตำแหน่งนี้สามารถเห็น แถวที่หล่อชินกินข้าวได้โดยไม่มีอะไรมาบดบัง และไม่รบกวน การสนทนาระหว่างหล่อซู่ซินและเพื่อนสนิทของเขา

“นี่มันเรื่องอะไรกัน?” สีหน้าเสี่ยวนิ่งเต็มไปด้วยความสงสัย แล้วถามหลอวูซิน

“อ๋ย อย่าให้พูดเลย นี่คือบอดี้การ์ดที่พ่อฉันหามาให้ฉันวันนี้ ตอนแรกไม่ว่ายังไงฉันก็ไม่ตอบตกลง แต่สุดท้ายก็ต้องยอมสิโร ราบให้พ่อฉันอยู่ดี เธอก็รู้ พ่อฉันดื้อดึงแค่ไหน” หลอวู่ซินสาย หน้าแล้วพูดอย่างเบื่อหน่าย

“บอดี้การ์ดเหรอ? โอ้สวรรค์ ฉันเพิ่งเคยเห็นบอดี้การ์ดหล่อ ขนาดนี้ครั้งแรก และก็ยังเท่มากเลย” สูเสี่ยวถึงพูดอย่างตกตะลึง

“เธออยากได้ไหม? ถ้าเธออยากได้ ฉันก็มอบให้เธอไปเลยละกัน” หล่อชินพูดอย่างไม่มีอารมณ์ เธอไม่ชอบเห็นท่าทางมี ความสุขในขณะที่คนอื่นกำลังเป็นทุกข์อยู่แบบนี้ของเสียวถึง

“ฉันก็อยากได้อยู่ แต่เธอไม่เสียดายจริง ๆ เหรอ? ฉันว่าคุณ หนูหลี่ เธอคงไม่ใจดีขนาดนี้มั้ง เรานั่งกินข้าวอยู่ตรงนี้ แต่ให้ คนอื่นนั่งมองอยู่โน้นเหรอ? เธอกินลงแต่ฉันกินไม่ลงหรอก ไป เรียกเขามากินพร้อมกันดีกว่า” สูเสี่ยวจึงชี้ไปทางเหลิงเทียนที่ นั่งอยู่ข้างนอกแล้วพูดขึ้น

“มันจะมีทางไหนอีก คนคนนี้เป็นคนซื่อบื้อที่จนไม่รู้จะซื้อยังไง แล้ว เกลี้ยกล่อมยังไงก็ไม่มีประโยชน์ แต่ว่าเธอพูดถูกนะ ฉันก็ กินไม่ลงแล้วหล่ะ ช่างมันเถอะ ฉันไปเชิญเขาอีกรอบละกัน”

“เย่หลิงเทียนไปกินข้าวตรงนั้นกันเถอะ ถ้านายไม่กินตอนนี้ เดี๋ยวก็ไม่มีของกินแล้วนะ ที่บ้านฉัน โล่งมากเลยนะ นอกจาก กาแฟแล้วไม่มีของกินอย่างอื่นเลยนะ นายคงจะไม่ทนหิวหรอก ใช่ไหม?” หลื่อวู่ซินพูดกับเย่หลิงเทียน

“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมลงไปซื้ออะไรใต้ตึกกินหน่อยก็ พอแล้ว” เย่หลิงเทียนพูดเสียงเรียบ

“ฉันว่านายนี่เป็นคนที่มีปัญหาด้านสมองแล้ว ฉันรู้ในใจนาย คิดยังไง อย่างแรกคือไม่อยากค้างเงินค่าอาหารฉันใช่ไหม อย่างที่สองคือไม่อยากรบกวนฉันกับเพื่อนกินข้าว แล้วถ้าพูดอีก วันนี้นายทำอย่างนี้ได้ แต่นายจะทำอย่างนี้ได้ทุกวันเลยเหรอ? ที่ บ้านฉันไม่จุดไฟทำกับข้าว และนอกจากมื้อเช้าที่ฉันกินที่บ้าน แล้ว มื้อเที่ยงและมื้อเย็นก็กินข้างนอกทั้งนั้น แล้วนายต้องซื้อกินเองทุกมื้อเลยเหรอ? อีกอย่าง นายทำงานยี่สิบสี่ชั่วโมง เพราะ ฉะนั้น ฉันในฐานะที่เป็นนายจ้างของนายมีหน้าที่ต้องให้ที่กิน ที่พักกับนาย โอเค?” หล่อชินพูดทีละอย่างทีละอย่างกับเย่หลิง เทียน

เย่หลิงเทียนนิ่งอึ้ง คิดตามที่หล่อชินพูดแล้วก็พยักหน้ากล่าว “งั้นก็โอเคครับ”

“ดี งั้นก็ไปกันเถอะ” หล่อชินพาเย่หลิงเทียนเดินเข้ามา ระหว่างนี้สูเสี่ยวฉิงก็จ้องเย่หลิงเทียนอยู่ตลอดเวลา เธอเหมือน จะสนใจเย่หลิงเทียนมากเป็นพิเศษ ไม่รู้เธอสนใจอาชีพบอดี้ การ์ตหรือสนใจตัวเย่หลิงเทียนกันแน่

เพราะว่าเย่หลิงเทียนมาแล้ว เพราะฉะนั้นหล่อนก็เลยย้าย ไปนั่งกับสูเสี่ยวฉิง แต่เย่หลิงเทียนกลับนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามคนเดียว

“รบกวนด้วยนะครับ” เย่หลิงเทียนเห็นเสี่ยวฉิงจ้องตัวเองอยู่

ตลอด พอนั่งลงแล้วก็พยักหน้าน้อย ๆ ให้ เสี่ยวจึง

“ไม่รบกวนเลยค่ะ สวัสดีค่ะ ฉันชื่อเสียวถึง เป็นเพื่อนรักกับ อวู่ซิน ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ” สูเสี่ยวจึงยื่นมือออกมาแล้วพูดกับเย่ หลิงเทียน

เย่หลิงเทียนก็พยักหน้า ยื่นมือมาจับมือเสี่ยวฉิง แล้วพูดว่า “สวัสดีครับ ผมชื่อเย่หลิงเทียนครับ”

“อวูซินบอกว่าคุณเป็นบอดี้การ์ดของเธอ คุณเป็นบอดี้การ์ด จริง ๆ เหรอคะ?” สูเสี่ยวนิ่งเหมือนเด็กขี้สงสัยเอาแต่ถามเย่หลิง เทียนไม่หยุดเลย
“ใช่ครับ” เย่หลิงเทียนพยักหน้า แล้วพูดเสียงเรียบ

“ฉันดูในหนัง พวกบอดี้การ์ดจะพกปืนกันทั้งนั้น ในตัวคุณมี ปืนไหมคะ?” สูเสี่ยวจึงถามต่อ

“เธอดูหนังฝรั่งเยอะไปแล้วมั้ง พอเถอะ เลิกบ้าผู้ชายได้แล้ว รับสั่งอาหารได้แล้ว เธอจะกินอะไร?” หล่อชินถลึงตาให้สูเสี่ยว ฉิงแล้วถาม แล้วก็เรียกหาพนักงานไปด้วย สั่งอาหารไปด้วย

“เย่หลิงเทียน นายอยากกินอะไร? ถ้าไม่รู้ละก็…… สุดท้ายหลี่ อซินก็มองเย่หลิงเทียนแล้วถาม เธอกลัวเย่หลิงเทียนจะไม่คุ้น เคยกับอาหารฝรั่ง เพราะฉะนั้นก็เลยอยากจะนำเสนอเมนูบาง อย่างให้เย่หลิงเทียน แต่ว่าคำพูดยังไม่ทันได้พูดออกไปก็โดนเย่ หลิงเทียนพูดตัดหน้าขึ้นก่อน

“ผมขอฟัวกราส์ทีนึง สเต็กเนื้อวัวความสุกระดับมีเดียม และ สลัดผลไม้อีกทีก็พอแล้วครับ ขอบคุณครับ” เย่หลิงเทียนพูดกับ พนักงานเสริฟ โดยตรง

หลื่อวู่ชินมองดูเย่หลิงเทียนอย่างอึ้ง ๆ สุดท้ายก็ปิดเมนูลงแล้ว ยื่นคืนให้พนักงานแล้วพูด “โอเค เอาเท่านี้แหละค่ะ


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ