Super Bodyguard

บทที่ 11 ห้องชั้นบนกับห้องชั้นล่าง



บทที่ 11 ห้องชั้นบนกับห้องชั้นล่าง

หล่อซินได้ยินในสิ่งที่เย่หลิงเทียนพูดออกมาก็เบิกตากว้างขึ้น มาอีกครั้ง จริงๆแล้วเธอเองก็ยังไม่เข้าใจในสิ่งที่เย่หลิงเทียน พูดจาโอ้อวดว่าที่แท้แล้วมันเป็นเรื่องจริงหรือโกหกกันแน่ แต่ว่า คำสัญญาและการรับผิดชอบของเหลิงเทียนนั้นสำคัญยิ่งกว่า ชีวิตเสียอีกเธอจึงเชื่อมั่นว่าจากวันนี้ที่ได้รู้จักกับเย่หลิงเทียน แล้ว เขาเป็นคนที่เชื่อมั่นและยึดถือในหลักการ ถึงกับจริงจังใน ระดับหัวดื้อเลยทีเดียว

“ช่างเถอะเย่หลิงเทียน ถือว่าฉันแพ้แล้ว ฉันยอมรับ มันเป็น เวรกรรมของฉันเอง คุณเข้ามาอยู่ได้ หลังจากนี้คุณอยู่ห้องข้าง ล่างส่วนฉันอยู่ห้องข้างบน แต่มีสิ่งหนึ่งที่คุณต้องทำตามกฎ คุณ ห้ามก้าวขึ้นบนชั้นสองแม้แต่ก้าวเดียว” หลังจากที่ใช้เวลาคิดอยู่ นาน ในที่สุดหล่อ ซินก็พูดออกมาอย่างไร้เรี่ยวแรงและหมด หนทาง

“ขอบคุณ แต่ไม่เป็นไร ผมหาทางทำงานของผมเอง ผมไม่ไป ก้าวก่ายในชีวิตคุณแน่นอน คุณไม่ต้องสนใจผมหรอก” เย่หลิง เทียนพูดออกมาอย่างเย็นชา จากนั้นก็หันหลังเดินจากไป

“เย่หลิงเทียน คุณเลิกต่อต้านเงื่อนไขของฉันจะได้ไหม ฉันอยู่ ชั้นบนนอนเตียงใหญ่ คุณอยู่ชั้นล่างนอนศาลา ถ้าฉันไม่เห็นก็ ช่างเถอะ ในเมื่อฉันเห็นคุณแล้วจะให้ฉันวางใจยังไง คุณให้ฉัน ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขได้ยังไง คุณจะทรมานฉันจนกว่าคุณจะพอใจใช่ไหม คุณเข้าไปนอนได้แล้ว เร็วเข้า เดี๋ยวนี้เลย ไม่อย่าง นั้นฉันจะโทรศัพท์หาคุณพ่อให้ไล่คุณออกเดี๋ยวนี้เลย ถ้าคุณพ่อ ไม่เห็นด้วยฉันจะเอาความตายมาขู่เขา ความรู้สึกตอนนี้อยู่ไปก็ เหมือนตายทั้งเป็น” หล่อชิน โมโหขึ้นมาอีกครั้ง

เย่หลิงเทียนตกตะลึง หลังจากที่คิดพิจารณาคำพูดที่หล่อ นพูดออกมาก็พยักหน้า แล้วพูดว่า “ผมไปเอากระเป๋าเดินทางใน โรงจอดรถ”

มองดูเย่หลิงเทียนเข้าไปในโรงจอดรถ หล่อชิน โมโหจนแทบ จะร้องไห้ เธอเองไม่เคยรู้สึกแย่แบบนี้มาก่อนเลย ถึงแม้ว่าเหลิง เทียนจะไม่ได้แกล้งอะไรเธอ แต่ว่าทั้งวันนี้เธอรู้สึกอึดและทรมาน เป็นอย่างมาก สําหรับสิ่งที่เย่หลิงเทียนทำแต่ละอย่าง เธอไม่มี แม้แต่หนทางอื่น อย่างไรก็ตามในใจก็มีความรู้สึกแย่อยู่ แล้วก็ เกิดความรู้สึกเกลียดชังเย่หลิงเทียนมากขึ้นอย่างไม่มีที่มา

จริงๆแล้วในใจของเธอรู้ดี ว่าสิ่งที่เย่หลิงเทียนทำทั้งหมดที่แท้ แล้วเพื่อเอาใจเธอ เพราะว่าเธอไม่ยอมให้เย่หลิงเทียนเข้ามาพัก อาศัย เย่หลิงเทียนจึงเลือกที่จะไปนอนที่ศาลาในสวนหย่อม โดย ไม่ฝ่าฝืนหลักการของตัวเอง

เย่หลิงเทียนหยิบกระเป๋าสะพายข้างลายทหารของตัวเองแล้ว เดินตรงเข้าไปข้างในแล้ว ในทางกลับกันนั้นหล่อซินเดินตาม อยู่ด้านหลัง

“ผมนอนห้องไหนเหรอ?” เย่หลิงเทียนเดินมาถึงห้องรับแขก หันหลังกลับมาถามหล่อชิน
“แล้วแต่คุณ อยากนอนห้องไหนก็นอนห้องนั้น ข้างล่างมีอยู่ สองห้อง ข้างในนั้นมีที่นอนอะไรเรียบร้อย จำไว้นะ คุณไม่ได้รับ อนุญาตให้ขึ้นไปข้างบนเด็ดขาด ไม่อย่างนั้น…” หล่อนกำลัง พูด

แต่เธอก็ยังพูดไม่ทันจบ เย่หลิงเทียนก็เดินถือกระเป๋าตรง เข้าไปในห้องห้องหนึ่งเสียแล้ว

หล่อซินโมโหมากกับการกระทำที่ไร้มารยาทโดยสิ้นเชิงของ เย่หลิงเทียน มีอยู่เรื่องหนึ่งที่เธอไม่เข้าใจเลย ทำไมคนอื่นจ้าง บอดี้การ์ดมาเพื่อให้บอดี้การ์ดฟังเจ้านาย แต่ตัวเธอเองดันกลาย เป็นเจ้านายที่ต้องฟังบอดี้การ์ดละ นึกถึงตัวเองที่วันนี้อยู่กับเข่ หลิงเทียนมาแล้วทั้งวัน บอกได้เลยว่า ตัวเธอเองกลายเป็นคนที่ ถูกเย่หลิงเทียนชักจูงไปซะแล้ว

หล่อชินมองเย่หลิงเทียนด้วยความโกรธ จากนั้นหันหลังเดิน ขึ้นไปบนชั้นสองกลับไปยังห้องนอนตัวเอง ตอนกลับไปนอนยัง จงใจล็อคกลอนประตูเป็นอย่างดี

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเรื่องที่เกิดขึ้นเลยทำให้นอนไม่หลับ หรือเป็น เพราะเรื่องที่กังวลว่าผู้ชายแปลกหน้าชั้นล่างจะมางัดประตูมาทำ ไม่ดีไม่ร้ายกับตัวเธอเอง อย่างไรก็ตามหล่อในไม่ง่วงนอนเลย แม้แต่นิดเดียว

พอนึกถึงผู้ชายแปลกหน้าที่มาอยู่ชั้นล่างในใจเธอก็รู้สึกขนลุก ขึ้นมา คิดไปคิดมา ก็หามีดเล่มหนึ่งออกมาจากในลิ้นชักซ่อนไว้ ใต้หมอน ทำให้รู้สึกสงบจิตสงบใจขึ้นมาเล็กน้อย แต่ว่าก็ยังนอนไม่หลับอยู่ดี หูตั้งใจฟังเสียงจากชั้นล่างอย่างระมัดระวัง ลองดูว่า จะได้ยินเสียงก้าวเท้าขึ้นมาชั้นบนหรือเปล่า แต่แล้วนอกจาก เสียงก้าวขึ้นบันไดของตัวเธอเองเมื่อไม่นานมานี้นอกนั้นก็ไม่มี เสียงอะไรอีกเลย

หล่อในที่ทรมานจากความกังวลอยู่ตลอดว่าจะไม่ปลอดภัย สุดท้ายก็เคลิ้มหลับไป เมื่อเสียงนาฬิกาดังขึ้นก็เป็นเวลาเจ็ดโมง เช้าของวันรุ่งขึ้นเสียแล้ว หล่อในลุกขึ้นมา ขยี้ตาไปมา ทันที หลังจากนั้นก็นึกขึ้นได้ว่า ในห้องมีเย่หลิงเทียนเพิ่มเข้ามา ตกใจ ขึ้นมาทันทีแล้วรีบตรวจสอบเสื้อผ้าของตัวเธอเอง แล้วมองไป ทางประตู โล่งอกขึ้นมาเมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรผิดปกติ ลุกจากเตียง ไปเปิดประตูหน้าต่างจากห้องนอนรับแสงแดดแรกในยามเช้า

หลี่ออู่ซินพึ่งจะยืดเอวบิดขี้เกียจเสร็จก็หันไปเจอกับใครบาง คนกำลังวิดพื้นอยู่ในสวนหย่อม คนนั้นก็คือเย่หลิงเทียนนั่นเอง เห็นเพียงแค่ท่อนล่างสวมกางเกงลายพราง ท่อนบนสวมเสื้อ กล้ามสีขาว ลำตัวราดยาวกับพื้นขึ้นๆลงๆ ทำอย่างรวดเร็ว ดู เหมือนว่าไม่มีทีท่าจะหยุด หล่อชิ้นนึกภาพไม่ออกเลยว่าจะมีคน ที่วิดพื้นได้เร็วและทำตามมาตรฐานขนาดนี้ มองดูกล้ามเนื้อตรง แขนที่โผล่ออกมาของเย่หลิงเทียน หล่อชินตกใจขึ้นมา รูปร่าง ของผู้ชายคนนี้ช่างดีมากจริงๆ บอกได้เลยว่า แข็งแรงมาก แต่ว่า ความแข็งแรงนี้ไม่เหมือนกับผู้ชายมีกล้ามที่ฝึกฝนอยู่ในฟิตเนส ดูแล้วมันใหญ่มาก กล้ามของเย่หลิงเทียนดูแข็งแรงสันและดู ลึกลับ ความรู้สึกทั้งหมดไม่มีการพูดเกินจริง ดูเข้ากันไปหมด

หล่อจู่ในอดไม่ได้ที่จะเริ่มครั้งกันแน่ ค่อยๆนับตามจังหวะของเย่หลิงเทียน หลังจากครึ่ง ชั่วโมงผ่านไปในที่สุดเข่หลิงเทียนก็ลุกขึ้นมาจากพื้น หล่อนจ้อ งมองเย่หลิงเทียนด้วยความตกตะลึง เธอนับมาเป็นเวลาเกือบ ครึ่งชั่วโมง เย่หลิงเทียนวิดพื้นทั้งหมดได้ประมาณสองพันครั้ง วิดพื้นสองพันครั้ง นี่มันช่างเป็นเรื่องที่ทำให้คนอกสั่นขวัญหาย อย่างน้อยๆหล่อนก็ไม่เคยได้ยินมาก่อน นี่ยังเรียกว่าคนอยู่เห รอ

โดยสำหรับหลื่อวู่ชินแล้วละก็นี่คือเรื่องที่เกือบจะเทียบเท่า นิยายเพ้อฝันเลยทีเดียว แต่ว่า สำหรับเย่หลิงเทียนแล้วละก็ เป็นเพียงแค่การออกกำลังกายที่ทำอยู่เป็นประจำทุกวันเท่านั้น ก็ เหมือนกันกับพวกหญิงชราที่ออกมารำไทเก็กในทุกๆเช้าหรือ เต้นออกกำลังตามลานห้างสรรพสินค้าทั่วไป รู้ไหมว่า พวกเขา คือทหารสองร้อยนายที่ได้รับการคัดเลือกจากเขตทหาร แล้วถูก ร่วมฝึกด้วยกัน ค่ายฝึกอบรมใช้ระบบคัดคนออก ฝึกฝนจน กระทั่งเหลือเพียงแค่สิบนายสุดท้ายเพียงเท่านั้น เป็นไปได้ว่า ทหารทั้งสิบนายนั้นเป็นอันดับต้นๆของประเทศ เป็นไปไม่ได้ที่จะ พูดว่าพละกำลังที่พวกเขามีนั้นจะไม่ทำให้ผู้คนต้องอึ้ง

พอหลอวู่ในอาบน้ำแต่งตัวเสร็จเดินลงมา เย่หลิงเทียนก็แต่ง ตัวเสร็จและนั่งทานซาลาเปากับปาท่องโก๋อยู่ที่ด้านหน้าโต๊ะ อาหารแล้ว

“ยังร้อนอยู่เลย” เห็นหล่อจู่ซินเดินลงมา เย่หลิงเทียนชี้ไปที่ ซาลาเปาสองลูกที่วางอยู่ด้านข้างแล้วพูดออกมา

“ทำไมคุณถึงกินมันในตอนเช้า มันไม่ถูกสุขลักษณะและไม่มีโภชนาการ” หลอวู่ในขมวดคิ้วและพูดออกมา จากนั้นตัวเธอเอง เดินไปที่ตู้เย็นหยิบนมกับขนมปังออกมาข้างหน้าโต๊ะอาหาร แล้ว ถามเย่หลิงเทียน “คุณเอากี่แผ่น

“ขอบคุณ ไม่เป็นไร ผมทานไม่เป็น เย่หลิงเทียนพูดออกมา อย่างนิ่งเฉย จากนั้นก็หยิบซาลาเปาสองลูกที่ก่อนหน้านี้เก็บไว้ ให้หล่อนมากิน กัดเพียงไม่กี่คำก็หมดลงท้องไปเสียแล้ว

“ผมไปขับรถออกมา รอคุณอยู่ด้านนอกนะ” เย่หลิงเทียนกิน เสร็จแล้วพูดออกมาอย่างเย็นชา แล้วก็เดินออกไปข้างนอก


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ