บทที่004 คุณหนู
“บ้านเมืองสงบขนาดนี้ ใครจะมาทำร้ายหนูคะ? แล้วพ่อเคยเห็น ใครไม่มีเรื่องอะไร ไปไหนยังต้องมีบอดี้การ์ดตามไปด้วยไหม คะ? หนูรู้ว่าพ่อกังวลอะไร ถ้าจะหาบอดี้การ์ดก็ควรจะเป็นพ่อที่ ต้องหา เพราะว่าพ่อเป็นประธานบริษัทต่างหาก ถ้ามีคนคิดจะทำ อะไรจริง ๆ คนที่จะโดนก็ต้องเป็นพ่อไม่ใช่หนูค่ะ หนูเป็นแค่ผู้ จัดการทั่วไปคนนึงของบริษัทลูกเท่านั้น แล้วอีกอย่าง หนูก็เป็นผู้ หญิง มีผู้ชายมาตามทั้งวันจะถือเป็นเรื่องอะไรกันคะ” หล่อในม องเย่หลิงเทียนด้วยสายตาไม่เป็นมิตรแล้วพูด
“ลูกจะรู้อะไร? บ้านเมืองสงบก็จริง แต่ว่าเคยได้ยินประโยคนึง ไหม แดดยิ่งแรง เงาก็ยิ่ง ใจคิดจะทำร้ายคนอื่นห้ามมี แต่ใจที่ จะป้องกันตัวเองจําเป็นต้องมีนะ ถ้าพวกเราไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น รอจนถึงวันที่เกิดเรื่องขึ้นมามันก็สายไปซะแล้ว
“ลูกคิดว่าบอดี้การ์ดมีแค่ให้เห็นในทีวีเท่านั้นเหรอ? พ่อจะ บอกอะไรลูก ให้ไม่ต้องพูดถึงใครอื่น แค่พูดถึงอาจาง คนที่คอย ตามเขาตลอด ที่บอกว่าเป็นคนขับรถ ใช่คนขับรถจริง ๆ ที่ไหน? นั่นมันเป็นบอดี้การ์ด อาจางของลูกเมื่อก่อนเคยโดนคนจับตัวไป เกือบเอาชีวิตไม่รอด และยังมีอื่น ๆ อีก ดูอย่างพวกประธาน บริษัทใหญ่ ๆ มีใครที่ไม่มีบอดี้การ์ดคอยตามอยู่ข้างหลังบ้าง?
“ฉันหลี่เซียนหยวนไม่เคยกลัวใครมาทั้งชีวิต ฉันไม่หาบอดี้ การ์ด เพราะฉันเชื่อว่าไม่มีใครกล้าทำอะไรฉัน แต่ว่าพ่อไม่อาจเอาชีวิตลูกมาเป็นเดิมพันได้ คนที่คิดร้ายฉันเขาก็รู้กันทั้งนั้นว่า ฉันหลี่เซียนหยวนเป็นตาแก่ดื้อด้าน ถึงแม้จะฆ่าฉันฉันก็ไม่มีทาง อ่อนข้อให้คนชั่วแบบพวกมันหรอก แต่จุดอ่อนของพ่อก็คือลูก เพราะฉะนั้น พวกมันจึงจะหาวิธีจัดการกับลูกเพื่อมาเป็นเครื่อง มือในการบีบบังคับพ่อ
“นี่คือสิ่งที่พ่อได้รับเมื่อหลายวันก่อน ลูกดูเอาเองให้ดี ๆ พ่อ
ไม่ได้ทำอะไรอย่างไร้เหตุผลนะ อาซิน ลูกไม่อยากแต่งงาน ไม่
อยากมีความรัก พ่อก็ตามใจลูก ตอนนั้นลูกยืนยันว่าจะไปเรียน
ต่อต่างประเทศพ่อก็ตามใจลูก ลูกบอกลูกอยากพึ่งตัวเอง อยาก
ออกไปอยู่ข้างนอกคนเดียว ไม่อยากอยู่กับพ่อ พ่อก็ยังตามใจลูก
แต่ว่าเรื่องครั้งนี้พ่อตามใจลูกไม่ได้จริง ๆ ครั้งนี้ลูกต้องฟังพ่อ
เท่านั้น”
“ตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไป เสี่ยวเย่จะมาเป็นบอดี้การ์ดของลูก และในเวลาเดียวกันก็จะเป็นคนขับรถด้วย คุ้มกันลูกตลอดยี่สิบสี่ ชั่วโมง ไม่ว่าลูกอยู่ที่ไหน เขาจะต้องอยู่ด้วย นอกจากลูกจะอาบ น้ำเข้าห้องน้ำเท่านั้น ตอนลูกทำงาน ต้องเพิ่มห้องทำงานตรง หน้าห้องทำงานของลูกให้เขาด้วย ทุกคนที่ผ่านเข้ามาต้องผ่าน เขาก่อน อีกอย่าง เตรียมห้องนอนในบ้านของลูกให้เขาด้วยหนึ่ง ห้อง ให้เขาอยู่ชั้นล่าง ลูกอยู่ชั้นบน พ่อเตือนลูกแล้วนะ ห้ามสลัด เสี่ยวเย่ทิ้ง ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร ไม่งั้นพ่อจะโกรธจริง ๆ แล้ว นะ” อยู่ ๆ หลี่เซียนหยวนก็พูดอย่างโมโหมาก
“พ่อ ไม่ได้เข้าใจอะไรผิดใช่ไหมคะ? ให้เขาอยู่บ้านเดียวกับ หนูนี่นะ? มีพ่อแท้ ๆ แบบพ่อด้วยเหรอคะ? ลูกสาวพ่ออยู่ตัวคนเดียวนะคะ แล้วพ่อให้ผู้ชายคนนึงมาอยู่บ้านเดียวกับหนู พ่อไม่ กลัว…….” หลอวู่ในถลึงตาโตถาม
“จะกลัวอะไร? พ่อจะบอกอะไรให้ พ่อของลูกนั้นทั้งชีวิตจากแค่ คนขายข้าวสาร เดินมาจนถึงทุกวันนี้ได้ ไม่ได้ฟังว่าฉันฉลาดเท่า ไหร่ และไม่ใช่ว่าพ่อมีหัวทางธุรกิจ แต่พึ่งตาคู่นี้ของพ่อ ตลอด ชีวิตนี้ฉันดูคนมาไม่เคยผิด เสี่ยวเยเป็นคนซื่อตรง เป็นคนที่เชื่อ ถือได้ พ่อสามารถใช้ชีวิตพ่อรับประกันได้ เขาจะไม่ทำอะไรเกิน เลยต่อลูกเด็ดขาด”
“เอาหล่ะ พ่อก็จะไม่พูดอะไรกับลูกเยอะแล้ว คำพูดสุดท้าย งบ โปรเจคยี่สิบล้านที่บริษัทลูกยื่นเข้ามาขอยังอยากได้อยู่ไหม? ถ้า ยังอยากได้ก็เชื่อฟังพ่อ พ่อจะเซ็นให้ทันทีเลย แต่ถ้าไม่เชื่อฟังที่ พ่อพูด งั้นลูกก็ออกไปตอนนี้ได้เลย หนังสือที่ยื่นของบยี่สิบล้านนี้ พ่อก็จะถือซะว่าไม่เคยเห็นมาก่อน ลูกตัดสินใจเองแล้วกัน” หลี่ เซียนหยวนพูดทิ้งท้าย
“พ่อ ทำแบบนี้ได้ไงคะ? เรื่องอะไรก็ส่วนเรื่องอันนั้นซิคะ เรื่อง งานก็ส่วนงาน เรื่องส่วนตัวก็ส่วนเรื่องส่วนตัว จะเอามารวมกันได้ ยังไงกันคะ”หล่อ ชินพูดอย่างหงุดหงิดมาก
“บริษัททั้งเครือเป็นของฉัน สำหรับฉันแล้ว เรื่องของบริษัทก็ คือเรื่องของที่บ้าน เรื่องที่บ้านก็คือเรื่องของบริษัท พ่อจะไม่พูด กับลูกแล้ว ลูกแค่ตอบมาว่าจะยอมรับเสี่ยวเยเป็นบอดี้การ์ดของ ลูกหรือไม่ก็พอ” หลี่เซียนหยวนพูดแล้วก็โบกมือ
“ได้ค่ะ พ่อนี่โหดจริง ๆ เลยนะคะ พ่อบีบบังคับหนูแบบนี้ หนูตอบตกลงได้ค่ะ แต่ถ้าวันไหนลูกสาวพ่อถูกอื่นทำอะไรพ่อเสียใจเลยนะ อย่าเข้าบัญชีบริษัทหนูด้วยหล่อชินพูดจบจากไปแบบโกรธจน ควันออกหู
เห็นหล่อซินจากไปแล้ว หลี่เซียนหยวนก็หัวเราะขึ้นมา หัวเราะได้แบบคนหน้าไม่มาก แล้วพูดกับหลิงเทียนว่า “เด็กเหมือนฉัน นิสัยชอบเอาชนะ ไม่ข่มขู่เธอสักหน่อยเธอ จะยอมอ่อนข้อให้เรื่องอะไรนายก็โทรหาได้ทุกเมื่อ คือนามบัตรของ
โอเคครับ คุณหลี่หลิงเทียนพยักหน้า แล้วเดินออกจาก ห้องทํางานของหลี่เซียนหยวนไป
เย่หลิงเทียนก้าวเพียงกี่ก้าวหล่อในทัน เขาไม่พูด มากกับหล่อซิน เขาคุณหนูคนไม่รู้สึกกับสักเท่าไหร่ ไม่เพียงแค่เรื่องเขาบังคับให้เธอยอมรับให้เขามาเป็นบอดี้การ์ดของเธอ จาก สัญชาตญาณของเธอคงรังเกียจตัวเขา เพราะฉะนั้นเป็ หลิงเทียนจะไม่เรื่องไร้สาระเพื่อหล่อเขาทำเรื่องประจบประแจงไม่เป็นด้วย เขาแค่ค่อย ตามอยู่ข้างหลังชินอย่างช้า เว้นระยะห่างไว้ประมาณ เมตรสองเมตร ไม่ช้าและไม่เร็วเกินไป
ฉันว่า นายอย่าตามได้ไหมหล่อจู่ซินรู้สึกมองหน้าหลิงเทียนแล้วพูด
“นี่เป็นงานของผม ถ้าคุณไม่พอใจคุณสามารถไปคุยกับ พ่อคุณได้” เย่หลิงเทียนพูดเสียงเรียบ
“ฉันถามนายหน่อย พ่อฉันให้เงินนายเท่าไหร่?” หลอวู่ซินมอง หน้าเย่หลิงเทียนแล้วถาม
“ห้าแสนต่อปีครับ เย่หลิงเทียนตอบเสียงเรียบ
“งั้นดี ฉันจะให้นายอีกห้าแสน ขอแค่นายนอนอยู่กับบ้านทุก วัน ไม่ต้องคอยตามฉัน ไม่ต้องโผล่หน้ามาให้ฉันเห็นก็พอแล้ว โอเคไหม?”หลื่อวูซินพูดจบแล้วก็หยิบการ์ดใบนึงออกมายื่นให้ เย่หลิงเทียน
เย่หลิงเทียนมองการ์ดที่หล่อชิ้นขึ้นมา แล้วยิ้มเย็น ๆ พูดขึ้น “ผมสัญญากับพ่อคุณแล้ว จะตั้งใจคุ้มกันคุณ เพราะฉะนั้น นี่ ไม่ใช่เรื่องของเงิน อีกอย่าง อย่าเอาเงินออกมาสั่งคนอื่นทำโน่น ทำนี่ไปเรื่อย ศักดิ์ศรีของคนไม่ได้ใช้เงินมาวัดกันได้ เก็บการ์ด ของคุณซะ ตอนนี้คุณควรทำอะไรก็ไปทำอะไร คุณวางใจได้ หน้าที่รับผิดชอบของบอดี้การ์ดผมรู้ดี ผมแค่รับผิดชอบคุ้มกัน ความปลอดภัยของคุณ ที่เหลือคุณจะทำอะไร พูดอะไรก็ไม่เกี่ยว กับผม ผมจะไม่พูดอะไรกับใครที่เกี่ยวกับคุณสักคำแน่นอน ไป กันเถอะ”
เห็นสายตาที่เย็นเฉียบขนาดนั้นของเย่หลิงเทียน ในใจของหลี่ อวู่ซินเกิดความตกตะลึงเล็กน้อย แล้วเธอก็เก็บการ์ดใส่กระเป๋า อย่างหงุดหงิด แล้วก็หันหลังเดินเข้าลิฟต์ไปโดยไม่มองหน้าเย หลิงเทียนอีก
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ