Super Bodyguard

บทที่ 006 ดำรงตำแหน่ง



บทที่ 006 ดำรงตำแหน่ง

เย่หลิงเทียนเดินออกจากบริษัท เขาไม่ได้เอารถคันนั้นของหล่อ ซินมา ถึงแม้กุญแจรถจะอยู่กับเขา เขาเดินไปข้างทางรอรถ ประจำทาง แล้วก็ขึ้นไปนั่งบนรถ ไม่นานเขาก็ลงจากรถ แล้วเดิน เข้าไปในตรอก เดินเลี้ยวไปหลายครั้งก็มาถึงตึกเก่าทรุดโทรม ตึกนึง แล้วขึ้นตึกไป ตึกนี้เป็นตึกเล็กที่สร้างจากอิฐแดงที่ค่อน ข้างเก่า อย่างน้อยน่าจะสร้างในยุคเจ็ดศูนย์แล้ว บันไดทั้งแคบ และมืด นี่คงจะถือได้ว่าเป็นชุมชนแออัดของชุมชนแออัดทั้งเมือง ตงไห่แล้ว

เย่หลิงเทียนเดินไปหยุดฝีเท้าไว้ที่หน้าประตูไม้ชั้นสอง แล้วก็ ล้วงกุญแจออกมาแล้วเปิดประตู เห็นแค่บ้านเล็ก ๆ ที่มีพื้นที่ ทั้งหมดรวมกันแล้วไม่ถึงห้าสิบตารางเมตร ตอนแรกมันมีแค่สอง ห้อง ห้องรับแขกหนึ่งห้องและห้องนอนหนึ่งห้อง แต่ว่าโดนคนใช้ แผ่นไม้กระดานแบ่งมันออกให้เป็นสามห้อง ห้องครัวที่อยู่ส่วน เดียวกับห้องรับแขก ห้องข้างในที่กว้างหน่อย เมื่อก่อนเป็นห้อง นอนของแม่และน้องสาวเยซวงของเย่หลิงเทียน แต่ห้องนอนข องเย่หลิงเทียนก็คือห้องเล็ก ๆ ที่ใช้แผ่นไม้กระดานกั้นออกมา จากห้องรับแขก ข้างในมีเตียงไม้เล็ก ๆ อันนึงวางไว้ เย่หลิง เทียนเดินเข้าไปในห้องนอนของตัวเอง แล้วหยิบกระเป๋าผ้าแค นวาสแบบที่ทหารใช้ขึ้นมา เก็บเสื้อผ้าไม่กี่ตัวที่ตัวเองใส่ หลัง จากนั้นก็ถอดชุดเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยออก ใส่ชุดสูท ราคาหมื่นสองแล้วออกจากบ้านเลย
ก่อนจะขึ้นรถประจําทางเย่หลิงเทียนแวะไปธนาคารก่อน แล้ว ก็ตรงไปบริษัทต่อเลย

หลังจากที่ถึงบริษัทแล้ว เย่หลิงเทียนเอากระเป๋าผ้าแคนวาส แบบที่ทหารใช้ของเขาไปเก็บไว้ที่หลังรถของหล่อซินก่อน แล้ว ค่อยเดินเข้าบริษัท เขาเคาะประตูห้องทำงานของหล่อชินแล้ว เปิดเข้าไปเลย

หล่อซินเห็นเยหลิงเทียนที่ใส่สูทภูมิฐานเดินเข้ามาก็ตกใจ เกือบดูไม่ออกว่าเป็นเขา ตอนนี้เธอจะไม่ยอมรับก็ไม่ได้ว่าคน ต้องพึ่งเสื้อผ้ามาต้องพึ่งอานเป็นเรื่องจริง ตอนแรกเย่หลิงเทียนที่ ใส่ชุดเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยดูแล้วทั้งแก่และเพิ่ม แต่ว่า ตอนนี้ ใส่สูทที่ภูมิฐานแล้วทั้งตัวเปลี่ยนไปเป็นสูงสง่าขึ้นมาทันที

หล่อวชินพบว่า ที่จริงเย่หลิงเทียนก็หล่อมาก ส่วนสูงร้อยแปด สิบ รูปร่างที่กำยำกระทั่งใบหน้าที่เด็ดเดี่ยวเหมือนมีดแกะสลัก บวกกับดวงตาลึกล้ำจนไม่เห็นกัน ดูมีเสน่ห์ของผู้ชายจริง ๆ ผู้ชายคนนี้ถือได้ว่าเป็นผู้ชายที่ดูเป็นชายชาตรีที่สุดเท่าที่หล่อซิ นเคยเจอมา แน่นอนความหล่อแบบนี้กับพวกความหล่อของไอ ดอลเกาหลีไม่ใช่แบบเดียวกัน ไอดอลพวกนั้นเมื่ออยู่ต่อหน้าเขา ก็เหมือนราวกับเด็กเล็ก

แต่ว่า หล่อก็ส่วนหล่อ ความรู้สึกดีต่อเย่หลิงเทียน ของหลอวู่ ซินไม่ได้เพิ่มขึ้นสักเท่าไหร่

“นี่คือเงินหมื่นสองครับ” เย่หลิงเทียนหยิบเงินหมื่อสองที่เพิ่ง ไปถอนออกมาจากธนาคารออกจากกระเป๋า มาวางไว้บนโต๊ะทำงานของหล่อซิน แล้วหมุนตัวเตรียมตัวเดินออกไป

“นี่นายกำลังทําอะไร? ทำไมต้องให้เงินฉันด้วย” หลอวู่ซิน เรียกเย่หลิงเทียนไว้แล้วถาม

“นี่เป็นค่าเสื้อผ้า สัญญาที่ผมกับพ่อคุณทำด้วยกันเขียนไว้ อย่างชัดเจนแล้ว ค่าจ้างห้าแสนต่อหนึ่งปี ไม่ได้เอ่ยถึงสวัสดิการ อื่น ๆ เพราะฉะนั้นเงินส่วนนี้ผมสมควรออกเองครับ” เย่หลิงเทียน ไม่ได้หันหน้ากลับมา แต่พูดเสียงเรียบ

“นายมีเงินมากนักเหรอ? ในเมื่อฉันบอกว่าจะซื้อให้ ก็ต้องไม่ เอาเงินนายซิ เอากลับไปหล่อซินก็เริ่มโมโหแล้ว

“ผมไม่มีเงิน ถ้าผมมีเงินก็คงไม่มาเป็นบอดี้การ์ดให้คุณ ก่อน หน้านั้นยิ่งไม่ต้องไปเป็นรปภ แล้ว แต่ว่านี้ไม่เกี่ยวกับมีเงินหรือ ไม่มีเงิน ผมไม่ชอบติดค้างอะไรคนอื่น โดนเฉพาะหนี้บุญคุณ หลังจากพูดจบเย่หลิงเทียนก็เดินออกจากห้องทำงานของหลอ ซินไป และปิดประตูลง

หลอวู่ชินมองดูแผ่นหลังสูงใหญ่ของเย่หลิงเทียนอย่างตก ตะลึงและหายวับไปจากประตู อยู่เธอก็ไม่เข้าใจ ตกลงเขาเป็น คนยังไง? เป็นคนโง่หรือเป็นคนมีใจเด็ดเดี่ยวจริง ๆ หลอวูซินอ ยากเชื่ออย่างแรกมากกว่า

เย่หลิงเทียนออกไปเพิ่งจะนั่งได้ครู่เดียว ก็เห็นภายในบริษัท เริ่มมีความเคลื่อนไหวขึ้นมา เย่หลิงเทียนมองดูโทรศัพท์มือถือ เวลาห้าโมงครึ่งแล้ว สงสัยจะถึงเวลาเลิกงานของบริษัทแล้ว และ ก็จริง ไม่นานก็เห็นหล่อซินถือกระเป๋าเดินออกมาจากข้างในเห็นดังนี้ เขาก็ปิดคอมพิวเตอร์แล้วลุกขึ้นยืน

“เย่หลิงเทียนฉันต้องขอโทษพฤติกรรมที่ฉันมีต่อนายด้วย ที่ จริงฉันไม่ได้เกลียดนายจริง ๆ อันนี้นายน่าจะรู้ ที่จริงฉันแค่ไม่ ชอบที่พ่อฉันไม่ปรึกษาฉันก่อนแล้วก็มาสั่งฉันทำโน่นทำนี่ ถึงแม้ ฉันจะเป็นลูกสาวของเขา แต่เขาควรจะเคารพความคิดของฉัน ขอโทษนะ” หลอวูซินพูดอย่างจริงใจกับเย่หลิงเทียน

“ไม่เป็นไรครับ” เย่หลิงเทียนพยักหน้ารับแล้วพูด

“มีเรื่องเรื่องนึงฉันอยากจะตกลงกับนายหน่อย หวังว่านาย คงจะเห็นด้วย” หลี่อวูซินพูดอย่างเกรงใจกับเย่หลิงเทียน

“คุณพูด” เย่หลิงเทียนพูดแค่สองคำ เขาเป็นคนประหยัดค่ พูดดั่งทอง ปกติก็พูดน้อยมาก

นายดู ในเมื่อฉันรับปากพ่อฉันยอมรับนายมาเป็นบอดี้การ์ด แล้ว งั้นฉันก็จะไม่ขับไล่นายแน่นอน แต่ว่าฉันเป็นเด็กสาวตัวคน เดียวอยู่ตัวคนเดียวในบ้าน แล้วผู้ชายตัวใหญ่อย่างนายจะเข้า มาอยู่ด้วยคงไม่เหมาะสมเท่าไหร่หรอกนะ

“ไม่ใช่ฉันไม่เชื่อมั่นในตัวนาย หลัก ๆ คือความไม่สะดวก และ ที่สำคัญ ชุมชนที่ฉันอยู่นิติบุคลทำงานได้ไม่เลว ระบบรักษา ความปลอดภัยก็วางไว้ได้ดี น่าจะไม่มีปัญหาอะไร แล้วอีกอย่าง สังคมสมัยนี้จะไปมีคนร้ายเยอะขนาดนี้ได้ยังไงจริงไหม?

“นายว่าเอาอย่างนี้ดีไหม นายรับผิดชอบมารับส่งฉันทุกวัน แล้วกลางวันก็ทำงานที่บริษัทของเรา กลางคืนนายกลับไปนอนที่ บ้านนายก็ได้ ถ้ากลางคืนฉันมีเรื่องต้องออกไปแล้วหล่ะก็ฉันจะโทรบอกนายแน่นอน นายว่าเอาอย่างนี้ได้ไหม?” หล่อชินตกลง กับเย่หลิงเทียน

เย่หลิงเทียนได้ฟังแล้วก็ส่ายหัว แล้วพูดว่า “คุณหนูหลี่เรื่องนี้ ผมบอกคุณไปก่อนหน้านี้แล้ว ผมรับหน้าที่ที่พ่อคุณมอบหมายให้ ผมมาคุ้มกับคุณตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง เพราะฉะนั้น เวลากลางคืน ผมก็จำเป็นต้องคอยคุ้มกันอยู่ข้างกายคุณ นี่คือคำพูดอะไร คำ พูดเหล่านี้คุณควรไปพูดกับพ่อของคุณ ถ้าพ่อของคุณตกลง ผม จะไม่มีข้อขัดแย้งใด ๆ แน่นอน ผมเซ็นสัญญากับพ่อของคุณแล้ว หวังว่าคุณคงจะเข้าใจผมด้วย”

“อันนี้ฉันรู้ แต่ว่านายก็เห็นท่าทีของพ่อฉัน เขาไม่มีทางตกลง แน่นอน ที่จริง พ่อฉันกับที่พักของฉันอยู่ห่างกันมาก กลางคืน นายไม่มานอนเขาก็ไม่รู้เรื่องหรอก เรื่องนี้นายไม่พูด ฉันไม่พูดก็ จะไม่มีใครรู้แล้ว ถูกต้องไหม พ่อฉันก็จะไม่หักเงินนายเพราะ เรื่องนี้ ถูกต้องไหม?”

“ขอโทษครับ คุณหนูหลี่ ผมเย่หลิงเทียนคนนี้ไม่ใช่คนที่มีนิสัย แบบนั้น ขอแค่เป็นเรื่องที่ตอบตกลงคนอื่นไว้แล้ว ผมก็จะทำให้ สุดความสามารถ เรื่องที่คุณพูดมาผมไม่มีทางทำได้ครับ คุณหนู หลี่ ที่จริงคุณไม่ต้องกังวลเยอะขนาดนี้ ผมเคยพูดไว้ก่อนแล้ว สิ่ง ที่ไม่ควรดูผมจะไม่ดู สิ่งที่ไม่ควรฟังผมจะไม่ฟัง คุณสามารถคิด ว่าผมเป็นคนล่องหนคนนึงก็ได้” เย่หลิงเทียนส่ายหัวแล้วพูด

เย่หลิงเทียนพูดจบก็เดินออกไปก่อน ไม่พูดอะไรมากกับหล่อ ซินอีก


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ