ตอนที่ 10 โดนจับแล้ว
ตอนที่ 10 โดนจับแล้ว
มีแถวที่เหมือนมังกรตัวยาวปรากฏขึ้นในสายตาของฉัน เฟิง ขนาดประตูร้านยังโดนปังไปหมดแล้ว
“นี่ทำเกินไปแล้ว” ในใจของฉินเฟิงรู้สึกอยากจะถอย กลับ ดูท่าทางแล้วจะต้องต่อแถวอย่างน้อยครึ่งชั่วโมงถึง หนึ่งชั่วโมง มีเวลาเยอะขนาดนี้ ไปกินที่ไหนก็ได้ พูดว่า “ไม่นั้น พวกเราเปลี่ยนร้าน? ไม่นั้นฉันเลี้ยงข้าว”
“ไม่ ฉันอยากกินที่นี่เท่านั้น” แต่ป่ายฉินก็ได้ใส่หัวอย่าง เด็ดเดี่ยว มองไปที่ท้ายแถวส่งสัญญาณให้ฉินเฟิงตาม ไป
ฉินเฟิงกำลังรู้สึกว่าไปก็ไม่ใช่ไม่ไปก็ไม่ใช่ ได้แต่ค่อยๆ เดินเข้าไป ยื่นแบบไม่มีแรงและยังมีการบ่นเบาๆว่า
“ผู้หญิงยุ่งยากจัง ถ้ารู้ตั้งแต่แรกวันนี้ก็จะไม่มาบริษัท แล้ว”
“เธอพูดอะไร?” ป่ายฉินหูดีเหมือนได้ยินจ้องไปที่ฉินเฟิง ทำให้ฉินเฟิงตกใจจนปิดปากไปเลย
“หึ พี่น้อง ตรงนี้…”ทันใดนั้น ได้ยินด้านหน้ามีเสียงที่คุ้นเคย
“คนสมัยนี้ ไม่รู้กาลเทศะเลย ตะโกนไปมาดูไม่ได้เลย ฉินเฟิงพูดอย่างมีเหตุมีผล
ต่อจากนั้น เขาก็ได้ทำตาค้าง ด้านหน้าแต่งทรงผม เหมือนรังไก่เป็นคนที่เคยเจอกันเมื่อเช้านี้กำลังโบกมือ เรียกหา
“มีคนรู้จักอยู่ข้างหน้าไม่ต้องต่อแถวแล้ว” ฉินเฟิงโบกมือ เรียกป้ายฉันเดินไปข้างหน้าโดยตรงตามเฉินฉีเข้าไปใน ร้าน
หลังจากได้นั่งเรียบร้อยแล้ว ป่ายฉินมองหน้าของทั้ง สองไปๆมาๆ พูดว่า”พวกเธอรู้จักกันได้ยังไง?”
แสดงว่าเธอกับเฉินฉียังสนิทกันมาก
“เมื่อเช้าเธอขับรถออกไปแล้ว ทำให้ฉันจะต้องเดินออก มา ยังดีที่เจอเขา ถ้าไม่นั้นตอนนี้ฉันยังเดินอยู่บนถนนที่ ไปทางบริษัท” ฉินเฟิงพูดอย่างไม่เกรงใจ
ป่ายฉินรู้สึกเกือบจะหมดคำที่จะพูด พูดว่า” กุญแจรถ วางอยู่บนโต้ะ เธอไม่เห็น? ”
“ฮาๆ”เฉินฉียิ้มอยู่ข้างๆ พูดว่า” ดีที่เธอไม่เห็นกุญแจ ถ้า ไม่นั้นพวกเราก็จะไม่ได้เจอกัน”
ฉินเฟิงขยับปากเล็กน้อย ทำเหมือนกับว่ามีใครดีใจที่จะ เจอเธอ
เวลาต่อมาก็ได้ยินได้เฉินฉีพูดอยู่คนเดียวไม่หยุดเลย บางทีฉินเฟิงก็ได้สนใจและพูดด้วย ส่วนป่ายฉินได้แต่ก้ม หน้ายิ้มอ่อนๆขนาดอ้าปากพูดยังไม่มีเลย
แต่พวกเขาไม่ได้สังเกตว่า มีคนหนึ่งยืนอยู่หน้าประตู ร้านแล้วรีบเดินออกไป หยิบมือถือขึ้นมาโทรออกใช้มือ ปิดปากพูดเสียงเบาๆหลายประโยค จากนั้นก็ได้พยักหน้า
อย่างไรก็ตามอาหารของร้านนี้ไม่เลวเลยถึงจะทําให้ ป่ายฉินค้างคาอยู่ในใจ สิ่งนี้แสดงให้เห็นได้ที่เฉินฉีขนาด พูดยังไม่มีเวลาพูดเลย
ในเวลาเดียวกัน มีกลุ่มคนที่หน้าตาดุร้ายบุกเข้ามาใน ร้าน ใช้ฝีมือทุบไปที่โต๊ะอาหารของฉินเฟิงสามคนที่กำลัง นั่งอยู่ ทันใดนั้นจานชามที่มีกับข้าวก็ได้กระเด็นออกไป
เมื่อฉินเฟิงเห็นสถานการณ์เช่นนี้ยื่นมือตบที่จานชามที่ กำลังบินไปทางป่ายฉินและเฉินฉีลงมา
ผู้นำหัวล้านคนนั้นยังไม่ทันที่จะพูดก็โดนทุบด้วยกับข้าว น้ำซุปไปทั้งหน้า และน้ำซุปที่อยู่ในถ้วยนั้นเพิ่งจะได้ยก ขึ้นมายังร้อนๆอยู่เลย
“อา…..ฉันร้อนจะตายแล้ว…….”คนหัวล้านกอดหัวทั้งร้อง ทั้งตะโกนเสียงดังไปด้วย กระโดดไปมาบนพื้นไปด้วย ดู แล้วเหมือนเทพกระโดดเข้าร่าง
“หูเกอ เธอเป็นอะไรไหม ไม่เป็นไรใช่ไหม”คนที่ตามคน หัวล้านมีรอยสักเต็มตัว กลัวแต่ว่าคนอื่นไม่รู้ตัวตนที่แท้ จริงของพวกเขารีบเข้าไป
ถึงเวลานี้เฉินฉีก็รู้สึกตัวขึ้นมาแล้ว ยืนขึ้นมาตะคอก เสียงดังว่า”พวกเธอจะทำอะไร หาเรื่องตายหรืออย่างไร ก็ตามเขาออกมาจากวิลล่าหวงถิงเป่ย่วนก็แสดงให้รู้ อยู่แล้วว่ามีฐานะที่ไม่ธรรมดา ฉะนั้นคนพวกนี้ไม่อยู่ใน สายตาของเขา
“ไอ้สัตว์ ใครทำหูเกอเป็นอย่างนี้ ยังจะมาหยิ่งขนาดนี้ พี่ น้องทั้งหลาย จัดการมันเลย”หนึ่งในนั้นมีคนที่ผมตั้งตรง ส่งเสียงตะโกนเสียงดังที่สู้กับเสียงของเฉินฉีได้ ได้รีบวิ่ง ไปหาเฉินฉีเป็นคนแรก
“ไม่ใช่เขา……..ยตาย….. เมื่อ เกอเห็นแบบนี้ร้องเสียง เมาออกมาหนึ่งค่า หลังจากนั้นตามมาด้วยเสียงร้องกรีด อย่างน่าสงสาร ลูกน้องหลายคนฟังไม่เข้าใจว่าเขาพูด อะไร
“ตึง!”
ฉินเฟิงถือโอกาสยื่นเท้าขวาออกมาทำให้คนนั้นล้มกลิ้ง บนพื้นแล้วหยุดอยู่ใต้ขาเฉินฉี
พูดถึงเฉินฉีก็เป็นคนที่ดุร้ายเหมือนกัน ไม่เพียงแค่ไม่มี น้ำใจสักนิด ยังถือโอกาสจับคนนั้นมาถีบไปหลายที ก็ไม่รู้ ว่าเป็นเพราะทรงผมของคนนั้นดีกว่าเขาหรือไม่
ทันใดนั้น มีผู้ชายที่ผอมแห้งต่อยไปที่หลังศีรษะของฉิน
เฟิง
แต่ฉินเฟิงเหมือนมีตาอยู่ด้านหลัง เมื่อมือของชายคนนั้น กำลังจะต่อยถึง หัวได้เอียงไปด้านข้าง การต่อยครั้งนี้ไม่ สําเร็จ ฉินเฟิงจับข้อมือของคนนั้นถือโอกาสบีบขึ้นไป
“อา!”เสียงร้องกรี๊ดที่น่าสงสารกว่าตอนร้องแผลลวกของ หูเกอออกมาจากปากของชายที่ผอมแห้ง
ถึงเวลานี้ลูกค้าภายในร้านถึงจะรู้สึกได้ คนทั้งร้านเหมือนผึ้งบินออกจากร้านกลายเป็นส่วนของผู้ชมละคร
ไป ไม่นานนอกประตูหน้าร้านก็เต็มไปด้วยคน
“ฉันว่านะ ทุกท่านมีเรื่องอะไรไปคุยข้างนอกไหม ฉันยัง อยากจะขายของอยู่นะ”คนอ้วนที่ใส่หมวกพ่อครัว มือจับ มีดหันกระดูกรีบกระโดดออกมา ทำท่าพร้อมที่จะใช้มีด หันคนได้ทุกเมื่อ
แต่สถานการณ์ตอนนี้วุ่นวายไปหมด บวกกับเด็กแว้น หลายคนกำลังร้องเสียงกรี๊ด คำพูดของเจ้าของร้านก็ไม่ ได้มีผลอะไรเกิดขึ้น เขาถือมีดสเตนเลสไปก็ไม่ใช้ถอยก็ ไม่ใช่
“ใช้อาวุธ หันเขา”เหมือนได้รับสัญญาณของเจ้าของ ร้าน เด็กแว้นหลายคนได้หยิบมีดอันสั้นจากหลังเอว และ มีหลายคนหยิบมีดออกจากกระเป๋ากางเกง เล่นจนทำให้ คนตาลาย
“ดี!” คาดไม่ถึงว่าไม่รู้ใครที่ขาดคุณธรรมไปร้องเรียกว่า ดีในเวลานี้
สถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงในกะทันหันอย่างนี้ทำให้ ป่ายฉินตกใจจนตัวสั่นไปหมด ทำให้ฉินเฟิงโมโหควันขึ้น
ว้าว!
มีมีดอันสั้นแทงไปที่หลังเอวของฉินเฟิง
“ไม่เอา!”ป่ายฉินร้องเสียงกรีดออกมาหนึ่งคํา แม้ว่าเธอ รู้ว่าฉินเฟิงทักษะการต่อสู้ไม่เลว แต่เมื่อเห็นฝ่ายตรงข้าม ใช้มีดก็ยังคงเป็นห่วงมาก
ฉินเฟิงยิ้มอ่อนๆให้กับป่ายฉิน กระโดดไปด้านข้างยก เก้าอี้ไม้ทรงยาวขึ้นมาโบกไปอย่างแรง
“ตึง!”คนนั้นจับมีดสั้นอยู่ในมือไม่ไหวตกลงที่พื้น ตัวกอด แขนที่มีทรงแปลกประหลาดไว้ หัวล้มกระแทกกับพื้น ประเมินแบบหยาบๆ กระดูกของมือนี้หักไปแล้ว เป็นแค่นี้ ก็ยังเพราะว่าฉินเฟิงยังมีสติควบคุมอารมณ์ได้ ถ้าไม่นั้น ครั้นนี้จะได้โบกที่ศีรษะแล้ว
มีเก้าอี้ทรงยาวอยู่กับมือ ฉินเฟิงกลายเป็นคนมีบุคลิก อำนาจยิ่งใหญ่ วิ่งโบกในร้านไปทั่วไม่มีใครสามารถสู้กับ เขาได้
ไม่ถึงสามห้านาที ไม่มีใครที่ไหนที่สามารถยืนอยู่หน้า เขาแล้ว ขนาดคนอย่างหูเกอที่ได้รับแผลลวกยังโดนโบก ไปหนึ่งที กองอยู่กับพื้นร้องอีกต่อไป
ฉินเฟิงส่องไปรอบข้าง พูดกับเจ้าของร้านที่ทำท่างง ว่า”เฮีย เก้าอี้ของเธอนี้ไม่เลวนะ แข็งแรงดี”
“แน่นอน ท่ามาจากไม้เรียวเหล็ก” เจ้าของร้านนี่ก็ไม่รู้ ประสาทเส้นไหนผิดที่ ยังจะพูดอย่างภาคภูมิใจ
” ไม้เรียวเหล็ก! “ฉินเฟิงทำตาค้าง ชู้นิ้วโป่งขึ้นมาให้ เจ้าของร้าน
เฉิน ก็ถือโอกาสนี้ไปเอาเปรียบกับเด็กแว้นที่ยังไม่มีแรง ที่จะต่อสู้ทั้งต่อยทั้งถีบและยังตะคอกพูดว่า”ขึ้นมา เก่ง มากไม่ใช่หรือ เธอขึ้นมาเลย”
แต่ฉินเฟิงดูแล้วเข้าใจจัดเจนว่า เฉินฉีต่อยมือไม่นิ่ง ถีบ เท้าไม่มีแรง เป็นคนไม่มีทักษะการต่อสู้นั้นเองก็ไม่รู้ว่า เขาอารมณ์เสียมาจากที่ไหน
“หลีกไป รอบล้อมอยู่ตรงนี้ทำอะไร หลีกไป”ในเวลานี้ มี ชายใส่เสื้อตำรวจบุกเข้ามาหลายคน ตะโกนเสียงดังไป ด้วยเดินเข้ามาด้วย
เห็นว่าเฉินฉียังลงมือต่อยอยู่ ทันใดนั้นคนนั้นรีบตะโกน ว่า“ให้หยุด!”
เฉินฉีใช้เท้าไปถีบหูเกออีกสองทีถึงจะทำเสียงหัวเราะ เหอะๆค่อยหยุด
“ชกต่อยในที่สาธารณะ ไม่ดีเลยนะ คนทั้งหมดนี้จับ กลับไปให้หมด”ตำรวจคนนั้นดูท่าทางเหมือนหัวหน้าใช้มือโบกไปหนึ่งที ตำรวจตามหลังอีกสี่ห้าคนวิ่งเข้าไปหา เฉินฉี
แต่หูเกอซึ่งเป็นคนที่กำลังนอนกองอยู่บนพื้นใส่หัวให้กับ หัวหน้าคนนั้น แล้วหันไปมองทางฉินเฟิง
ทันใดนั้นฉินเฟิงยิ้มออกมา คาดไม่ถึงว่าที่ไหนได้นี่แค่ เป็นแผนเท่านั้น แต่ไม่รู้ว่าเป็นใครคนนั้นที่น่าเบื่อขนาดนี้
“เคาะๆ อย่าจับผิดคนนะ คนนั้นที่อยู่ข้างๆ”
ฉะนั้น ตำรวจหลายคนนั้นก็รีบเปลี่ยนเป้าหมายไปรอบ ล้อมฉินเฟิงไว้
“พวกเธอทำอะไร พวกเราแค่ป้องกันตัวตามปกติ”สีหน้า ป่ายฉินเริ่มเปลี่ยนและตะโกนเสียงดังออกมาหนึ่งที
เฉินฉีก็ไม่ยอมแพ้เหมือนกัน พูดว่า”พวกเธอเป็นตำรวจ ที่ไหน ฉันตีคนแล้ว พวกเธอต้องมาจับฉัน”ทำท่าทางไม่ กลัวอะไร
“ไม่ว่าจะเกิดจากสาเหตุอะไร ตีคนถึงขนาดนี้ พวกเราก็ ต้องดำเนินการตรวจสอบ ถ้าเข้าใจผิดจริงๆ ไม่นานก็จะ ปล่อยเขากลับมา”หัวหน้าคนนั้นไม่สนใจป่ายฉินและเฉินฉี เป้าหมายมีแค่ฉินเฟิงเท่านั้น
ถ้าเป็นอย่างนี้ ป่ายฉินและเฉินฉีก็รู้แล้วว่าเรื่องนี้ไม่ปกติ
“ไม่เป็นไร พวกเธอไปทำงานของพวกเธอ ฉันแค่ไปแบบ เดียวก็กลับมา”ฉินเฟิงอยากจะรู้ว่าคนที่อยู่เบื้องหลังทำ แผนร้ายเป็นใครถึงไม่ได้ขัดขวางตามตำรวจหลายคนนั้น ออกไป
ส่วนฝ่างเด็กแว้นก็จับหัวหน้าหูเกอและคนที่แต่งทรงผม ตั้งไปด้วย ที่เหลือก็ได้ปล่อยแยกย้ายออกไป
สีหน้าของเฉินฉีเปลี่ยนไปและได้พูดกับป่ายฉินว่า “เรื่อง นี้เธอไม่ต้องมายุ่ง ไว้ให้ฉันจัดการ”
“นั้นเธอยังไม่รีบไป”ป่ายฉินรีบเร่งให้ไป
รถตำตวจขับอย่างเร็ว ฉินเฟิงก็ไม่ได้พูดแต่ได้มองไปวิว ด้านนอกหน้าต่าง
ไม่นานเขาก็รู้สึกผิดปกติ พูดว่า “นี่ไม่ใช่ทางที่ไปสถานี ตำรวจ”แม้ว่าไม่ค่อยคุ้นเคยกับพื้นที่นี้แต่เพราะความคุ้น เคยกับอาชีพที่ทำ ส่วนสถานีตำรวจอยู่ที่ไหนเรื่องเขายัง รู้อยู่อย่างมั่นใจ
ตำรวจสองคนนั่งอยู่ด้านข้างอีกคนหนึ่งดำอีกคนหนึ่ง ขาวก็ไม่ตอบคำถาม
“หรือว่าพวกเธอมาจากสำนักงานใหญ่? เรื่องเล็กอย่าง ทะเลาะวิวาทกันพวกเธอก็มาจัดการด้วย น่าแปลกใจ จริง”ไม่นานฉินเฟิงก็เข้าใจแล้ว ซีจิงอยู่ในการดูแลของใน เมือง ตำรวจสำนักงานใหญ่ก็จะมาทำงานที่นี่ด้วย แต่ส่วน ใหญ่จะเป็นกรณีเรื่องใหญ่ เรื่องเล็กอย่างทะเลาะวิวาท ส่วนใหญ่จะให้สาขาจัดการ
เพราะฉะนั้นเห็นได้ชัดเจนว่าคนที่อยู่เบื้องหลังเป็นคนที่ มีพลังอำนาจไม่น้อย
“พวกเธอก็แค่ออกตัวแทนคนอื่นคงไม่จําเป็นต้องเอา ชีวิตเสี่ยงด้วย ลองพูดให้ฟังหน่อย?”ฉินเฟิงไม่ยอมหยุดที่ จะถามต่อไป
ตำรวจธรรมดาหลายคนนี้ก็แค่ทำตามคำสั่งที่ข้างบนสั่ง ไว้ ถ้ามีเรื่องเกิดขึ้นมาจริงคนที่รับผิดชอบก็คือพวกเขา ไม่จําเป็นทําผิดใจกับฉินเฟิงมากเกินไป
“คนที่นําทีมคือรองหัวหน้ากาวหลิน ได้ยินมาว่าคนที่ ออกคำสั่งเป็นรองเลขานุการนามสกุลกาว ส่วนที่เหลือ ฉันก็ไม่รู้แล้ว”ตำรวจหน้าดำลังเลไปสักพักแล้วพูดด้วย เสียงเบาๆ
เท่าที่เขาสังเกต ถึงเวลานี้แล้วฉินเฟิงไม่มีความรู้สึก หวาดกลัวแม้แต่น้อย แสดงให้เห็นว่าไม่ใช่คนธรรมดา การต่อสู้ระหว่างผู้ใหญ่เขาไม่อยากจะเข้าไปก้าวก่าย ตั้งแต่แรก ตอนนี้ก็ให้ฉินเฟิงติดค้างน้ำใจไปหนึ่งครั้งเพื่อ ทางไว้วันข้างหน้า
ดีที่คนที่ขับรถไม่ใช่หัวหน้าคนนั้น ถ้าไม่นั้นเขาก็ไม่กล้า พูด
“กาวจ้น?”ฉันเฟิงกำลังค้นหาในสมอง เหมือนเคยจําชื่อ คนนี้ได้แต่ไม่มั่นใจ
ตำรวจหน้าดำไม่ได้พูดแต่ได้พยักหน้าเบาๆ
ฉินเฟิงไม่ได้ถามต่อ สิ่งที่ตำรวจหลายคนนี้น่าจะรู้แค่นี้ ส่วนที่เหลือได้แต่รอเข้าไปแล้วค่อยว่ากัน
ภายในรถตำรวจอีกคัน กาวหลินกำลังคุยโทรศัพท์ ยิ้มหัวเราะพูดว่า”คนได้จับมาแล้ว กำลังอยู่ทางที่กลับ สำนักงานใหญ่…..อะไร เธอจะมา…..ได้เลย เดี๋ยวเจอ กัน”
พูดจบก็ได้หันไปดูหูเกอและอีกคนหนึ่ง ขมวดคิ้วว่า”พวก เธอขนาดมีคนเยอะยังจะโดนตีเป็นอย่างนี้ ยังมีหน้าจะทำ มาหากินข้างนอกหรือ?”
หูเกอท่าหน้าเศร้า พูดว่า”ฉันเพิ่งเข้าไปก็โดนซุปราดเดิม หน้ายังไม่มีโอกาสที่จะลงมือเลย
“พวกเธอจะไปโรงพยาบาล หรือว่า……..กาวหลินโบกมือ ไม่ได้ฟังเขาอธิบาย
ไม่นานก็จะไปถึงสํานักงานใหญ่
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ