เทพนักรบ

ตอนที่ 7 อยู่บ้านเดียวกับสาวสวย



ตอนที่ 7 อยู่บ้านเดียวกับสาวสวย

ตอนที่ 7 อยู่บ้านเดี่ยวกับสาวสวย

ตอนหยางเฟิงจากไปก็ได้ทิ้งประโยคแรงมาประโยคหนึ่ง

แต่ในใจทุกคนเริ่มมีความคิดของตัวเอง สำหรับความ หมายของประโยคนั้นก็เปลี่ยนรสชาติไปเลย

“อย่างนี้ทำไมเหมือนกำลังงอแงกับฉินเฟิง” มีคนพูดขึ้น มาประโยคนี้

“หา จริงหรือ เหมือนจะเป็นอย่างนี้จริงๆนะ”

” ไม่ต้องพูดแล้ว ฉันหนังไก่ลุกขึ้นไปทั้งตัวเลย”

ผู้คนที่มายืนดูอยู่รอบด้านต่างคนต่างพูดความคิดเห็น สายตาที่มองไปทางฉินเฟิงมีความหมายอยู่มากมาย แต่ สายตาที่พวกเขามองฉินเฟิงด้วยความดูถูกก่อนหน้านี้ แต่ตอนนี้ก็หายไปแล้ว ยังมีสาวสวยหลายคนส่งสายตา ให้กับฉินเฟิง ทำให้ใจของฉินเฟิงเริ่มที่จะหวั่นไหว

“อืม?” สีหน้าของป่ายฉินไม่ดีออกเสียงแล้วเดินออกไป
ทันใดนั้นฉินเฟิง รู้สึกมีมีดเล่มหนึ่งกำลังตั้งอยู่บนคอตัว เอง รีบพูดว่า”คุณภรรยา สำหรับเธอ ฉันรักเดียวใจเดียว นะ”

*ไม่แน่นอนนะ ฉันมองว่าเธอกับหยางเฟิงเป็นคู่กันดี นะ” ฟางหยูน เดินเข้ามาเหมือนลืมไปแล้วว่าก่อนหน้านี้ เธอผิดใจกับฉินเฟิง ได้ทําสีหน้าส่งสายตาแสดงให้เห็น ว่า”ฉันอยู่ข้างเธอนะ”

“เธอ….ทำไมเธออยู่ตรงนี้” ก่อนหน้านี้ตอนที่ฉินเฟิงม องไปที่รอบข้าง ฟางหยูนกับป่ายฉินยังอยู่ในห้อง ตอนนี้ ฟางหยูนกระโดดออกมาอย่างกะทันหันทำให้เขาตกใจไม่ น้อยเลย

สายตาของป่ายฉินส่องไปที่สองคนนี้สักพัก พูดว่า”ยังไง พวกเธอรู้จักกันด้วยหรือ?”

“ไม่รู้จัก”

ฉินเฟิงและฟางหยูนใส่หัวพร้อมกันใจตรงกันมาก

ครั้งก่อนที่เจอกันก่อนหน้านี้ เหมือนกลายเป็นความลับ เล็กๆระหว่างพวกเขา

“ครั้งนี้เธอแกล้งหยางเฟิงหนักขนาดนี้ฉันว่าเธอรีบวิ่งหนี ไปเถอะ ถ้าไม่นั้นครั้งหน้าก็ไม่ได้โชคดีอย่างนี้หรอก” ป่วยฉินกำลังคิดจะมีวิธีไหนที่สามารถหลุดพ้น จากฉียเฟิง ทันใดนั้นมีวิธีหนึ่งคิดออกมารู้สึกดีใจ พูดว่า “ใช่ ฉันจะไปจองตั๋วเครื่องบินให้เธอวิ่งหนียิ่งไกลยิ่งดี”

ฉินเฟิงอึ้งไปสักพัก พูดว่า”ยังไงป่าป่าย ไม่ได้ขัดขวาง ความสัมพันธ์ของพวกเราถ้าอย่างนี้เธอหนีตามฉันดีไหม”

หนีตามกับเขา!

หน็ตามกับเขา?

ฟางหยูนมองไปที่ป่ายฉินด้วยความตกใจ พูดว่า” พี่ฉิน ไม่ใช่ว่าเธอชอบเขาไปแล้วหรือ”

“พูดอะไรของเธอ”

ป่ายฉินจ้องไปที่ฟางหยุน แม้ว่าฉินเฟิงมีทักษะการต่อสู้ ที่ดี แต่กับเจ้าชายที่เธอคิดไว้ห่างไกลอีกเยอะเลย

“ถ้าเธอไม่ไว้ใจฉันขนาดนี้ นั้นวันนี้ฉันจะกลับไปขอป้า ป่ายเรื่องการแต่งงานกับเธอ” จิตใจของฉินเฟิงเริ่มไม่อยู่ กับเนื้อกับตัว แต่ยังตัดสินใจจะทำท่าเดินหน้าที่จริงคือ ถอยหลังเพื่อทำให้ป่ายฉินตกใจ
“เธอ….. เธออย่ามาทำอะไรมั่วชั่วนะ” คิดไม่ผิดเลบป่าย ฉันตกใจมากรีบสะบัดมือ

“นั้น เธอยังจะให้ฉันไปหรือไม่? “ฉินเฟิงถามแล้วยิ้ม

ตั้งแต่ต้นจนจบ หยางเฟิงไม่เคยอยู่ในสายตาของเขา เรื่องที่ตัวเองที่เคยผ่านมา ทำให้เขา ไม่ว่าจะเรื่องอะไร หรือคนก็ไม่ได้รู้สึกกลัวเลย

แม้ว่าจะตายก็ต้องยืนตาย

ป่ายฉินแอยถอนหายใจ วิธีนี้กว่าจะคิดออกมาก็ยาก แล้วยังไม่สำเร็จ แต่ก็ยังดีกว่าทำให้ฉิงเฟยไปทำอะไร เรื่องบ้าๆออกมา”พอแล้ว หลังจากนี้เธอก็ไม่ต้องไปอยู่ ห่างกับฉัน มีฉันอยู่หยางเฟิงยังมีความกังวลก็ไม่กล้าที่จะ ทำอะไรเกินไป

ฉินเฟิงกระพริบตา ไม่รู้ว่าความมั่นใจของไปป่ายฉินมา จากที่ไหน ก่อนหน้านี้เขากับป่ายฉินอยู่ใกล้ชิดกันขนาด นี้ก็ไม่เห็นว่าหยางเฟิงหวาดกลัว

“หรือไม่ก็เพราะว่ายังใกล้ชิดกันไม่พอ?” ใบหน้าของฉิน เฟิงมีรอยยิ้มที่มีความสุขปรากฏออกมา

“ยังมีอีกเรื่อง ฉันมาที่นี่คนเดียว ขนาดที่พักยังไม่มีเลย ไม่นั้นเธอช่วยฉันจัดการปัญหาเรื่องนี้ และเธอบอกว่าให้ฉันอยู่ใกล้ชิดเธอ เพราะฉะนั้นฉันไปพักที่บ้านเธอแล้ว กัน” ตอนนี้ฉินเฟิงโดนตัดรายได้ทุกทางแล้ว ก็เริ่มที่จะมา หาป่ายฉินเพื่อแก้ปัญหา

” ไปพักกับฉัน ขนาดคิดเธอก็ไม่ต้องคิดแล้ว” เมื่อได้ฟัง ฉินเฟิงพูดแบบนี้ ป่ายฉินก็นึกขึ้นได้คืนที่เคยอยู่กับฉัน เฟิงที่ไม่น่าประทับใจ สีหน้าเริ่มเปลี่ยนไปกำลังจะเถียง กลับ

“ถ้าไม่ได้ ฉันจะย้ายไปอยู่บ้านเธอดีไหม?” ที่ไหนได้ฉิน เฟิงหันไปพูดกับฟางหยูน

ฟางหยูนอึ้งไป แต่ใบหน้าตามขึ้นมาด้วยรอยยิ้มที่ทำให้ น่าประหลาดใจพูดว่า” ..…….……..

“ไม่ได้ เธอไปพักที่บ้านฉัน” คำที่ป่ายฉินพูดต่างกันโดย สิ้นเชิง และจ้องไปที่ฉินเฟิงอย่างแรง พูดว่า”ฟางหยูนเป็น เพื่อนสนิทของฉัน เธออย่ามาเล่นมั่ว”

หลังจากที่ฉินเฟิงได้สิ่งที่ต้องการแล้วก็ไม่ได้ทำต่อไป พูดว่า”ก็ได้ ฟางหยูนเป็นของเธอ ฉันไม่แย้งกับเธอ”

“ป่ายฉินกับฟางหยูนมองหน้ากันแล้วตะคอกโมโห ว่า”เธอพูดอะไร?”

ฉินเฟิงรู้สึกไม่เข้าใจพูดว่า” ฉันบอกว่าพวกเธอสองคน
เป็นเพื่อนสนิทกัน มีอะไรไม่ถูกหรือ

* อยู่ดีๆฉันก็อยากจะเห็นภาพที่เขาโดนหยางเฟิงเหยียบ อยู่ใต้เท้าแรงๆ เลย” ฟางหยูนกัดฟันพูดอยู่ข้างหูป่ายฉิน เบาๆ ฉินเฟิงคนนี้น่ารังเกียจจริงๆ โดยเฉพาะหลังจากที่ ทำความผิดแล้วยังทำหน้าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทำให้ฟางหยู นรู้สึกหงุดหงิดมาก

“อา….. ถ้าอย่างนั้น ฉันขอไปคุยเรื่องการแต่งงานกับ ป้าป่ายดีกว่า” ฉินเฟิงทำเสียงตกใจ พูดว่า” หลังจาก แต่งงานแล้ว ฉันจะพาเธอกลับไปบ้านเกิดหนีอยู่ไปอยู่ ไกลๆเลย ถ้าไม่นาน เกรงว่าจะให้หยางเฟิงมาจ้องที่จะจับ ไปอีก”

ทันใดนั้นป่ายฉินไม่รู้จะพูดอะไร สีหน้าก็เปลี่ยนไป พูด ว่า” ไปเถอะ ตามฉันกลับไป” ครั้งนี้ยังไม่ทันทำให้ฉินเฟิง หน้าเสีย ก็ทำให้เอาตัวเองเข้าไปเสียซ้ำอีก ป่ายฉินจะ ร้องไห้แต่ร้องไม่ออกเลยจริงๆ

“ไอ้ใครนะ พวกเราค่อยมาเจอกันนะ” ฉินเฟิงโบกมือพูด กับฟางหยูน

ฟางหยูน”…………….”

ออกจากผับเซิ่งตี้ สีหน้าของป่ายฉินค่อยดีขึ้นเล็กน้อย พูดว่า”เรื่องที่ฉันคุยกับเธอเมื่อสักครู่นี้ เธอคิดให้ดีๆนะ
“เรื่องอะไร ขอแต่งงาน?” ฉุนเฟิงยังคงทําหน้าทะเล้น

ป้ายฉันทําเหมือนไม่ได้ยิน พูดว่า” ภายในเมือง จัง ตระกูลหยางมีอำนาจมาก แม้ว่าเธอมีต้นตระกูลที่ไม่เลว แต่เมื่ออยู่ที่นี่เธอสู้พวกเขาไม่ได้”

หลายปีที่ผ่านมา ไม่ใช่ไม่มีคนไปสู้กับตระกูลหยาง แต่ ในที่สุดพวกที่จะทำร้ายตระกูลหยางก็ได้หายไปแบบไร้ ร่องรอย

อย่างไรก็ตาม อันนี้ก็เป็นแค่อำนาจของตระกูลอย่าง ส่วนหนึ่งเท่านั้น

ฉินเฟิงก็จริงจังขึ้นมาม พูดว่า” ฉันไม่สนใจว่าเป็นอะไร กับตระกูลหยาง หรือว่าอะไรตระกูลหวาง ขอเพียงแค่ อย่ามาหาเรื่องกับฉัน ทุกคนจะอยู่กันด้วยดี อย่างไร ก็ตาม เธอก็อย่าลืมไปว่า ฉันยังมีตัวตนที่แท้จริงที่ไม่ค่อย มีคนรู้..………….

คำพูดก่อนหน้านี้ยังดูปกติดี ทำให้ป่ายฉินรู้สึกว่าฉินเฟิ งมีความพยายามไม่ยอมแพ้ แต่พอพูดถึงข้างหลังรู้สึกว่า รสชาติเปลี่ยนไป

“อย่างไรก็ตาม ต่อจากนี้ไปเธออย่าไปไหนมั่วซั่วนะ” ป่ายฉินก็ไม่รู้ว่าฉินเฟิงฟังเข้าหูไปเท่าไหร่ แต่ยังคงตัก เตือนไว้
ครั้งนี้พวกเขาไม่ได้กลับไปหมู่บ้านที่ป่าป่ายอาศัยอยู่แต่ มา วิลล่าหลังหนึ่ง

วิลล่าหวงถิงเป่วน!

ภายในเมือง จิง วิลล่าหวงถิงเป่ยวนมีชื่อเสียงโด่งดัง และไม่ใช่มีเงินก็จะซื้อได้ คนที่ได้มาพักที่นี่มีแต่คนที่มีชื่อ เสียงฐานะ อย่างไรก็ตาม ฉินเฟิงก็แค่เป็นคนที่มีขออาศัย อยู่ ไม่ได้ขึ้นอยู่ในรายชื่อนั้น

“ว้าว! นี่คือราชวังหรือ สวยมากเลยจริงๆ” ฉินเฟิงเหมือน คนบ้านนอกได้เข้าเมือง ทำให้ป่ายฉินรู้สึกเสียใจว่าทำไม ตัวเองต้องพาเขามาทําความคุ้นเคยกับสิ่งแวดล้อม

“เธอไม่ต้องทําเสียงเกินไปแบบนี้ได้ไหม?” ป่ายฉินอดที่ จะพูดไม่ไหว

ฉินเฟิงตะโกนเสียงดังทำให้ดึงดูดสายตาคนรอบข้างมา ไม่น้อย แต่เขายังสนุกกับสิ่งที่ทำอยู่ เมื่อเห็นมีคนมองมา ทางตัวเองก็จะโบกมืออย่างกระตือรือร้น ทำให้คนพวกนั้น บางคนตาค้างงงใจ ตั้งแต่เมื่อไหร่วิลล่าหวงถิ่นเป่ย่วนมีไอ้ เด็กอย่างทำท่าทำทางที่เกินเหตุคนนี้ ถ้าไม่ใช่มีป่ายฉิน อยู่ข้างฉินเฟิงคงมีคนเรียกพนักงานรักษาความปลอดภัย มาแล้ว
“ใช่แล้ว ทําไมป่าป่วยไม่ได้พักอยู่ที่นี่?” ฉันเพิ่งเหมือน เพิ่งรู้สึกตัวตอนนี้สายตามองไปด้วยความดูถูกว่า”เธออยู่ ในบ้านหลังใหญ่คนเดียวแต่ไล่ป่าป่ายไปพักหมู่บ้าน รู้สึก ว่าจะทําเกินไปแล้ว”

ความหงุดหงิดในใจของป่ายฉินยังไม่ทันหาย พูดอย่าง ไม่เกรงใจว่า”ฉันพักอยู่ที่นี่คนเดียวมาตลอด ถ้าเธอไม่ พอใจก็สามารถไปหาพักที่อื่นได้เลย”

“ที่นี่ก็ดีนะ ฉันก็จะพักที่นี่” ฉินเฟิงหัวเราะแหะๆขึ้นมา ป่ายฉินไม่ได้อธิบายว่าทําไมป้าป่ายไม่พักที่นี่ อย่างไร ก็ตาม ตั้งแต่แรกเขาก็ไม่เคยได้ฟังป่ายฉินพูดถึงพ่อของ เธอ ขนาดนามสกุลยังตามป้าป่าย ถ้าบอกว่าในนี้ไม่มี ความลับอะไรให้เขาตายไปก็ไม่เชื่อ

แม้ว่าเขาก็ไม่ได้ไล่ตามต่อไป แต่ได้เก็บไว้อยู่ในใจลึกๆ

“พอแล้ว วันนี้ถึงแค่นี้ เธอสามารถไปเดินรอบๆด้วยตัว เอง” เหมือนเป็นเพราะคำพูดของฉินเฟิงก่อนหน้านี้ ทำให้ ไปโดนถึงความเจ็บในใจของป่ายฉิน หลังจากที่เธอพูด ประโยคนี้ไว้แล้ว ก็ได้หันหลังวิ่งกลับไปเลย

ฉินเฟิงก็ได้แค่มองไปที่หลังของป่ายฉินแล้วก็ได้เดิน เล่นรอบวิลล่าหวงถิงเป่ย่วน เมื่อไม่มีป่ายฉินอยู่ข้างกาย อารมณ์ขี้โวยวายของเขากลับหายไปเหมือนเปลี่ยนเป็นคนละคน ดูจากบุคลิกเหมือนเป็นคนอ่อนโยนมีความรู้ ความสามารถขึ้นมา

สําหรับเขาจะเปลี่ยนแปลงไม่ยากเลย ขนาดตัวเขาเองก็ ไม่สามารถจําได้ว่านิสัยที่แท้จริงเป็นอย่างไร

เขาเดินเล่นในวิลล่าหวงถิ่นเป่ย่วนไม่ใช่เป็นเพราะสนใจ วิวทัศน์ที่นี่ แต่ได้ใช้สายตาอีกแบบไปสังเกต นี่คือนิสัยที่ เขาติดมาตลอดจนถึงตอนนี้ยังแก้ไม่ได้

ใช้ความรู้เฉพาะตัวของเขารู้เลยว่าที่นี่เรื่องความ ปลอดภัยทําได้ค่อนข้างดี

รอให้เขากลับไปถึงวิลล่าบ้านเลขที่สิบเก้าท้องฟ้าก็มืด แล้ว ทางเดินด้านข้างก็มีแสงไปหลากสีส่องขึ้นมา ไม่ได้ ทำให้เขารู้สึกวุ่นวายแต่กลับทำให้รู้สึกบรรยากาศสงบ

สบายใจ

ผ่านการตรวจสอบครั้งนี้ เขาไม่ใช่รู้แค่ภายในทั้งหมด ของวิลล่าหวงถิ่นเป่ย่วน กับเจ้าของวิลล่าคนอื่นก็ได้รู้ผิว ผืน แต่อย่างนี้เหมือนไม่มีประโยชน์อะไร อย่างน้อยตอน นี้สิ่งที่มองเห็นคือแบบนี้

“คุณฉินกลับมาแล้ว น่าจะยังไม่ได้ทานข้าว ดิฉันได้เก็บ ข้าวกับข้าวไว้ให้คุณแล้ว” คุณน้าที่มีอายุมาก ผมเริ่มสี ขาวมาเปิดประตูให้ หลังจากเห็นว่าเป็นฉินเฟิงทันใดนั้นก็ยิ้มขึ้นมา

“น้าหรุง บอกแล้วว่าให้เรียกฉินเฟิงก็ได้แล้ว เธอทําแบบ นี้ทำให้ฉันรู้สึกไม่ค่อยสบายใจ” ฉินเฟิงยิ้ม

วิลล่าเลขที่สิบเก้า นอกจากน้าหรุงแล้วก็จะมีอีกคนที่ชื่อ อาลี่เป็นทั้งคนขับรถและบอดี้การ์ดแล้วก็มีแค่ป่ายฉินกับ ฉินเฟิงสองคน รู้สึกเงียบเหงาเล็กน้อย

ได้ๆๆ เธอไปนั่งนะ ฉันช่วยเธอเอากับข้าวไปอุ่นหน่อย” น้าหรุงรีบหันหลังออกไป

หลังจากได้กินของอย่างตามสบายแล้วฉินเฟิงได้นั่งบน โซฟาแล้วทำหน้ามึน

” ฉินเฟิง เธอทะเลาะกับคุณหนูใช่ไหม? “น้าหรุงหลัง จากที่ได้เก็บกวาดเรียบร้อยก็ได้นั่งข้างฉินเฟิงใบหน้าเต็ม ไปด้วยความเครียด พูดว่า”คุณหนูเป็นคนดีคนหนึ่ง เธอ อย่าไปรังแกหลอนเลย”

ฉินเฟิงทำหน้าอึ้งไป นี่คืออะไรกับอะไร อธิบายว่า “ฉัน กับป่ายฉินดีกันอยู่แล้ว จะทะเลาะกันได้ยังไง เธอ อารมณ์ไม่ดีเพราะว่าเรื่องของบริษัทคุณอย่ามาเข้าใจผิด ฉันเลยนะ”

“จริงหรือ ถ้าอย่างนั้นก็ดี” น้าหรุงถูกใจทัศนคติของฉินเฟิงมาก

ต่อจากนั้นน้าหรุงได้เล่าเรื่องราวมากมายของป่ายฉินอยู่ ข้างหูของฉินเฟิง ฉินเฟิงฟังอย่างเพลิดเพลิน

น้าหรุง! ”

ทันใดนั้นได้ยินเสียงป่ายฉินร้องเรียก ก็ไม่รู้ว่าเธอเดิน ลงมาตั้งแต่เมื่อไหร่

เธอเหมือนได้ยินน้าหรุงที่ได้พูดไว้ก่อนหน้านี้ รู้สึกแก้ม ร้อนขึ้นเล็กน้อย ดูน่ากินเหมือนลูกแอปเปิลสีแดง

“อา คุณหนูมาแล้ว เธอมีอะไรก็ถามหลอนตรงๆได้เลย ฉันรู้สึกง่วงแล้ว ขอไปนอนก่อนแล้ว” น้าหรุงส่งสายตาให้ กับฉินเฟิง จากนั้นหันหัวเดินออกไปเลย

“ฉันเตือนเธอนะ หลังจากนี้ห้ามมาสอบถามเรื่องของฉัน” รอให้น้าหรุงเดินออกไปแล้ว ป่ายฉินก็ได้พูดแรงๆออกมา

ฉินเฟิงได้กางมือออกมา พูดว่า”นี่เธออย่ามาใส่ร้ายฉัน เลย ตลอดมามีแต่น้าหรุงที่พูด ฉันไม่มีโอกาสที่จะพูดเลย นะ ใช่แล้ว ไม่คิดว่าตอนเด็กเธอก็บินต้นไม้ได้นะ เป็นจริง หรือไม่?”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ