เทพนักรบ

บทที่15 ฟางโฉง



บทที่15 ฟางโฉง

บทที่15 ฟางโฉง

เจ็ดโมงเช้า ในวันที่สอง

ตอนที่ฉินเฟิงเดินออกมาจากห้อง เขาก็ไม่เห็นป่ายฉินที่ โต๊ะอาหารแล้ว เธอยังคงโกรธเคืองเรื่องของเมื่อคืนอยู่

แม้แต่น้าหรุงคนดีตลอดมา ยังชักสีหน้าใส่ฉินเฟิงตอน เจอหน้า ฉินเฟิงได้แต่ยิ้มแหยๆ

หรือว่าจะให้เขาบอกป้ายฉินกับน้าหรุงหรือไงว่า เพราะ เขาไปฆ่าเดนมนุษย์มาสองสาม

คนเลยกลับมาดึก

หลังจากที่กินอาหารเช้าอย่างรวดเร็ว ฉินเฟิงก็โดนน้าห รุงไล่ออกจากประตูบ้าน

แม้แต่เรื่องที่ป่ายฉินบอกว่าจะเตรียมรถให้ฉินเฟิงตั้งแต่ เมื่อวาน ก็เงียบไปด้วย

“นั่งรถไฟใต้ดินก็ไม่เลวเหมือนกัน”ฉินเฟิงได้แต่ปลอบ ตัวเองไปแบบนั้น ในช่วงที่ลำบากที่สุด คือตอนที่ต้องเดินฝ่าทะเลทรายเขาก็ทำมาแล้ว เรื่องเล็กน้อยแค่นี้จะมา เป็นอุปสรรคได้อย่างไร

ซื้อตั๋ว เข้าสถานี ขึ้นรถ เรียบร้อย

รถไฟใต้ดินในช่วงเช้า แน่นขนัดกว่าที่ฉินเฟิงคิดเอาไว้ นี่แค่สถานีที่สองนะ ก็ไม่มีที่นั่งแล้ว แม้แต่ตรงช่องรอยต่อ ของรถไฟคนก็ยืนเต็มไปหมด

“เอ๊ะ มีสาวสวย! ”

ฉินเฟิงตาสว่างขึ้น แป๊บเดียวก็เบียดไปถึง

“อ๊า! น้ำหอม จะเป็นลม”ฉินเฟิงแอบโอดครวญ อยากจะ ล่าถอย แต่ทางถอยก็โดนอุดตันเสียแล้ว

ช่วยไม่ได้ ฉินเฟิงได้แต่เอามืออุดจมูก มือหนึ่งยืดห่วงจับ เอาไว้ หลบหลีกกลิ่นน้ำหอมที่

มาแตะจมูก จะว่าไป น้ำหอมกลิ่นนี้ ก็ไม่เลวเหมือนกัน นะ แต่เนื่องจากฉินเฟิงเดินทางอยู่ข้างนอกมาหลายปี เขา จะต้องพยายามไม่ทำให้มีกลิ่นใดๆติดตัว นานวันเข้า เลย กลายเป็นแพ้กลิ่นน้ำหอมไป

สำหรับผู้ชายคนหนึ่งแล้ว มันเป็นเรื่องที่น่าเจ็บปวดยิ่งนัก

ยังดีที่ว่า ฉินเฟิงโชคดีมาก ที่ป่ายฉินกับฟางหยูนที่เจอ ก่อนหน้า ไม่ชอบฉีดน้ำหอม

สาวสวยที่ยืนอยู่ข้างฉินเฟิง ดูอายุราวๆสิบเจ็ดสิบแปด วัยแตกสาวพอดี สวมชุดกีฬาสีครีมทั้งตัว ผูกผมหางม้า สูงๆ แลดูตัวสูงขึ้นไปอีก

“จู่ๆ ก็ชักคิดถึงช่วงเวลาเรียนหนังสือขึ้นมาแล้วสิ”ฉินเฟิ งอดอิจฉานักเรียนสาวคนนี้ขึ้นมาไม่ได้

“หี สาวน้อยคนนั้นจ้องฉินเฟิงเขม็ง แค่นเสียงเย็นชาขึ้น สำหรับเธอแล้ว เธอมองว่าฉินเฟิงแกล้งทำท่าหลบหลีก ไปอย่างนั้นเอง เพียงเพราะต้องการเรียกร้องความสนใจ จากตนก็เท่านั้น

ฉินเฟิงไม่รู้ว่า ในใจของสาวน้อย ตนเองนั้นได้กลายเป็น วายร้ายไปเสียแล้ว

ทันใดนั้น มือที่มีขนขึ้นรุงรังมือหนึ่ง ยื่นไปสัมผัสบนจุด อ่อนไหวของสาวน้อย มือนี้ดูแล้วเหมือนขาหมูมากกว่ามือ มนุษย์ ทำให้คนรู้สึกรังเกียจ

“บังอาจ! ”
ฉินเฟิงแอบคำรามเบาๆ กระชากมือออกจากห่วงจับ แล้ว ใช้นิ้ว ทะลวงเข้าไป ดีดลงไป

บนเป้าของเจ้ามือหมูอ้วนนั่น มือหมูอ้วนนั้นกระตุกอย่าง รุนแรง ราวกับโดนไฟช็อตอย่างไรอย่างนั้น

“คุณคิดจะทำอะไรน่ะ”สาวน้อยอ่อนไหวมาก เธอรู้สึก ได้ทันทีว่าด้านหลังเธอมีมือๆหนึ่ง เธอหันขวับไป ไปปะทะ เข้ากับฉินเฟิงพอดี

“ผม…….ผมไม่ได้คิดจะทำอะไรเลยนะ”ฉินเฟิงกำลังจะ

อธิบาย

ทันใดนั้น ฉินเฟิงรู้สึกว่ามีแรงบางอย่างมาจากทางด้าน หลัง ในจังหวะที่ยังตั้งตัวไม่ทัน เขาจึงล้มทับสาวน้อยคน

นั้น

“จ๊วบ!

ท่ามกลางความตื่นตระหนกของฉินเฟิงและความตื่นตูม ของสาวน้อย ริมฝีปากของเขาจึงประกบลงบนใบหน้า

ของสาวน้อย

“อ๊าย! “เสียงร้องกรี๊ดทำแก้วหูของฉินเฟิงแทบแตก
ได้ยินเสียงร้องแหลมของสาวน้อย ในช่วงขณะนั้น ฉิน เฟิงรู้สึกว่าตนเองโดนสายตา

พิฆาตจำนวนนับไม่ถ้วนจ้องมองมา แล้วยังมีชายร่าง กำยำสองสามคน กำลังเบียดฝูงชนเข้ามา

“กึก…..”ในเวลานี้เอง รถไฟหยุดกะทันหัน ประตูรถทั้ง สองข้างเปิดออก

ซวบ!

แล้วจะรออะไรอีกล่ะ ฉินเฟิงรีบเบียดตัวสาวน้อยออก ไป วิ่งออกไปพลาง ใช้มือเช็ดปากพลาง แถมยังพ่น

“ถุย”ออกมาอีก

สาวน้อยช็อคไปชั่วขณะ จนแทบลืมวิ่งไล่ ในหัวผุดขึ้น มาคำหนึ่งว่า“เขารังเกียจฉัน…..เขารังเกียจฉัน…….

“เพล้ง! “เสียงหัวใจของสาวน้อยแตกราวกับกระจก

ฉินเฟิงหันกลับไปจ้องมองอีกรอบ เห็นว่าขอบตาของ สาวน้อยมีน้ำตาเอ่อล้น ในใจก็รู้สึกผิด

“ไม่สิ เราต่างหากผู้เสียหาย”ฉินเฟิงวิ่งพลาง ส่ายหน้า พลาง ตั้งแต่ต้นจนจบ เขาไม่ได้คิดอะไรแบบนี้เลย เขาเองก็ไม่อยากให้เกิดเรื่องอะไรแบบนี้เหมือนกัน

หลังจากที่วิ่งออกมาจากรถไฟใต้ดิน ฉินเฟิงก็ไม่หันหน้า กลับไปอีก กลับรีบกระโดดขึ้นรถเมล์ที่กำลังจะปิดประตู ทันที เขาหันหน้ากลับมา ยังคงเห็นผู้ชายร่างกำยำชี้ชี้นิ้ว มาที่ตนเอง ด้วยสีหน้าเอาเรื่อง

“ใครบอกว่าไม่มีคนดี พวกนี้ไง”ฉินเฟิงเห็นภาพนี้ ทำให้ เขารู้สึกซึ้งใจยิ่ง เขาทุลักทุเลมาตลอดทาง จนกระทั่งสิบ โมง ก็มาถึงบริษัทด้วยสีหน้าอิดโรย

หลังจากที่ได้ยินเสียงรายงานจากยามหน้าประตู ป่าย ฉินผู้ที่นั่งอยู่ในห้องผู้บริหาร สีหน้าอึมครึมหนักกว่าเดิม บนโต๊ะทำงานที่อยู่ด้านหน้าเธอ กระดาษเอสี่ที่วาดรูป หัวหมูหัวใหญ่วางอยู่ตรงหน้า บนหัวหมูนั้นเขียนชื่อว่าฉัน เฟิง

“!”

ฉินเฟิงถอนหายใจออกมา ในที่สุดก็ปลอดภัย

เขาคิดไม่ถึง ว่าคนดีสองสามคนนั้นวิ่งตามเขามาถึงถนน เก้าสายด้วยกัน

“บางที พวกนั้นอาจจะไม่ใช่แค่คนดีธรรมดา แต่ว่า ช่าง เถอะ”สำหรับประสบการณ์อันน่าอดสูนี้ ฉินเฟิงไม่อยากจะไปคิดถึงมันอีก

“ตุ้งตุ้งตุ้ง!

ฉินเฟิงกำลังเคลิ้มหลับ ฉับพลันเสียงเคาะประตูดังขึ้น

“ไม่ได้มาหาเราหรอกมั้ง”ฉินเฟิงคิด ตัวเองเป็นคนเปิด เผยในบริษัท คงมีคนเคาะประตูผิดแน่ๆ

“อ่ะแฮ่ม เวลาทํางาน กลับมาแอบหลับตรงนี้ คิดจะก่อ ม็อบหรือไงฟางหยูนผลักประตูอย่างแรง เดินเข้ามา เห็น ฉินเฟิงกำลังหลับสบาย จึงเบ้ปากใส่

“ยุ่งอะไรด้วยเล่า เธอไม่ได้เป็นคนจ่ายเงินเดือนสัก หน่อย”พอได้ยินเป็นเสียงฟางหยูน ฉินเฟิงจึงไม่แม้แต่ มอง

จากนั้นเขาจึงลุกขึ้นนั่ง คลึงดวงตาสองข้างเบาๆ หาวขึ้น มาทีหนึ่ง พูดขึ้นว่า “ปิดคดีแล้วนี่ มาหาฉันมีอะไรอีก คงไม่ ได้จะมาจับฉันหรอกมั้ง!

ฉินเฟิงไม่ใช่เจ้าหน้าที่ตำรวจ ลงมือฆ่าผู้ร้ายสามคนแบบ นั้น ตามหลักแล้วไม่ถูก

“ฉันเป็นคนแบบนั้นหรือไง”ฟางหยูนกลอกตาขาวให้ฉินเฟิง พลางพูดขึ้น”ผู้ร้ายที่รอดเพียงคนเดียวแล้วส่งโรง พยาบาลเมื่อวาน ก็ได้ตายลงแล้วเมื่อคืน”

“แล้วไงล่ะ”ฉินเฟิงถามกลับ ตอนนั้นเขาไม่ได้ลงมือหนัก เลย ดูท่าคนของสำนักเฟิงโข่ฝีมือไม่เบา กลับฆ่าปิดปาก ได้ภายใต้สถานการณ์แบบนั้น

“ไม่มีอะไร ฉันแค่มาขอบคุณเธอแค่นั้นเอง”ฟางหยูนคิด แล้วคิดอีก แต่ไม่ได้บอกสิ่งที่ตัวเองรู้แก่ฉินเฟิง

ฉินเฟิงพยักหน้าพูดขึ้น”ประตูอยู่ทางนั้น ฉันไม่ไปส่ง แล้วนะ ออกไปปิดประตูให้ด้วย

….”ฟางหยูนหมดคำพูด เห็นฉินเฟิงก้มตัวนอนต่อ จึง พูดขึ้นว่า “ฉันจะไปหาพี่ฉิน”

ฉินเฟิงหลับสบายยาวจนถึงบ่ายสาม ป่ายฉินกับฟางหยู นยังไม่มา เขาลูบคลำท้องที่ร้องจ๊อกๆ แล้วเดินอาดๆออก ไปจากบริษัท เดินไปทางร้านอาหารร้อยปี

“ร้านอาหารอีเว่ยจู”

นี่เป็นชื่อของร้านอาหารร้อยปีร้านนั้น ให้ความรู้สึก หรูหรา นอกจากนี้ เจ้าของร้านกับฝี
มือเชฟก็ไม่เลว และนี่ก็เป็นสาเหตุแรกที่ฉินเฟิงมาที่นี่

เห็นฉินเฟิงอยู่ด้านหน้าประตู เจ้าของร้านกับหัวหน้าเชฟ ฟางโฉงหน้าค่าคร่ำเครียดขึ้นมาทันที แทบจะไปปิดประตู ร้าน ตั้งแต่เปิดร้านอีเว่ยจูมาเป็นร้อยปี นับตั้งแต่ปู่ย่าตา

ทวดของฟางโฉง ยังไม่เคยเกิดเรื่องอะไรเลย ก็ฉินเฟิงนี่ แหละไม่รู้โผล่มาจากไหน กล้า

มาหาเรื่องทะเลาะวิวาทในร้านอีเว่ยจู

“ฉันเอาแบบโต๊ะเมื่อวานหนึ่งที่”ฉินเฟิงวางท่าใหญ่โต ไม่ สนใจสีหน้า คร่ำเครียดที่ดำยิ่งกว่าก้นหม้อของฟางโฉง ฉินเฟิงคิดไว้แล้ว เขามากินข้าว อะไรก็ไม่สำคัญทั้งนั้น

“อย่าใส่อะไรลงไปในอาหารนะ ระวังเดี๋ยวพังร้านร้อยปี ซะเลย”พอเห็นฟางโฉงเดินกลับเข้าไปในครัว ฉินเฟิงจึง ร้องเตือนตามหลัง

“ปังปังปัง! “ไม่นาน ก็ได้ยินเสียงสับมีดดังกังวานออก มาจากห้องครัว

ท้ายที่สุด ฟางโฉงก็ไม่กล้าทำตุกติกอะไร และทำมื้อ อร่อยออกมาให้ฉินเฟิง รสชาติไม่เลว เกือบจะเทียบเท่าฉันแล้ว ต่อไปที่นี่จะเป็นร้านอาหารประจำของฉัน เถ้าแก่ ฉันจะดูแลกิจการเถ้าแก่ให้ จะมีส่วนลดอะไรมั่งเปล่า”

ฟางโฉงคิดในใจ”ยังคิดจะลดราคาอีก ฉันอยากจะหัก กระดูกแกอยู่แล้ว”

ภายใต้แววตาสุกใสของฉินเฟิง ฟางโฉงพูดออกมา ว่า“ลดสิบเปอร์เซ็นต์เป็นไง เอ่อ ค่อยๆเดินนะครับ คราว หน้ามาอุดหนุนใหม่

“เถ้าแก่มีน้ำใจขนาดนี้ ฉันต้องนั่งนานหน่อยสิ”ฉินเฟิงนั่ง นิ่ง ไม่มีวี่แววว่าจะลุก

ฟางโฉงหุบยิ้มลง นั่งตรงข้ามฉินเฟิง พูดขึ้น”ตกลงนาย ต้องการอะไรกันแน่เนี่ย”

“หูเกอคนเมื่อวาน เป็นมายังไงฉินเฟิงจึงพูดจุดประสงค์ ออกมาอย่างสบายอารมณ์ ไม่เลว ตอนอยู่ที่สถานีตำรวจ เขาได้สั่งสอนอันธพาลอย่างหูเกอไปเรียบร้อย แต่ก็ไม่ได้ หมายความว่าเรื่องจะจบลงง่ายๆ

“เฮ้อ…..ฟางโฉงรู้สึกปวดหัวตะหงิดๆ

ฉินเฟิงพูดด้วยสีหน้าจริงจัง“ฉันก็เห็นว่าเถ้าแก่เป็นคน ซื่อสัตย์ ฉันถึงพูดด้วยดีๆ หรือว่า เถ้าแก่คิดว่า ฉันเทียบเศษสวะนั่นไม่ได้”

“นายกำลังขู่ฉันเหรอ”ฟางโฉงพูดเน้นทีละคำ

ฉินเฟิงส่ายหน้าพูดขึ้น”นี่คือคำเตือนด้วยความหวังดี ของฉัน แต่แน่นอน เถ้าแก่จะคิดว่าขู่ก็ได้”สิ่งที่ทำให้ฉัน เฟิงคาดเดาไม่ออกคือ ร้านอาหารอีเว่ยจู อยู่ในบทบาท อะไรกับสถานการณ์นี้

ฟางโฉงเงียบกริบทันที

“หรือจะเปลี่ยนเงื่อนไข ต่อไปเวลาฉันมากินข้าวที่ร้าน ให้กินฟรี”ฉินเฟิงพูดพลางหัวเราะทะเล้น

“เอาตามนี้แล้วกัน”ฟางโฉงโดนฉินเฟิงจับจุดอ่อนได้ รู้ว่า ผลลัพธ์นี้ดีที่สุด

ฉินเฟิงถึงได้ลุกขึ้น ออกจากร้านไป พลางพูดว่า”คืนวันนี้ จะมีเรื่องสนุก ถ้าสนใจก็มาดูได้”พูดจบ ไม่รอให้ฟางโฉง ตอบกลับ ก็เดินออกจากร้านไปอย่างไม่หันกลับมา

แต่ว่า ฉินเฟิงไม่ได้กลับไปที่บริษัทอีก หากกลับเดิน เตร็ดเตร่อยู่แถวนี้

สีท้องฟ้าค่ำมืดลงโดยไม่รู้ตัว
ในขณะที่ฉินเฟิงผู้ที่ขับรถออกจากบริษัทอย่าง กระฟัดกระเฟียด ฉินเฟิงก็ปรากฏตัวขึ้นบนถนนสายหนึ่ง

ในตรอกเล็กๆนั้น ชายร่างผอมที่ย้อมผมหลากสีท่าทีดู น่าขันกำลังนอนแผ่หราอยู่บนพื้น แล้วมีผู้ชายคนหนึ่งที่ ท่าทางเหมือนนักเรียนกำลังถูลู่ถูกัง ปากพร่ำเดาไม่หยุด

“เฮ้ย! “ฉินเฟิงเดินเข้าไป ทักเสียงดัง

“อย่าจุ้นน่า ไปตามทางของแกไป”ชายย้อมผมหันหน้า กลับมา จ้องฉินเฟิงเขม็ง

“หีหี”ฉินเฟิงส่ายหน้า เดินผ่านไป

“หาเรื่องเหรอ……ชายย้อมผมหลากสีส่งเสียงกร่าง

“ตุ้ง! ”

ต่อมา ฉินเฟิงคว้าชายย้อมผมหลากสีขึ้น กระชากหัวที่ ผอมเหลือแต่กะโหลกนั้น กระแทกเข้ากับกำแพงตรอก อย่างแรง

เลือดไหลอาบอย่างไม่หยุดทันที “อ๊าก……เลือดไหล แล้ว…..”ชายย้อมผมหลากสีร้องโหยหวนขึ้น
“ตุ้ง! “ฉินเฟิงกลับไม่หยุดมือ ทําแบบเดิมอีกครั้ง

“ตุ้ง!

“ตุ้ง! “เพียงแค่ชายย้อมผมหลากสีอ้าปาก ก็จะมีแต่ เสียงร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด หลังจากที่โดน กระแทกเข้าไปเต็มๆสี่ที ในที่สุดชายย้อมผมหลากสีก็ตื่น รู้ ยื่นมือออกมาอุดปาก ไม่กล้าส่งเสียงใดๆออกมาอีก

ฉินเฟิงยิ้มน้อยๆ โยนมันทิ้งไป


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ