เทพนักรบ

บทที่14 สำนักเฟิงโข่



บทที่14 สำนักเฟิงโข่

บทที่14 สำนักเฟิงโข่

ตั้ง ดัง!

ฉันเพิ่งเข้าสู่สมาธิ ปล่อยให้เวลาไหลผ่าน โดยที่เขาเอง ก็ไม่ได้ขยับอะไรเลย

“ฮิฮิ ได้ไงกัน….…….

ในจังหวะที่เสียงด้านบนลอดเข้ามา ฉินเฟิงขยับตัวทันที แล้วพุ่งขึ้นไปด้านบน จากนั้นจึงปีนขึ้นไปอย่างรวดเร็ว ไม่ นานก็มาตกอยู่ที่ชั้นสิบสามที่ยังสร้างไม่เสร็จ

“สวบ!

ชายสีหน้าอึมครึมคนนั้น จู่ๆก็เปิดผ้าผืนหนาที่ใช้กั้นแสง ในห้องนั้นออก มองบนมองล่าง

ผู้ชายหน้าตอบเครายาวอีกคนก็เข้ามาเช่นกัน เขามองดู แล้วพูดขึ้น “ไม่มีอะไรเลย แก

กำลังดูจานบินหรือไง” เขาพูดเหน็บแนม

ชายหน้าอึมครึมยังคงไม่ยอมตายใจมองบนแล้วมองล่าง และก็ยังไม่เห็นอะไร

ชั้นสิบสอง ว่างเปล่า

แม้ว่าจะโฉบผ่านไปอย่างรวดเร็ว แต่ฉินเฟิงก็ตรวจสอบ ละเอียดถี่ถ้วน รอให้เขาเดินลงมาจากชั้นสิบสามก่อน ตรวจสอบแล้ว ยืนยันให้แน่ใจ

ตอนนี้ผ่านไปแล้วสามนาที เขายังมีเวลาเหลือเจ็ดนาที

ผู้ชายหน้าอึมครีมล่าถอยออกไปแล้ว ส่วนผู้ชายแก้ม ตอบหนวดเครารุงรังก็ทำท่าทางเลียนแบบชายหน้าอึม ครึม มองบนแล้วมองล่าง ทำสีหน้าแปลกๆแบบพูดไม่ถูก ทันใดนั้น ขาคู่ยาวคู่หนึ่งห้อยลงมา หนีบก้านคอชายหน้า ตอบหนวดเครารุงรังไว้ แล้วบิด

“กร๊อบ! ”

ชายหน้าตอบหนวดเครารุงรังตายไม่รู้ตัว ว่าขาคู่นี้โผล่ มาจากไหน

แค่ทีเดียวก็หักคอชายแก้มตอบหนวดเครารุงรังจนตาย ฉินเฟิงปล่อยมือลง แล้วทิ้งตัวลงไป จากนั้นจึงออกแรง กระโจนใส่ชายหน้าอึมครึมที่กำลังจะลุกขึ้น ด้านหลังของ ฉินเฟิง ชายแก้มตอบหนวดเครารุงรังค่อยๆร่วงลงไป
สิ่งที่ทำให้ฉินเฟิงกังวลมากที่สุดกลับไม่เกิดขึ้น ชายหน้า อึมครึมไม่ได้หลบไปทางสถานที่ซ่อนเด็ก ไม่รู้เป็นเพราะ ว่าความมั่นใจที่มีไม่มากพอ หรือว่าเป็นเพราะจิตสำนึกที่ ซ่อนอยู่

เบื้องลึกของใจแต่ไม่ว่าจะเพราะอะไร ฉินเฟิงก็จะไม่ ปล่อยเขาไว้แน่

“กร๊วบ! –

ฉินเฟิงเตะไปที่ข้อมือขวาของชายหน้าอึมครึมอย่างแรง จนได้ยินเสียงกระดูกแตก

ชายหน้าอึมครึมก็เป็นคนโหดเหี้ยมคนหนึ่ง เขาไม่สนใจ อะไรทั้งสิ้น มือซ้ายชักมีดพับออกมา แล้วแทงไปทางด้าน ล่างซี่โครงของฉินเฟิง

“อ๊าก”

แม้แต่ตัวชายหน้าอึมครึมเองก็ไม่คิดว่าจะราบรื่นขนาดนี้ มีดพับกรีดลงไปบนสีข้างของฉินเฟิง เลือดสดๆพุ่งออกมา

จากนั้น ชายหน้าอึมครึมยังไม่ทันได้ดีใจ หมัดก็ต่อยลง บนคอหอยเขาเสียแล้ว
“กึกกึก…… ชายหน้าอึมครึมเหมือนอยากจะพูดอะไร แต่ กลับไม่มีโอกาสเสียแล้ว

ฉินเฟิงเก็บหมัดซ้ายกลับ ดูเวลาเล็กน้อย ยังเหลืออีก สองนาทีครบสิบนาที ถ้าไม่ใช่เพราะว่าเขาอยากจะรีบ แก้ปัญหา เขาคงต้องโดนคมมีดนั้น เขาตรวจดูเล็กน้อย ยืนยันว่าชายหน้าอึมครึมกับชายหน้าตอบเครารุงรัง ขาดใจสนิท

ทั้งชั้นสิบเอ็ด นอกจากพัสดุที่ห่อแน่นห้าห่อ และเด็ก ทารกที่ร้องกระจองอแง ก็ไม่มีอันตรายอะไรแล้ว

เก้านาที!

ฉินเฟิงงัดเทคนิคปีนป่ายออกมาใช้อีกครั้ง เขากระโดด ออกจากหน้าต่างไป แล้วไถลไปถึงชั้นแปด

สิ่งที่ทำให้ฉินเฟิงรู้สึกโกรธแค้นคือ ฟางหยูนกำลังโดน ลูกน้องโหดสองคนรุมอยู่ที่ชั้น

แปด ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยเลือดสด

“ตาย!

ฉินเฟิงทะยานออกไป ตวัดขาขวา ถีบลงไปบนเอวของลูกน้องโหดอย่างแรง

“กร๊อบ! ”

ลูกน้องโหดทรุดตัวคุกเข่าลงบนพื้นทันที นอนราบบน พื้น เป็นตายไม่รู้แน่

“ฉินเฟิง! ”

ฟางหยูนน้ำตากลบหน้า ตะโกนเรียกเสียงดัง

“เฟี้ยว!

ฉินเฟิงสะบัดตัว มือขวาราวกับมีแส้เส้นหนึ่ง ตวัดลงบน เอวของลูกน้องโหดอีกคน

ลูกน้องโหดคนนั้นกระเด็นออกไป แต่ความดุร้ายยังคง อยู่ แม้เขากระอักเลือดคำโต แต่ก็ยังคิดที่จะตะกายขึ้นมา

“เธอบาดเจ็บแล้ว เลือดออกนี่” ฟางหยูนไม่สนใจตัว เอง เมื่อเห็นที่เอวของฉินเฟิงมีเลือดสดออกมา จึงปล่อย โฮร้องไห้ออกมาทันที พูดพลางสาละวน “ฉันจะเรียกรถ พยาบาลเดี๋ยวนี้ล่ะ เธออดทนไว้นะ”
ฉินเฟิงเดินก้าวขึ้นหน้า ขวางเอาไว้ พูดว่า “ฉันไม่เป็นไร ว้ 1 นี่ไม่ใช่เลือดฉัน ถ้าไม่เชื่อ เธอดู ไม่เจ็บเลยเห็นไหม พอ เห็นฟางหยูนทําหน้าสงสัย ฉินเฟิงจึงตบลงสีข้างเบาๆ กล้ำกลืนความเจ็บเอาไว้พูดขึ้น

“ชั้นสิบเอ็ดมีผู้ร้ายสองคน โดนชั้นฆ่าไปแล้ว แล้วยังมี เด็กทารกอีกห้าคน เธอไปดูสิ มีอะไรค่อยกลับมาพูด”แวว ตาของฉินเฟิงเป็นประกายอย่างพูดไม่ถูก เขาปล่อยฟาง

หยูนออก

ฟางหยูนรู้ว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กประมาทไม่ได้ จึงรีบ พุ่งขึ้นไปที่ชั้นสิบเอ็ด

“โอ๊ย เจ็บจะตายอยู่แล้ว”ฉินเฟิงอดไม่ได้ร้องออกมา

“ฮิฮิ พอหันกลับ สีหน้าด้านข้างของเขา ยิ้มอย่างเย็นชา แล้วเดินไปที่คนเป็น “ลูกพี่” เอียงตัวให้ พูดขึ้นว่า “แกไม่ ต้องพูดอะไรทั้งสิ้น มาให้ฉันทรมานแกเสียดีๆ เป็นไง”

เดิมทีตัว “ลูกพี่”ก็เป็นคนซาดิสม์อยู่แล้ว เขาตัดสินใจว่า จะไม่พูดอะไร แต่พอได้ยินน้ำ

เสียงแปลกประหลาดของฉินเฟิง จึงอดที่จะร่างสั่นเทิ้มขึ้นมาไม่ได้ ในความเป็นจริง “ลูกพี่”ก็ไม่ได้อดทนอะไร นานนักหรอก ในตอนที่ฉินเฟิงยืนนับอยู่ด้านข้าง แล้ว พลางหัก

กระดูกเขาเป็นท่อนๆ เขาก็เริ่มรู้สึกล่มสลายแล้ว “เป็น…..เป็นสำนักเฟิงโข่ พวกเขาเป็นคนบอกให้ฉันทำ เรื่องพวกนี้”

ล่านักเฟิงโข่

ชื่อนี้คุ้นๆหู ฉินเฟิงครุ่นคิดอยู่เล็กน้อยก็นึกออก ดู เหมือนว่าหยางเฟิงที่โดนเขาขู่ตกใจจนร้องไห้จะเป็นเจ้า สํานักน้อยของสำนักเฟิงโข่ แบบนี้ค่อยน่าสนใจหน่อย

“พวกเขาจับเด็กทารกไปทำอะไรกัน”ฉินเฟิงถามต่อไป

“ฉันไม่รู้ ไม่รู้จริงๆ…”เสียงของ “ลูกพี่”ฟังเหมือนร้องไห้ แต่ไม่มีน้ำตา

ฉินเฟิงเบ้ปาก สารรูปแบบนี้ยังมีหน้าให้เรียก “ลูกพี่” ช่าง ทำให้บรรดา “ลูกพี่”ใต้หล้านี้ ขายขี้หน้าจริงๆ“เรื่องของ สำนักเฟิงโข่ แกยังรู้อะไรอีกบ้าง”

“ฉันรู้แต่ว่า สำนักเฟิงโข่เป็นแก๊งสใต้ดินของเมืองซีจิง”
“แก๊งสใต้ดิน! “ฉินเฟิงค่อยๆเน้นคำๆนี้ออกมา พยักหน้า อย่างพึงพอใจ แค่ค่านี้แหละเพียงพอแล้ว

ฟางหยูนล้มลุกคลุกคลานไปจนถึงขั้นที่สิบเอ็ด ก็เห็นลูก น้องโหดสองคนที่นอนตายอยู่บนพื้น แล้วยังมีทารกที่ส่ง เสียง “อ้อแอ้”อีกห้าคน ใบหน้าค่อยยิ้มออกหน่อย

ทันใดนั้น เสียงโทรศัพท์มือถือของเธอก็ดังขึ้น

“ฉันไปแล้ว เธอโทรศัพท์เรียกคนมาได้แล้ว จําไว้ให้ดี เรื่องนี้ ฉันไม่เคยปรากฏตัว”หลังจากที่ฉินเฟิงทิ้งคำสั่งเอา ไว้ จึงวางหูโทรศัพท์ไป

หลังจากที่ออกมาจากตึกร้าง ฉินเฟิงจึงถอดซิมโทรศัพท์ ออกมา หักเป็นสองท่อน ใส่ไว้

ในกระเป๋าเสื้อ เดินไปได้ไม่นาน เขาจึงเห็นไฟรถตำรวจ กระพริบ และเสียงของรถตำรวจกำลังมุ่งหน้ามายังตึก ร้าง

ฉินเฟิงจึงค่อยๆโบกรถแท๊คซี่ มุ่งหน้าไปยังวิลล่าหวง ถิงเป่ย่วน บนตัวของเขา ไม่มีคราบเลือดเหลืออยู่แล้ว แม้แต่กลิ่นคาวเลือดก็จางหายไปด้วย เพียงแต่ว่า เสื้อผ้า บนตัวของ

เขาดูแล้วไม่น่าจะพอดีตัวเท่าไหร่ ดูตัวใหญ่และหลวมไปหน่อย

ในตึกร้าง

หลิวสูนเบิ่งตาโต อ้าปากค้าง แสดงสีหน้าเหลือเชื่อ

สวรรค์คุ้มครอง หลิวสูนอนุญาตให้ฟางหยูนตรวจสอบ คดีลักพาเด็กทารก ก็เพียงแค่หา

งานให้ฟางหยูนทำเพียงเท่านั้น รอให้เธอหมดความ สนใจก็จะรามือไปเอง

ใครจะไปรู้ ฟางหยูนไม่เพียงแต่จะปิดคดีได้สำเร็จ แถม ยังทำให้เป็นเรื่องใหญ่โตขนาดนี้ด้วย

เสียชีวิตสาม บาดเจ็บจนสลบไปหนึ่ง

แต่ว่า ทารกน้อยทั้งห้าปลอดภัยดีไม่ได้รับอันตรายใดๆ เลย เรื่องอื่นๆก็ไม่สำคัญ

สิ่งที่ทำให้หลิวสูนกังวลใจมากที่สุดคือ ฟางหยูนเองก็ได้ รับบาดเจ็บไม่น้อย จึงรีบให้คน

จัดส่งฟางหยูนไปโรงพยาบาล ดีที่แค่เป็นบาดแผล ถลอกจากภายนอก ไม่อย่างนั้นหลิวสูนเองคงร้องไห้
“สำนักเฟิงโข่! “ในหัวของฟางหยูนปรากฏสามคำนี้ขึ้น ฉินเฟิงตั้งใจปลีกตัวออกจากฟางหยูน แต่คิดอย่างไรก็คิด

ไม่ถึง ฟางหยูนรู้คําตอบนานแล้ว

ฉินเฟิงผู้ที่นั่งอยู่บนรถแท็กซี่ ก็กำลังครุ่นคิดถึง

เหตุการณ์ทั้งหมดเหมือนกัน

ในความทรงจําของฉินเฟิง เขาไม่เคยส่งสัญญาณเสียง ใดๆเลย อีกอย่างเวลานัดหมายก็ยังไม่ถึง ฟางหยูนก็ ตะลุมบอนกับลูกน้องโหดสองคนนั้นเสียแล้ว ในระหว่างนี้ จะต้องมี

อะไรที่เขาไม่รู้

แบบนี้เองที่เรียกว่าคนนั้นย่อมสู้ฟ้าไม่ได้

หลังจากที่ฉินเฟิงปืนไปถึงชั้นที่สิบสาม แม้ว่าชายหน้า มครีมนั้นจะไม่เห็นอะไร แต่ก็ยัง

คงโทรศัพท์ไปที่ชั้นแปด ในระหว่างที่คุยได้มีการเอ่ยถึง สำนักเฟิงโข่ ทำให้ฟางหยูนที่หลบอยู่ระหว่างบันไดได้ยิน เข้า

ส่วนลูกน้องโหดสองคนที่อยู่ชั้นแปดอยากจะออกไป เดินตรวจตราด้านนอก ฟางหยูนกลัวว่าจะไปมีผลกระทบ ต่อฉินเฟิง จึงเลือกที่จะพุ่งออกไปที่ชั้นแปดพยายามถ่วงเวลาให้ฉินเฟิง

“ถึงแล้วครับ ผมเข้าไปข้างในไม่ได้ คุณลงตรงนี้เถอะ ครับ” รถแทคซี่เบรกกะทันหัน จอดอยู่ด้านหน้าประตู วิลล่าหวงถิงเป่วน

หลังจากที่ฉินเฟิงจ่ายเงินแล้ว จึงเดินเข้าไปด้านในวิลล่า หวงถิงเป่ย่วน

หลังจากที่เขาเดินไปได้ระยะหนึ่ง ยามคนหนึ่งก็ได้ต่อ สายโทรศัพท์ติด พูดเสียงค่อยสองสามคำ

“! ”

ป่ายฉินทำหน้าบั้นปึง ดูนาฬิกาแขวนที่อยู่บนผนังบอก เวลาชี้ไปที่เลข “12”จึงพูดขึ้น “ดึกป่านนี้ยังไม่กลับ งั้นก็ อยู่นอกบ้านไปแล้วกัน น้าหรุง ห้ามเปิดประตูให้เขาเด็ด ขาด”

“ค่ะ ไม่ว่าจะพูดอะไรก็ห้ามเปิดให้เด็ดขาด”น้าหรุงตอบ เสียงขึงขัง สีหน้าซ่อนยิ้มไว้ไม่มิด อยู่บ้านตระกูลป่ายมา นานขนาดนี้ เธอไม่เคยเห็นป่ายฉินเป็นห่วงผู้ชายคนไหน มากเท่านี้จริงๆ ถ้าป่ายฉินจะไม่สนใจ ป่ายฉินเองก็คงจะ ไม่นั่งรออยู่ที่ห้องโถงใหญ่

ป่ายฉินได้ยินคำตอบของน้าหรุง จึงทำท่าย่นจมูก แล้วพูดขึ้น”แบบนี้ไม่ดีมั้ง ยังไงซะเขาก็เป็นแขก

“ก็ไม่ดีจริงๆแหละค่ะ”น้าหรุงว่าตาม

หน้าประตูใหญ่ของวิลล่าหวงถิงเป่ย่วนไปจนถึงเขตตัว หมู่บ้าน ระยะทางไกลไม่น้อย ตอนนี้เป็นเวลากลางดึก นอกจากฉินเฟิงแล้ว แม้แต่คนเดินตรวจเวรยามก็ยังไม่ พบ

จู่ๆฉินเฟิงก็หยุดฝีเท้าลง มองไปที่เงาสลัวของคนตรง หน้า “เธอเอง! ”

“ฉันเอง!

ทั้งสองคนช่างรู้ใจกันยิ่งนัก

“ฉันว่าวิลล่าหวงถิงเป่ย่วนเฝ้าเข้มงวดขนาดนี้ นายก็ยัง ลอบเข้ามาได้ ที่แท้นายก็เป็นลูกบ้านของที่นี่นี่เอง ตกลง นายเป็นใครกันแน่ บุกเข้ามาบ้านตระกูลป่ายคิดจะทำ อะไร”แม้ว่านี่เป็นครั้งแรกที่ฉินเฟิงเจอผู้ชายคนนี้ แต่ก็ รู้สึกมักคุ้นด้วยไม่น้อย น่าเสียดายคือ บนหน้าของผู้ชาย คนนี้สวมหน้ากากที่สวยและประณีตอยู่ ก็เลยทำให้ มองไม่เห็นรูปหน้าที่แท้จริงของเขา “ทั้งหมดนี่ ก็เพื่อ นาย! “คนๆนั้นถอนหายใจยาว มองฉินเฟิงด้วยแววตารุ่ม ร้อน”ทหารหมายเลขหนึ่ง จิ้งจอกเงิน! ”
“หยุด! จิ้งจอกเงินจิ้งจอกทองอะไร นายอ่านนิยาย กำลังภายในมากเกินไปหรือเปล่า”ฉินเฟิงทำทีท่า ประหลาด

ชายสวมหน้ากากหัวเราะเสียงลั่น พูดขึ้น “นายไม่ ยอมรับไม่เป็นไร ฉันต้องมาหานายอีกแน่ ฉันคือหน้ากาก เหล็กหนึ่งในสิบทหารองครักษ์ จําชื่อฉันไว้นะ นายจะต้อง แพ้ให้กับฉัน”

ฉินเฟิงเริ่มรู้สึกปวดหัวขึ้นมาตะหงิด ชื่อหน้ากากเหล็ก เขาเคยได้ยินอยู่ แต่ว่าหายตัวไปแล้วไม่ใช่หรือ แล้วจู่ๆ โผล่มาที่นี่ได้อย่างไร

“อย่าทำแบบนี้ ถ้าพูดอีกจะโทรไปที่ชิงซานจริงๆ ด้วย! “ฉินเฟิงพูดขึ้นอย่างจริงจัง

“หนึ่งในสิบทหารองครักษ์แห่งชิงซาน นายยอมรับแล้วสิ ว่าเป็นจิ้งจอกเงิน”ดวงตาของหน้ากากเหล็กเป็นประกาย

ฉินเฟิงกระพริบตาปริบๆพูดอย่างจริงจัง“ฉันหมายถึงโรง พยาบาลบ้าชิงซาน เห็นว่าวิวทิวทัศน์ไม่เลว นายลองไป พักดูสักสองสามวันก็ได้นะ

โรงพยาบาลบ้าชิงชาน!
หน้ากากเหล็กโกรธจนหน้าเขียว แค่นเสียงเย็นชาพูดขึ้น ว่า”ไม่ว่านายจะพูดยังไง ฉันก็ไม่มีทางเชื่อหรอก “จะต้อง มีสักวัน ที่ฉันจะพิสูจน์ได้ว่านายคือจิ้งจอกเงิน

“ตามสบาย! ตอนนี้ฉันจะกลับไปนอน นายก็รีบไปหา หลักฐานแล้วกัน”ฉินเฟิงโบกปัดมืออย่างขอไปที แล้วเดิน อาดๆผ่านตัวหน้ากากเหล็กไป เดินไปทางบ้านตระกูล ป้าย

ด้านหลัง

“ซัด! “จู่ๆหน้ากากเหล็กสูดลมหายใจเข้า บนหน้ากาก ปรากฏสีหน้าแปลกประหลาด “นี่คือกลิ่นคาวเลือดไม่ ผิดแน่ แต่ว่าใครกันนะที่สามารถทำให้จิ้งจอกเงินบาด เจ็บ หรือว่า ฉินเฟิงคนนี้ก็แค่มีฝีมือเหนือมนุษย์ แต่ไม่ได้ เกี่ยวข้องอะไรกับจิ้งจอกเงิน”

ในสายตาของหน้ากากเหล็ก จิ้งจอกเงินนั้นสุดยอดไร้ เทียมทานหาผู้ใดจะเทียบได้แล้ว

จะไม่มีทางได้รับบาดเจ็บแน่นอน

หลังจากที่มาถึงบ้านตระกูลป้าย ฉินเฟิงกำลังจะกดออด พอดี คิดๆดูจึงชักมือกลับ หลังจากที่เดินวนไปวนมารอบ บ้านรอบหนึ่ง จึงกระโจนพรวดขึ้นไปตรงระเบียงชั้นสอง แล้วเปิด
กระจกเข้าไป

ป้ายฉันดูเวลาอย่างกระวนกระวาย พูดขึ้น”แปลกแฮะ ไหนว่าเขากลับมาแล้วไง ทำไมนานขนาดนี้ยังไม่ถึงอีก หลงทางหรือเปล่า ไม่ได้ ฉันต้องออกไปดูหน่อย

“อ่ะแฮ่ม”หลังจากที่ฉินเฟิงได้ยินเสียงของป่ายฉิน จึง กระแอมขึ้นสองที ให้รู้ว่าตนเองอยู่


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ