เทพนักรบ

ตอนที่ 18 เก้าถนน



ตอนที่ 18 เก้าถนน

ตอนที่ 18 เก้าถนน

“ระวัง!”

ในขณะที่ฟางหยูนกับป่ายฉินกำลังฟังฉินเฟิงอธิบายอยู่ นั้น อยู่ๆฉินเฟิงก็ลากพวกหล่อน ผู้ชายคนหนึ่งอายุราว สามสิบกว่าปี พุ่งตัวออกไปอย่างรวดเร็ว ในมือขวาของ เขายังถือกริชเงาแวววาว ที่ขยับขึ้นลงไปมาเหมือนคลื่น ตามการเคลื่อนไหว

“ได้รับบาดเจ็บอะไรหรือเปล่า” ฉินเฟิงรีบถาม เขาเห็น กริชอันนั้นเฉียดแขนป่ายฉินไป

ป่ายฉินจึงยกแขนตนเองขึ้นมาดู พูดอย่างตื่นตระหนก เล็กน้อยว่า “ยังดี ที่ถูกแขนเสื้อขาดแหว่งไปแถบหนึ่ง แต่ ไม่โดนเนื้อ”

“คนร้าย ๆ “พึ่งจะมีคนร้องตะโกนขึ้นมา

ฟางหยูนตั้งสติได้ก็เตรียมที่จะตามชายคนนั้นไป แต่ถูก ฉินเฟิงรั้งเอาไว้ทัน “คุณอยู่ดูแลป่ายฉินที่นี่ ผมตามมันไป เอง”

ถ้าหากผู้ชายคนนั้นเป็นเพียงโจรธรรมดาๆ เขาก็จะไม่ใส่ใจมากขนาดนี้แต่นี่เขาเกือบจะทําร้ายป่ายฉิน ทําให้ เขาโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ต้องสั่งสอนให้เขาได้รับบทเรียน เสียบ้าง

“รู้แล้ว” ฟางหยูนเห็นสีหน้าป่ายฉินยังไม่ค่อยสู้ดีนัก ก็รีบ ตอบรับ

ฟี้ว!

ฉินเฟิงพุ่งตัวออกไปรวดเร็วปานจรวด

เวลานั้นชายคนนั้นวิ่งไปไกลแล้ว ฉินเฟิงตามไปด้าน หลังไม่ทัน แต่สํารวจเส้นทางที่เขาใช้หลบหนี พุ่งตัว เข้าไปในซอยเล็กๆ ถนนในเมืองเหล่านี้ มีการเชื่อมต่อที่ สะดวกสบายมานานแล้ว ตอนที่เขาไปหาสูหู่นั้น เขาได้ สํารวจเส้นทางรอบๆไว้แล้ว จึงรู้จักทุกเส้นทาง

วิ่งไปจนสุดถนนเล็กๆ ฉินเฟิงไม่รีบร้อน แต่รออย่าง เงียบๆ เหมือนกับเสือดาวที่กำลังล่าเหยื่อ

“ยังจะหนีอีก” ฉินเฟิงเสียงทุ้มต่ำ

ผู้ชายคนนั้นมีเพียงกริชอันเดียวพุ่งตัวมา ใบหน้าที่เพิ่ง แสดงออกถึงความดีใจเมื่อครู่ ถูกฉินเฟิงเตะเข้าไปที่เอว ลอยละลิ่วไปกระแทกรั้วข้างถนน ทำให้รั้วบางส่วนหักไป
“โอ้ยๆ !” ผู้ชายคนนั้นพยายามลุกขึ้นจากพื้น แต่กลับไม่ สามารถยืนกายลุกขึ้นได้ แต่เขารู้ดีว่าหากถูกฉินเฟิงจับ ได้ เขาจะต้องเจอกับอะไร ดังนั้นเขาจึงอดทนต่อความ เจ็บปวดนั้น จับกริชที่อยู่ตรงหน้ากวัดแกว่งไปมาพร้อม ตะโกนออกมาอย่างโกรธแค้นว่า

“ถ้าแกไม่อยากตายก็หลบไปซะ”

ความเจ็บปวดทำให้ใบหน้าชายคนนั้นบิดเบี้ยว พูดด้วย ความโกรธแค้นอย่างไรก็ไม่เหมือนข่มขู่สักนิด แต่กลับ ทําให้คนหัวเราะเยาะ

“มาๆๆๆ มาทางนี้เลย ไม่ต้องเกรงใจ”ฉินเฟิงหัวเราะ ชี้ไป ที่หน้าอกตัวเอง จากนั้นก็เดินไปทางชายคนนั้น

“แกเป็นคนเสนอตัวเองนะ”ชายคนนั้นเขวี้ยงกริชนั้นออก

มาจริงๆ

ฉินเฟิงสายศีรษะ มือซ้ายยื่นออกไปคว้มมือของชายคน นั้นล็อคเอาไว้แน่น ออกแรงอีกนิดเสียงดัง “กร๊อก” แขน ขวาของเขาก็บอกผิดรูปไป เหมือนกระดูกหักออกจากกัน

“เพลง”เสียงกริชในมือเขาหล่นลงที่พื้น

“นี่แกกล้าเขวี้ยงออกไปจริงๆหรือ ฉันนับถือแกจริง”เดิมทีหลินเฟิงคิดจะสั่งสอนเขาพอเป็นพิธีแล้วเอาตัวส่ง ให้ตำรวจ แต่ตอนนี้คิดว่าไม่แล้ว

“พลัก”

ฉินเฟิงเตะไปที่เข่าซ้ายของเขา ผู้ชายคนนั้นก็คุกเข่าลง ขาข้างนั้นก็ใช้การไม่ได้แล้ว

ตอนนี้ มีคนบนถนนเริ่มเข้ามามุงรอบๆแล้ว ตอนนี้ผู้ชาย คนนี้อยู่ภายใต้การควบคุมของเขาแล้ว หากเขาลงมือต่อ ก็อาจจะดูไม่ค่อยเหมาะสมนัก

“ถือว่าเป็นโชคดีของแก” ฉินเฟิงแอบพูดเบาๆ

“ถอยไปๆ แกทําอะไรกัน” ชายฉกรรจ์หลายคนฝ่า วงล้อมเข้ามา ตะคอกใส่ฉินเฟิง

ฉินเฟิงก็ไม่ตอบ มือซ้ายกำแน่น ผู้ชายที่คุกเข่าอยู่ที่พื้น ร้องออกมา “อ๊าๆๆๆ” ร้องด้วยความเจ็บปวด

แต่ผู้ชายคนนั้นก็ไม่ได้โง่ ไม่อ้าปากเรียกให้ใครช่วย แต่ก็แอบสำรวจมอง ฉินเฟิงแน่ใจว่าคนกลุ่มนี้เป็นพวก เดียวกัน

“หยุดทะเลาะกันได้แล้ว ๆ” แล้วก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ หนึ่งในชายฉกรรจ์กลุ่มนั้น พยายามเกลี้ยกล่อม คิดจะเข้า ชาร์จทางด้านหลังเขา รอให้ฉินเฟิงหมดอิสระในการ เคลื่อนไหว พวกเขาอยากจะทำอะไรกับเขาก็ย่อมได้

ฉินเฟิงยิ้มอ่อนๆ ใช้ข้อศอกขวากระทุ้งไปที่ใต้ชายโครง ชายคนนั้นก็กลิ้งเป็นลูกน้ำ

เต้าที่พื้นทันที แล้วก็สลบไป

“แก นี่ขนาดบอกให้เลิกแล้วยังจะทำอีก ช่างไม่เคารพ กฎหมายไร้มนุษยธรรมจริงๆ”

ผู้ชายคนทําเป็นแกนนำคนนั้น ถูกมือของฉินเฟิงทำให้ สั่นเล็กน้อย แต่ก็หาโอกาสโจมตีเขาด้วยการส่งสายตาให้ กับพวกที่เหลือ

“หยุดเดี๋ยวนี้ คนที่ถูกจับนั้นเป็นคนร้าย” ฟางหยูนและ ป้ายฉินเดินผ่านฝูงชนที่ห้อมล้อมเข้ามา ป่ายฉินเป็นห่วง ความปลอดภัยของหลินเฟิง ฟางหยูนจึงรีบตามมา

“ที่แท้เป็นคนร้ายนี่เอง ถึงมีกริชตกอยู่ที่พื้น”

“หืม กลางวันแสกๆ ยังกล้าออกมาทำชั่ว ไอ้นี่มันช่างกล้า นักนะ”
บรรดาผู้คนที่มาห้อมล้อมต่างพากันชี้ไม้ชี้มือ ซุบซิบ นินทา มีเด็กหนุ่มสองสามคนที่อยากลองของ กับชายคน นั้นดูหน่อย

“มีใครถูกขโมยอะไรไปบ้าง ออกมาแสดงตัวให้ดู หน่อยสิ” หนึ่งในพวกเดียวกับคนร้าย คนที่เป็นผู้นำคน นั้นใบหน้าเคร่งเครียด แต่ก็ยังขบกรามแน่นหันกลับไป ตะโกนออกมาต่อหน้าผู้คน

“ถ้างั้นใคร…”ฟางหยูนหันกลับไป เพื่อที่จะหาเหยื่อผู้ เคราะห์ร้าย

ใครจะไปรู้ว่าหลังจากที่พวกผู้ชายพวกนี้ตะโกนออกมา หญิงสาวที่ถูกขโมยของกลับออกจากกลุ่มที่มามุงดูอยู่นี้ ไปแล้ว ขนาดกระเป๋าที่ถูกขโมยไปยังไม่ต้องการ หากรู้ อย่างนี้แต่แรก หล่อนก็ไม่ต้องมาตะโกนแบบนี้ ไม่จำเป็น เลยด้วยซ้ำ

..” ฟางหยูนแทบไม่อยากจะเชื่อสายตา นี่มันเรื่อง อะไรกันเนี่ย

แกนนำคนนั้นรู้สึกได้ใจขึ้นมาทันที จึงยิ้มออกมาแล้ว พูดว่า “ตอนนี้แม้แต่เจ้าทุกข์ยังไม่มี คุณจะพูดอะไรก็ได้ ผมแนะนำว่าให้คุณรีบปล่อยคนไปซะ ไม่เช่นนั้นเท่ากับ เป็นการหาเรื่องใส่ตัว” ในคำพูดนั้นฟังออกถึงการข่มขู่ อย่างชัดเจน
ฉินเฟิงหันไปชำเลืองมองผู้ชายคนนั้นแล้วกล่าวว่า “ฉัน พูดตั้งแต่เมื่อไหร่ หูนายคงจะมีปัญหา” ฉินเฟิงต้องยั่วให้ พวกเขาลงมือ จะได้จัการพวกเขาเสียทีเดียว ถ้าไม่ใช่คำ พูดของฟางหยูนมาขัดเสียก่อน ป่านนี้เขาอาจจะจัดการ เรียบร้อยไปแล้วก็ได้

“ดูอะไรกันอยู่ แยกย้ายไปได้แล้ว” ถูกฉินเฟิงสบ ประมาท บรรดาคนกลุ่มนั้นจึงตะโกนใส่ฝูงชน ทำท่าที โหดเหี้ยมน่ากลัว

บรรดาลูกน้องของเขาก็ทำที ดวงตาโตจ้องมองไปที่ บรรดาผู้คนรอบๆอย่างโหดร้ายบ้าอำนาจ

ตอนนั้นเองบรรดาผู้คนที่มามุงกันอยู่นั้น ก็แตกฮือแกไป คนละทิศคนละทาง

หลินเฟิงส่งสายตาบอกฟางหยูน กับป่ายฉินให้ออกไป

ข้างนอก

“พวกคุณสองคน มายืนตรงนี้”ดูท่าเขาจะยังเคืองคำพูด เมื่อครู่ของฟางหยูน ผู้ชายคนที่เป็นแกนนำนั้นเลยได้ โอกาส จึงอยากที่จะให้บทเรียนกับฟางหยูนสักครั้ง

แต่ไม่นาน เขาก็กลับพูดอะไรไม่ออก

ฉินเฟิงยกปลายเท้าขึ้น กริชที่อยู่บนพื้นก็บินพุ่งออกมาจากใบหน้าด้านหนึ่งทะลุไปอีกด้านหนึ่งของผู้ชายคน นั้น ยังไม่ทันจะได้อ้าปาก ถ้าขยับปากนิดเดียว แก้มของ ผู้ชายคนนั้นคงถูกกรีดเป็นแผลแล้ว เป็นความรู้สึกที่ อยากจะร้องออกมาแต่ก็ร้องไม่ออก ต้องลองด้วยตนเอง สักครั้งจึงเข้าใจ

ผู้ชายที่เหลือต่างเบิกตา กำลังลังเลว่าจะถอยออกหรือ อยู่ต่อดี แต่ฉินเฟิงไม่ได้ให้โกาสเขาคิดอีกต่อไป เขาพุ่ง ตัวเขามาตรงกลาง ปล่อยหมัดสองข้างออกไป ทั้งพุ่งทั้ง ชน ทั้งเกี่ยวทั้งตี ประดังเข้ามาพร้อมกัน พวกผู้ชายเหล่า นั้นก็เปรียบเหมือนกระสอบทราย ถูกฉินเฟิงโจมตี ไม่มี แม้แต่โอกาสตอบโต้

“จัดการเรียบร้อย” ฉินเฟิงปัดมือ ท่าทางพออกพอใจ

พวกกระสอบทรายเหล่านั้น ล้มกองระเนระนาดอยู่บน

พื้น

“ดี” เสียงดังออกมาจากฝูงชนซึ่งไม่รู้ว่าเป็นเสียงของใคร ตอนนั้นเองที่เสียงยินดีเริ่มดังขึ้น แม้แต่กลุ่มชายฉกรรจ์ ที่เคยอยากลองของพวกนั้นล้วนออกมา เตะเข้าไปที่พวก คนร้ายที่นอนอยู่ที่พื้น รอจนกว่าตำรวจจะได้รับแจ้ง พวก คนร้ายคงถูกรุมทำร้ายจนแทบไม่เหลือชิ้นดีแล้ว ยังดีที่ ไม่มีอันตรายถึงชีวิต

“คุณนี่จะลงมือหนักมากไปหน่อยหรือเปล่า” คนที่นำกำลังตำรวจมาเป็นหัวหน้ากองสถานีที่ดูแลถนน เศรษฐกิจการค้า ชื่อว่าเซียวจ้าน สายตาคมกริบมอง ปราดเดียวก็รู้ว่าพวกที่นอนบนพื้นนั้นบาดเจ็บสาหัสมา จากฝีมือของฉินเฟิง

ฉินเฟิงโบกไม้โบกมือ ปัดความรับผิดชอบ “ที่พวกเขา เป็นแบบนี้ ไม่ใช่ความดีความชอบของผมแค่คนเดียวนะ”

เซียวจ้านหัวเราะเยาะ พูดว่า “ความดีความชอบเหรอ ถ้า พิจารณาจริงจังนี่ถือว่าเจ็บสาหัสเลยนะ เฮ้อ ผมบอกว่า คุณมือหนักไปหน่อย เพิ่งจะกลับมาจากหน่วยล่ะสิ”

“คุณรู้ดีนี่” ฉินเฟิงผงกศีรษะเบาๆ

ตอนนี้เอง ฟางหยูนเดินมา หลังจากพิสูจน์หลักฐานต่างๆ ชัดเจนแล้ว ก็กระซิบกระซาบกับเซียวจ้าน จากนั้นก็พูด กับฉินเฟิงว่า “ฉันคุยให้แล้ว คุณไปลงบันทึกไว้ก็เป็นอัน เรียบร้อย”

“ได้ ผมพาป่ายฉินไปส่งที่บริษัทก่อน” ฉินเฟิงพยักหน้า แล้วหันไปยิ้มกับป่ายฉิน

รถตำรวจขับไปบนถนนไม่นาน เซียวจ้านก็เรียกให้หยุด รถ แล้วหันกลับไปดู พูดกับฉินเฟิงที่อยู่ข้างๆว่า “ได้ละ คุณกลับไปได้แล้ว” น้ำใจครั้งนี้ของเขาเป็นที่น่าพอใจมาก ปล่อยฉินเฟิงออกมา อาจเป็นเพราะในสายตา เซียวจ้าน สิ่งที่ฉินเฟิงทำนั้นทำให้เขาพึงพอใจ เพราะลำ พังฟางหยูนช่วยออกหน้าก็ไม่น่าจะมีอำนาจมากขนาดนั้น

“ขอบคุณนะ” ฉินเฟิงจะพูดอะไรได้อีก ลงจากรถมา

แต่ไม่นานฉินเฟิงก็ต้องพบกับความผิดหวัง เมื่อรถ ตำรวจจากไปไม่นาน พอเขาหันกลับไปก็พบกับเงาที่อยู่

ในฝันร้าย

“เก้าถนน”

คนที่ได้ยินอยู่ฝั่งตรงข้าม ไม่เข้าใจความหมายของฉัน เฟิง แต่ก็กลัวฉินเฟิงจะเสียหน้าจึงโบกมือให้

“ผู้ชายลามก”

ฉินเฟิงเริ่มรู้สึกไม่ค่อยดีแล้ว ฝืนยิ้มแล้วพูดว่า “ครั้งก่อน เป็นการเข้าใจผิดจริงๆ

“เชื่อคุณก็แปลกแล้ว ถ้าเข้าใจผิดจริงแล้วทำไมคุณก้ม หน้าแล้ววิ่งหนีไปเลย”หลินซีที่มัดผมหางม้าสูง สะพายเป้ มองฉินเฟิงอย่างเหยียดๆ แล้วพูดว่า “ตอนนี้คุณถูกฉันจับ แล้ว ตามฉันกลับเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมซะเถอะ”
“เบื่อที่จะพูดกับคุณจริงๆ” ฉินเฟิงรู้ว่าเรื่องนี้อธิบายให้ กระจ่างยังไง จึงทำได้แต่หลบหลีก เขาไม่เชื่อว่าครั้งนี้จะ หนีคนเหล่านี้จากเก้าถนนที่มาจับเขาได้

ทันใดนั้นเองหางตาของฉินเฟิงก็สัมผัสได้ถึงลำแสงบาง อย่าง พุ่งเข้าหาหลินซีอย่างไม่ต้องคิดมาก ทำให้หลินซี ถูกกดไว้ที่พื้น

กระสุนนัดหนึ่งพุ่งผ่านหลังของฉินเฟิงไป เฉียดไปเพียง นิดเดียว สุดท้ายไปโดนหินที่ปูพื้นถนน

“นี่ คุณทำอะไรเนี่ย รีบปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ ฉันจะร้อง เดี๋ยวนี้” หลินซีตกใจทันที ถ้ารู้แต่แรกก็จะไม่พีโยตี้พาย ขนาดนี้ปล่อยให้เขาแสดงสันดานดิบเถื่อนออกมา

“อย่าขยับ” รับรู้ถึงการดิ้นรนขัดขืนของหลินซี ฉินเฟิง ตะคอกออกมาทําให้หลินซีเงียบเสียง เขามองไปตามแนว กระสุน เริ่มดำเนินการสืบหา แต่ก็หามือปืนไม่เจอ

ทํางานพลาดก็หนีสุดหล้าฟ้าเขียว นักฆ่ามืออาชีพ

ฉินเฟิงหวั่นใจ ลุกขึ้นจากพื้นพร้อมกับดึงหลินซีขึ้นมา ด้วย ก็พบว่าหลินซีนั้นมีน้ำตานองหน้า ประหนึ่งว่าฉินเฟิง ทําอะไรหล่อน

“โอ้ย” ฉินเฟิงปวดหัว จะอธิบายยังไงล่ะทีนี้
ไม่รู้จะหาคำอธิบายที่เหมาะสมอย่างไรจริงๆ ในขณะ ที่ฉันเฝิงกำลังจนปัญญา ทำได้แค่หนีเท่านั้น หวังวาครั้ง หน้าจะไม่ต้องเจอกับยัยเก้าถนนขี้แยนี่อีก ใ นี่คือชื่อ เรียกของหลินซีที่นั่นที่ฉินเฟิงอยู่

แม่แต่ตัวของฉันเฟิงเอง ยังรู้สึกผิดต่อหลินซี เพราะทุก ครั้งที่เจอกันมักจะเกิดเรื่องประเจิดประเจ้อ ทำให้ภาพ ลักษณ์ของฉินเฟิงนั้นยิ่งดูย่ำแย่ลงไปอีก

“คุณหนู เป็นอะไรรึเปล่าครับ” หลังจากที่ฉินเฟิงจากไป ไม่นาน บรรดาคนรับใช้หล่อนก็มาปรากฏตัวต่อหน้าหลิน

หนึ่งในนั้นมีแววโหดเหี้ยม พูดว่า “คุณหนู ใครทำให้คุณ หนูร้องไห้ บอกผม ผมจะไปจัดการมันให้”

“เรื่องนี้พวกแกไม่ต้องยุ่ง” หลินซีกลั้นน้ำตา จ้องไปทาง ที่ฉินเฟิงจากไปอย่างโกรธแค้น พร้อมพูดเบาไปว่า “ไอ้บ้า กาม คราวหน้า ฉันจะต้องจับแกให้ได้ ถึงเวลาคิดบัญชีทั้ง ใหม่และเก่ารวบยอดเลย”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ