เทพนักรบ

บทที่ 11 ฟางหยูน



บทที่ 11 ฟางหยูน

บทที่ 11 ฟางหยูน

หลังจากที่ฉินเฟิงโดนพาลงจากรถตำรวจ กาวหลินจีง โบกมือไล่ ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจที่นั่งรถตำรวจคันเดียวกับ ฉินเฟิงออกไป ต่อจากนี้เป็นจุดไคลแมกซ์ของเรื่องแล้ว เกิดเรื่องอื้อฉาวไม่น้อย เขาเองก็ไม่ยอมลงให้ใครเหมือน กัน

เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจสามคนได้ฟัง จึงเข้าใจและผละตัว

ออกไป

ในบรรดานั้น มีเจ้าหน้าที่ตำรวจหน้าขาวคนหนึ่งยังโอ้เอ้ ไม่ยอมจากไป เหมือนกับว่าอยากจะพูดอะไร แต่ก็โดนอีก สองคนดึงออกไป

“นั่งลง! “กาวหลินตะคอกเสียงดัง

ท้ายที่สุดฉินเฟิงถูกพาไปยังห้องว่างห้องหนึ่งที่ใช้ สำหรับเข้าเวร ในห้องนั้นมีเก้าอี้ที่ผุพังอยู่เพียงสองสาม ตัว บนเก้าอี้เหล่านั้นฝุ่นเกาะเต็มไปหมด

“หึหึ” ฉินเฟิงแค่นเสียงหัวเราะเย็นชา กาวหลินคนนี้ช่าง บังอาจจริงๆ ขนาดห้องสอบสวนก็ยังไม่ยอมให้เขาเข้า ชักเริ่มมีกลิ่นของการเอาเรื่องส่วนตัวมาปะปนกับเรื่อง ของทางการละ แน่นอนว่าการทำแบบนี้ก็มีผลดีเหมือนกัน ซึ่งก็คือจะไม่มีการทิ้งหลักฐานการบันทึกใดๆ ไว้ทั้งสิ้น และแม้แต่การตรวจสอบจะไม่เกิดขึ้น

เมื่อกาวหลินเห็นสถานการณ์ จึงแสยะยิ้มแล้วกล่าว ว่า”เพื่อน แกคงไม่โทษฉันหรอกใช่ไหม ใครให้แกไป แหย่โดนคนที่ไม่สมควรแหย่เข้าเล่า รอให้อีกฝ่ายระบาย อารมณ์จนสะใจก่อนแล้วกัน ฉันค่อยช่วยพูดให้แก

“แล้วกันไปงั้นเหรอ ไม่มีทางแล้วกันไปหรอก ฉันจะจอง เวรกับมันไม่จบสิ้น

ในเวลานี้เอง ชายหน้าตอบปากแหลมคนหนึ่งก็บุกพรวด เข้ามา ตัดบทสนทนาของกาวหลิน ชี้หน้าฉินเฟิงแล้ว พูดว่า“ไอ้หนุ่ม คิดไม่ถึงใช่ไหมว่าเราจะได้เจอกันอีกเร็ว ขนาดนี้ ยังจําฉันได้ไหม”

“จำได้สิ แกมันก็ไอ้ลิงที่โดนฉันเตะตูดโด่งไปเมื่อคราว นั้นไง ทําไม ไม่ทันไรก็คิดถึงหมัดของฉันแล้วเหรอ”เมื่อ เห็นคนที่มาคือหยวนโหว ฉินเฟิงจึงรีบได้สติขึ้นมาทันที

“จุ๊ๆๆ มาถึงขั้นนี้แล้ว แกยังจะกล้าปากดีอีกเหรอ ช่าง ไม่รู้จักความเป็นความตายเสียจริง อยากจะให้ฉันอัดแก น้อยลงสักหมัดก็ไม่ได้”หยวนโหวแกว่งหมัด แต่แค่แกว่ง หมัดยังรู้สึกสะใจไม่พอ จึงปล่อยกำปั้นลงไปบนใบหน้า เจ้าหน้าที่ตำรวจคนหนึ่ง
เจ้าหน้าที่ตํารวจคนนั้นตะลึงงัน มองไปทางกาวหลิน กาวหลินพยักหน้าเล็กน้อย แต่ไม่ได้พูดอะไร

ดังนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจคนนั้นจึงปล่อยกระบองที่เหน็บ เอวใส่หยวนโหว

“ที่นี่คือสถานีตำรวจ พวกแกจะกำแหงกันขนาดนี้เชียว หรือ” ฉินเฟิงแสดงสีหน้าหนักอึ้ง คิดไม่ถึงว่าพวกเขาจะ บ้าระห่ำากันได้ถึงขั้นนี้ เขารู้เรื่องการใช้กระบองเป็นอย่าง ดี ถ้าลงมือหนักหน่อย ก็อาจจะเล่นเอาอีกฝ่ายถึงตายได้

หยวนโหวหัวเราะฮาลั่น พูดขึ้นว่า “ เป็นยังไง กลัวหรือ ยัง คุกเข่าขอร้องฉันสิ ”

ในเวลาเดียวกัน เฉินฉีก็ได้รับข่าวไม่ดี

“ไม่มีข่าวคราวของฉินเฟิงเลย สงสัยจะโดน’เก็บไป แล้ว”เฉินฉีแอบด่าขึ้นมาทีหนึ่ง รู้อย่างนี้ขวางคนพวกนั้น ไว้ซะตั้งแต่ทีแรกก็ดี ดีที่ว่ายังจํารหัสของหัวหน้าตำรวจ คนนั้นได้ แป๊บเดียวก็ตรวจสอบได้แล้วว่ามาจากสถานี ตำรวจใหญ่ เขาจึงรีบขับรถเก๋งสีแดงวิ่งไป

“ที่รัก เพิ่งเจอหน้ากันเมื่อวานเอง ตอนนี้คิดถึงฉันอีกแล้ว เหรอ”ฟางหยูนรับโทรศัพท์ของป่ายฉิน พูดพลางหัวเราะ คิกคัก
“ตอนนี้ไม่มีเวลามาพูดเล่นกับเธอนะ ฉินเฟิงโดนคนที่ สถานีตำรวจพาตัวไป”ป่ายฉินนั่งอยู่ในห้องทํางาน แต่ก็ ยังไม่สามารถวางใจได้ แม้ว่าเฉินฉีน่าจะแก้ปัญหาได้ แต่ เธอคิดว่าควรเพิ่มหลักประกันไว้อีกชั้นดีกว่า

ฟางหยูนขานรับ“อ่อ” ขึ้นมาทีหนึ่ง แล้วถามว่า ” เกิด อะไรขึ้นเหรอ”

สำหรับเรื่องที่ฉินเฟิงเกิดเรื่อง ฟางหยูนไม่รู้สึกแปลกใจ เลยแม้แต่น้อย เพราะเธอเองก็เคยลิ้มรสกับความไม่เอา ถ่านของฉินเฟิง แถมยังต้องแลกจูบแรกของตัวเองออก ไปอีกด้วย คิดมาถึงตรงนี้ เธอก็อดไม่ได้ที่จะให้ฉินเฟิงได้ รับบทเรียนเสียบ้าง แต่พอคิดอีกที ถ้าจะแก้แค้นต้องให้ ตัวเธอเองเป็นคนลงมือถึงจะถูกสิ

“เมื่อกี้ฉันตรวจสอบมาแล้ว เขาโดนคนที่ชื่อกาวหลิน ของสถานีตำรวจใหญ่พาไป แต่ไม่รู้สาเหตุที่แน่ชัด เธอ ช่วยฉันจับตาดูหน่อย”ในใจของป่ายฉินเองก็รู้สึกสับสน งุนงงเองเช่นกัน เรื่องที่เจอเมื่อกี้เห็นได้ชัดเป็นการจัดฉาก ไม่ว่าฉินเฟิงจะออกโรงหรือไม่ ผลลัพธ์ก็เหมือนกัน

“กาวหลินเหรอ”ในใจของป่ายฉินโดนสะกิดขึ้น หรือว่า จะเป็นการแก้แค้นจากไอ้ลิงบ้าตัวนั้น จึงพูดเปรยขึ้นว่า “ ได้ ฉันจะไปดูเดี๋ยวนี้แหละ รับรองว่าจะคืนผัวที่ไร้ตำหนิ คนเดิมกลับมาให้เธอ”
ไอ้บ้า ” ป่ายฉินวางหูโทรศัพท์ลง ใบหน้าแดงก่ำขึ้น แม้แต่ตัวเธอเอง ก็ยังไม่ค่อยเข้าใจ ว่าเธอมีความรู้สึก อะไรต่อฉินเฟิงกันแน่

หลังจากที่วางหูโทรศัพท์ สีหน้าของฟางหยูนก็หมอง คล้าลงทันที จากนั้นจึงเดินฉับๆออกไป

ไม่นาน ฟางหยูนก็ตรวจสอบออกมาได้อย่างชัดเจน ว่า คนไหนบ้างที่ตามกาวหลินออกไป จากนั้นเธอจึงเข้าไป ขวางเจ้าหน้าที่ตำรวจหน้าด่าในจังหวะแรก แล้วตะคอก ใส่ว่า ” กาวหลินพาคนไปไหนแล้ว”

นํารวจหน้าด่าตกตะลึง แล้วจึงรู้สึกตัวกลับมาทันควัน พูดขึ้นว่า “ หลังจากที่เข้าไปในสถานีตำรวจใหญ่แล้ว ผม ก็โดนแยกตัวออกมา แต่ว่า ผมเห็นว่าพวกเขาเดินตรงไป ที่ห้องเข้าเวร”

“ถ้าฉินเฟิงไม่เป็นอะไรก็แล้วไปเถอะ ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับ เขาแม้แต่น้อย แกก็อย่าหวังว่าจะรอดเลย”ฟางหยูนก็ไม่ ไว้หน้าเขาเหมือนกัน เธอพรวดพราดไปตามทิศทาง น

ในฉากนี้ มีนายตำรวจเก่าแก่ ผมเริ่มขาว อายุราวๆสี่สิบ คนหนึ่งเห็นเข้า จึงเรียกนายตำรวจหน้าดำไว้ถามขึ้น “ เกิดเรื่องอะไรขึ้น เสี่ยวฟางมีอะไรเหรอ”
“หัว……หัวหน้า”นายตำรวจหน้าดำโอดครวญ คิดไม่ ถึงว่าจะเจอหลิวสูนผู้เป็นหัวหน้าตำรวจเข้า

หลิวสูนเป็นนายตำรวจเก่าแก่คนหนึ่ง พอสอบถามเรื่อง ราวนิดหน่อย ก็รู้ได้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น จึงพูดขึ้นว่า “ ไม่ ต้องพูดมาก แกรู้อะไรมารีบบอกให้ฉันฟัง ไม่อย่างนั้น…….

“วันนี้กาวหลินพาเราไปจับคนๆหนึ่งกลับมา ฟางหยู นน่าจะไปหาเขานั่นแหละ”นายตำรวจหน้าดำกัดฟัน กรอด ไหนๆก็พูดออกมาแล้ว ก็ไม่ต้องกลัวแล้วจึงพูดออก มามากอีกหน่อย”ข่าวว่าเป็นคำสั่งของรองผู้กำกับการ หัวหน้าเห็นว่าอย่างไรครับ…….

“กาวจุ้น! “หลังจากที่หลิวสูนได้ยิน ก็รู้สึกตะลึงเล็กน้อย แต่หลังจากนั้น เขาจึงโบกมืออย่างเด็ดขาด พูดขึ้นว่า “

ถ้าอยากจะทำคุณไถ่โทษก็ตามฉันมา”

แม้ว่านายตำรวจหน้าดำจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นภายใน แต่ตอนนี้ก็ไม่มีทางเลือกอื่น จึงไล่ตามหลิวสูนไป

ในห้องเข้าเวรที่ถูกทิ้งร้าง

หยวนโหว หู่เกอ รวมไปถึงคนอินดี้ ทั้งสามคนกำลังรุมล้อมฉินเฟิงอยู่

กาวหลินสั่งให้ตำรวจสองสามนายที่ไว้ใจและติดตามมา ด้วยถอยไปอยู่ข้างๆ ไม่ได้ให้เข้าร่วม

เรื่องนี้ทำให้ฉินเฟิงค่อนข้างพูดไม่ออก ไม่ว่าจะเป็น หยวนโหว หรือว่าหูเกอรวมไปถึงคนอินดี้ พวกเขาทั้งสาม ก็ไม่ได้เสียเปรียบอะไรเลย ในเมื่อตอนนี้กล้าบุกเข้ามา ถึงประตู

บ้าน ก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดีจริงๆ

“ไอ้หนู เมื่อกี้แกกร่างมากไม่ใช่เหรอ ตอนนี้หูเกอจะสั่ง สอนแกหน่อย ว่าดอกไม้ทำไมเป็นสีแดงแบบนี้”ใบหน้า ของหูเกอแดงก่ำ แถมยังมีสิวพุพองสองสามเม็ด ยิ่งทำให้ ใบหน้าดูเจ้าเล่ห์มากยิ่งขึ้น

เขาพุ่งเข้าไป แกว่งหมัดออก ตรงตามเป้า หูเกอแสยะ ปากออก เตรียมยิ้ม

แต่ฉินเฟิงยื่นมือซ้ายออกไป บีบกำปั้นของหูเกอไว้ ออกแรงกด หมัดของหูเกอก็บิดเบี้ยวผิดรูปผิดรอย ไม่ สามารถยืนตัวตรงได้ ฉินเฟิงยกเท้าซ้ายขึ้น กระทืบลงไป บนน่องของหูเกอ

กร๊วบ ” กระดูกน่องขาช่างบอบบางเหลือเกิน
“โอ๊ยยยย….. เกอร้องเสียงโหยหวนทรมานราวกับสัตว์ ตัวหนึ่ง เขากุมมือ ล้มลงไปบนพื้น ในครั้งนี้ เขาตะกายขึ้น มาไม่ไหวเลยแม้แต่น้อย

คนอินดี้ตกใจร้องเสียงหลง กำลังจะล่าถอย แต่โดนฉิน เฟิงกวดไล่ทัน ศอกขวากระแทกลงบนใบหน้าของคนอิน เต็มๆ

“ผัวะ! ” ดั้งจมูกของคนอินดี้ยุบลงไปในทันที เลือดสดๆ ทะลัก น้ำตาก็พรั่งพรูออกมาจากเบ้าตาทั้งสองอย่างหยุด

ไม่ได้

“ เป็นไงล่ะ เมื่อกี้จะไปก็ไปได้แท้ๆ ก็ยังจะดันทุรังตามมา แบบนี้ไม่เรียกว่ารนหาที่แล้วจะเรียกว่าอะไร”ฉินเฟิงส่าย หน้า ไม่ได้แยแสเศษสวะสองตัวนี้เลยแม้แต่น้อย แล้วจึง เดินตามหยวนโหวไป

ท่าทางวางก้ามของฉินเฟิง ทำให้หยวนโหวเองก็ต้องล่า ถอยไปด้วย

หยวนโหวก๋ากระบองในมือไว้แน่น ราวกับว่าเป็นที่ยึด ความกล้าหาญไว้ได้หน่อยหนึ่ง แล้วคำรามเสียงดังว่า “ ที่นี่คือสถานีตำรวจ กล้าทำร้ายร่างกายคนแบบนี้ ยังเห็น กฎหมายอยู่ในสายตาหรือเปล่า”

“หีห์”ฉินเฟิงตอบกลับ
จากนั้นจึงพุ่งขึ้นหน้า ใช้มือเปล่าฉกกระบองจากมือของ หยวน โหวมาได้

“อ๊าก….หยวนโหวกุมข้อมือ ส่งเสียงร้องโหยหวนด้วย ความเจ็บปวด

“ไม้กระบองมันต้องเล่นอย่างนี้โว้ย”ฉินเฟิงทำทีท่า ประหนึ่งครูอบรมศิษย์ ฉับพลันกระบองจึงตวัดยื่นออก มาอีกที กวัดแกว่งไปโดนข้อต่อขาซ้ายของหยวนโหวเข้า หยวนโหวไม่ทันแม้แต่จะมีปฏิกิริยาตอบสนอง จึงคุกเข่า ลงไปอยู่บนพื้นทั้งตัว เสียงดัง “โครม”

“อ๊ากกก……..กกก….ทั้งข้อมือและขารู้สึกเจ็บแปล๊บ ขึ้น ทำให้หยวนโหยวคลุ้มคลั่งขึ้นไปอีก คำรามเสียงก้อง ขึ้นทีหนึ่ง”กาวหลิน ยังไม่รีบมาช่วยฉันอีก ถ้าฉันตายแกก็ จบเหมือนกัน”

“ผัวะ! “ฉินเฟิงทุบไม้กระบองลงไปบนเอวของหยวน โหว หยวนโหวกลายเป็นน้ำเต้าที่ลงไปเกลือกกลิ้งกับพื้น ทันที

ในเวลานี้ กาวหลินและนายตำรวจสองสามคนล้อมเข้า

มา

“ไอ้หนู ทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ตำรวจมีโทษหนักนะ แก มั่นใจว่าแกรับไหวเหรอ”กาวหลินเองก็ยังรู้สึกหวาดเกรงฝีมือของฉินเฟิงอยู่บ้าง จึงได้ใช้แต่ตำแหน่งมาขู่ฉิน เฟิง

“โทษหนักขนาดนี้ฉันคงรับไม่ไหวแน่”สีหน้าของฉัน เฟิงดูสบายอารมณ์ เขาส่ายหัว แล้วจู่ๆก็ยิ้มขึ้น แล้วพูด ว่า”โชคดีที่พวกแกหาสถานที่ดีขนาดนี้ให้ฉัน ต่อให้ซ้อม พวกแกแล้ว ใครจะไปรู้

กาวหลินเองก็เป็นคนโหดร้ายไม่เบา เขากัดฟันกรอด พูดขึ้น”คนๆนี้จับกุม ทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ตำรวจ จับ มันซะ”ต่อให้สองสามคนนี้เอาฉินเฟิงไว้ไม่อยู่หมัด แต่ แค่มีข้อหาให้จับกุมฉินเฟิงโทษฐานที่ทำร้ายร่างกายเจ้า หน้าที่ตำรวจ เรื่องอื่นๆก็จะง่ายขึ้นมาก

สิ่งที่น่าเสียดายคือ ฉินเฟิงกลับไม่รู้สึกสะทกสะท้านกับ เรื่องนี้เลย

“มา วันนี้ฉันจะเล่นกับพวกแกเอง”เมื่อต้องเผชิญหน้ากับ เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ถือไม้ตะบอง ฉินเฟิงล่าถอยแล้วก็รุด ขึ้นหน้า ทำราวกับไม้ตะบองในมือเป็นกระบี่ที่ร่อนไปมา บนตัวเจ้าหน้าที่ตำรวจพวกนี้อย่างไรอย่างนั้น

“ผัวะ! ”

“ป้าบ!
“ตุ้ง!

ไม่มีใครที่หลังจากโดนฉินเฟิงซ้อมแล้ว จะยังคงยืนอยู่ ได้ ต่างก็หมอบราบลงกับพื้นทั้ง

สิ้น แต่ฉินเฟิงกลับไม่เคยปล่อยพวกเขาไปง่ายๆแบบนี้ หรอก ไม้ตะบองที่กวัดแกว่งทำให้คนพวกนี้รู้สึกเจ็บปวด ได้มากเพียงพอ แต่ก็ไม่ถึงขั้นบาดเจ็บสาหัส ก็แค่อัดลง ไปทีเดียวก็เท่านั้น

ในชั่วพริบตา ที่แห่งนี้ก็กลับกลายเป็นเหมือนป่าดงดิบที่ เต็มไปด้วยเสียงร้องคำ

รามโหยหวนของสัตว์ป่า

“หยุด….หยุดได้แล้ว….…..” ในฐานะที่เป็นหัวโจก แน่นอน ว่าหยวนโหวจะต้องโดนหนักที่สุด เขาเกลือกกลิ้งไปมา อยู่บนพื้น พร้อมกับร้องขอชีวิต ความยโสและโอหังที่ แสดงออกมาก่อนหน้า ได้มลายหายไปในพริบตา

“ห้ามขยับทั้งหมดนั่นแหละ ยกมือขึ้น ไม่อย่างนั้นฉันยิง” ทันใดนั้น เสียง“โครม”ดังขึ้น ประตูของห้องเข้าเวรถูกถีบ ออกอย่างแรง ฟางหยูนผู้ซึ่งในมือถือปืนสั้นบุกทะลวงเข้า มาอย่างเท่

“เอ่อ…” แต่หลังจากที่เธอเห็นสภาพห้อง เธอเองก็ไม่รู้ว่าควรจะไปต่ออย่างไร

“ไฮ้ คนสวย เราเจอกันอีกแล้วนะจ๊ะ” ฉินเฟิงโยนกระ บองในมือขึ้นกลางอากาศ แล้วโบกมือให้กับฟางหยูน

“ไอ้สถุน ” ฟางหยูนกลอกตาขาวขึ้น พูดด้วยท่าเสีย อารมณ์

หัวหน้าหลิวสูนกับนายตำรวจหน้าดำตามเข้ามา มองดู สภาพคนกองระเนระนาดอยู่ต่อหน้าต่อตา กาวหลินเอง แม้ว่าอาจจะไม่ได้เป็นคนที่มีความประพฤติดีสักเท่าไหร่ แต่ว่าก็เป็นคนที่มีฝีมือพอตัว ไม่อย่างนั้นก็คงไม่สามารถ เลื่อนขึ้นมาเป็นรองผู้กำกับได้หรอก

แต่ว่าสภาพกาวหลินในตอนนี้ เขานอนกอดเข่าคุดคู้ เกลือกกลิ้งอยู่บนพื้น มันก็ออกจะดูแปลกตาเกินไปหน่อย

“ก๊ากกก!” ฟางหยูนอดขำออกมาไม่ได้ แล้วพูดขึ้น “ เธอว่าถ้าถ่ายภาพนี้เก็บไว้แล้วโพสต์ลงเน็ต ยอดกดไลค์ น่าจะเยอะเนอะ”

“อ่ะแฮ่ม เสี่ยวฟาง เรื่องแบบนี้ล้อเล่นไม่ได้นะ”หลิวสูน กุลีกุจอเข้าไปห้าม ถ้าเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นมาจริงๆ เขาผู้ซึ่ง เป็นหัวหน้าก็คงจะต้องเดือดร้อนตาม
ฉินเฟิงเองก็ไม่อยากจะอาละวาดจนกลายเป็นเรื่องใหญ่ จึงพูดกับหลิวสูนว่า “เรื่องในนี้พวกคุณคงจะเข้าใจชัดแล้ว นะ ฉันมีเรื่องอยากจะขอแค่เรื่องเดียว ต่อไปอย่าให้คน พวกนี้มาปรากฏตัวต่อหน้าฉันอีก ไม่อย่างนั้นจะคิดบัญชี รวม”

หลิวสูนตบอกแล้วพูดขึ้น “ ขอแค่ฉันยังอยู่ในสถานี ตำรวจ เรื่องแบบนี้จะไม่เกิดขึ้นอีก”นับตั้งแต่ต้นเรื่องจน ท้ายเรื่อง แม้แต่สถานภาพของฉินเฟิงเขาเองก็ยังไม่ได้ เอ่ยปากถาม เขาก็เลือกได้แล้วว่าจะต้องอยู่ฝ่ายไหน

ส่วนเรื่องทำร้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจอะไรนั่น หลิวสูนไม่ เพียงแต่จะไม่เอ่ยถาม แม้แต่พวก

คนที่กองระเนระนาดอยู่บนพื้น เขาก็ไม่ยอมพูดถึง ดู จากสภาพการณ์ตอนนี้ ถ้าฉินเฟิงจะ

เอาเรื่องให้ได้ พวกเขาก็คงจะไม่มีใครได้จบลงแบบสวย แน่นอน

ในตอนที่เฉินฉีรีบรุดมาถึงหน้าประตูสถานีตำรวจ ก็เห็น ฉินเฟิงกับฟางหยูนเดินพูดคุยหัวเราะกันออกมาแล้ว เขา ตะลึงอ้าปากค้างจนคางแทบจะแตะพื้น


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ