เทพนักรบ

ตอนที่ 9 ร้านเก่าแก่ร้อยปี



ตอนที่ 9 ร้านเก่าแก่ร้อยปี

ตอนที่ 9 ร้านเก่าแก่ร้อยปี

ฉินเฟิงตื่นตัวอยู่ตลอดเวลาจนถึงฟ้าสว่าง ไม่ได้มีเรื่อง อื่นเกิดขึ้นอีก

“ถ้าหาวิธีหาคนนั้นออกมา ไม่นั้นก็จะกังวลอยู่อย่างนี้ก็ ไม่ดี”ฉินเฟิงเอาหัวนอนทับสองมืออยู่บนเตียงมองไปที่ เพดานคิดไว้ในใจ

เวลานั้นวุ่นวายเกินไป ฉินเฟิงยังไม่ทันคิดเยอะขนาด นี้ แต่พอได้ผ่านการทบทวนมาทั้งคืน เขาได้รู้สึกว่าตอน ที่คนนั้นลงมือเหมือนมีอะไรติดค้าง ไม่เหมือนการต่อสู้ เพื่อเอาเป็นเอาตายอย่างจริงจัง ถ้าไม่นั้นตัวเขาอาจไม่ สามารถทำให้เขาได้รับบาดเจ็บได้ง่ายขนาดนี้

คิดเยอะก็ไม่มีประโยชน์ เมื่อได้ยินป่ายฉินตื่นมาลง บันไดแล้ว ฉินเฟิงก็ได้ล้างหน้าด้วยน้ำเย็นค่อยเดินออก ไปอย่างไม่เร่งรีบ

“เสี่ยวฉิน รีบมาทานอาหารเช้าเลย” เมื่อน้าหรุงเห็นฉิน เฟิงก็รีบดีใจโบกมือให้มา

“ไปก่อนนะ”เมื่อเห็นฉินเฟิงออกมา ทันใดนั้นหน้าของ ป่ายฉินก็ได้แดงขึ้นยืนขึ้นเดินออกไปขนาดอาหารเช้ายัง ไม่กินเลย เพราะรีบเดินไปเกือบทำเก้าอี้ล้ม พอเป็นแบบนี้หน้าของเธอก็แดงกว่าเต็ม

ป้ายฉินไม่หันหัวกลับมาและพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเล็กน้อย ว่า “เดี๋ยวมีคนของวิลล่าหวงถิ่นเป่ย่วนจะมา เธออยู่ต่อ จัดการเรื่องที่บ้าน ไปบริษัทสายหน่อยไม่เป็นไร

พูดจบก็รีบเดินออกไปเลย

ฉินเฟินรู้สึกมีอะไรแปลกๆ เดินมาที่โต๊ะอาหารแล้วนั่งลง ถามว่า”น้าหรุง หลอนนี่เป็นอะไรหรือ?”

น้าหรุงใส่หัว ยิ้มอ่อนๆพูดว่า”ก็เป็นเพราะเธอนั้นละ?

“ฉัน?”

“ใช่แล้ว คุณหนูต่อหน้าคนนอกก็จะให้เห็นว่าเป็นคนเข้ม แข็งมาตลอด แต่เมื่อวานไปร้องไห้ต่อหน้าเธอไปก็จะมี ความรู้สึกอายเล็กน้อยเป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้ว รอผ่าน ไปสักพักก็จะหายไป”พอน้าหรุงพูดถึงตรงนี้ก็ถอนหายใจ พูดว่า “คุณหนูเป็นคนน่าสงสาร ต่อจากนี้ไปเธอต้องดูแล หลอนดีๆนะ”

“อืม “ฉินเฟิงตอบอย่างไม่ตั้งใจ ตอนนี้ความสัมพันธ์เขา กับป่ายฉินติดอยู่ในเส้นใต้บางๆ เรื่องของหลังจากนี้ยังไม่ สามารถพูดให้มันชัดเจนเลยจริงๆ
ฝีมือของน้าหรุงตีจนฉินเฟิงกินโจ๊กไปสามถ้วยใหญ่ๆถึง จะวางตะเกียบอย่างเต็มใจ

ในเวลาเดียวกัน เสียงกระดิ่งประตูได้ดังขึ้น หลังจา กน้าหรุงเปิดประตูแล้วเดินเข้ามาสามคน คนที่เดินหน้า ใส่เสื้อสูทสีขาวยืนตัวตรง บนดั้งจมูกมีแว่นขอบสีทอง ห้อยไว้ได้ช่วยปกปิดสายตาที่ดุ ด้านหลังของเขามีชาย ร่างใหญ่แต่งตัวเหมือนบอดี้การ์ดอีกสองคน น่าจะเป็น พนักงานรักษาความปลอดภัยของวิลล่าหวงถิ่นเป่ย่วน

“ประธานป่ายอยู่ไหม?”ชายที่สวมแว่นยิ้มเล็กน้อยถาม กับฉินเฟิง

“ท่านนี้คือคุณฉิน พวกเธอคุยกับเขาได้เลย”น้าหรุงยืน อยู่ด้านข้างขมวดคิ้ว แสดงว่าไม่ค่อยยินดีจะเจอชายที่ สวมแว่นคนนี้

ชายที่สวมแว่นอึ้งไป แต่ก็ยังเดินมาทางฉินเฟิง มอง ฉินเฟิงด้วยท่าทางมองจากด้านบนมองไปด้านล่าง ถาม ว่า “เธอคือคุณฉินหรือ? ไม่รู้ว่าเธอเป็นอะไรกับประธาน ป้าย?”

เมื่อฉินเฟิงได้ยินประโยคนี้ก็รู้เลยว่าเป็นอีกคนหนึ่งที่จะ มาจีบป่ายฉิน แน่นอนเลยที่จะต้องชักสีหน้าใส่ พูดว่า”มี เรื่องอะไรก็คุย ถ้าไม่มีก็รีบใส่หัวไปเลย ฉันยุ่งมาเลยรู้ ไหม วันนี้ไม่มีเวลามาคุยเล่นกับเธอ”
“ฉันเป็นคนดูแลของวิลล่าหวงถิ่นเป่ย่วนหลินเช่อ จะมา ตรวจสอบเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ หวังว่าคุณฉินให้ความ ร่วมมือ”รอยยิ้มบนใบหน้าของชายสวมแว่นหลินเบ่อหยุด สักพัก แต่ก็ยังอดทนไว้และพูดเข้าประเด็น

“ตรวจสอบ?ไม่ใช่มาขอโทษหรือ?”ฉินเฟิงพูด วิลล่าหวง กินเป่ยวนมีชื่อเสียงโด่งดังในเมื่องซีจิง แต่มีเรื่องเกิดขึ้น ว่าเจ้าของบ้านโดนโจมตี ถ้าข่าวกระจายออกไปก็ไม่ใช่ เรื่องล้อเล่นแล้ว

หลินเชอพยักหน้า พูดว่า”รอให้หลังจากได้การตรวจ สอบแล้ว ทางเราจะให้คำตอบแน่นอน

“น้าหรุงพาพวกเขาขึ้นไปดู”ฉินเฟิงพูดกับน้าหรุงโดยไม่ ลังเ

หลินเล่อโบกมือให้กับบอดี้การ์ดด้านหลังสองคน ให้ พวกเขาตามน้าหรุงขึ้นไปที่ชั้นสองไปตรวจสอบสถานที่ เกิดเหตุ

“เมื่อคืนคุณฉินได้มีการต่อสู้กับฝ่ายตรงข้าม ไม่รู้ว่า สามารถให้หลักฐานอะไรบ้างไหม?”หลินเซ่อมองไป ทางฉินเฟิงอย่างน่าสงสัย เพราะดูเหมือนฉินเฟิงเป็นคน ธรรมดาเกินไปดูไม่ออกว่าเป็นคนยอดฝีมือ

“ฉันไม่มีอะไรจะพูด เธอสามารถไปถามกับอาลี่ เขาอาจจะเห็นหน้าตาของฝ่ายตรงข้าม”ฉินเฟิงใส่หัว ไม่ใช่ ไม่ให้ความร่วมมือ เป็นเพราะคิดอะไรไม่ออกจริง ๆ

จากนั้นหลินเช่อก็ได้เดินไปทางห้องของอาลี่

ฉินเฟิงมองสังเกตด้านหลังของหลินเช่ออย่างเงียบๆ ดูท่าทางแล้วเขาคุ้นเคยกับที่นี่ หรือว่าเป็นเพราะอาลี่ มีชื่อเสียงในวิลล่าหวงถิ่นเป่ย่วน สิ่งที่ทำให้ฉินเฟิงรู้สึก ประหลาดใจคือ ตำแหน่งของอาลี่บอกว่าเป็นคนขับรถ และบอดี้การ์ด แต่เหมือนไม่ค่อยที่จะออกหน้า ไม่รู้ว่าใน ตรงนี้มีเรื่องอะไรปิดปังอยู่

บ้านตระกูลป่ายเหมือนอยู่ในหมอกโดนปังไว้

อันที่จริง การตรวจสอบอย่างนี้เป็นแค่ทำตามขั้นตอน จะตรวจอะไรออกมาได้ที่ไหน

ไม่นาน หลินเช่อและบอดี้การ์ดอีกสองคนก็ได้กลับมาที่

ห้องรับแขก

“สิ่งที่แน่ใจได้คือมีคนบุกเข้ามา รอให้มีความคืบหน้า แล้วฉันจะมาอีกครั้ง”หลังจากหลินเช่อพูดคำนี้ไว้แล้วก็ เดินออกไปเลย

ฉันเฟิงกะพริบตา แบบนี้ก็จบแล้วหรือ? รู้ว่าเป็นอย่างนี้ เขาจะไม่ได้นั่งรอตรงนี้
“ได้แล้ว เรื่องในบ้านมีฉันดูแลอยู่ เธอไปบริษัทได้ แล้ว”น้าหรุงก็ได้ออกคำสั่งไล่แล้ว ผลักฉินเฟิงไปทางประ ตูตรงๆ

ฉินเฟิงยิ้มแบบไม่มีทางเลือกได้แต่เดินออกไป

รอให้เขามาถึงหน้าประตูวิลล่าหวงถิ่นเป่ย่วนถึงจะรู้ว่า มีปัญหา ไม่ใช่ว่าตัวเองจะต้องเดินออกไปแบบนี้หรือ? วิลล่าหวงถิ่นเป่ย่วนอยู่ห่างไกลจากตัวเมือง จากตรงนี้ไป ถึงถนนหลักอย่างน้อยระยะทางยังมีหนึ่งกิโล

อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้สําหรับฉินเฟิงแล้วไม่ใช่ปัญหา อะไรมากมาย เดินก็เดิน

“เอี๊ยด!”

ทันใดนั้น เสียงเบรกรถดังขึ้น รถวิ่งคันสีแดงจอดอยู่ข้าง ฉินเฟิง ชายคนที่แต่งผมยุ่งเหมือนรังไก่แต่งตัวทันสมัยได้ เขย่าหน้าต่างรถลงมา ตะคอกใส่ฉินเฟิงว่า”พี่น้อง เธอคิด จะไปออกกําลังกายหรือ? ทำไมไม่วิ่งเลยละ”

ฉันเฟิงมองไปทางซ้ายทางขวา ถามอย่างไม่เข้าใจ ว่า”เธอคุยกับฉัน?เหมือนฉันไม่รู้จักเธอ”

“ฮาๆ ฉันรู้จักเธอก็พอ”ชายผมเหมือนรังไก่หัวเราะเยาะเสียงดังพูดว่า “ขนาดคนเหมือนภูเขาน้ำแข็งอย่างป้ายฉัน เธอยังเอาอยู่ เมื่อไหร่จะสอนวิชาให้ฉัน”

ฉันเฟิงไม่พูดอะไรก็เปิดประตูนั่งอยู่บนที่นั่งข้างคนขับ พูดว่า”ส่งฉันที ฉันค่อยพิจารณา”พูดเรื่องจริง ครั้งแรก ของเขายังหายไปแบบงงๆ มีวิชาพิเศษที่ไหนมา แต่เด็กโง่ คนนี้พูดมาเองเขาก็ไม่อยากจะไปปฏิเสธ

“ฉันชื่อเฉินฉี พี่ชื่ออะไร?”เห็นได้ว่าใบหน้าของเฉินฉื แสดงถึงอารมณ์มีความสุข ถามต่อไป

“ฉินเฟิง!”

ปัง!

เฉินฉีเห็นฉินเฟิงนั่งดีแล้วก็ขับรถขึ้นถนนต่อไป ถาม ว่า”เธอจะไปที่ไหน?”

บริษัทป่ายฉิน ฉันทำงานที่นั่น”ฉินเฟิงตอบไปหนึ่ง ประโยค พูดว่า”ทางผ่านไหม”

“อันที่จริงไม่ใช่ทางผ่าน แต่พอเจอพี่เธอแล้วก็ต้องเป็น ทางผ่านไป”เฉินฉียิ้มเสียงแหะๆ พูดว่า”เธออยู่ตำแหน่ง อะไรในบริษัท พาฉันไปดูสักหน่อย”
“เหมือนเป็นผู้ช่วยอะไร ฉันก็ไม่ค่อยรู้เรื่อง เธอเข้าไป หาอะไร ไม่ใช่จะไปทำเรื่องไม่ดีหรือ?”ฉินเฟิงอยากจะ ทำความรู้จักกับป่ายฉินเยอะกว่านี้ ก็ได้พูดเรื่องไร้สาระ กับเฉิน ไปเรื่อย

จากนั้นก็ได้รู้ว่า ที่ไหนได้เฉินฉีชอบพนักงานหญิงภาพ ในบริษัทของป่ายฉิน แต่หลังจากได้ก่อกวนไม่หยุดไป หลายวันก็โดนป่ายฉินออกคำสั่งว่าห้ามเฉินฉินเข้ามาใน บริษัท ตอนนี้เจอฉินเฟิง ทันใดนั้นดวงตาของเฉินฉีสว่าง ขึ้นมาทันที พูดว่า”พี่น้อง ความสุขของฉันอยู่ในมือของ เธอแล้ว เธอจะต้องยื่นมือช่วงน้องด้วยนะ”

“แคะๆ เรื่องนี้ฉันจะต้องว่าเธอแล้ว เธอวิ่งเข้าไปเหมือน ลิงขนาดนี้ใครจะมาสนใจเธอฉินเฟิงคิดไปสักพัก ทำท่า เหมือนเป็นระดับผู้เชี่ยวชาญ พูดจาค่อยเป็นค่อยไป ว่า”เธอจะต้องไม่สนใจหลอน ปล่อยหลอนไปสามถึงห้า เดือน หลอนจะต้องร้องไห้วิ่งเข้ามาหา ถึงเวลานั้นเธอจะ ทิ้งก็ทิ้งไม่ได้แล้ว

เฉินฉีมองไปที่ฉินเฟิงอย่างสงสัย พูดว่า”เป็นเรื่องจริง หรือ เธออย่ามาโกหกฉันนะ”

ฉินเฟิงพยักหน้าแรงๆ พูดว่า”เธอถามประสบการณ์กับ ฉัน ฉันก็พูดไปแล้ว เชื่อไม่เชื่ออยู่ที่เธอ ถ้าไม่นั้น เดี๋ยวฉัน จะพาเธอเข้าบริษัท ส่วนที่เหลือก็ไม่มีเรื่องของฉันแล้ว”
“ไม่เอา ฉันจะเชื่อฟังเธอได้ไหม “ทันใดนั้นเฉินฉีตื่นตัว รีบพูด

ไม่นานเฉินฉีก็ได้ส่งฉินเฟิงมาถึงหน้าบริษัทของป่ายฉิน หลังจากฉินเฟิงลงจากรถแล้วโบกมือรีบออกไปเลย

ส่วนเฉิน คือใคร เขาลืมไปหมดแล้ว

ตอนที่จะเข้าไปบริษัทก็ได้วุ่นวายตั้งนาน ดีที่มีคนจำได้ ว่าเมื่อวานฉินเฟิงเคยมา เขาถึงจะไม่ได้โดนไล่ออกไป

“คุณภรรยา ฉันมาแล้ว” ฉินเฟิงทำเสียงเหอะๆผลักประตู ห้องทํางานของป่ายฉิน

ป่ายฉินกำลังดูเอกสารชุดหนึ่ง เมื่อได้ยินเสียงหวานๆ แบบนี้ เงยหน้ามองไปที่ฉินเฟิง สีหน้าเริ่มหนักพูดว่า” อยู่ ในบริษัทเรียกฉันว่าท่านประธานป่าย”

“รู้แล้ว คุณภรรยาท่านประทาน” ฉินเฟิงทำหน้าทะเล้น

“ใส่หัวไปที่ห้องทำงานของตัวเอง ไม่มีอะไรอย่ามายุ่งกับ ฉัน มีเรื่องอะไรก็ไม่ต้องมาหา”ป่ายฉินทำหน้าดุร้ายจ้อง ไปที่ฉินเฟิง

ฉินเฟิงดูแล้วท่าทางไม่ค่อยดี หน้าตาแบบนี้เหมือนจะระเบิดไม่กล้าที่จะอยู่ต่อ ภายในสามวินาทีก็หายตัวไป แบบไร้ร่องรอย

“ฟี้” เมื่อเห็นหน้าตาของฉินเฟิง ป่ายฉินอดที่จะหัวเราะ ไม่ได้ ยิ้มเหมือนดอกไม้ที่เบิกบานสีสันสวยงาม

หลังจากที่ได้กลับมาห้องทำงานผู้ช่วยแล้ว ทันใดนั้นฉิน เฟิงเหมือนไม่มีอะไรทำ ทุกคนก็รู้กันอยู่ว่า ตำแหน่งผู้ช่วย ของเขาก็แค่เป็นตำแหน่งเฉยๆไม่ได้ทำอะไร มีเรื่องอะไร ก็ไม่ได้มาหาเขา หลังจากที่ได้ ไปเดินรอบข้างที่ทำงาน แล้ว ฉินเฟิง ยิ่งมั่นใจกว่าเดิมว่า ตัวเองเหมือนกับคนที่ไร้ ตัวตน รู้สึกไม่สนุกเลย ก็ได้กลับไปที่ห้องทํางานแล้วนอน ลงบนโซฟา

ไม่รู้ผ่านไปนานแค่ไหนฉินเฟิงรู้สึกได้ว่ามีคนเข้าใกล้ รีบ ลืมตาขึ้นมาดู มีหน้าที่อ่อนโยนเหมือนดีดไปหนึ่งทีก็จะ แตกตอนนี้อยู่ต่อหน้าเขา เขาไม่ตั้งใจยื่นมือออกมารูดบน ใบหน้าที่เล็กและอ่อนโยน การสัมผัสนี้ความรู้สึกดีมาก

“อา!” ป่ายฉินร้องเสียงตกใจรีบยกตัวขึ้น พูดว่า”เธอทำ อะไร?”

ฉินเฟิงรู้สึกตัวเองโดนเข้าใจผิด แบมือออกมา พูดว่า”ฉัน กำลังนอนอยู่คือตัวเธอเองก็ได้เข้าใกล้มา นี่ก็ผิดที่ฉันอีก หรือ?”
“ปุ้ย ความคิดต่ำ” ป้ายฉันรู้สึกตัวเองโดนกระทำที่ไม่ เหมาะกับกาลเทศะ ยังเพราะตัวเองไปเข้าใกล้ อารมณ์ ตอนนี้รู้สึกสับสนมาก ต่อจากนี้ก็ได้ทำหน้าเย็นชา พูดว่า” ไปเถอะ ไปกินข้าว”

“อ๋อ ดี” ฉินเฟิวพลิกตัวนั่งขึ้นมา

หลังจากตามป่ายฉินออกจากบริษัทแล้ว ฉินเฟิงอดถาม ไม่ได้ว่า”ไม่ใช่จะไปกินข้าว ทำไมไม่ไปโรงอาหาร?”

“วันนี้ฉันอยากจะไปกินข้างนอก” ป่ายฉินเดินไปข้างหน้า โดนไม่หันหัวกลับมา

“เธอมีความสุขก็พอแล้ว”ฉินฟิงรู้สึกยังไงก็ได้ สำหรับ เรื่องกินเขาไม่ค่อยถือสาอะไร ถ้าป่ายฉินจะเอาอาหาร มาทรมานเขา ในที่สุดผลที่ออกมามีแค่ไม่ประสบความ สําเร็จ ในเวลาที่เคยผ่านมา กระเพาะของเขาโดนทรมาน มากพอแล้วจนได้ภูมิคุ้มกันตั้งนานแล้ว

“ตรงนี้มีร้านเก่าแก่ร้านหนึ่ง รสชาติดีมาก แต่ข้างในมีคน หลักหลายรูปแบบ ก่อนหน้านี้ฉันไม่กล้ามา” ป่ายฉินยังได้ อธิบายให้ฟัง ก็เป็นเพราะพฤติกรรมการต่อสู้ของฉินเฟิ งอย่างมีพลังทำให้ป่ายฉินเกิดความคิดนี้ขึ้นมา

พูดไปพูดมา ก็อยากจะให้ฉันเป็นบอดี้การ์ดให้ไม่รู้ว่า เธอเตรียมเงินไว้เท่าไหร่?” ฉินเฟิงพูดยิ้มเหอะๆ
ความเย็นซาบนใบหน้าของป้ายฉันเหมือนละลายไป แล้วเล็กน้อย พูดว่า”เงินไม่มี แต่ฉันจะเลี้ยงข้าวเธอมื้อนี้ ถือว่าเป็นการตอบแทน”

” ถึงแล้ว ก็คือที่นี่”ทันใดนั้นป่ายฉินหยุดเดิน

สายตาของฉินเฟิงถึงย้ายออกจากตัวป้ายฉันไปสังเกต ร้านเก่าแก่ร้อยปีที่ป่ายฉินพูดถึง


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ