บทที่9คิดถึงกุ้ยหลานจนนอนไม่หลับ
กุ้ยหลานตอบมี ในใจฉันมีเธอ แต่ถ้าเกิดฉันไปทั้งอย่างนี้ แล้ว เราจะบอกกับพ่อแม่ของเรายังไง คนในหมู่บ้านก็จะหาว่าฉันมัน สําส่อน”
เหอจินกุ้ยยักไหล่แล้วถาม “แล้วเธอจะให้ทำยังไงหล่ะ?”
กุ้ยหลานตอบ”จินกุ้ยเธอรอฉันก่อน ฉันจะไปหย่ากับหลิน เธอเองก็ไปโน้มน้าวเชียงดาว ถ้าเชียงดาวไม่ได้รักเธอ ฉันก็ จะไปกับเธอ”
เหอจินกุ้ยคิดแล้วคิด แล้วตอบไป” งั้นก็ดี ฉันจะรอให้เธอหย่า กับซูหลิน ตอนนี้ก็คงจะมีแค่วิธีนี้เท่านั้น เธอวางใจได้ เงินค่า สินสอดฉันจะรับผิดชอบเอง ขอแค่หลินตอบตกลง ฉันจะพาเธอ ไปทันที
กุ้ยหลานพยักหน้า”ตกลง ถ้าเรื่องนี้สำเร็จ ฉันจะเอาชุดแดงที่ ใส่อยู่ตัวนี้ออกไปตากไว้ที่สวนหน้าบ้าน ถ้าเธอเห็นชุดแดงนี้ แสดงว่าเรื่องที่ฉันจะหย่าร้างกับหลินนั้นเป็นไปได้ด้วยดี
จากคนที่ทั้งทนทุกข์ทั้งเป็นกังวล ในตอนนี้บนใบหน้าของกุ้ย หลานได้มีรอยยิ้มแห่งความสุขปรากฏขึ้นมาแล้ว
ไม่รู้ทำไม พอเห็นจินกุ้ยมันก็เหมือนกับได้มองเห็นดวงอาทิตย์ รู้สึกว่าชีวิตต่อจากนี้มันช่างเต็มไปด้วยแสงแห่งความหวัง
เหอจินกุ้ยพูดขึ้น” เป็นอันตกลง ฉันจะกลับเข้าไปในป่า รอคอยสัญญาณจากเธอ”
กุ้ยหลานถามไปด้วยความสงสัย “จินกุ้ยวันๆเธอทำอะไรอยู่ใน ปา ในเขาเฮยสีมันมีอะไรให้ทนักหนา?”
เหอจินกุ้ยตอบด้วยสีหน้าเจ้าเล่ห์”ความลับ!
พอถึงตอนเช้าเหอจินกุ้ยได้จากไปแล้ว กุ้ยหลานส่งเขาออก จากประตูไป
แต่ก่อนไปจินกุ้ยได้ลากเอาตัวหลี่หลินที่ยังไม่ได้สติออกมา จากห้องหอเอาไปโยนไว้ที่ห้องน้ำ แล้วยังใส่หัวของเขาไปอีกที หนึ่ง
รอจนพระอาทิตย์ขึ้นเขาถึงได้ฟื้นคืนสติกลับมา พอตื่นมาก็เอา มือลูบหัว มึนงงอยู่นาน จำไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง
ฉันไม่ได้อยู่ในห้องพี่สะใภ้เหรอ? เมื่อคืนอาซ้อเกือบเสร็จฉัน
ไปแล้ว แล้วทำไมถึงมาอยู่ในห้องน้ำได้
หรือว่าเมื่อคืนจะดื่มเยอะไปหน่อย แล้วที่ฉันทับอยู่บนตัวของ อาซื้อหรือมันจะเป็นความฝัน? ทำไมมันสะใจอย่างนี้
รู้สึกปวดเนื้อปวดตัว แล้วมือก็ไปสัมผัสโดนคราบเลือด มีรูโบ๋ รูหนึ่งปรากฏขึ้นมาที่หัว ด้าหลินตกใจจนสะดุ้ง
แต่เขาก็ไม่ได้รู้สึกตกใจมากนัก นึกว่าตัวเองคงเมาแล้วล้มลง ที่ห้องน้ำ แผลที่หัวก็คงไปกระแทกเข้ากับก้อนอิฐ ยังดีที่ไม่ตกเข้าไปในโถส้วม ไม่งั้นเราคงตายไปแล้ว
วันเวลาต่อจากนี้ค่อนข้างที่จะธรรมดา เหอจินกุ้ยกลับเข้าไป ในเขาเฮยสี กุ้ยหลานยังคงอยู่บ้านหลต่อไป
กุ้ยหลานอยากจะพูดถึงเรื่องที่จะหย่าร้างกับหลินมา โดย
ตลอด แต่ก็ไม่รู้ว่าจะพูดกับหลี่ซวนยังไงดี
ตั้งแต่เกิดเรื่องที่ห้องหอ ในคืนนั้น หลี่ซวนกับแม่ของซูหลินก็ ท่าดีกับกุ้ยหลานเป็นอย่างมาก เจอหน้าก็ยิ้ม มีอะไรอร่อยก็เอา มาให้เธอกิน
แม่ของซูหลินก็เป็นคนอย่างนี้แหละ อารมณ์เหมือนดินปืน แค่ จุดก็ไหม้ เห็นลูกชายถูกสะใภ้ทำร้ายก็โมโหขึ้นมาทันที แต่ก็ หายโกรธเร็วเหมือนกัน แค่เอาน้ำราดก็ดับสนิทแล้ว
คืนวันนั้น หลังจากที่หลี่ชวนอธิบายถึงความน่ากลัวระหว่าง แม่ผัวกับลูกสะใภ้ให้ภรรยาของเขารู้แจ้งแล้ว ทั้งคู่ก็ไปทำอะไร พิเรนทร์ๆกัน
หลังเสร็จกิจ ซวนจูก็พูดขึ้น ตอนนี้ไม่เหมือนกับเมื่อก่อนแล้ว ไม่ช้าก็เร็วพวกเราก็ต้องแก่ แล้วตกไปอยู่ในกำมือของลูกสะใภ้ ต่อไปเธอต้องพึ่งใคร? ยังไงก็หนีไม่พ้นลูกชายกับลูกสะใภ้อยู่ดี จริงไหม?ถ้าลมของฤดูใบไม้ผลิไม่พัดมา อย่าหวังจะได้เห็นฝน จากฤดูใบไม้ร่วงเลย ถ้าเธอทำดีกับกุ้ยหลาน ต่อไปกุ้ยหลานก็จะ ทำดีกับเธอ ฉลาดหน่อย ทำดีกับกุ้ยหลานหน่อย ไม่แน่ปีหน้าเรา สองคนอาจจะได้อุ้มหลานก็เป็นได้
พอได้ยินว่าจะมีหลานอุ้มแม่ของซูหลินก็ดีใจขึ้นมาทันที ตบ เขาไปทีหนึ่งแล้วชมว่า”นี่ค่อยเหมือนคำพูดคนหน่อย พูดทำไมคําว่าฉลาด?”
แม่ของซูหลินหายโกรธสามีของเธอแล้ว ต่อให้ก่อนหน้านี้เธอ จะงี่เง่าและใช้ความรุนแรงไปก็เถอะ แต่เธอก็ไม่ได้ใส่ใจมันแล้ว
วันต่อมาเธอก็ได้ต้มซุปเภอต่ามาหม้อหนึ่ง ตักใส่ถ้วย เป่าจน ซุปไม่ร้อนจากนั้นก็ยกมาเสร์ฟให้กับของลูกสะใภ้ แล้วก็เริ่มทำ หน้าตาที่น่าสงสาร
กุ้ยหลานเห็นคนแก่ทั้งสองเอาแต่ยิ้มให้เธอทั้งวัน ดีต่อเธอ มากกว่าพ่อแม่แท้ๆซะอีก จึงยากที่จะเปิดปากพูด เรื่องที่จะพูดก็ ถูกลากยาวไปเรื่อยๆ จนสิ้นปีก็ยังไม่ได้พูด
วันที่ห้าเพิ่งผ่านไป ที่สมาคมก็มีข่าวแจ้งมาว่าที่ภูเขาข้างๆ กำลังต้องการคนงานเหมือง ให้ไปขุดถ่านในเหมือง ค่าแรงวัน ละสองหยวน
ดังนั้นหลี่หลินและผู้ชายในหมู่บ้านพากันตัดสินใจว่าจะออก
ไปทํางานนอกหมู่บ้านกัน
เขาได้ไปนอนเบียดกับน้องชายทั้งสามเป็นเวลาหนึ่งเดือนเต็ม หนึ่งเดือนที่ผ่านมาไม่เคยกล้าที่จะไปนอนในห้องของภรรยาเลย
เพราะว่านกน้อยของหลินยังไม่หายดี ถึงแม้แผลจะสมานกัน แล้ว แต่แค่แตะโดนเบาๆมันก็เจ็บไปจนถึงหัวใจแล้ว
อาการมันหนักกว่าที่หมอหลิวเคยบอกไว้เยอะ อย่างน้อยใน เวลาครึ่งปีหลินห้ามมีอะไรเป็นอันขาด ไม่อย่างนั้นมันคงจะถูก หักอย่างแน่นอน
พรุ่งนี้ก็ต้องออกเดินทางแล้ว หลี่หลินนอนไม่หลับทั้งคืน คิด ถึงกุ้ยหลานคิดถึงจนนอนไม่หลับ
หลินรู้ดีว่าออกไปครั้งนี้คงจะไม่ได้กลับบ้านพักใหญ่ อย่าง
น้อยก็ครึ่งปีถ้านานหน่อยก็อาจจะสองปี ร่างกายของกุ้ยหลานต้องสูญเปล่าอยู่บนที่นอน คงไม่ได้เก็บ เกี่ยวอีกแล้ว แต่ที่ไม่ยุติธรรมที่สุดคือ……….เขายังไม่เคยได้ทำ
อะไรเด็กสาวเลย
สาเหตุที่หลี่ซวนจูบอกให้ลูกชายออกไปทำงานที่เหมืองถ่าน เพราะข้อที่หนึ่งคือเพื่อให้หาเงินให้ได้มากกว่าเดิม มาใช้หนี้ที่จัด งานแต่งไปงานแต่งของหลินกับกุ้ยหลานก็ใช้เงินไปไม่น้อย เหมือนกัน
อีกข้อคือ ในเมื่อลูกชายไม่สามารถนอนร่วมห้องกับกุ้ยหลาน
ได้ เขาเลยอยากให้ลูกชายออกไปข้างนอกบ้างเปลี่ยน บรรยากาศบ้าง เมื่อมองไม่เห็นก็ไม่ต้องทุกข์ใจ พอเขาไม่ได้เจอ หน้ากุ้ยหลานเขาก็จะไม่คิดถึงเรื่องนั้น บาดแผลจะได้หายเร็วขึ้น บ้าง
อนาคตยังมีเรื่องใช้เงินอีกเยอะ ตอนนี้อายุยังน้อยต้องรีบใช้ โอกาสนี้หาเงินมาให้ได้เยอะๆ ข้างหลังยังมีเณรอีกสามรูปรออยู่ ด้วย
หนุ่มน้อยอีกสามคนยังต้องแต่งงาน ยังต้องใช้ชีวิต ไม่ใช่ เอาแต่ขลุกอยู่แต่ในที่นอนเล่นทวนกันไปวันๆ
เงินทองคือสิ่งที่จำเป็นที่สุด ส่วนความรักนั้นสุดท้ายแล้วมันก็
ในคืนนี้หลี่หลินรู้สึกอดกลั้นเป็นอย่างมาก คิดถึงกุ้ยหลาน มาก หัวใจของเขาก็พองโตขึ้นมา
หลี่หลินอาศัยจังหวะที่น้องชายทั้งสามคนกำลังหลับอยู่แอบ เปิดกางเกงออกมาดู มองดูเจ้าสิ่งนั้นที่กำลังนอนขดตัวอยู่ เหมือนกับได้เดือนที่ไร้เรี่ยวแรง ถอนหายใจไม่หยุด เมื่อไหร่แก จะยกหัวขึ้นมาได้สักที คงจะไม่อดอะไรตายอยากแบบนี้ไปตลอด ชีวิตหรอกนะ? ดูสิตอนนี้มีภรรยาที่แสนสะสวยอยู่ข้างๆ แตะต้อง ก็ไม่ได้ นี่มันช่างไร้เหตุผลจริงๆ
ตอนกลางดึก หลี่หลินฝันว่า เขาเห็นกุ้ยหลานยืนยิ้มอยู่ตรง หน้าเขา ร่างกายที่เปลือยเปล่าของเด็กสาวไร้ซึ่งเสื้อผ้า ผิวพรรณ สว่างไสว เขาโอบเอวของหญิงสาวเอาไว้ หญิงสาวก็เอามือคล้อง คอเขาเอาไว้
ในขณะที่ทั้งคู่กำลังจูบกันอย่างดูดดื่มอยู่นั้น จู่ๆ ต้าหลินที่นอน อยู่ข้างๆก็ใช้ขาถีบเขา ทีเดียวก็ปลุกเขาจนตื่นจากฝัน “พี่จะมา กัดขาผมทำไมเนี่ย?”
แล้วเขาก็ได้รู้ว่าที่แท้มันเป็นแค่ความฝัน เขารู้สึกไม่ค่อย ชอบใจนัก จูบอยู่ตั้งนานสุดท้ายมันก็เป็นง่ามขานี้เอง ว่าละทำไม ถึงได้เหม็นแบบนี้?
ไก่ในหมู่บ้านเริ่มขึ้นแล้ว หมู่บ้านเฮยสีก็เริ่มวุ่นวายขึ้นมา คนที่ จะเดินทางไปเหมืองก็พากันทยอยตื่นขึ้นมา เริ่มทำกับข้าว เริ่มเก็บข้าวของ ควันไฟของแต่ละบ้านก็ค่อยๆลอยขึ้นฟ้า
แม่ของซูหลินกับหลี่ชวนพ่อของเขาก็ตื่นแล้ว หญิงชรากำลัง ทำกับข้าวให้ลูกชาย หลี่ซวนก็ง่วนอยู่กับการเตรียมอาหารแห้ง หลังจากเตรียมข้าวของเสร็จแล้ว เขาก็เดินไปเคาะประตูของ ลูกชายทั้งสี่ “ซู่หลิน ตื่นได้แล้ว ได้เวลาเดินทางแล้ว
“ครับ รู้แล้วครับพ่อ”หลี่หลินดึงกางเกงแล้วก็เดินออกมาจาก ห้อง ทำหน้าที่นกามเดินไปเข้าห้องน้ำ ตอนออกจากห้องน้ำก็ มองไปทางห้องของกุ้ยหลาน แต่ กุ้ยหลานยังไม่ตื่น
หลี่ชวนรู้ว่าลูกชายรู้สึกยังไง ทำเป็นไอไปที่หนึ่งแล้วบอกกับ ลูกชายไปไปบอกลาเธอหน่อยไป
หลินพยักหน้าแล้วเดินไปเคาะประตูห้องของกุ้ยหลาน ก๊อกๆ ๆ ก๊อกๆๆ”
“นั่นใคร?”กุ้ยหลานเอ่ยถามออกมาจากในห้อง เสียงไม่ได้ดัง
มาก
กุ้ยหลานเปิดประตูออก หน้าแดงไปชั่วขณะ” พี่หลิน มีอะไร หรือ?”
ซูหลินตอบ”ฉันจะไปเหมืองถ่านแล้ว ไปครั้งนี้อาจต้องรอถึงปี หน้าถึงจะได้กลับ ฉันจะ…คิดถึงเธอนะ”
หน้าของกุ้ยหลานยิ่งแดงขึ้นไปอีก พี่หลิน…ฉัน….อย่า เป็นแบบนี้เลย ฉันไม่มีค่าพอให้พี่คิดถึง ฉันคิดเรื่องนี้มานานแล้ว
ฉันว่าเราสองคน….………
เดิมทีกุ้ยหลานอยากพูดออกไปว่าเราหย่ากันเถอะ แต่สุดท้าย ก็ต้องกลืนมันลงคอไป
หลินไปทํางานที่เหมือง แล้วในเหมืองก็อันตรายมาก มีชีวิต เข้าไป แต่ก็ไม่รู้ว่าจะมีชีวิตรอดออกมาหรือเปล่า
สามีของซ้อหลานฟาง ต้าฮานก็เพราะว่าตอนที่หินถล่มในถ้ำ เขาถูกหินก้อนหนึ่งกระแทกเข้าที่เอวถึงได้พิการจนถึงทุกวันนี้
เธอได้แต่พูดไปว่า”พี่ก็ระวังตัวหน่อยแล้วกัน ร่างกายก็ไม่ค่อย จะดีอยู่ อย่าฝืนไปทำงานที่ต้องยกของหนักๆเข้าหล่ะ
ถึงแม้กุ้ยหลานจะไม่ได้ชอบ แต่เธอก็รู้สึกว่าหลินก็ไม่ได้เป็น คนที่เลวร้ายอะไรมากนัก อย่างน้อยก็ดีกว่าด้าหลินน้องรองเขา เยอะเลย ส่วนเรื่องหย่ายังไม่ใช่เรื่องที่จะต้องรีบร้อนอะไร
หลินพูด”กุ้ยหลานฉันออกไปหาเงิน รอฉันมีเงินแล้วฉันจะซื้อ ต่างหู ซื้อสร้อยคอ ซื้อกำไล เอาที่เป็นเงินแท้เลย เธอ…รอฉัน ก่อนนะ”
กุ้ยหลานส่ายหัว”ของที่พี่พูดมามันไม่จำเป็นสำหรับฉันเลย พี่ ซูหลิน…..เดินทางปลอดภัยนะ
หลินรู้สึกท้อใจ อยากที่จะยกแขนขึ้นมากอดเอวของเธอเอา ไว้ การจากลาที่ยากจะได้พบกันอีกครั้งมันต้องมีคนหนึ่งที่แสดง ความรู้สึกออกมา แต่พอเขาเดินหน้าไปหนึ่งก้าว กุ้ยหลานก็รีบ ก้าวถอยหลัง แถมยังเอามือมาผลักเขาออกอีกต่างหาก
ซู่หลินพูดด้วยความไม่ค่อยชอบใจมากนัก”ฉันไปก่อนนะ….รอฉันก่อน”
กุ้ยหลานไม่ได้มีการตอบสนองใดๆทั้งสิ้น ได้แต่ยืนมองซูหลิน ที่กำลังเดินออกจากบ้านไปโดยถือสัมภาระไว้ในมือ
กุ้ยหลานไม่ได้ไปส่งเขา มีเพียงหลี่ซวนที่เดินไปส่งลูกชายที่ หน้าหมู่บ้าน ที่หน้าหมู่บ้านได้มีชายหนุ่มจำนวนมากยืนรออยู่ที่ นั่นแล้ว
หลี่ซวนตบๆที่ไหล่ของลูกชาย”ตั้งใจทำงานนะไอ้ลูกชาย ตรงนั้นของแกไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไร มันไม่ได้มีผลต่อการ ทำงานเลย จำไว้นะถ้าแผลหายดีเมื่อไหร่ก็รีบกลับมา พ่อรออุ้ม หลานอยู่นะ”
หลี่หลินพยักหน้าพ่อครับ ผมฝากพ่อดูแลกุ้ยหลานด้วยนะ ครับ”
หลี่ซวนตอบ “วางใจได้ พ่อจะดูแลเธอให้เป็นอย่างดีเลย อีก อย่างนะ จำไว้นะถ้าแผลหายดีแล้วห้ามไปเที่ยวในสถานที่ สกปรกเด็ดขาดเดี๋ยวจะติดโรคเอาได้”
ที่หลี่ชวนพูดว่าสถานที่สกปรกนั้นมันก็หมายถึงคาราโอเกะ ในเมือง สถานบันเทิงต่างๆ ถ้าลูกชายเกิดติดโรคกลับมามันจะ แย่เอา แล้วถ้ามาแพร่ให้ลูกสะใภ้อีกจะทำยังไง?
ลูกสะใภ้ติดโรคแล้วมาแพร่ให้ตัวเองเข้าจะทำยังไง? ตัวเองติด โรคแล้วไปแพร่ให้ภรรยาเข้าจะทำยังไง?
ถ้าภรรยาของเขาติดโรคนั้นเข้าผู้ชายทั้งหมู่บ้านก็คงจะซวยกันหมด
หลี่ชวนรู้ดีว่าภรรยาของเขาก็ไม่ใช่ตะเกียงที่ประหยัดน้ำมัน อะไร ในตอนค่ำมืดเขาแอบออกไปหาผู้หญิง สาลี่อวบภรรยา ของเขาก็ได้ออกไปหาผู้ชายเพื่อเป็นการตอบแทนเขา
แม่ของซูหลินมีฉายาว่าสาลี่อวบ ผู้ชายที่ช่วยเธอผ่านเจ็ดวันเป็นคนตั้งฉายานี้ให้กับเธอ
เตียงกว่าครึ่งของชายในหมู่บ้านสาลี่อวบเคยได้ไปเยือนมา แล้ว ความจริงทั้งเธอและหลี่ซวนต่างก็รู้ดีว่าตัวเองไม่สะอาด แค่ทั้งคู่ต่างไม่เคยเอ่ยปากพูดถึงอีกฝ่ายเท่านั้นเอง
หลินพยักหน้าแล้วก็เดินจากไป ชายหนุ่มคนอื่นต่างก็กำลัง ลาคนในครอบครัวอยู่ การลาจากที่แสนนานนั้นช่างยาก ลำบาก หลายคนทนไม่ไหวถึงกับร้องไห้ออกมา
วันที่หลินจากไปคือวันที่หกเดือนหนึ่ง เทศกาลตรุษจีนยังไม่ ผ่านไปเลย ตอนไปยังมีเสียงประทัดดังขึ้นตรงสะพานของหน้า หมู่บ้านอีกด้วย
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ