เมียชาวนา 18+

บทที่16 ตายที่ไหนดี?



บทที่16 ตายที่ไหนดี?

ความจนยังไม่เท่าไหร่ สิ่งที่ไม่ง่ายเลยที่จะอดทนไปได้ก็คือ ยัง ต้องถูกรังแกจากคนพาลในหมู่บ้าน คนเลวมากมายที่มักจะมา เคาะหน้าต่างบ้านของพวกเธอ จนแม่กุ้ยหลานตกใจกอดลูกสาว อยู่ในบ้านตัวสั่นเทา

ต่อมาเป็นพ่อของจินกุ้ย เหอหล่าวถึงที่พูดเอาไว้ เปิดประชุม ในหมู่บ้าน ตักเตือนคนพาลเหล่านั้นว่า ถ้าหากเห็นว่าใครรังแก เด็กหรือแม่หม้าย จะลากออกไปกลางถนนให้ชาวบ้านช่วยกันลง โทษทันที คนพาลเหล่านั้นจึงไม่กล้ามาอีกแล้ว

กัดฟันอดทน เลี้ยงกุ้ยหลานมาจนโตอย่างไม่ง่ายเลย คิดว่าจะ ได้แต่งงานออกเรือนกับคนอื่นเขาไปดีดี แต่ใครจะไปรู้ว่าลูกสาว ตนเองจะมีดวงกินผัวซะได้

กุ้ยหลานก็เลยถูกแม่ยายไล่ออกมาจากบ้านแบบนี้ อยู่บ้านแม่ ก็อยู่จนเป็นแรมเดือน ใจเธอก็เริ่มเยือกเย็นไปแล้ว คล้ายกับ เถ้ากําหนึ่ง เริ่มตายด้านกับการแต่งงานไปแล้ว

เธอคิดว่าตนเองโชคชะตาไม่ดี เป็นตัวปัญหา ในระยะเวลา ครึ่งปีมีชายหนุ่มต้องมาสังเวยชีวิต เรื่องนี้พูดแล้วก็ดูเลวร้ายเล็ก น้อย

มีชีวิตอยู่ก็ไม่มีความหมายอะไรเลยจริงๆ ตายไปจะดีกว่า ถ้า หากไม่ตาย ไม่เร็วก็ช้าแม่ก็อาจจะดวงกินผัวของตนเองฆ่าตาย ได้ และยังจินกุ้ย ก็อาจจะตายได้เช่นกัน หรือว่าไปฆ่าตัวตายดี
ไปตายที่ไหนดีนะ? กระโดดหน้าผาละกัน แต่ต่อมาก็คิด ว่าไม่ได้ ศพคงน่าเกลียดน่าดู ตกลงมาจากหน้าผา แหลก กระจายไปคนละทิศละทาง ถูกหมาป่าลากไปซะจนจำใบหน้าไม่ ได้ กระทั่งศพก็ยังไม่เหลือชิ้นดี

หรือว่ากระโดดแม่น้ำดีไหม? แต่พอคิดไปคิดมา ก็ไม่ได้

หมู่บ้านเฮยสีเป็นหมู่บ้านภูเขา รอบๆไม่มีบ่อน้ำ ถึงจะมีบ่อน้ำ แต่น้ำในนั้นก็ไม่ลึก ยังไม่ถึงเข่าเลยด้วยซ้ำ ไม่ต้องพูดถึงคน สุนัขยังไม่จมตายเลย

งั้นหรือว่าแขวนคอดี ใช้เชือกผูกที่คอ แป๊บเดียวก็จะได้ไปเจอ หน้าพ่อแล้ว

ตายที่ไหนดีล่ะ?

ในตอนที่กุ้ยหลานออกไปเธอเอาเชือกติดไปด้วย เป็นเชือก ป่านที่ใช้เพื่อมัดสิ่งของในตอนเก็บเกี่ยวพืชผลแบบนั้น ยาว ประมาณห้าหกฟุต ความหนาเท่านิ้วหัวแม่มือ แข็งแรงอย่างมาก ผูกสิ่งของที่หนักเป็นร้อยกิโลก็ไม่ขาด

ปีก่อนๆนั้น คนในหมู่บ้านหลายคนที่ใช้ชีวิตต่อไปไม่ได้แล้ว ก็ ล้วนใช้สิ่งนี้มาแขวนคอ จบชีวิตของตนเอง ทั้งเร็วและแน่นอน

เธอกลัวว่าเชือกจะแข็งแรงไม่พอ ในตอนออกจากบ้านยังหยิบ เคียวเกี่ยวข้าวติดมือออกมาด้วย ที่ใช้ในตอนช่วงฤดูใบไม้ร่วง มีดลักษณะโค้งที่นำมาใช้เกี่ยวข้าว ด้ามจับสั้นมาก และคมอย่างมาก
น้ำมันมากรีดข้อมือเป็นเครื่องมือที่ดีอย่างมาก เบาๆทีเดียว มองดูเลือดของตนเองค่อยๆหยดลง ชีพจรค่อยๆหยุดเต้น ค่อยๆ สลบลงไป ก็สามารถจากโลกใบนี้ไปได้ในเวลาอันสั้น

กุ้ยหลานเดินไปพลางร้องไห้ไปด้วย ร้องไห้ไปพลางขุดหลุม เล็กๆ………..

เดินไปถึงบนหลุมฝังศพของบรรพบุรุษตนเอง เห็นบนหลุมเป็น ถุงดินแต่ละอัน ในนั้นฝังย่าของเธอ ปู่ของเธอ และก็พ่อของเธอ

ตายอยู่ตรงนี้ก็เท่ากับไม่ได้ตายไกลจากบ้าน คนในครอบครัว

ยังคอยอยู่เป็นเพื่อนเธอ

บนหลุมศพมีต้นไม้ที่คดเคี้ยวโค้งงอต้นหนึ่ง ต้นใหญ่อย่าง มาก ถ้าแขวนคอในที่ที่ไม่สูงก็จะลำบาก เป็นสถานที่แขวนคอที่ดี จริงๆ

กุ้ยหลานยกก้อนหินมาสองก้อน วางไว้ใต้เท้า เหยียบขึ้นไป บนก้อนหิน ผูกเชือกเป็นปมตาย ห้อยลงบนกิ่งไม้

เธอนําเอาเชือกมาพาดไว้บนคอมองท้องฟ้าสีคราม ท้องฟ้า บนภูเขาสีฟ้าสดใส ราวกับถูกน้ำล้างยังไงอย่างนั้น ก้อนเมฆ หลายก้อนลอยอยู่ด้านบน ค่อยๆเคลื่อนผ่านไป

น่าเสียดายที่ต่อจากนี้คงจะไม่ได้เห็นท้องฟ้าสีฟ้าที่งดงาม ขนาดนี้อีกแล้ว

จากนั้นกุ้ยหลานก็มองดูร่างกายที่เป็นของตนเอง ร่างนี้มีรูป ร่างที่งดงามเพียงนี้ ผิวพรรณที่ขาวเนียนเช่นนั้น ส่วนที่ควรบางบาง ส่วนที่ควรนูนก็นูน ส่วนที่ควรโค้งเว้าโค้งเว้าอย่างดี

เธอสมบูรณ์แบบอย่างมากจริงๆ ผู้คนก็ต่างบอกว่าเธอเป็นผู้ หญิงที่งดงามอย่างมาก สิ่งต่างๆ ที่อยู่บนร่างกายเธอก็ล้วน เหมือนดั่งภาพวาด

เวลานี้กุ้ยหลานนึกถึงจินกุ้ยขึ้นมากะทันหัน ผู้ชายรูปหล่อคนนี้ มีไหล่กว้างที่ล่ำสัน “ ” ในหลายวันนั้นเคยทำให้เธอหลงใหล เนื้อตัวสั่นเทา ซึมลึกเข้าไปในใจของเธอ

น่าเสียดายที่เขาไม่ได้เป็นของเธอ แต่เป็นของเซียงหล่าว

“จินกุ้ย ฉันไปก่อนนะ ชาติหน้าเราค่อยรักกันต่อละกัน ฉัน แต่งงานกับคุณไม่ได้ ฉันไม่อยากทำให้คุณต้องมาตาย ชาติหน้า ฉันจะเลือกเกิดดีดี ไม่เกิดมามีดวงกินผัวอีกต่อไปแล้ว”

กุ้ยหลานยกมือขวาข้างที่ถือเคียวขึ้นมา กรีดลงไปบนข้อมือ ข้างซ้ายอย่างแรงหนึ่งที ไม่ได้เจ็บมาก เลือดคล้าย กับสายน้ำไหลลงหยดลงไปบนพื้น ร่วงไปบนพื้นย้อมสีดินจนเป็น สีแดงเถือก

เธอใช้แรงถีบก้อนหินใต้เท้า ร่างทั้งร่างก็ลอยเคว้งอยู่กลาง อากาศ แกว่งกระตุกเบาๆอยู่ไม่กี่ที

เธอไม่ได้รู้สึกว่าทรมาน กลับกันกลับระบายยิ้มจางๆออกมา ราวกับว่าเธอได้เป็นอิสระแล้ว

ภาพข้างหน้าค่อยๆเลือนรางไป เธอมองเห็น เหอจินกุ้ยอยู่ ไกลๆ จินกุ้ยเดินมาทางเธอทีละก้าวๆ รูปร่างของเหอจินกุ้ยยังคงสูงใหญ่และล่ำสันแบบนั้น ไหล่ของชายหนุ่มยังคงกว้างอยู่อย่าง เดิม

ในขณะนั้นเอง : “ปัง—— มีเสียงปืนดังขึ้นไม่ไกลมากนัก เสียงปืนทําลายท้องฟ้าที่สดใสในยามเย็น ฝูงนกฝูงหนึ่งตกใจ จนบินกันกระจัดกระจายไปคนละทิศละทาง

ลูกกระสุนยิงมาได้แม่นมากๆ ยิ่งมาถูกเชือกเส้นนั้นที่กุ้ยหลาน แขวนคออยู่อย่างพอดี ร่างของกุ้ยหลานร่วงลงบนพื้น

เหอจินกุ้ยกระโดดจนเข้ามาอย่างรวดเร็ว กอดหญิงสาวเอาไว้ – “กุ้ยหลาน คุณเป็นอะไร ทำไมคุณถึงต้องคิดสั้นด้วย? คุณฟื้น ขึ้นมาสิ ผมจินกุ้ยเอง ผมจินกุ้ยไงครับ”

กุ้ยหลานลืมตาขึ้น ร้องออกมาคำหนึ่ง : “พี่จิ นกุ้ย———” แล้วก็สลบไปในอ้อมกอดของชายหนุ่ม

ในวินาทีที่สำคัญนี้ เหอจินกุ้ยช่วยชีวิตกุ้ยหลาน

ที่จริงแล้วเหอจินกุ้ยไม่ได้ไปไหนไกลเลยด้วยซ้ำ อยู่เขาเฮย สีมาตลอด และก็คอยอยู่ข้างกายแอบปกป้องกุ้ยหลานมาโดย ตลอด ไม่ได้ไปไกลจากเธอเกินรัศมี100เมตรเลยด้วยซ้ำ

วันนี้กุ้ยหลานออกมาจากบ้านคนเดียว จินกุ้ยก็รู้สึกถึงลางไม่ดี รู้ว่ากุ้ยหลานจะฆ่าตัวตาย ก็ช่วยเธอ

เหอจินกุ้ยแก้เชือกที่พาดอยู่บนคอกุ้ยหลาน แล้วอุ้มหญิงสาว เข้ามาในอ้อมแขน กระโดดขึ้นเขาลูกหนึ่ง ค่อยๆหายเข้าไปใน ภูเขาใหญ่
เมื่อกุ้ยหลานฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง พบว่าเธออยู่ในถ้ำแห่งหนึ่ง ใน ถนนสะอาดสะอ้านมาก บนพื้นไม่มีกองไฟ บนกำแพงมีหนัง หมาป่าแขวนเอาไว้หลายอัน เธอนอนอยู่บนหนังของหมีแผ่นหนึ่ง

สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งของจากการต่อสู้ชนะของเหอจินกุ้ย เหอ จินกุ้ยมักจะล่าสัตว์บนภูเขาตลอดทั้งปี หมาป่าและหมีใหญ่ที่เขา ล่าได้มีอยู่นับไม่ถ้วน

แสงอาทิตย์ส่องสว่างให้ความอบอุ่นบนร่างกายของเธอ บน ข้อมือของเธอมีผ้าเช็ดหน้าผืนหนึ่งพันอยู่ ห้ามเลือดเอาไว้ บาดแผลก็ไม่ได้เจ็บขนาดนั้นแล้ว

“พี่จินกุ้ย——— ประโยคแรกกุ้ยหลานก็เรียกชื่อเหอ

จินกุ้ย

“กุ้ยหลาน ผมอยู่นี่ครับ” เหอจินกุ้ยโอบกอดเธอจากด้านหลัง

“พี่จินกุ้ย ฉันไม่ได้กำลังฝันอยู่ใช่ไหม?” กุ้ยหลานกอดคอของ ชายหนุ่ม ตัวสั่นเทาราวกับใบไม้ที่ร่วงหล่นในฤดูใบไม้ร่วง เหอจินกุ้ยพูด : “นี่ไม่ใช่ฝัน เด็กโง่ ทำไมถึงต้องฆ่าตัวตาย

ด้วย? คุณตายไป ผมจะอยู่ยังไง?”

กุ้ยหลานใช้มือหยิก ใบหน้ารูปไข่ของตนเอง รู้สึกถึงความเจ็บ จากนั้นก็อ้าปาก งับ กัดไปบนไหล่ของเหอจินกุ้ย

เหอจินกุ้ยร้องออกมา : “กุ้ยหลาน คุณกัดผมทำไม?”

กุ้ยหลานเอ่ยถาม :“เจ็บไม่เจ็บ?”
เหอจินกุ้ยพูด : “เจ็บครับ

“เจ็บก็แปลว่าไม่ใช่ความฝัน พระเจ้า ฉันมาเจอคุณที่นี่ได้ยังไง

พี่จินกุ้ย คุณมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงกัน?” กุ้ยหลานกอดจินกุ้ยแน่น คล้ายกับกลัวว่าเขาจะบินหายไปอย่างไรอย่างนั้น เหอจินกุ้ยพูด : “ผมอยู่ที่เขาเฮยมาตลอด อยู่ข้างกายคุณ

มาโดยตลอด เพียงแต่คุณไม่รู้เท่านั้นเอง”

“หา? คุณอยู่ข้างกายฉันทำไม?

“ปกป้องคุณไง ผมกลัวว่าคุณจะถูกไอ้เดรัจฉานครอบครัวหล รังแกเอา” เหอจินกุ้ยกัดฟันกรอด

เหอจินกุ้ยปกป้องกุ้ยหลานมาโดยตลอด ไม่เคยจากไปไหน

เลย

คืนวันนั้น ภายใต้การส่งเสริมของพ่อแม่ หลี่ด้าหลินบุกเข้าใน ห้องของกุ้ยหลาน ที่จริงเหอจินกุ้ยจ่อยิงศีรษะของหลี่ด้าหลินจาก ด้านบนกําแพง

น่าเสียดายที่ในห้องนั้นมืดสนิท มองไม่เห็นอะไรเลย เหอจินกู้ ยกลัวว่ากุ้ยหลานจะโดนลูกหลงจนได้รับบาดเจ็บจึงไม่กล้ายิงปืน กำลังจะกระโดดเข้ามาจากบนกำแพง ไปลากหลาหลินออกมา จัดการสักหน่อย นึกไม่ถึงว่ากุ้ยหลานจะวิ่งออกมาจากในนั้นด้วย ผมเผ้ากระเซอะกระเซิง

กุ้ยหลานเปลือยกาย วิ่งกลับบ้านแม่เท้าเปล่ากลางคืนดึกดื่น เหอจินกุ้ยอยู่ด้านหลังไม่ไกลจากเธออยู่ตลอด จนเห็นว่าหญิงสาวเข้าประตูบ้านแล้ว เขาถึงได้วางใจและจากไป

เหอจินกุ้ยไม่ใช่คนง่ายๆ คนหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นหัวสมอง ไหว พริบ หรือว่าความสามารถ เขาไม่เป็นสองรองใครบนเขาเฮยสีนี้ เลย

เขามักจะล่าสัตว์อยู่บนเขามาเป็นปีๆ ฝึกฝนทักษะต่างๆ ใน การปีนเขาได้อย่างเยี่ยมยอด คล้ายกับจิ้งจอกแร็คคูน คล่องแคล่วอย่างมาก อีกทั้งยังยิงปืนได้แม่นยำมาก

สัตว์ต่างๆบนเขานี้คุ้นชินกับเขาเป็นอย่างดี ฝูงหมาป่าเมื่อเจอ

กับเหอจินกุ้ยก็ต่างหลบซ่อนอยู่ไกลๆ

สิ่งที่ทำให้คนทั้งหมู่บ้านไม่เข้าใจอย่างมากก็คือ ทำไมเธอ นกุ้ยถึงไม่ค่อยกลับบ้านเลย โดยเฉพาะสองปีมานี้ แทบจะไม่ได้ กลับบ้านเลยด้วยซ้ำ เอาแต่หลบอยู่บนเขาเฮย

ไม่ได้รับคำสั่งจากพ่อ เหอจินกุ้ยไม่กล้าก้าวเท้าเข้าประตูบ้าน เลยด้วยซ้ำ

เพราะเหอจินกุ้ยเป็นคนที่คอยดูแลปกป้องเขาเฮยสี และยัง เป็นคนที่คอยดูแลปกป้องสมบัติ สองรุ่นของครอบครัวหรี่ของ พวกเขา ได้เป็นคนดูแลปกป้องสมบัติอันมหาศาลของประเทศมา โดยตลอด เพียงแต่ว่าไม่สามารถให้คนนอกรู้ได้…

จินกุ้ยมองดู ใบหน้าชมพูระเรื่อของกุ้ยหลาน สูดดมกลิ่นกาย หอมของเธอ ส่วนล่างตั้งชูชันขึ้นโดยไม่ได้ตั้งใจ พลิกตัวกดหญิง สาวลงไป
เขาเริ่มปลดเสื้อของหญิงสาว ค่อยๆปลดกระดุมของเธอออก

กลิ่นที่ทั้งแปลกหน้าและทั้งคุ้นเคยลอยออกมา อย่างรวดเร็ว เสื้อผ้าของหญิงสาวก็ถูกเปิดออกแล้ว

เหอจินกุ้ยคุมตัวเองไม่ได้เล็กน้อย

ในคราวที่แล้ว เป็นเพราะเหอจินกุ้ยตื่นตกใจ จึงมองไม่ชัด

เหอจินกุ้ยไม่เชื่อข่าวลือเหล่านั้นหรอก

เขาเป็นคนที่เรียนหนังสือมา นั่นเป็นเพราะหญิงสาวยังไม่ถึง ช่วงเวลาที่จะมีขนเกิดขึ้น ที่ตรงนั้น ยังไม่ถึงช่วงอายุที่จะมีขน

นี่ก็เหมือนกับการปลูกพืช ถึงคุณจะใส่ปุ๋ยอย่างมากเพียง พอแล้ว ให้น้ำอาหารอย่างดี แต่เมื่อยังไม่ถึงฤดูที่มันจะเติบโต จะรีบร้อนไปก็ไม่มีประโยชน์ พืชก็ยังคงไม่สามารถเก็บเกี่ยวได้ อยู่ดี

ผู้หญิงก็เช่นเดียวกัน เมื่อยังไม่ถึงช่วงอายุที่จะเกิดขน ขนเหล่า นั้นจะไม่โผล่ขึ้นมาให้เห็นเลยด้วยซ้ำ จะเร่งให้มันขึ้นก็ไม่มี ประโยชน์

กุ้ยหลานสั่นเทาอย่างตกใจ ผลักออกจินกุ้ยทันใด

เหอจินกุ้ยประหลาดใจอย่างมาก เอ่ยถาม : “เป็นอะไรไป ครับ?”

กุ้ยหลานตื่นตกใจ รีบห่อพันเสื้อผ้าโดยเร็ว เอ่ยพูดออกไป : “จินกุ้ย ไม่ได้จริงๆ คุณจะตายได้ ฉันมีดาวเสือขาว ดาวเสื้อขาวคุณแตะต้องฉันไม่ได้

กุ้ยหลานยังไม่ออกมาจากเงาจากการตายอย่างอนาถของ ลูกชายทั้งสามคนของครอบครัวหมี่ เธอหวาดกลัวอย่างมาก


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ