เมียชาวนา 18+

บทที่7เงียบๆหน่อยได้ไหม?



บทที่7เงียบๆหน่อยได้ไหม?

หลี่ชวนเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าต้องไปตามหมอ เขาวิ่งไปจนถึง บ้านหมอหลิว

แม่ของซูหลินยังคงชี้หน้าตากุ้ยหลาน” คอยดูนะถ้าลูกชายฉัน เป็นอะไรขึ้นมาละก็ ฉันจะไม่ทำลายนั้นของแกหรอก แต่ฉันจะ เอาแกไปขายที่หอนางโลม ให้คนนับพันนับหมื่นมาย่ำยีแก

กุ้ยหลานตกใจจนไม่กล้าส่งเสียง แม้แต่ร้องไห้ยังต้องกลั้น นํ้าตาเอาไว้

คนสมัยนี้ยังมีความคิดที่ล้าสมัย หมู่บ้านเฮยสีเองก็ไม่ค่อยได้ ติดต่อกับโลกภายนอก ห่างไกลผู้คน พ่อผัวแม่ผัวพออยู่ในบ้าน นั้นถือว่ามีตำแหน่งสูงส่ง เป็นความเชื่อที่ยากจะทำลาย ในทุก เช้าลูกสะใภ้ยังต้องคอยช่วยพ่อผัวแม่ตัวเทเทเยี่ยวอยู่เลย

น้ำตาของกุ้ยหลานไหลลงมาแบบหยุดไม่อยู่ ถึงแม้ว่าตอนที่มี อะไรกับเหอจินกุ้ยจะทำให้เธอเจ็บเหมือนตายทั้งเป็น แต่ภายใน ใจของเธอก็ยังคิดถึงแต่เขา ไม่แม้แต่จะเกลียดเลย

พูดตามตรง กุ้ยหลานในวันนี้ไม่อยากจะแต่งงานเลย เธอไม่ ได้รักซู่หลิน เธอเกลียดมันทั้งครอบครัว

เธอยังคงนิ่งเงียบ น้ำตาไหลลงไปยังท้องน้อย จินกุ้ยเธออยู่ ไหน? ทำไมไปแล้วไม่กลับมามีคนกำลังรังแกฉัน เธอจะรู้บ้าง ไหม?
ใช้เวลาไม่นาน หมอหลิวก็เดินทางมาถึง หลินถูกชวนหาม ออกมาที่กลางบ้าน

หมอหลิวไม่รีบไม่ร้อน บอกให้หลินถอดกางเกงออก พินิจ ไตร่ตรอง ไอ้หนุ่มนี้บาดเจ็บไม่ใช่น้อยเลย ตอนที่มันกำลังแข็งตัว ถึงหญิงสาวเตะเข้าไปอย่างจังเลยสินะ

ในตอนที่ผู้ชายกำลังมีอารมณ์ตรงนั้นจะอ่อนแอมาก ไม่ควร ให้มีอะไรไปกระแทกมันเด็ดขาด แต่นี่กุ้ยหลานเตะมันจนหัก มี รอยบวมที่ตรงกลาง ถ้าเธอใช้แรงมากกว่านี้อีกนิด รับรองได้เลย ว่าหลินได้เปลี่ยนเพศแน่นอน

หลี่ชวนถามไถ่ด้วยความเป็นห่วงลูกชายของผมไม่เป็นไร ใช่ไหมครับ?” หมอหลิวส่ายหัวอย่างไม่มีทางเลือก จะว่าเป็นไหมมันก็ไม่เป็น

แต่ภายในเดือนนี้เขาห้ามไปมีอะไรเป็นอันขาด ไม่อย่างนั้นมัน

อาจจะหักจริงๆก็ได้”

หลี่ซวนกับแม่ของซูหลินค่อยโล่งอกขึ้นมานิดหนึ่ง ทำไม่ได้ก็ ไม่เห็นเป็นไรเลย ขอแค่ไม่เป็นอันตรายถึงชีวิตก็พอแล้ว อีกอย่าง เวลายังมีอีกเยอะเรื่องอุ้มหลานแล้วค่อยว่ากันก็ได้

หมอหลวล้วงเข็มเงินสองเล่มออกมาจากกระเป๋าหนัง ฝังมันไว้ บนร่างกายของซูหลินเพื่อกระตุ้นให้เลือดลมไหลเวียนได้ดี จาก นั้นก็หยิบขวดยาออกมาหนึ่งขวดทาลงบนบาดแผลของ หลิน

ก่อนไปเขายังเอายาเหลือไว้อีกจำนวนหนึ่ง พูดกับหลี่ชวน ว่า”เปลี่ยนยาวันละครั้ง หนึ่งเดือนน่าจะหาย เหมือนตอนแรกเลยแต่ต้องจำไว้ว่า ห้ามมีอะไรเป็นอันขาด ไม่อย่างนั้นต่อให้เป็น เทวดาก็คงช่วยเขาไม่ได้

หลี่ชวนกับแม่ของซูหลินกล่าวคำขอบคุณครั้งแล้วครั้งเล่า

แล้วไปส่งหมอถึงหน้าบ้าน

หลังกลับเข้าบ้าน กับแม่ของซู่หลินยังรู้สึกโกรธอยู่ เธอหยิบ ด้ามไม้กวาดขึ้นมาเตรียมพุ่งเข้าไปที่ห้องหออีกรอบ เธอเตรียมที่ จะทําการลงโทษอีกรอบ

รอบนี้หลี่ซวนจูเกิดตกใจแล้ว เขารีบไปห้ามเธอเอาไว้ “นี่คิด จะทำอะไร ทำไมทำตัวไร้เหตุผลแบบนี้ กุ้ยหลานเธอยังเด็กอยู่

แม่ของซูหลินโกรธจนขนหัวตั้งแต่งงานวันแรกก็กล้าทำร้าย ลูกของเรา นี่มันจะมากเกินไปแล้ว ยังไงฉันก็ต้องสั่งสอนมันให้ ได้”

หลี่ชวนทั้งห้ามทั้งแย่งไม้กวาดพอแล้ว พอได้แล้ว เด็กก็คือ เด็ก จะไปถือสาอะไรหนักหนา?”

“ทำไม?ฉันตีลูกสะใภ้ลูกชายยังไม่เห็นจะว่าอะไรเลย แล้วแก เป็นแค่พ่อผัวจะมาสนใจทำไม? หรือแกชอบมันเข้าแล้ว ตาแก่ ตัณหากลับ”

หลี่ซวนขึ้นชื่อเรื่องกลัวเมีย จึงไม่กล้าเถียงกับภรรยา”เธอ เงียบๆหน่อยได้ไหม?ถ้าใครมาได้ยินเข้าเขาจะพากันเข้าใจผิด กันไปใหญ่ อย่าลืมนะเธอเองก็เคยเป็นมาก่อน ตอนนั้นเธอสู้กุ้ย หลานยังไม่ได้เลย”
แม่ของซูหลินคิดแล้วก็หัวเราะออกมา มันก็จริง ครั้งแรกที่เธอ เข้าเรือนหอกับหลชวนเธอเองก็ตกใจกลัวจนหัวใจแทบวาย เลย

คิดว่าอีกสักพักกุ้ยหลานก็คงจะไม่เป็นแบบนี้แล้วก็ได้ แล้วเธอ ก็โยนไม้กวาดทิ้งไป ดึงตัวหลี่ชวนเข้าห้องไป

ทั้งคู่ถอดเสื้อผ้าออกแล้วพากันขึ้นเตียง หลี่ซวนยังคงถอน

หายใจไม่เลิก

กุ้ยหลานนั้นแสนดีขนาดไหน ทำไมถึงไปเสียตัวให้กับไอ้คน บัดซบอย่างเหอจินกุ้ยด้วย? นี่มันดอกไม้งามบนขี้ควายชัดๆ

ถ้ากุ้ยหลานยอมให้เขาหลี่ซวนไปเปิดบริสุทธิ์ละก็ มันก็จะ กลายเป็น………..มาจากขี้ควายกองหนึ่งแล้วไปปักบนขี้ควาย อีกกองหนึ่ง

น่าเสียดาย น่าเสียดาย

แม่ของซูหลินกอดเอวของเขาไว้ เอ่ย”จะถอนหายใจอะไรหนัก หนา รีบๆเข้า ยุ่งมาทั้งวันเหนื่อยจะตายอยู่แล้ว”

หลี่ชวนกอดเอวใหญ่ๆของภรรยาเอาไว้ แต่เขากลับ จินตนาการถึงเอวบางๆของกุ้ยหลาน จินตนาการถึงภรรยาที่อยู่ ตรงหน้าว่าเป็นกุ้ยหลานแล้วเขาก็เริ่มทำงาน ทั้งคู่กำลังทำเรื่อง ไม่เข้าท่ากันอยู่

พูดได้ว่าหลี่หลินเป็นคนซื่อตรงคนหนึ่ง หลังทำแผลเสร็จ ก็อยากกลับไปอยู่กับกุ้ยหลานต่อ

ถ้าเธอไม่อยากให้เราโดนตัว งั้นเราไม่โดนก็ได้ ในเมื่อยังมี เวลาอีกเยอะ ค่อยเป็นค่อยไปก็ได้

เขาพยายามผลักประตูห้องแต่ทำยังไงก็ผลักไม่ออก เพราะว่า กุ้ยหลานได้ล็อคมันจากข้างในแล้ว

หลินรู้สึกท้อใจมาก เขาไม่ได้บอกพ่อแม่ แล้วแอบย่องเข้าไป

ในห้องของน้องชายทั้งสามไปนอนเบียดด้วยกัน

น้องชายทั้งสามพอเห็นเขาเข้ามาก็หลบเข้าไปในผ้าห่มเอามือ ปิดปากแล้วก็แอบขากัน

หลินถลึงตาใส่อะไรกัน?

น้องรองด้าหลินพูดขึ้น”พี่ แต่งงานวันแรกก็ถูกเมียไล่ลงจาก เตียงแล้ว ต่อจากนี้ไปชั่วชีวิตที่ต้องลำบากแน่ๆ พี่ควรจะสอนกฎ ให้เธอรู้บ้างนะ”

ซูหลินถาม”กฎอะไร?”

ด้าหลินตอบ”สอนให้เธอรู้ว่าผู้ชายใหญ่ที่สุดในบ้าน ถ้าผม เป็นพี่นะ ผมจะจับเธอนอนลง ++เธออย่างรุนแรง ตอบแทนที่เธอ กล้าเตะกล่องดวงใจของพี่ สมมติถ้ามันเกิดพังขึ้นมาจริงที่จะทำ ยังไง?”

ซู่หลินตอบ”พอได้แล้ว พี่กลายเป็นแบบนี้แล้วยังจะให้ไปรังแก เธออีก เธอรังแก ไม่ว่า
“ฮ่าฮ่าฮ่า”น้องชายทั้งสามต่างพากันหัวเราะ ซู่หลินเลยสั่งให้ เขาสามคนขยับไปข้างๆ แล้วเขาก็เบียดขึ้นเตียงไป

ครอบครัวหรี่ชวนนั้นยากจนมาก นอกจากลูกแล้วก็ ขาดแคลนไปหมดทุกอย่าง ขาดข้าวขาดแป้งดูผิวเผินอาจจะ เหมือนว่ามี แต่แท้ที่จริงแล้วภายในครัวนั้นกลับว่างเปล่า แล้ว อย่างนี้จะพอเลี้ยงปากท้องของคนมากมายขนาดนี้ได้อย่างไรกัน

หลายปีก่อนตอนที่ยากจนที่สุด พวกเขาสี่พี่น้องเคยมีกางเกง ใส่ร่วมกันแค่ตัวเดียว เพราะกลัวออกไปโป๊นอกบ้าน ดังนั้นใคร ออกจากบ้านคนนั้นจะได้ใส่กางเกง

ตอนนี้ถึงแม้จะพอมีให้อิ่มท้องแล้ว แต่ก็ยังยากจนอยู่ดี เวลา นอนสามพี่น้อง ใช้ผ้าห่มผืนเก่าร่วมกัน เป็นผ้าห่มที่สั้นและขาด แล้ว มีรูอยู่ข้างบน เผยให้เห็นสำลีสีขาวที่อยู่ภายใน แต่ยื่นขาไป ก็ทำให้ผ้าห่มขาดแล้ว มองจากตรงนี้ยังเห็นง่ามขาที่อยู่ทางนั้น เลย สามพี่น้องนอนเบียดกันเป็นกระจุกอากาศที่หนาวเย็นจนทำ พวกเขาตัวสั่น

หลี่หลินไม่มีผ้าห่มใช้ เขาเลยดึงเสื้อคลุมมาห่มบนร่างกาย ข้างล่างมันเจ็บ เจ็บไปถึงหัวใจ

การโจมตีของกุ้ยหลานในครั้งนี้เกือบทำเขาเป็นขันที แค่ นึกถึงมันหลี่หลินก็รู้สึกกลัวแล้ว เขากลัวกุ้ยหลานจนฝังเข้าไป ในจิตใจ

เขารู้สึกว่ามันไม่ยุติธรรมกับเขาเลย คนอื่นแต่งงานต่างก็ อบอวลไปด้วยความสุขมีความสุขร่วมกัน ในคืนวันแต่งก็ร่วมรักกับหญิงสาวจนหยุดไม่อยู่ เสียงร้องครวญครางเหมือนฆ่าหมูฆ่า แกะ แต่เขากลับถูกกุ้ยหลานเตะลงเตียง ทำไมเขาถึงได้ช่วย อย่างนี้

ต่อไปตอนจะร่วมรักกับเธอคงต้องระวังมากกว่านี้ เรื่องแบบนี้ จะใจร้อนไม่ได้ ต้องค่อยเป็นค่อยไป

นอนถึงกลางดึกเขาสังเกตเห็นน้องรองตาหลินลุกออกจาก

ที่นอนไป พบๆ บๆเริ่มใส่เสื้อผ้า

หลินถามค้าหลินฟ้ายังไม่สว่างเลย จะไปไหน?”

ด้าหลินตอบ ผมจะไป

ซูหลินไม่ได้สนใจอะไร เห็นน้องชายเหยียบส้นรองเท้าแล้ว เปิดประตูออกไป

ด้าหลินรู้สึกปวดนิดหน่อย แต่ห้องน้ำไม่ใช่เป้าหมายของเขา

ความจริงพอนอนลงเขาก็นอนไม่หลับเลย ข้างล่างมันอึดอัด

เหลือเกิน

เขาก็เหมือนกับหลี่ชวนพ่อของเขา อยากกินกุ้ยหลานตั้งนาน

แล้ว

วันนี้กุ้ยหลานสวยมาก หน้าทรงไข่ของเธอทั้งขาวทั้งนวล เหมือนไข่ไก่ที่ถูกปอกเปลือกแล้ว ขนตางอนยาวคู่นั้นสวยงาม เหมือนจันทร์เสี้ยว ทำให้นึกถึงค่ำคืนที่จิ้งหรีดร้องหาคู่ แต่เหนือ สิ่งอื่นใดคือดวงตาโตๆคู่นั้น เหมือนวัวที่อยู่ในคอก ช่างน่า หลงใหลเหนือจินตนาการ
ตอนที่ค้าหลินมองเห็นกุ้ยหลานที่ใส่ชุดแดงเข้าบ้านมา เขาถึง กับตาค้าง เป็นเพื่อนบ้านกันมาสิบกว่าปี เขาเพิ่งได้รู้วันนี้ว่ากุ้ย หลานสวยขนาดไหน

ตอนที่ซูหลินจูงมือกุ้ยหลานกราบไหว้ฟ้าดิน เผยให้เห็นข้อมือ นวลขาวของเธอ มันช่างขาวเหลือเกินขาวเหมือนหิมะในฤดู หนาวเลย

ถึงจะบอกว่าเด็กหนุ่มชาวนานั้นไร้เดียงสา แต่มันก็สุกตั้งนาน แล้ว

แกคิดว่าเมื่อก่อนฉันทำไมไม่รู้ว่ากุ้ยหลานสวยขนาดไหน ใน เมื่อตอนนี้พี่ก็ไม่ไหวแล้ว นั้นก็ต้องเป็นหน้าที่ของฉันแล้ว ไม่ อย่างนั้นสักวันเธอต้องเสร็จพ่อแน่

พ่อนั้นเป็นตาแก่ที่ไม่ใช่คนดีอะไร อยู่ในหมู่บ้านจะสาวจะแก่ก็ กินเรียบ ผู้หญิงมากมายเสร็จแกไปหมดแล้ว แต่แม่ก็ยังทำเป็น ไม่รู้เรื่องอีก

ในเมื่อพ่อเป็นแบบอย่างที่ไม่ดี ลูกไม้ก็ต้องหล่นไม่ไกลต้น

เพราะไม่ว่าหลีชวนรู้จะทำอะไร ลูกชายทั้งสามก็มักจะทำตาม

นอกจากคนที่สามหลินที่ขี้อายไปสักหน่อย แต่อีกสามคนนี้พอ เห็นผู้หญิงก็ถึงกับเดินไม่ออกเลยทีเดียว โดยเฉพาะด้าหลิน ที่ไม่ต้องพูดถึงผู้หญิง ต่อให้เจอหมาตัว

เมียยังเหลียวมองตั้งหลายรอบเลย

สามเดือนก่อน ในเย็นวันหนึ่ง หลังจากที่ด้าหลินเลิกงานกลับ มาจากสวน พอเดินมาถึงครึ่งทาง เห็นหมาคู่หนึ่งกำลังทำอะไรกันอยู่ตรงข้างทาง เขาก็รู้สึกโมโหขึ้นมาทันที ในขณะที่พวกมัน กำลังมีความสุขกันอยู่ เขาก็ใช้จอบทุบลงไปที่ตัวของหมาตัวผู้ที่ กำลังอยู่บนหลังของหมาตัวเมีย

หมาตัวผู้ร้องเอ๋งๆแล้วหนีไป ส่วนหมาตัวเมียก็จ้องมองเขา ด้วยความอาฆาตแค้น ต้าหลินก็หัวเราะชอบใจ

ตั้งแต่นั้นมา หมาสองตัวนั้นกับด้าหลินก็กลายเป็นศัตรูคู่ อาฆาตกัน พอเจอเขาก็เห่า มีอยู่ครั้งหนึ่งพวกมันไล่เขาไปไกล กว่าสามถนน กางเกงที่ใส่ก็โดนพวกมันกัดจนฉีก จนก้นแทบจะ รั่วออกมา

ด้าหลินคลำหาประตูแล้วเปิดออกไป เดินตรงไปทางห้องน้ำ แล้วไปรอบหนึ่ง ตอนใส่กางเกงเขาก็เหลียวมองไปทางห้องของพี่สะใภ้ ไฟยัง

สว่างอยู่

ตามธรรมเนียมแล้วการเข้าเรือนหอคืนแรก ไฟในห้องต้อง ห้ามดับ ถ้าดับแสดงว่าชีวิตคู่ของทั้งสองนั้นจะไม่ยั่งยืน

คนในหมู่บ้านค่อนข้างงมงาย ดังนั้นในคืนแรกของงานแต่ง จนกว่าดวงอาทิตย์จะขึ้นมาใหม่ ตะเกียงในห้องห้ามถูกเป่าดับ เป็นอันขาด

หน้าต่างกระดาษปรากฏเป็นเงาของหญิงสาวที่มีเรือนร่างอัน งดงาม ที่แท้อาซ้อยังไม่นอน ด้าหลินก็ใจเต้นขึ้นมา

หลังจากผูกสายคาดเอวเสร็จ เขาก็แอบย่องมาที่หน้าห้องของพี่สะใภ้ ค่อยๆดันประตูออก ประตูไม่ได้ลงกลอน มันถูกเปิดออก อย่างง่ายดาย

กุ้ยหลานนั่งอยู่ตรงขอบเตียง กำลังนั่งสัปหงกอยู่ ศีรษะของ

เธอก้มเงยก้มเงยเหมือนไก่ที่กำลังจ๊กข้าวกิน

ยุ่งมาทั้งวัน อาซื้อก็คงจะเหนื่อยมากแล้ว ตอนหัวค่ำที่เตะหลินตกเตียง เธอเองก็รู้สึกผิดเหมือนกัน คิด

ว่าตัวเองทําเกินไปหน่อย

ไม่ว่ายังไง เธอกับหลินก็เป็นสามีภรรยากัน ไหว้ฟ้าดินแล้ว จะยินยอมหรือไม่ก็ตาม เธอกับเขาก็ยังต้องใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันต่อ ไป นี่แหละคือชีวิต

เธอจึงยกกลอนประตูขึ้น เผื่อว่าตอนที่หลินมาเปิดประตูเขา จะได้เข้ามาได้

แต่เธอก็วายผูกสายคาดเอวจนเป็นปม ใต้หมอนยังมีกรรไกร

ที่คมกริบซ่อนอยู่ ถ้ามีผู้ชายเข้ามา เธอก็พร้อมที่จะตัดมันให้ขาด

หลีด้าหลินเปิดประตูเข้ามาในห้อง กุ้ยหลานหลับตาไว้ ทิ้งตัว นอนราบอยู่บนที่นอน บนใบหน้ายังมีหยาดน้ำตาที่ยังเช็ดไม่ หมด เรือนร่างที่เรียวยาวมองเห็นส่วนเว้าส่วนโค้งอย่างชัดเจน

มันทำให้หลาหลินทนไม่ไหวหวนนึกถึงบทกลอนบทหนึ่งที่ เรียนตอนปอสี่ มองแนวนอนเห็นสันเขามองแนวตั้งเป็นยอดเขา ใกล้ไกลความสูงมันต่างกัน………


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ