ตอนที่16 หญิงหม้าย 16
หญิงสาวเดินวนซ้ายวนขวาอย่างครุ่นคิดจนกระทั่งนึกได้ บางสิ่ง จึงหันไปเอ่ยกับชายหนุ่มที่นั่งจ้องนางอย่างรอคอย
“หม่อมฉันอยากรู้รายละเอียดเกี่ยวกับอาหารที่อยู่ที่นี่ เพคะ แม้กระทั่งส่วนผสมทุกอย่างที่ใช้ปรุง จะเป็นไปได้มั้ย เพคะ”
“ได้” ชายหนุ่มรับคำก่อนหันไปสั่งความกับองครักษ์ที่ อยู่หน้าประตู
“ตอนนี้เรากลับกันก่อนเถิด ส่วนเรื่องรายละเอียดของ อาหาร ค่อยให้คนนำไปให้ที่จวน
“เพคะ แต่เหล่าคนที่มานั่งคอย อยากจะถวายพระพร พระองค์ล่ะเพคะ” หญิงสาวเอ่ยทัดทานขึ้น ด้วยยามที่เข้า มาก็ใช่ว่าจะไม่เห็นเหล่าสาวงามที่พากันมาจับจองที่นั่งใน เหลาอาหาร ยามที่รู้ข่าวว่าจะมีเชื้อพระวงศ์เสด็จ
“ช่างเถิด เราหาได้ใส่ใจผู้ใดไม่ เพียงแต่ต้องลำบากเจ้า ซักหน่อยแล้วว่าพลางรับเอาผ้าคลุมผืนใหญ่จากองครักษ์มาคลี่คุมให้หญิงสาว จากนั้นทั้งสองก็พากันออก จากเหลาอาหารอย่างรวดเร็ว จนเหล่าคนที่มานั่งรอถวาย พระพรอ๋องหนุ่มหาได้ทันสังเกตเห็นไม่
จวนอ๋องสาม
“ทูลท่านอ๋อง มีคนงานช่วยในครัวที่หายไปสองคน ก่อนที่กระหม่อมจะไปถึง คาดว่าจะมีผู้คอยจับตาดูความ เคลื่อนไหวของเราตลอดเวลา ดังที่พระองค์ทรงคาดไว้นะ ย่ะค่ะ กระหม่อมได้ใช้กําลังคนออกค้นหาแต่กลับไร้ร่อง รอยเช่นเคย น่าเจ็บใจยิ่งนัก หากแต่ตอนนี้ได้สั่งให้คนของ เราปะปนกับชาวบ้านคอยจับตาดูทุกความเคลื่อนไหวรอบ นอก ตามที่พระองค์รับสั่งแล้ว ส่วนที่เป็นรายการอาหาร และส่วนผสมต่างๆที่แม่นางหม่าต้องการพะย่ะค่ะ
เกาฉางเย่เอ่ยรายงาน ก่อนที่จะยื่นปีกกระดาษให้อ๋อง หนุ่ม เขารับไปคลี่ดูก่อนที่จะยื่นให้นาง หญิงสาวรับใบ รายการอาหารมาแยกดูทีละอย่างๆ ผ่านไปราวครึ่งชั่ว ยาม ใบหน้างามจึงเงยขึ้นพร้อมกับเอ่ยถ้อยคำด้วยน้ำเสียง มั่นใจอย่างยิ่ง
“หม่อมฉันพอจะรู้แล้วเพคะว่าพิษมาจากที่ใดและคาดว่า คนร้ายคงตั้งใจจะวางยาแต่หม่อมฉันเท่านั้นเพคะ หาได้ประสงค์ร้ายต่อพระองค์ไม่
“พิษมาจากที่ใดหรือขอรับแม่นางหม่า” เป็นองครักษ์เกา ที่เอ่ยขึ้นอย่างร้อนใจ
“จากพืชธรรมดานี่ล่ะเจ้าค่ะ เพียงแต่มีพืชบางชนิดที่ หากกินคู่กันหรือปรุงผสมกัน อาจจะมีอันตรายถึงชีวิตได้ โดยคาดไม่ถึงเชียวล่ะ เพราะฤทธิ์ที่ต้านกันอย่างรุนแรง อย่างเช่นรายการอาหารของวันนี้มีไฉท์(หัวไชเท้า)ซึ่งมี ฤทธิ์ทำให้เกิดลมในช่องท้องถึงแม้จะกินไปไม่มากแต่ก็ สามารถทำให้เลือดลมในร่างกายผันผวนยิ่งนัก และใน รายการอาหารวันนี้แทบจะทุกจานมีส่วนผสมของปาฉิน(ใบ แปะก๊วย)ที่มีฤทธิ์กระตุ้นหัวใจ ผักสองชนิดนี้หากกินคู่กันก็ จะทำให้เกิดอาการเลือดลมวิ่งพล่านจนไปกระตุ้นให้หัวใจ บีบตัวรุนแรงอาจถึงกับขาดใจในฉับพลันได้
“และอีกอย่างที่สำคัญมากกว่านั้นก็คือ ชาดอกไม้ที่หม่อม ฉันจิบจากที่เจ้าของตึกแถวนำมาต้อนรับเพคะ ดอกไม้ที่นำ มาต้มดื่มนั้นมีสรรพคุณกระตุ้นเลือดลมให้ไหลเวียนคล่อง ดังนั้นเมื่อมาผสมกับผักทั้งสองชนิดที่กินตามเข้าไป ก็ เปรียบดังยาพิษชนิดร้ายแรงที่ทำหัวใจเต้นแรงจนร่างกาย รับไม่ทันจนเกิดอาการหัวใจหยุดเต้นฉับพลัน คาดว่า คนร้ายคงจะรู้ถึงคุณและประโยชน์ของพืชผักสมุนไพรเป็นอย่างดี ถึงได้วางยาพิษที่ไม่ เหมือนพิษได้แยบยนขนาดนี้
* หญิงสาวกล่าวนําเสียงมั่นใจ
“ทําไมเจ้าถึงแน่ใจว่าคนร้ายมุ่งร้ายมาที่เจ้าโดยเฉพาะ เล่า” ชายหนุ่มถามขึ้นอย่างสงสัย
“เพราะว่าหม่อมฉันเป็นผู้เดียวที่ดื่มชาดอกไม้ ส่วน พระองค์กลับได้ดื่มนาโสมแทน คาดว่าอาจจะมีคนจับตาดู หม่อมฉันตั้งแต่ตอนออกจากจวนแล้ว และคงจะตามดูสิ่ง ที่หม่อมฉันทํา จึงได้วางแผนได้อย่างแยบยนยิ่งนักเพคะ หากหม่อมฉันกินทุกอย่างเข้าไปและเป็นอันตรายถึงชีวิต ก็ยากนักที่จะหาสาเหตุได้ เพราะหาได้มีพิษใดๆในอาหาร เลย แต่เป็นเพราะพืชผักเหล่านั้นที่เป็นปรปักษ์ต่อกันต่าง หากที่ทำให้เกิดพิษแทน และที่สำคัญคือผักและสมุนไพร ทั้งหมดที่กล่าวมา จะมีประสิทธิภาพกับคนที่มีธาตุหยินใน ร่างกาย ซึ่งก็หมายถึงเพศหญิงเท่านั้นเพคะ”
“แยบยนยิ่งนัก เหมือนกับสิ่งที่กระตุ้นพิษในร่างกายของ เรามิมีผิด หากเจ้าไม่บอกถึงประโยชน์และโทษของมัน เราก็คงจะยังคิดไม่ถึงว่าแค่หญ้าที่ขึ้นอยู่ริมทาง จะมีฤทธิ์ ทำร้ายเราได้”
“แสดงว่ามีคนมุ่งร้ายต่อแม่นางหม่าอย่างที่ท่านอ๋องทรง คิดไว้ และในเมื่อแม่นางหม่ายังอยู่รอดปลอดภัย คาด ว่าพวกมันคงไม่รามือแน่ๆ กระหม่อมจะคอยระวังความ ปลอดภัยให้รัดกุมยิ่งขึ้นพะย่ะค่ะ
เกาฉางเย่เอ่ยด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ทำให้หญิงสาวหัน ไปมองหน้าเขา นางเผยรอยยิ้มก่อนที่จะเอ่ย
“ขอบคุณท่านองครักษ์เจ้าค่ะ แต่ถ้าเราต้องตกเป็นเป้านิ่ง เยี่ยงนี้ คงยากที่จะรอด ทำไมเราถึงไม่ชิงค้นหาตัวคนร้าย ก่อนที่พวกมันจะลงมือล่ะเจ้าคะ”
ทั้งสองหันมามองหญิงสาวอย่างสงสัย
“ก็ถ้าเราสงสัยใคร ใยเราไม่เดินเข้าไปค้นหาความจริงล่ะ เพคะ จะมัวแต่รอให้เขาเป็นฝ่ายรุกมา กว่าจะคิดแผนตั้งรับ ได้ก็อาจจะเสียหายเกินแก้นะเพคะ” ชายหนุ่มนิ่งไปอย่าง ครุ่นคิดก่อนจะพยักหน้าอย่างเข้าใจในสิ่งที่นางเอ่ย
“หมายความว่าให้เราเป็นฝ่ายเดินไปหาพวกมันอย่างนั้น หรือ ไม่ได้ ข้าไม่วางใจ เพราะหากทําอย่างนั้นเจ้าก็ต้อง เสี่ยง มันไม่ใช่เรื่องเล่นๆอันตรายอาจถึงชีวิต เจ้าก็รู้ เราจะค่อยๆสืบดีกว่าที่จะใช้ชีวิตของเจ้าหรือผู้ใดเป็นเดิม พัน
“แต่ถ้าไม่ทำเช่นนี้ เราก็จะต้องตกเป็นเป้านิ่งตลอดไปนะ เพคะ และหม่อมฉันก็มีองครักษ์เกาที่จะคอยดูแลความ ปลอดภัยอยู่ตลอด เราจะคอยจับตามองคนที่น่าสงสัยเพื่อ หาตัวการในเรื่องนี้ให้ได้
“แต่ก่อนอื่นหม่อมฉันมีเรื่องอยากจะทูลต่อพระองค์เพคะ รบกวนท่านองครักษ์ช่วยไปเฝ้าที่หน้าประตูให้ได้หรือไม่ เจ้าคะ”
เมื่ออ๋องสามพยักหน้าให้ องครักษ์หนุ่มจึงประสานมือโค้ง ตัวก่อนจะก้าวออกไป
จวนอดีตราชครู
!เพล้ง! เสียงสิ่งของตกแตกดังแว่วออกมาจากห้อง หนังสือ แต่เหล่าบ่าวไพร่ก็หาได้กล้าแม้แต่จะชำเลืองดู ด้วยมีคำสั่งห้ามใครรบกวนจากนายท่านจึงไม่มีใครกล้า เสี่ยงย่างเท้าเข้าไปถามไถ่ ภายในห้องที่บรรยากาศคุกรุ่น ไปด้วยโทสะของอดีตราชครูเฒ่า ที่ตอนนี้นั่งกายสั่นเทิ้ม ด้วยความโมโห มองไปบนพื้นเห็นชุดถ้วยชาสีเขียวมรกตเนื้อดีนอนแตกกระจัดกระจายอยู่ แต่ก็หาได้ทำให้ พื้นอารมณ์ของชายชราดีขึ้นแม้แต่น้อย ข้างกายมีเศษกระ ดาบแผ่นเล็กที่ถูกขยำวางอยู่ใกล้ๆ หากคลี่ออกดูก็คงจะ เห็นข้อความที่เป็นต้นเหตุของอารมณ์ร้ายของเขา
!ปลาใกล้คายเหยื่อ กำลังหาวิธีแก้ไข!
“ไหนว่ามันไกล้ตายแล้วอย่างไร ทำไมกลายเป็นมันกำลัง จะหาย เป็นไปได้อย่างไรกัน ทำไมๆๆ”
เสียงชายชราที่กู่ร้องออกมา พร้อมทั้งเสียงข้าวของหล่น เสียงดัง ทำให้บ่าวไพร่บางคนรวบรวมความกล้าเยี่ยมหน้า เข้าไปถามไถ่ด้วยความเป็นห่วง
“นายท่าน เป็นอะไรรึปล่าวขอรับ
“ไสหัวออกไป ออกไปให้หมด ออกไปๆๆ
เสียงตะโกนไล่ดังมาพร้อมกับแจกันลูกเล็กที่กระทบ ผนัง ทำให้ทุกคนรีบถอยหนีจากห้องหนังสือที่มีเสียง โครมครามราวกับฟ้าผ่าลงมากลางวันแสกๆพร้อมทั้งความ ข้องใจที่ปะทุในความคิดทุกคน มีเหตุร้ายชนิดใดกันที่ ทำให้นายท่านที่แสนสุขุมระเบิดอารมณ์ออกมาขนาดนี้
อากาศกลางคืนช่างหนาวเย็นสบายยิ่งนัก อ๋องหนุ่ม กระชับเสื้อคลุมก่อนจะถอนหายใจออกมาเบาๆ นานแค่ ไหนแล้วที่เขาไม่ได้ออกมาดื่มกับบรรยากาศในยาม ค่ำคืนเช่นนี้ นับแต่ต้องพิษครานั้น เขาก็ต้องทนอุดอู้อยู่ แต่ในห้อง ไม่กล้าออกมาสู้กับสายตาใคร อีกทั้งความเจ็บ ปวดก็สาหัส ทำให้เขาแทบจะไร้เรี่ยวแรงที่จะดูชมสิ่งใด นอกจากเก็บตัวให้ออกห่างจากทุกผู้คน
แต่วันนี้เขากลับได้เดินชมจันทร์อย่างสบายอารมณ์ ถึงแม้ จะยังไม่หายดีแต่ก็แทบจะไม่มีอาการใดๆดังเช่นเมื่อก่อน ถึงแม้จะได้ฟังคำของหญิงสาวเมื่อตอนกลางวัน ที่ทำให้ เขาอดไม่ได้ที่จะต้องถอนลมหายใจอีกครั้ง
หลังจากองครักษ์เกาออกไปเฝ้าที่หน้าประตู หญิงสาวก็ เอ่ยกับเขาเสียงแผ่วเบา
“หม่อมฉันต้องการกราบทูลตามตรงว่าหากได้สมุนไพร มาปรุงยาให้พระองค์แล้ว หม่อมฉันไม่แน่ใจว่าจะแก้พิษ ออกจากพระวรกายได้หมดเพคะ เพราะคิดว่ายังขาดตัว ยาสำคัญที่หม่อมฉันก็ไม่รู้ว่ามันคือสิ่งใดแต่ไม่ว่าอย่างไร หม่อมฉันจะหายาต้านที่ดีที่สุดให้พระองค์ แต่หลังจากนั้น หม่อมฉันต้องการให้พระองค์บอกกับทุกคนว่าทรงแก้พิษได้แล้ว ถ้าทำอย่างนี้ตัวการที่ วางแผนร้าย จะต้องไม่อยู่เฉยแน่นอน ตอนนั้นแหละที่เรา จะจับตาทุกคนที่เข้าใกล้พระองค์ ดังนั้นหม่อมฉันมั่นใจว่า จะต้องได้ตัวคนร้ายแน่นอนเพคะ”
ชายหนุ่มนิ่งไปอย่างคิดตรึกตรอง ก่อนจะถอนหายใจ
“เอาเถิด ถ้าเจ้ามั่นใจเยี่ยงนั้น เราก็จะลองดู อีกอย่างถึง แม้จะไม่หายขาด แต่ถ้าไม่ต้องทรมานดั่งก่อนหน้านี้ ก็ ถือว่าดีมากแล้ว ส่วนเรื่องคนร้ายเราจะกําชับองครักษ์เกา อีกที”
“ยังมีอีกอย่างเพคะ คือ หลังจากแก้พิษแล้ว หม่อมฉัน อยากจะขออยู่ติดตามพระองค์ตลอดเวลาเลยเพคะ เพราะ ยามที่คนร้ายคิดจะใช้ยาพิษกับพระองค์อีก หม่อมฉันก็จะ ได้ช่วยเหลืออย่างทันท่วงทีเพคะ”
นางเอ่ยเสียงเบาหวิวอย่างเขินอาย เพียงแต่จะทำยังไง ได้เล่า ก็ในเมื่อนางเป็นห่วงเขาขนาดนี้ อย่างน้อยนางก็ สามารถสัมผัสรู้ถึงพิษได้ง่ายกว่าคนอื่นอยู่แล้ว หญิงสาว ก้มหน้าคิดพลางนิ่งรอฟังคำตอบ ก่อนจะรู้สึกถึงนิ้วแกร่ง ที่ช้อนปลายคางมนให้เงยหน้าขึ้นสบตาคมที่เจือแววล้อ เลียนจากชายหนุ่ม
“เจ้าเป็นห่วงเรามากหรือ” เสียงทุ้มเอ่ยถาม
“มาก เพคะ” ยินเสียงแผ่วเบาราวกระซิบจากริมฝีปากบาง เขายกยิ้มกว้างก่อนจะลดใบหน้าคมก้มลงชิมรสหวานจาก ริมฝีปากบาง หญิงสาวประหม่าจนกลั้นลมหายใจนานจน รู้สึกราวกับจะหายใจไม่ออก กำปั้นน้อยๆจึงทุบลงบนไหล่ กว้างเบาๆ ใบหน้าคมจึงผละออกก่อนจะเลื่อนไปกระซิบ แผ่วเบาที่ข้างหู
“เราก็ห่วงเจ้ามากเช่นกัน
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ